Thursday, 15 May 2025
EducationNewsAgencyforAll

คุณกิต กิตติพงษ์ ลุยวิกกัย | THE STUDY TIMES STORY EP.17

บทสัมภาษณ์ คุณกิต กิตติพงษ์ ลุยวิกกัย เรียนภาษาจีน Qingdao University, สาธารณรัฐประชาชนจีน

ปริญญาโท Computer Science & Software Engineering, Monash University, ออสเตรเลีย

จากนักการเงินสู่เจ้าของธุรกิจศูนย์แนะแนวศึกษาต่อจีน ไต้หวัน เกาหลี OREN

ปัจจุบันคุณกิตทำงานอยู่ในศูนย์แนะแนวศึกษาต่อจีน ไต้หวัน เกาหลี OREN ซึ่งคุณกิตไม่ได้จบทางด้านการศึกษามาโดยตรง ก่อนหน้านี้ทำงานในเรื่องของการเงิน การธนาคาร และคอมพิวเตอร์

จุดเริ่มต้นทำงานด้านการศึกษา ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อจีน ไต้หวัน เกาหลี OREN

หลังจากจบมา คุณกิตได้ทำงานด้านการเงินการธนาคารอยู่สักพัก จากนั้นได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้าน Computer Science & Software Engineering ที่ออสเตรเลีย เพราะส่วนตัวมีความชอบเรื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ยังเด็ก หลังจบปริญญาโท อยากเพิ่มสกิลภาษาขึ้นมา ซึ่งภาษาที่เลือกคือ ภาษาจีน จึงได้เลือกไปศึกษาต่อด้านภาษาที่ประเทศจีน ได้เจอกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง พบว่าระบบการรับนักศึกษาต่างชาติที่จีนยังไม่เฟื่องฟู การติดต่อค่อนข้างยาก ไม่มีบริษัทหรือศูนย์แนะแนวอย่างในปัจจุบัน จึงร่วมกับเพื่อนเปิดศูนย์แนะแนวเรียนต่อจีน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเด็กที่ไป

นักเรียนไทยคนแรกของเมืองชิงเต่า Qingdao University

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คุณกิตได้ข้อมูลเมืองชิงเต่ามาและมีศูนย์แนะนำอยากให้เด็กไทยไปเรียน ตอนแรกคิดว่าเป็นเมืองที่อยู่บนเกาะ เมืองนี้มีความน่าสนใจคือคนไทยอาจไม่เยอะมากเท่าเมืองอื่น เป็นเมืองท่าที่สำคัญ มีบริษัทยักษ์ใหญ่มาตั้ง พอไปถึงวันแรก ต่อเครื่องบินที่ปักกิ่งเข้าชิงเต่า พบว่าทั้งลำไม่มีคนต่างชาติเลย เป็นคนจีนทั้งหมด พอเครื่องลงจอดทุกคนสลายตัว เหลือคุณกิตอยู่ที่สนามบินคนเดียว นั่งรออยู่สนามบินหลายชั่วโมงกว่าที่รถมหาลัยจะมารับ

วันแรกที่นั่งเรียน คุณกิตเป็นคนไทยคนเดียวในมหาวิทยาลัย พอเอาตัวรอดได้เพราะได้ภาษาจีนนิดหน่อย นักเรียนในโรงเรียนเกิน 50% เป็นคนเกาหลี เนื่องจากชิงเต่าใกล้กับเกาหลี มีชาวญี่ปุ่น เยอรมัน ซึ่งชิงเต่าเคยเป็นอาณานิคมของเยอรมันมาก่อน คนเยอรมันเลยมาเรียนกัน

Culture Shock ที่พบคือ คำศัพท์ของจีนแทนคำศัพท์ต่างประเทศแทบทุกอย่าง ทุกคำศัพท์จากต่างประเทศถูกแปลงเป็นภาษาจีนทั้งหมด รวมทั้งชื่อคนไทยที่ไม่มีภาษาจีนก็จะถูกแปลงด้วย สิ่งที่งงที่สุดสำหรับคนต่างชาติ ณ ตอนนั้น คือการเปิดบัญชีธนาคาร เพราะคนจีนที่เมืองชิงเต่าไม่ค่อยได้เจอกับคนต่างชาติ คุณกิตเองใช้เวลาถึง 3 วันในการเปิดบัญชี

ประสบการณ์ที่ได้จากการไปเรียนภาษาจีนที่ชิงเต่า

ถ้าพูดถึงชิงเต่าแล้ว ในสมัยก่อนคนจะคิดว่าเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่ตอนที่ปักกิ่งจัดโอลิมปิกครั้งแรก ได้เลือกเมืองชิงเต่าในการจัดโอลิมปิกทางน้ำ ชิงเต่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญของจีน ในการขนถ่ายสินค้าจากฝั่งทางเหนือ รวมทั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ มีกองเรือดำน้ำที่สำคัญ บริษัทสำคัญมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิงเต่า รวมทั้งเป็นเมืองทางเศรษฐกิจที่สำคัญของมณฑล

การใช้ชีวิตที่ชิงเต่า ในเทอมแรกด้วยความเป็นนักเรียนไทยคนเดียว คุณกิตรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวแทนของประเทศไทย หากเรามีพฤติกรรมอย่างไร คนจะตัดสินว่าคนไทยเป็นคนแบบนั้น คุณกิตจึงเป็นตัวแทนในการทำกิจกรรมทุกอย่าง เพราะทำให้ได้เรียนรู้ ได้แสดงออก ที่สำคัญคือมีโอกาสในการใช้ภาษาเยอะมาก ทำให้ภาษาจีนพัฒนาโดยอัตโนมัติ

ประสบการณ์เรียนต่อออสเตรเลีย ปริญญาโท ด้าน Computer Science & Software Engineering, Monash University Australia
คุณกิตไปเรียนต่อปริญญาโท ด้าน Computer Science & Software Engineering, Monash University ที่ออสเตรเลีย  ได้อยู่กับ Host Family ที่เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ซึ่งคุณกิตเดินทางไปก่อนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อไปเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม ปรับพื้นฐาน เลือกไปอยู่กับแฟมิลี่เพราะอยากรู้วัฒนธรรมของคนออสเตรเลีย แฟมิลี่พยายามให้พูด ทำการบ้าน เขียนไดอารี่ทุกวัน เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ อีกทั้งลูกของแฟมิลี่กำลังเรียนคอมพิวเตอร์พอดี คุณกิตเลยมีโอกาสช่วยสอน 
 
คุณกิตไปทำงานในร้านอาหารไทย และด้วยความที่คุณกิตเรียนมาทางด้านคอมพิวเตอร์ จึงมีโอกาสไปทำงานออฟฟิศ ช่วยแผนกคอมพิวเตอร์ในบริษัทเล็ก ๆ 

คุณกิตแนะนำสำหรับคนที่อยากไปเรียนต่อทางฝั่งตะวันตก หรือฝั่งจีน ไว้ว่า ฝั่งตะวันตกมีความเป็นระบบในการรับนักศึกษาต่างชาติมากกว่า ทั้งระบบโฮส การจัดการจองห้องพัก การเปิดบัญชี การติดต่อกับมหาวิทยาลัยค่อนข้างสะดวก สิ่งที่อยากแนะนำคือ น้องที่อยากไปทำงานพาร์ทไทม์ ถ้ามีความรู้เฉพาะในส่วนของงานที่จะไปทำ หรือมีประสบการณ์มาก่อน จะทำให้ได้เปรียบกว่าคนอื่น ได้งานที่ดีกว่าคนอื่น เช่น การทำขนม บาริสต้า จะสามารถหางานได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์เลย และพยายามคลุกคลีกับชาวต่างชาติ เพราะจะได้เรียนรู้ ได้ฝึกภาษา ได้ประสบการณ์ที่มากกว่า

ขณะที่ทางฝั่งจีน การติดต่ออาจจะมีการใช้ภาษาท้องถิ่น ทำให้มีความติดขัดอยู่บ้าง อย่างการเปิดบัญชีธนาคาร การเข้าใจข้อกำหนด กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น จีนห้ามเล่นโซเชียลมีเดียของต่างชาติ 

สำหรับใครที่สนใจไปเรียนต่อในประเทศจีน ไต้หวัน เกาหลี  สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อจีน ไต้หวัน เกาหลี OREN ไลน์ @OREN

.

.

วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ 9 วิชาสามัญ

THE STUDY TIMES X ClassOnline

????วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ 9 วิชาสามัญ

 #ClassOnline

https://www.classonline.co.th/

.

.

คุณอ๋อง พชรพล ชัฎอนันต์ | THE STUDY TIMES STORY EP.18

บทสัมภาษณ์ คุณอ๋อง พชรพล ชัฎอนันต์ Victoria Secondary School, St Andrew’s Junior College, สิงคโปร์
Computer Engineering, Nanyang Technological University, สิงคโปร์ 
เทคนิคเรียนอย่างไรให้ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ภายใน 3 ปีครึ่ง มหาวิทยาลัยชั้นนำสิงคโปร์

ปัจจุบันคุณอ๋องทำงานอยู่บริษัท Garena บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ ตำแหน่งปัจจุบันคือ Management Associate

ก่อนไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ คุณอ๋องศึกษาระดับชั้นมัธยมต้น ณ โรงเรียนสาธิตปทุมวัน ภาคไทย เป็นเด็กเรียนดีปกติ ทำเกรดได้ 4.00 ไม่ได้เป็นเด็กแข่งขันทางวิชาการ แต่ที่บ้านสนับสนุน ทั้งการเรียนและกิจกรรม อาทิ ดนตรี เล่นเปียโน กีฬา ถ่ายภาพ 

จนกระทั่งครูประจำชั้น น้องสาวและคุณแม่ แนะนำให้ลองสมัครทุนที่ชื่อว่า ASEAN Scholarship เป็นทุนที่รัฐบาลไทยมอบให้กับเด็กนักเรียนในประเทศอาเซียน วิธีการสมัครคือ ให้ส่งใบสมัครเป็นโปรไฟล์ไปพิจารณาก่อน หากผ่านรอบโปรไฟล์จะต้องไปสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ สำหรับทุนนี้ ไม่ได้มองหาเฉพาะเด็กที่เก่งทางด้านวิชาการเท่านั้น แต่ต้องทำได้ดีทั้งการเรียน กิจกรรม จิตอาสา มีความเป็นผู้นำ และมีศักยภาพ

จากนั้นคุณอ๋องได้รับเลือกเข้าไปสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ ตอนนั้นภาษาอังกฤษไม่ได้แข็งแรง เพราะเรียนภาคไทยมาตลอด แต่คิดว่ากรรมการน่าจะเห็นบางอย่างจากการตอบคำถาม มีคำถามข้อหนึ่งถามว่า คิดว่าเด็กนักเรียนที่เรียนภาคไทย หรือภาค EP ใครจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่ากัน? ซึ่งคุณอ๋องตอบในเชิงว่า ขึ้นอยู่กับ individual มากกว่า ว่านักเรียนคนนั้นมีความตั้งใจมากน้อยแค่ไหน กรรมการน่าจะเห็นการมี Critical Thinking จากคำตอบที่ไม่ได้ตัดสิน

ปีแรกที่สิงคโปร์ คุณอ๋องเริ่มเรียนในระดับชั้น ม.3 และ ม.4 ที่เรียนโรงเรียนชายล้วน Victoria Secondary School, St Andrew’s Junior College เป็นช่วงชีวิตการเรียนที่ยากลำบากที่สุด เพราะต้องปรับตัวทั้งภาษา วัฒนธรรม การออกจาก Comfort Zone และ อื่น ๆ 

คุณอ๋องเล่าว่า ปีแรกที่ไป สิ่งที่ยากที่สุดคือ วิชาภาษาอังกฤษและสังคม เพราะวิชาภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์ ไม่โฟกัสกันที่ Vocab หรือ Grammar เหมือนตอนเรียนที่ไทยแล้ว แต่จะสอนเกี่ยวกับ Writing และ Content ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เป็นการ discuss เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ตอนนั้นเรียนหนักมาก ซึ่งช่วงพักกลางวันหรือหลังเลิกเรียน คุณอ๋องต้องไปอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่ห้องสมุด ท่องคำศัพท์ทุกวัน 

คุณอ๋องเคยเครียดมาก เพราะสอบตกในวิชาภาษาอังกฤษและสังคมตั้งแต่ครั้งแรก จากเคยเรียนที่ไทยได้ 4.00 มาตลอด เครียดมากจนร้องไห้ แต่โชคดีที่พ่อแม่ไม่กดดันและคอยช่วยเหลือ หาวิธีแก้ไข เมื่อแรงกดดันน้อยลง ความเครียดก็ลดลง ทำอะไรได้ดีขึ้นเป็นลำดับ

ในเรื่องของกิจกรรม ที่สิงคโปร์นักเรียนทุกคนจะต้องเลือกชมรมของตัวเอง คุณอ๋องมีทั้งชมรมหลักและชมรมรอง ชมรมหลัก คือ เป็นสมาชิกวงขับร้องประสานเสียงของโรงเรียน เคยเข้าร่วมการแข่งขัน Singapore Youth Festival ได้รับ Gold with Distinction สิ่งที่ได้จากการอยู่ชมรมนี้คือ ความรับผิดชอบ ความเป็นผู้นำ และความพยายาม และมีชมรมรองคือ ชมรมคณิตศาสตร์ 

ความแตกต่างของระบบการศึกษาสิงคโปร์และไทย ที่แตกต่างกันชัดเจนคือ สิงคโปร์จะมีแผนการสอนที่ชัดเจนกว่า ข้อสอบเป็นไปตามแผน ไม่ยากเกินไป ไม่ง่ายเกินไป สามารถแยกความแตกต่างของนักเรียนได้อย่างชัดเจน แต่เท่าที่คุณอ๋องเคยเรียนในระบบการศึกษาไทย พบว่า ข้อสอบในการสอบเข้าโรงเรียนแต่ละที่ยากเกินไป จนไม่สามารถประเมินนักเรียนได้ แยกนักเรียนเก่งออกไปจากนักเรียนที่ทำข้อสอบไม่ได้ เป็นเครื่องมือในการตรวจวัดนักเรียนที่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
 
ผ่านไป 2 ปี คุณอ๋องต้องไปสอบ O level ซึ่งเป็น National exam ของสิงคโปร์เพื่อเข้าเรียน Pre University หรือ Junior College ระดับชั้น ม.5-ม.6 ได้เข้าโรงเรียนที่ชื่อว่า St Andrew’s Junior College โดยได้อยู่ห้อง Talent Development Program การเรียนที่นี่จะลดวิชาเรียนลงไปเยอะมาก เช่น วิทยาศาสตร์จะบังคับเรียนเคมี และให้เลือกอีกหนึ่งตัวระหว่างชีววิทยาและฟิสิกส์ 

หลังจากเรียนจบ 4 ปี มีการสอบ A level เป็น National exam เช่นกัน ใช้คะแนนยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สิงคโปร์  โดยคุณอ๋องได้รับ Offer พร้อมทุน จาก Nanyang Technological University คณะ Computer Engineering

เทคนิคเรียนจบภายใน 3.5 ปี เกียรตินิยมอันดับ 1 
สิ่งที่ทำให้คุณอ๋องเรียนจบภายใน 3.5 ปี เพราะที่สิงคโปร์นักเรียนทุกคนจะมีโอกาสได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศครึ่งปี แต่คุณอ๋องเลือกที่จะไม่ไป ทำให้เรียนจบได้ไว อีกสิ่งหนึ่งคือการรู้จักตัวเอง รู้ความสามารถของตัวเอง 

คุณอ๋องเชื่อว่า เวลาในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีไว้เรียนอย่างเดียว มหาวิทยาลัยเป็นสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ที่จะทดลองสิ่งต่าง ๆ และทำข้อผิดพลาด เวลาส่วนใหญ่สามารถไปทดลองทำนู่นทำนี่ได้เยอะพอสมควร ซึ่งในช่วงปี 3 คุณอ๋องก็ได้มีโอกาสทำ Internship เป็น Full time developer ที่บริษัท Autodesk กว่า 6 เดือน

ปัจจุบันคุณอ๋องทำงานอยู่บริษัท Garena โดย base ที่สิงคโปร์ ทำอยู่สิงคโปร์ 3 เดือน ก่อนจะถูกส่งตัวมาช่วยงานที่สาขาในประเทศไทย คุณอ๋องเผยว่า สิ่งที่ Garena มองหาคือ ความฉลาด ความพยายาม และความสนใจในเกม

เป้าหมายในอนาคต
คุณอ๋องมีความสนใจในด้านการศึกษา นอกเหนือจากการทำงาน Full-time แล้ว เวลาว่างเสาร์อาทิตย์ยังรับสอนพิเศษให้น้อง ๆ ที่จะเตรียมไปสอบทุนอาเซียน ในอนาคตอยากจะเปิดเป็นเซนเตอร์ที่จะซัพพอร์ตน้อง ๆ ที่ต้องการหาทุน หรือหาโอกาสเพื่อไปต่อยอด ดึงศักยภาพของน้อง ๆ ออกมา

.

.

.

คุณบุ๋น พิมพ์บุญ สถิตมั่นในธรรม | THE STUDY TIMES STORY EP.19

บทสัมภาษณ์ คุณบุ๋น พิมพ์บุญ สถิตมั่นในธรรม นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ Peking University, สาธารณรัฐประชาชนจีน 
เตรียมตัวอย่างไร? พิชิตทุนรัฐบาลจีนเต็มจำนวน

คุณบุ๋นถือเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีมาตลอด ทุกคนเชียร์ให้เข้าสายวิทย์ ตอนนั้นตนก็คิดว่าสายวิทย์จะทำให้มีทางเลือกในอนาคตมากกว่า แต่ช่วงม.ต้น โรงเรียนมีกิจกรรมให้ค้นหาตัวเอง บวกกับได้เริ่มเรียนพิเศษวิชาต่าง ๆ และพบว่าตัวเองไม่ได้อินเท่าที่ควร เมื่อเรียนชั้นม.3 สังเกตตัวเองว่าเรียนได้กับเรียนอย่างมีความสุขไม่เหมือนกัน ค้นพบว่าตัวเองมีความสนใจด้านภาษา จึงขอคุณพ่อไปเรียนพิเศษที่เน้นวิชาที่สนใจจริง ๆ และหาข้อมูล จนตัดสินใจสอบเข้าสายศิลป์ภาษาที่เตรียมอุดมฯ
 
เหตุผลที่เลือกเรียนศิลป์ภาษาจีนของคุณบุ๋นนั้นมาจากเทรนด์ของสังคม ที่ในปัจจุบันพบว่าจีนเข้ามามีบทบาทมาก และด้วยความที่ตนเคยเรียนมาในช่วงวัยเด็ก อาจจะมีความรู้หลงเหลืออยู่ จนสุดท้ายคุณบุ๋นสามารถสอบเข้าศิลป์ภาษาจีน เตรียมอุดมศึกษา ได้ลำดับที่ 1 ซึ่งพอรู้ผลก็ช็อคมาก 

จนถึงวันนี้คุณบุ๋นก็ยังมั่นใจว่าถ้าตัวเองเลือกเรียนสายวิทย์ก็เรียนรอด แต่เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบดีกว่า และไม่เห็นด้วยว่าคนที่เรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์ คนไหนจะเก่งกว่ากัน คุณบุ๋นมองว่า อยู่ที่ความถนัดส่วนบุคคล และเรื่องที่เขาเลือกจะทำมากกว่า 

เด็กที่อยู่ในระบบการศึกษาทุกคน มีความรู้สึกเหมือนกัน คือ  ไม่ใช่ทุกวิชาที่เราจะชอบ จะอยากเรียน แต่ด้วยระบบการศึกษา ทำให้จำเป็นต้องเรียนทุกวิชาที่อยู่ในหลักสูตร เพราะฉะนั้นจึงมีทั้งวิชาที่ตอบโจทย์ และวิชาที่ไม่อยากเรียน 

นอกจากเรียนเก่งแล้ว เรื่องกิจกรรมก็ไม่น้อยหน้า เพราะช่วงที่เรียนอยู่เตรียมอุดมฯ คุณบุ๋นได้ทำกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ เข้ากิฟต์ไทย ทำคณะกรรมการตึก ไปแข่งขันเล่านิทานภาษาจีน สุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ คุณบุ๋นเล่าว่า แต่ก่อนคุณบุ๋นไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ชอบทำงานเบื้องหน้า ชอบงานเบื้องหลังมากกว่า โดยกิจกรรมที่ชอบที่สุดคือการเป็นกรรมการตึก มีหน้าที่ดูแลกิจกรรมต่าง ๆ ของตึก เช่น งานกีฬาสี งานวันสำคัญต่าง ๆ ทำให้ได้ฝึกทักษะประสานงาน ได้เจอเพื่อนที่หลากหลาย

แรงบันดาลใจเลือกเรียนต่อนิติศาสตร์ 
แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนต่อนิติศาสตร์ของคุณบุ๋ม มาจากความชื่นชอบดูหนังที่เกี่ยวกับนักกฎหมาย ทนายความ หนังสืบสวนสอบสวน รู้สึกอิน ทำให้เลือกนิติฯ ในทุกสนามที่ไปสอบ

ทุนรัฐบาลจีนเต็มจำนวน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง 
คุณบุ๋นเล่าว่า จุดเริ่มต้นในการสมัครทุนเพราะมีครูมาแนะนำให้รู้จัก สิ่งที่ใช้สอบด่านแรก คือ การสอบข้อเขียน โดยมีศูนย์สอบที่ภาคต่าง ๆ จะทำการคัดเลือกเด็กที่สอบผ่านข้อเขียนจากทั่วประเทศ 40 คน ไปสอบสัมภาษณ์ต่อ 

ตอนแรกที่เดินทางไป คุณบุ๋นไม่ได้ไปด้วยทุนรัฐบาลจีน แต่ไปด้วยทุนโดยตรงของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยมหาวิทยาลัยมาตามหาเด็กแลกเปลี่ยนที่มีศักยภาพพอที่จะไปเรียนได้ เป็นที่รู้กันดีว่ามหาวิทยาลัยในจีนมีการแข่งขันที่สูงมาก 

สำหรับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักเรียนต่างชาติสามารถเข้ามาได้หลายวิธี หนึ่งคือ นักเรียนต่างชาติที่เรียนจบม.ปลายที่จีน โดยกลุ่มนี้จะได้รับข้อสอบอีกชุดที่ต่างจากคนจีน ใช้อัตราแข่งขันแยกกัน อีกกลุ่มคือแบบคุณบุ๋น เป็นเด็กที่ถูกคัดมาจากประเทศต่าง ๆ ต้องไปเรียน Pre-University ก่อนหนึ่งปี ซึ่งถ้าสามารถเรียนผ่าน สอบผ่าน ถึงจะได้ขึ้นมหาวิทยาลัย แต่หากไม่ผ่านก็ต้องไปตามทางของตัวเอง ซึ่งมีอัตราแข่งขันครึ่งต่อครึ่ง สอบร้อยคน ได้ขึ้นไปเรียนมหาลัยไม่เกิน 50 คน 

คุณบุ๋นเล่าประสบการณ์การเรียน Pre-University ว่าเป็นปีที่ลำบากที่สุด เป็นปีแห่งการปรับตัว ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต การเรียนที่หนักหน่วง การที่จะไปเรียนร่วมกับคนจีนได้ ต้องมีทักษะภาษาและความรู้พื้นฐานที่เพียงพอ โดยทักษะที่สำคัญคือต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ในเวลาจำกัดให้ได้

สิ่งที่คุณบุ๋นพบคือ ถึงแม้จะเรียนจบศิลป์จีนมา และมีความมั่นใจว่าภาษาจีนพัฒนาขึ้นมาก สอบ PAT7 ได้คะแนนดี มั่นใจว่าระดับนี้ไปจีนก็น่าจะสามารถสื่อสารได้แล้ว แต่ความจริงคือ ต่อให้ได้คะแนนสอบ HSK ได้ระดับ 5-6 แต่การไปใช้ชีวิตในจีนสุดท้ายก็ไม่สามารถสื่อสารได้อย่างที่คิด วิธีเดียวที่ทำได้คือต้องขยัน ทริคในการพัฒนาด้านภาษาของคุณบุ๋น คือ ทำทุกอย่างทั้งอ่าน เขียน พูด ฟัง ท่องเที่ยว การอยู่ในประเทศของเจ้าของภาษาช่วยทำให้เรียนรู้ได้ง่าย 

ประสบการณ์เรียนต่อ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน 
คุณบุ๋นเล่าว่า ในเรื่องของตัววิชานิติศาสตร์ทั้งไทยและจีนไม่ได้ต่างกันมาก มีทั้งที่จีนทำได้ดีกว่า หรือไทยพัฒนาได้ดีกว่า ขึ้นอยู่กับแง่มุมที่ศึกษา แต่สุดท้ายสามารถเชื่อมโยงกันได้ ด้วยหลักทางกฎหมายที่ไม่ได้ต่างกันมาก สิ่งที่ท้าทายคือ การเรียนกฎหมายต้องอ่านและเขียนเยอะมาก ซึ่งคุณบุ๋นกังวลเพราะไม่สามารถทำได้เร็วเท่าคนจีน แต่คุณบุ๋นเชื่อว่า การที่เราเป็นคนที่ไม่ได้เก่งมาก ในกลุ่มคนที่เก่งมาก จะทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ

คุณบุ๋นเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเหมือนกับทุก ๆ คน ช่วงที่ขึ้นปี 1 เข้าไปอยู่ในคณะนิติที่มีเด็กต่างชาติน้อยมาก แค่อ่านกฎหมายภาษาไทยก็เหนื่อยแล้ว ยิ่งต้องอ่านเป็นภาษาจีนให้ทันที่จะสอบก็เกิดแรงกดดันตัวเองเป็นเรื่องปกติ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยการร้องไห้ แล้วตั้งใจทำต่อ

ปัจจุบัน คุณบุ๋นกำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 3 แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ยังไม่สามารถเดินทางกลับไปประเทศจีนได้ ได้สมัครเรียนควบนิติรามคำแหงอีกหนึ่งปริญญา ส่วนในอนาคตต้องวางแผนอีกที ว่าจะเลือกเรียนต่อหรือทำงาน 

.

.

.

คุณพัด ธนพัต รัตนศิริวิไล | THE STUDY TIMES STORY EP.20

บทสัมภาษณ์ คุณพัด ธนพัต รัตนศิริวิไล Master of Business Administration, Cornell University, สหรัฐอเมริกา 
เพราะการเขียน Essay เข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก ต้องเขียนอย่างมี Critical Thinking

เทคนิคการเรียน BBA จุฬาฯ อินเตอร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง 
คุณพัดเรียนจบปริญญาตรี BBA คณะบัญชี ภาคอินเตอร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ในการเรียนที่จุฬาฯ สำหรับคุณพัดนั้นรู้สึกว่าไม่ยากมาก เพียงแค่เข้าห้องเรียน ตั้งใจฟังครูสอน ฟังเลคเชอร์ กลับมาอ่านทบทวนที่บ้าน มีอะไรไม่เข้าใจก็สามารถไปถามครูเพิ่มเติม การเรียน ณ ตอนนั้นรู้สึกว่าค่อนข้างง่าย

ได้รับเชิญพูดในงาน EdTex (Education Technology) ในหัวข้อการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย 
คุณพัดเคยได้รับเชิญจากกระทรวงศึกษาธิการให้ไปพูดในงาน EdTex (Education Technology) ในหัวข้อการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หัวข้อหลัก ๆ ที่พูด คือ เรื่องลำดับชั้นของความคิด โดยความคิดจะเริ่มตั้งแต่ระดับ Remember, Understand, Apply, Analyze, Evaluate และ Create พบว่าระบบการศึกษาของไทยมีการ สอนถึงแค่ขั้น Remember การท่องจำเท่านั้น เป็นพีระมิดฐานล่าง จึงต้องหาวิธีที่จะทำยังไงเพื่อยกระดับความคิดจากขั้น Remember ให้ไปถึงขั้นอื่นได้ อย่างข้อสอบ SAT วัดสกิลอยู่ที่ระดับ Analyze และ Evaluate  เด็กไทยที่ไม่ได้รับการเทรนด์มา อยู่ ๆ จะให้ไปสอบ ก็ทำไม่ได้

คุณพัดสังเกต 3 Skills ที่เด็กไทยขาด คือ 
1.) สกิลภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษที่ไม่ดีทำให้จำกัดความรู้ เพราะความรู้ทุกอย่างในโลกเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ 
2.) Critical Thinking การฝึกต้องมีการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-Learning Skill) เด็กไทยชินกับการถูกป้อน มุ่งทำคะแนน ไม่ได้โฟกัสที่การเรียนรู้ ทำให้เด็กไม่สามารถคิดเองได้ เด็กที่ขาด Critical Thinking เพราะไม่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่ต้น การจะมี Critical Thinking ต้องสามารถตั้งคำถามได้ 
3.) Self-Learning Skill ทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ประสบการณ์การเรียนที่ MBA Cornell University 
เพราะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง จากจุฬาฯ คุณพัดจึงไม่ได้คิดว่าการเรียนที่ Cornell จะยาก แต่พอไปถึง พบว่าเทอมแรกยากมาก เลเวลคนละระดับ จุฬาฯ เหมือรวมเด็กเก่งจากประเทศไทย แต่ Cornell เป็นการรวมคนเก่งจากทั่วโลก และมีวิธีการเรียนที่คุณพัดไม่ถนัด ทั้งการใช้ Critical Thinking การทำรายงาน Big project และ Discussion ในคลาส ไม่เหมือนการเรียนเมืองไทยที่เน้นในเรื่องการสอบ และการท่องจำ แต่ละวิชาที่ Cornell ต้องอ่านหนังสือมาก่อนเข้าเรียน เพื่อเอาเนื้อหาที่อ่านมา Apply กับสิ่งที่เรียนในห้อง คุณพัดจึงเกิดความรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนมาตลอดทำไมใช้ไม่ได้ ซึ่งทำให้รู้สึกเฟลอยู่บ้าง แต่คุณพัดเชื่อว่า เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ ด้วยการเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน 

เทคนิคการฝึกภาษา จนสามารถใช้ได้เหมือนเจ้าของภาษา
คุณพัดเรียนโรงเรียนไทยมา วิชาที่ถนัดคือภาษาไทย ไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนภาษา จนกระทั่งย้ายไปโรงเรียนนานาชาติ ตอนเกรด 10-11 เพราะเป็นคนที่ทำอะไรแล้วอยากทำให้ดีที่สุด คุณพัดจึงมีความจริงจังในการเรียนภาษาอังกฤษมาก หลังเลิกเรียนจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม 

เทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษของคุณพัด คือการเตรียมสมุดเล็ก ๆ ไว้จดคำศัพท์ที่ไม่รู้ สิ่งที่อยากรู้ แกรมม่า แล้วนำสมุดเล่มนี้ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อที่เวลาว่างจะหยิบขึ้นมาดู เป็นการทวนไปในตัว 

คุณพัดกล่าวว่า ไม่ใช่แค่เราต้องเหมือนเจ้าของภาษา แต่เราต้องเก่งกว่าเจ้าของภาษา ยิ่งเราเป็นคนเอเชีย เรายิ่งต้องทำให้เขามั่นใจว่าเรามีความสามารถและเก่งกว่าฝรั่ง 

แนะแนววิธีเขียน Essay ในการสมัครเข้า U Top 
เด็กและผู้ปกครองหลายคน จะมีความคิดว่าคะแนนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้โฟกัสที่คะแนน แต่จริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น ครูพัดกล่าวว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ Essay และการสัมภาษณ์ เพราะสุดท้าย Essay เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเรา ว่าทำไมเขาต้องเลือกเรา เรามีอะไรที่โดดเด่น เป็นส่วนที่เราแสดงความเป็นตัวตนของเราออกมาได้ บอกเขาได้ว่าเรามีไอเดีย มีค่านิยมอย่างไร ต้องสื่อสารอย่างชัดเจน ตรงประเด็น มีไอเดียที่ดี แตกต่างจากคนอื่น เพราะผู้ตัดสินมีเวลาเพียง  50 วินาที จะทำยังไงให้ใน 50 วินาที เขาสนใจเรา ทำให้เขารู้สึกว่าคนนี้ไม่เลือกไม่ได้

โรงเรียนนานาชาติ THE IVY SCHOOL
เริ่มแรกคุณพัดเปิด Ivy Prep สถาบันสอนภาษาอังกฤษ เนื่องมาจากการย้ายจากจุฬาฯ มาเรียนที่ Cornell คุณพัดพบวิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมองว่า Critical Thinking เป็นสกิลที่สำคัญมาก ที่ผ่านมาพบว่าเด็กไทยมีปัญหาเรื่อง Critical Thinking ทำให้ไม่สามารถทำข้อสอบในสถาบันของต่างประเทศได้ เป้าหมายคืออยากให้เด็กที่เรียนที่นี่ พอไปเมืองนอกแล้วเรียนได้โดดเด่น เก่งกว่าเจ้าของภาษา

ต่อมาเพราะรู้ว่าโรงเรียน ณ ปัจจุบันไม่ใช่ที่ที่จะเตรียมตัวเด็กให้พร้อมต่อศตวรรษที่ 21 หรือเข้ากับงานในอนาคต เพราะยังเป็นระบบที่ล้าสมัย จึงได้ดำเนินการเปิด โรงเรียนนานาชาติ THE IVY SCHOOL ที่เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ เทคโนโลยีการศึกษาจะส่งผลต่ออนาคตของเด็ก ต้องการให้เด็กเรียนรู้ทฤษฎีเพื่อจะสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาได้ ซึ่ง THE IVY SCHOOL จะเปิดในเดือนกรกฎาคม ระดับเกรด 1 ถึง เกรด 12 ผู้ปกครองที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ไลน์ @TheIvySchool หรือติดต่อที่เบอร์คุณพัด 062 798 2200

.

.

.
 

THE STUDY TIMES X DekThai Online เสาร์อาทิตย์นี้ พบกับ LIVE เตรียมสอบ O-NET วิชา คณิตศาสตร์

????THE STUDY TIMES X DekThai Online เสาร์อาทิตย์นี้

????วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม และ วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564

⏰เวลา 2 ทุ่มตรง!

พบกับ LIVE เตรียมสอบ O-NET วิชา คณิตศาสตร์

????วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม 
เตรียมสอบ O-NET : การหาค่าสูงสุดต่ำสุดของฟังก์ชัน ฟังก์ชันตรีโกณมิติ

????วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 
เตรียมสอบ O-NET : โจทย์ปัญหาตรีโกณมิติ มุมก้มมุมเงย

โดย ครูพี่ปุ๊ องอาจ สุภัคชูกุล อดีตตัวแทนคณิตศาสตร์โอลิมปิก นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
#สอนวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ม.ต้น-ม.ปลาย  

????ช่องทางรับชม LIVE
Facebook และ YouTube : THE STUDY TIMES
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top