Tuesday, 1 July 2025
Econbiz

‘เอกนัฏ’ ส่ง มอก.วอทช์ AI ปราบสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เผย 5 เดือนตรวจพบทางออนไลน์นับ 1 แสนรายการ

(9 มิ.ย. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเปิดตัว "มอก.วอทช์" ระบบอัจฉริยะที่ใช้ AI ตรวจสอบสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทาง ครอบคลุมการตรวจสอบนับแสนรายการ พร้อมขยายภารกิจ "ทีมสุดซอย" สู่โลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อปกป้องผู้บริโภคและแก้ไขปัญหาสินค้าข้ามชาติทะลักไร้คุณภาพที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย

นายพงศ์พล ได้อ้างอิงรายงานสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติของสภาอุตสาหกรรมที่ระบุว่าสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนมากเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการและผู้ผลิตไทย ทั้งในเรื่องของการแข่งขันด้านราคา การละเมิดลิขสิทธิ์ และลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในการส่งออก ซึ่งปัจจุบันได้เกิดปัญหานี้ในสินค้าทุกชนิด เกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างรุนแรง

รัฐมนตรีเอกนัฏเล็งเห็นถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และด้วยข้อจำกัดของจำนวนเจ้าหน้าที่ จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม (INDX) นำโดยนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการปราบปรามและป้องกันสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

โดยคณะกรรมการ INDX ได้พิสูจน์ผลงานมาแล้วจากความสำเร็จของระบบ “แจ้งอุต” ช่องทางออนไลน์ ร้องเรียนภาคอุตสาหกรรมเพื่อประชาชนได้รับความนิยมอย่างสูงสุด และตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาคณะกรรมการINDX เดินหน้าพัฒนาระบบที่ป้องกันผู้บริโภคจากสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เรียกว่า “มอก.วอทช์” ซึ่งได้ใช้กลไกลในการพัฒนาเวอร์ชันแรกในการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้ มอก. โดยใช้ “บอทอัตโนมัติ” แทนมนุษย์ ในการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลสินค้าบนหน้าเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ ที่ใช้เทคโนโลยี Ai จับ Keyword หรือ รูปภาพ เปรียบเทียบข้อมูลในระบบของ มอก. พร้อมรวบรวมลิงค์ที่ผิด พรบ. มอก. ซึ่งในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา Ai “มอก.ว็อทช์” ได้ตรวจจับและรวบรวมรายการที่เข้าข่ายไม่ได้มาตรฐานแล้วกว่า 98,756 รายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบคัดกรองสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างชัดเจน

นายพงศ์พล กล่าวต่อว่า จากข้อมูลและการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สินค้าไม่มี มอก. และถูกฝ่าฝืนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1.กลุ่มพลาสติกสัมผัสอาหาร 2.กลุ่มของเล่นเด็ก 3.กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้า 3 กลุ่มนี้ล้วนเป็นสินค้าที่ต้องมี มอก. บังคับใช้ตามกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ตอกย้ำความจำเป็นของระบบ “มอก. วอทช์” ในการเข้ามาจัดการปัญหานี้

ถึงแม้จะไม่มีงบประมาณสนับสนุนสำหรับระบบ “มอก.วอทช์” แต่ต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม นำโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ทุกท่านที่มุ่งมั่น ทุ่มเท และได้ร่วมกันผลักดันการทำงานอย่างไม่ย่อท้อ 

“ขณะนี้ระบบ มอก.วอทช์ กำลังเก็บรวบรวม URL ของผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนขายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โปรดติดตามผลการดำเนินงานของเราเร็วๆนี้ครับ” นายพงศ์พล ย้ำเตือนผู้ขายสินค้าไม่ได้ มอก. เตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมในตลาดต่อไป

‘เจ็ทสตาร์เอเชีย’ ประกาศหยุดกิจการ 31 ก.ค.นี้ ปิดตำนานสายการบินโลว์คอสต์ ของสิงคโปร์

(11 มิ.ย. 68) เจ็ทสตาร์เอเชีย (3K/JSA) สายการบินต้นทุนต่ำแบรนด์เจ็ทสตาร์ (Jetstar) สัญชาติสิงคโปร์ ซึ่งมีการปฏิบัติการจากฐานการบินที่ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (SIN) ไปยังจุดบินหลายแห่งในเอเชีย รวมถึงหลายจุดบินในประเทศไทย แจ้งว่าจะหยุดกิจการเป็นการถาวรตั้งแต่ 31 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

สายการบินแจ้งว่าการตัดสินใจนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก และเกิดขึ้นหลังจากการทบทวนการทำการของสายการบินที่เผชิญความท้าทายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยต้นทุนในการปฏิบัติการในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น

เจ็ทสตาร์เอเชียจะยังคงทำการบินโดยค่อย ๆ ลดความถี่ลงนับแต่นี้ไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2568 และจะติดต่อผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

การตัดสินใจนี้ ไม่มีผลกระทบกับเที่ยวบินของสายการบินเจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส(JQ) และเจ็ทสตาร์เจแปน(GK)

เจ็ทสตาร์ เป็นแบรนด์สายการบินต้นทุนต่ำในกลุ่มแควนตัส กรุ๊ป ของออสเตรเลียโดยมีการตั้งสายการบินแบรนด์เจ็ทสตาร์ในประเทศต่าง ๆ ทั้ง เจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส(JQ) ในออสเตรเลีย เจ็ทสตาร์เจแปน(GK) ในญี่ปุ่น และเจ็ทสตาร์เอเชีย(3K) ซึ่งมีสัญชาติสิงคโปร์

เจ็ทสตาร์เอเชีย(3K) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2547 และเริ่มปฏิบัติการเมื่อ 13 ธันวาคม 2547 หรือ 20 ปีมาแล้ว ปัจจุบันมีฝูงบินเป็นเครื่องบิน แอร์บัส เอ320 จำนวน 13 ลำ ให้บริการไปยังจุดบิน 18 แห่ง

สำหรับผู้โดยสารในตลาดประเทศไทย ปัจจุบันนั้นเจ็ทสตาร์เอเชียให้บริการเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์กับ กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต และกระบี่ โดยในอดีตเคยให้บริการมายังหาดใหญ่และอู่ตะเภาด้วย

เกษตรกรใต้แห่ปลูกทุเรียนแทนต้นยาง-กาแฟ พื้นที่ปลูกพุ่งเฉียด 9 แสนไร่ คาดผลผลิตปี 68 เพิ่ม 14%

(11 มิ.ย. 68) ผลผลิตทุเรียนภาคใต้ปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.46 หรือประมาณ 606,958 ตัน จากการขยายพื้นที่ปลูกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียนที่ปลูกในช่วงปี 2562 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนภาคใต้ทะลุ 870,000 ไร่ หลังเกษตรกรทยอยโค่นกาแฟ ยางพารา และไม้ผลชนิดอื่น เช่น มังคุด เงาะ ลองกอง เพื่อปลูกทุเรียนที่มีราคาดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาทุเรียนในปีนี้อาจไม่สดใสเหมือนปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และล้งรับซื้อน้อย ล่าสุดราคาทุเรียนตะวันออกตกลงเหลือเพียง 105-110 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ภาคใต้ยังประสบปัญหาฝนตกกระทบช่วงออกดอก ทำให้บางพื้นที่ผลผลิตหายไปถึงร้อยละ 50-60 โดยเฉพาะทุเรียนทวายที่ชนกับฤดูฝน อาจมีความเสี่ยงไม่สามารถออกผลได้ตามเป้า

ด้านสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 จ.สงขลา รายงานว่า ทุเรียนภาคใต้มีเนื้อที่ยืนต้น 870,593 ไร่ และเนื้อที่ให้ผล 622,111 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.88 และ 7.54 ตามลำดับ โดยผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ปีนี้อยู่ที่ 976 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43 จากสภาพอากาศเอื้ออำนวยในช่วงต้นปี และการบริหารจัดการสวนที่ดีขึ้น

สำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนภาคใต้ปี 2568 เริ่มตั้งแต่ 5 มิถุนายนใน จ.พังงา และทยอยเก็บเกี่ยวในแต่ละจังหวัดจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม โดยผลผลิตทุเรียนจะออกมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม ขณะนี้ทุเรียนภาคใต้กว่า 65% ของพื้นที่ให้ผลได้ออกดอกแล้วและอยู่ในระยะติดผลเล็ก

ส่วนไม้ผลอื่น ๆ อย่างมังคุด เงาะ และลองกอง ต่างได้รับผลกระทบจากทั้งสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และการโค่นพื้นที่ปลูกเพื่อนำไปปลูกทุเรียนแทน ส่งผลให้ผลผลิตปี 2568 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะลองกองที่ผลผลิตคาดว่าจะลดลงถึงร้อยละ 49.10 จากปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาตกต่ำและมีฝนตกผิดฤดูกาลในช่วงออกดอก

เคทีซี จับมือ ททท. เดินหน้าแคมเปญ “เมืองน่าเที่ยว” หนุนสร้างรายได้ท่องเที่ยวในประเทศ 1.17 ล้านล้านบาท

(11 มิ.ย. 68) เคทีซี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ภายใต้แคมเปญ "เมืองน่าเที่ยว Year of Celebration" มอบส่วนลดพิเศษจากโรงแรมชั้นนำสูงสุด 55% และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 500 บาท 

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนแคมเปญ เมืองน่าเที่ยว Year of Celebration ให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และผลักดันให้รายได้รวมด้านการท่องเที่ยวในปี 2568 อยู่ที่ 1.17 ล้านล้านบาท ตามที่ททท. ตั้งเป้าไว้ โดยเคทีซีพร้อมมอบสิทธิพิเศษเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนรับสิทธิ์ที่  https://www.ktc.co.th/promotion/hotel-resort/domestic-hotel/amazing-secondary-cities#Northern

สำหรับแคมเปญเมืองน่าเที่ยว Year of Celebration เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 โดยความร่วมมือของภาครัฐบาล เอกชน และพันธมิตรทุกส่วนร่วมผลักดันให้เมืองน่าเที่ยวกลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ กระจายรายได้สู่ชุมชน และเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้อยู่ระดับสากล

‘ดร.กอบศักดิ์’ แนะเร่งหามาตรการช่วยกลุ่มเอสเอ็มอี หลังจีน -สหรัฐฯปิดดีลเจรจาอาจกระทบสินค้าส่งออกไทย

ดร.กอบศักดิ์ เผยจีน-สหรัฐปิดดีลเจรจาภาษี จีนถูกเรียกเก็บภาษี 55% ส่วนจีนเก็บภาษีสหรัฐ 10% กระทบสินค้าส่งออกไทย แนะเตรียมมาตรการช่วยเอสเอ็มอีในประเทศ ลุ้นไทยเจรจาสหรัฐลดภาษีต่ำกว่า 36%

(12 มิ.ย.68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ว่า “ปิดดีลจีน – โดน Tariff สหรัฐที่ 55% !!” โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สรุปข้อตกลงล่าสุดให้โลกฟังว่า หลังเจรจากัน 2 ครั้ง สหรัฐจะได้เข้าถึง rare earths, magnets ส่วนจีนจะได้ชิป และวีซ่าสำหรับนักเรียนจีน โดยสหรัฐคิดภาษีจีน 55% และจีนคิดภาษีสหรัฐ 10%

“ทั้งหมด รอการพิจารณาของท่านประธานาธิบดีสี (จิ้นผิง) ซึ่งจะมีนัยยะกับไทย เพราะจากที่นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เคยบอกไว้เสมอ 36% คืออัตราสูงสุดสำหรับไทย หมายความว่า ต่อให้เราไม่ได้ลดเลย ที่อัตรานี้ เราจะยังได้เปรียบสินค้าจีนประมาณ 20% ถ้าเรามีข้อเสนอที่ดี สหรัฐพอใจ ก็คงจะลดให้จากอัตราดังกล่าวบ้าง”

ซึ่งหากไทยสามารถเจรจา (1) ได้เหลือ 10-20% (2) ไม่ต่างจากคู่แข่งของเรามากนัก ในสงครามการค้าโลกรอบนี้ ประเทศไทยก็ถือว่าพอไปได้ ส่งออกไทยก็น่าจะมีทางออก ในช่วงครึ่งหลังของปี สามารถไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐ

“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนโดน 55% China Flooding ก็จะเป็นปัญหาให้ไทยหนักใจ คงต้องเตรียมมาตรการช่วย SMEs ในประเทศรับมือบรรเทาผลกระทบและเร่งหาตลาดใหม่ให้สินค้าไทย เพื่อให้ไทยลดสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐให้เหลือ 10% จากปัจจุบันที่ 18.3% จะได้ไม่ต้องเป็นลูกไล่ของเขา เพราะยังจะวุ่นวายอย่างนี้ไปอีกหลายปี”

AWC ทุ่ม 5,000 ล้าน ผุดโรงแรมหรูริมฝั่งเจ้าพระยา บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ ‘ล้ง 1919’ ค่าห้อง 3 แสนบาท/คืน

AWC ทุ่ม 5,000 ล้านบาท ตอกเสาเอก 'เดอะริทซ์ คาร์ลตัน แบงค็อก' โรงแรมสุดหรูริมฝั่งเจ้าพระยา ราคาต่อคืนสูงสุด 300,000 บาท บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ ‘ล้ง 1919 – ทรงวาด’

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์คอร์ปอเรชั่น (AWC) เปิดเผยความคืบหน้าแผนพัฒนาโครงการโรงแรม เดอะริทซ์ คาร์ลตัน แบงค็อก,เดอะ ริวเวอร์ไซด์ เรสซิเดนซ์ มูลค่าการลงทุน 5,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ครอบคลุมพื้นที่เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น และพื้นที่บริเวณถนนทรงวาด ภายใต้แนวคิด 'The River Journey'

โดยล่าสุดได้เริ่มลงเสาเอกแล้ว และอยู่ระหว่างการปรับแบบ พร้อมเตรียมทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในกลางปี 2571

ทั้งนี้ในส่วนของห้องพักในฝั่งล้ง จะให้บริการในรูปแบบรีสอร์ทใจกลางกรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อการพักผ่อนเชิงสุขภาพ ระดับราคาห้องพักต่อคืนคาดว่าจะสูงที่สุดในตลาดบริการห้องพักในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในระดับกว่า 300,000 บาท/คืน

ขณะที่ห้องพักในฝั่งทรงวาด จะเป็นห้องพักแนวแอคทีฟ เป็นการสร้างประสบการณ์ให้กลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่ ที่มีอยู่ทั่วโลก ที่มองหาประสบการณ์พิเศษในการพักผ่อน ซึ่งถือเป็นการสร้างดีมานด์ใหม่ ๆ ให้กับการท่องเที่ยวของไทย

นางวัลลภา ยังกล่าวถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจากตลาดท่องเที่ยวไทยค่อนข้างมากในขณะนี้ว่า โดยเฉพาะเป็นตลาดหลักของ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งต้องยอมรับว่าเดิมนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนถึง 70% ของจำนวนผู้ที่มาใช้บริการทั้งหมด แต่ปัจจุบันเอเชียทีคฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 2 นี้ เตรียมเปิดให้บริการ จูราสสิค เวิลด์ (Jurassic World) โดยการร่วมมือครั้งล่าสุดระหว่าง AWC, NEON และ Universal Live Events & Location Based Entertainment ของ Universal Destinations & Experiences ที่จะสร้างความสนุก ความบันเทิง สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว เชื่อมั่นว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอื่นมาเสริม ทำให้มียอดผู้มาจับจ่ายใช้บริการในเอเชียทีคกลับมาคึกคักขึ้นหรือประเมินว่าไม่น่าจะน้อยกว่า 30,000 คน/วัน

“นักท่องเที่ยวจีนยังไม่เห็นวี่แววจะกลับมาคึกคัก ซึ่งเอเชียทีคฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ทำให้ได้นักท่องเที่ยวที่มาจากหลาย ๆ ชาติ และหลัง จูราสสิค เวิลด์ เปิดเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มอื่นมาเสริม ทำให้ยังเห็นทราฟฟิกเป็นโมเมนตั้มที่ดี และจะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเปลี่ยนไปสู่การท่องเที่ยวที่มีความสนุก ดึงนักท่องเที่ยวครอบครัวกลับมา”

ในขณะที่ภาพรวมฐานลูกค้าที่ใช้บริการโรงแรมของ AWC พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนในสัดส่วนเพียง 10% แม้นักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่บริษัทได้นักท่องเที่ยวจากชาติอื่น รวมถึงยังสามารถดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพมาได้ค่อนข้างดี ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) และอัตราการเข้าพักโรงแรมทั้งหมดของ AWC ในช่วงไตรมาส 1/2568 ยังเติบโต ถือว่าไทยยังเป็นประเทศสำคัญของการท่องเที่ยวทั่วโลก

“เดิมเป็นห่วงตลาดจีนที่หายไป เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ของ จ.เชียงใหม่ แต่ช่วงไตรมาส 1 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง พบว่า RevPAR ขึ้นมา 56% โดยได้นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ มาเที่ยว ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีการทำการตลาดผ่านเน็ตเวิร์คประเทศต่าง ๆ เพิ่ม รวมถึงในตลาดท่องเที่ยวในเมืองพัทยา ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดให้บริการโรงแรมมีเรีย พัทยา พบว่าลูกค้าในประเทศให้การตอบรับดีมาก สะท้อนว่าโลคัลดีมานด์ยังมีความแข็งแรง และในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ เตรียมเปิดให้บริการโรงแรมแมริออท รีสอร์ท พัทยา เพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวในประเทศที่มีการตอบรับดีในขณะนี้ด้วย”

นางวัลลภา ยังกล่าวว่าในส่วนไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยบริษัทกำลังประเมินสถานการณ์ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อย่างไรก็ดีหวังว่าหากประเทศไทยมีการทำแคมเปญเพื่อเชื่อมนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ประเทศไทยซึ่งยังมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวก็ยังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมสัมมนา ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้พอสมควร โดยในส่วนที่จองมาแล้ว ไม่มีการยกเลิก

แต่จะกระทบในส่วนของลูกค้าใหม่ ซึ่งคงต้องมีการทำตลาดร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาดนักท่องเที่ยวประชุมสัมมนา

พร้อมกับยังเชื่อว่าประเทศไทยยังมีจุดขายที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปกลับมาได้ โดยเฉพาะในพัทยา ที่ขณะนี้ไม่ต้องหวังพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเดียว แต่ยังมีนักท่องเที่ยวในประเทศเข้ามาด้วย

กฟผ. เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ของที่ต้องทิ้งจากโรงไฟฟ้าที่ใครว่าไร้ค่า สู่คอนกรีตรักษ์โลก

กฟผ. เดินหน้านำของที่ต้องทิ้งจากกระบวนการเผาไหม้ของโรงไฟฟ้าที่ใคร ๆ อาจมองว่าไร้ค่า แปรรูปกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ กลายเป็นคอนกรีตรักษ์โลก สู่อนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างเป็นรูปธรรม โดยวางแผนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดของเสีย และ สร้างคุณค่าให้กับของที่จะต้องทิ้งจากโรงไฟฟ้า ให้กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่

โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง แหล่งผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ของประเทศไทย ที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงวันละกว่า 4 หมื่นตัน ซึ่งการเผาไหม้ถ่านหินลิกไนต์จะเกิดเป็นเถ้าลอยประมาณวันละ 6 พันตัน ซึ่งใครหลายคนอาจมองว่านั่นคือสิ่งที่ต้องกำจัด หารู้ไม่ว่านั่นคือ วัตถุดิบคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมไทยในการผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน
 
กฟผ. ได้นำเถ้าลอยมาใช้ทดแทนปูนซีเมนต์เพื่อผลิตเป็นคอนกรีตรักษ์โลก หรือ “Inno-Green Concrete” หรือบางคนอาจจะเรียกว่า คอนกรีตสีเขียว โดยสามารถทดแทนปูนซีเมนต์ได้ 100% ซึ่งจากผลวิจัยพบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของคอนกรีตและวัสดุในงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีตบล็อกสำหรับก่อผนัง คอนกรีตตัวหนอนปูผิวทางเดินเท้า และยังสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตคอนกรีต สามารถประหยัดปูนซีเมนต์ได้ถึง 20 – 40 %

คุณสมบัติพิเศษของการนำเถ้าลอยมาใช้ทดแทนปูนซีเมนต์ คือทำให้คอนกรีตก่อตัวเร็ว ทนทานต่อความร้อนและกรดสูง อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 228 กิโลกรัมต่อการผลิตคอนกรีต 1 ลูกบาศก์เมตร หรือลดลง 57.5% เมื่อเทียบกับการผลิตคอนกรีตจากปูนซีเมนต์และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

จากของที่ต้องทิ้งสู่สิ่งที่สร้างประโยชน์ได้อีกครั้ง เป็นการนำทรัพยากรกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบโจทย์แนวคิดด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงสร้างความยั่งยืนให้องค์กร แต่ยังเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมให้เดินหน้าสู่ความยั่งยืนอีกด้วย

กฟผ.ชูแนวคิด 'Ending Plastic Pollution' จุดประกายสังคมลดขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน

ทุกวันนี้ เราใช้พลาสติกกันแทบทุกวันแบบไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟ ถุงขนม กล่องดิลิเวอรี่ ของพวกนี้ใช้งานไม่กี่นาที แต่กลับใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย

ประเทศไทยผลิตขยะมากกว่า 27 ล้านตันต่อปี และขยะพลาสติกจำนวนมากยังคงถูกทิ้งแบบไม่ถูกวิธี บางส่วนลงทะเล บางส่วนกลายเป็นมลพิษในอากาศ บางส่วนถูกฝังกลบ แต่ไม่เคยหายไปไหนจริงๆ

แล้วเราจะเริ่มตรงไหนได้บ้าง? หนึ่งในคำตอบที่น่าสนใจ คือกิจกรรม 'Ending Plastic Pollution' โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ที่จัดขึ้นเพื่อชวนให้คนไทยหันมาใส่ใจปัญหานี้อย่างจริงจัง

ภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้เรื่องขยะตั้งแต่พื้นฐานว่าพลาสติกแต่ละชนิดคืออะไร รีไซเคิลได้ไหม แยกอย่างไร ไปจนถึงเวิร์กชอปแฮนด์เมดจากของเหลือใช้ ที่ให้เราลองลงมือเปลี่ยน 'ขยะ' ให้กลายเป็น 'ของใช้' ได้จริงๆ

ไม่ใช่แค่จัดงาน แต่ กฟผ. ยังมีแนวคิด EGAT Zero Waste ที่รณรงค์ให้พนักงานแยกขยะอย่างเป็นระบบ ลดการสร้างขยะทั่วไปให้น้อยที่สุด และผลักดันการเป็น องค์กรที่ไม่สร้างของเสีย (Zero Waste Organization) อย่างแท้จริง เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนจากแนวคิด...สู่การลงมือทำจริงในระดับองค์กร

อีกไฮไลต์คือเวที 'Ending Plastic Talk' ที่เปิดให้ผู้คนร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องการใช้ชีวิตแบบ Low Waste ให้ความรู้แบบไม่เครียด พร้อมแนวทางง่ายๆ ที่เรานำไปใช้ได้ในชีวิตจริง

กิจกรรมนี้จัดที่ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 (หยุดทุกวันจันทร์) ใครที่อยากเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวแบบการแยกขยะ แนะนำให้แวะไป อาจได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนโลกเล็ก ๆ ของเราไปตลอดเลยก็ได้

’โอ๋ ฐิติภัสร์‘ ขยายผลตรวจโรงงานลอบนำเข้าเศษยาง พบทะลักจากกัมพูชา ก่อนบดรีดเป็นยางแผ่นในไทยส่งขายจีน

(12 มิ.ย.68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า

"ขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากกัมพูชา เอามาบดรีดเป็นแผ่นยางในไทย ส่งขายไปจีน

ตามขยายผลที่เพจ รู้ทันจีน และ พี่บอส ช่องไทยพีบีเอส ช่วยกันตามสืบและส่งเบาะแสขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากกัมพูชา ผ่านข้ามแดนมาแถว จ. สระแก้ว และกระจายไปยังโรงงานเถื่อนใน ชลบุรี ระยอง และ สมุทรสาคร

ทีมสุดซอยตามขยายผลมายัง โรงงานเถื่อน ที่ ม.1 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบนายกานต์ อาหยี รับเป็นเจ้าของโรงงานและเศษยาง จนท.ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน

เดินต่อเข้าไปด้านในซอยพบ บ. เถิงฮุย ฮาร์ดแวร์ พลาสติก จำกัด ประกอบกิจการทำเม็ดพลาสติก แต่ประกอบกิจการไม่ตรงตามเงื่อนไขในใบอนุญาต และไม่สามารถชี้แจงที่มาของกองวัตถุดิบที่เป็นเศษพลาสติกสายไฟบดย่อย กองไว้สูงเป็นภูเขาประมาณ 3,000 ตันได้ จนท.สั่งหยุดพร้อมอายัดเศษพลาสติกสายไฟทั้งหมด และดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ประกอบกิจการในส่วนขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่จบเท่านี้…ขยายผลต่อทั้งขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากต่างประเทศ และขบวนการลักลอบทิ้งเศษพลาสติกสายไฟ และโรงงานหลอมเม็ดพลาสติกเถื่อน หากท่านใดมีข้อมูลหรือเบาะแสสามารถส่งเข้ามาได้ค่ะ"

‘กาแล็กซีรีสอร์ต’ หวังรัฐสร้างความเข้าใจกาสิโนในไทย กำหนดคุณสมบัติชัดเจน แนะลดพื้นที่กาสิโนเหลือ 5%

(12 มิ.ย. 68) นายเควิน เคลย์ตัน (Kevin Clayton) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแบรนด์ Galaxy Resorts ประเทศไทย กล่าวในสัมภาษณ์พิเศษว่า ไทยควรกำหนดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 5–10% ของโครงการ Entertainment Complex ทั้งนี้ กาสิโนถึงจะแค่ 5% แต่สร้างรายได้ราว 80% ซึ่งใช้สนับสนุนส่วนอื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมบันเทิง

นอกจากนี้ เควิน เคลย์ตันเสนอให้รัฐบาลสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนถึงผลดีและเงื่อนไขของโครงการ เช่น การกำหนดอายุและเงื่อนไขการเข้าใช้กาสิโน เพื่อสร้างความสบายใจและลดความกังวลต่อการพนัน รวมถึงเน้นจุดยืนความรับผิดชอบต่อสังคม

นายเควินย้ำว่า ความยั่งยืนของธุรกิจขึ้นอยู่กับการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งมาตรการป้องกันปัญหาการพนัน การฝึกอบรมพนักงาน การติดสื่อประชาสัมพันธ์ช่วยเตือน และการร่วมมือกับกลุ่มช่วยเหลือทางสังคม พร้อมระบบตรวจสอบการฟอกเงินที่เข้มข้น คล้ายคลึงกับภาคการเงินที่ถูกกำกับดูแล

“Galaxy Resorts พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานกำกับชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อปิดช่องว่างข่าวสารที่บิดเบือน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ยิ่งสื่อสารชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งลดความเข้าใจผิด” เควิน กล่าว

สุดท้าย เควินมองว่า Entertainment Complex จะสร้างเม็ดเงินลงทุนหลายพันล้านบาท ดึงนักท่องเที่ยวเป็น 50 ล้านคนต่อปี และสร้างงานหมื่นตำแหน่ง พร้อมระบุว่าสูตรควรรวมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อออกแบบเงื่อนไขให้พอดีทางกฎหมาย เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อประโยชน์ของประเทศ ประชาชน และนักลงทุน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top