Monday, 12 May 2025
Crimes

‘สืบนครบาล’ เผย รวบแล้ว ‘แก๊งอุ้มขแมร์’ ค้นบ้านขู่กรรโชกเงิน 3.1 ลบ. ชี้ ใช้วิธีแอบอ้างเป็น กอ.รมน.-เจ้าหน้าที่กองปราบ

(23 เม.ย.66) เพจ ‘สืบนครบาล’ โพสต์คลิปวิดีโอ ความยาว 51 วินาที เผยให้เห็นชายกลุ่มหนึ่ง เดินอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง โดยแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพบว่าหนึ่งในกลุ่มคนที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินถือถุงกระดาษที่ภายในบรรจุเงินกว่า 3 ล้านบาทออกมาจากบ้านด้วย

โดยได้ระบุข้อความว่า “คลิปวงจรปิด…มัดตัว! กองปราบเก๊ กับ กอ.รมน.ปลอม ร่วมกรรโชกเงินจำนวน 3.1 ล้านบาท

สืบนครบาล สืบ บก.น.4 และ สน.หัวหมาก ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหากรรโชกเงินจำนวน 3.1 ล้านบาท นำส่ง สน.หัวหมาก ดำเนินคดี

ผบช.น. สั่งประสานหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างขยายผลถึงที่สุด”

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันเดียวกันนี้ ทางเพจสืบนครบาล ได้รายงานเพิ่มเติมว่าสามารถจับตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ระบุข้อความว่า

“สืบนครบาล ร่วม สืบ บก.น. 4 และ สืบ สน.หัวหมาก รวบ “แก๊งอุ้มขแมร์” แอบอ้างเป็น กอ.รมน. และกองปราบ ค้นบ้านกรรโชกเงิน 3.1 ล้านบาท

โดยเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 เวลาประมาณ 12.30 น. ขณะที่ผู้เสียหายได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่เกิดเหตุ ได้มีชายจำนวน 4 คน แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กอ.รมน. และเจ้าหน้าตำรวจกองปราบ มาขอทำการตรวจค้นบ้านหลังที่เกิดเหตุ และได้แจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้กระทำความผิดฐาน ยักยอก ต่อมาได้เรียกรับเงินจากผู้เสียหายเป็นจำนวนเงิน 3,100,000 บาท หลังจากนั้นได้หลบหนีไป

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุและทำการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ นาย นายยะฝาด (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี, นาย ธนพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี, และ นาย ธนมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี พร้อมของกลางเป็นทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 9 บาท และเงินสด 250,000 บาท โดยในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา”


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000037453

‘ตร.ไซเบอร์’ ทลาย ‘แก๊งจีน’ ลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง พบเหยื่อโผล่ทั่วไทย เงินหมุนเวียน 20 ล้านบาท

ตร.ไซเบอร์ทลาย"แก๊งจีน"ตีเนียนส่งของเก็บเงินปลายทาง พบเหยื่อโผล่ทั่วไทย บุกค้นโกดังสินค้าย่านบางนาพบพัสดุนับหมื่นชิ้น เร่งขยายผลล่านายทุนจีนตัวการใหญ่ เผยเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน
.
(24 เม.ย.66) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท 2 พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจ นากูร ผกก.2 บก.สอท.2  นำกำลัง บก.สอท. 2 ปิดล้อมตรวจค้น 3 จุด ในพื้นที่บางนา หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีพัสดุเก็บเงินปลายทางมาส่ง ทำให้หลงเชื่อว่าอาจจะมีบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานเป็นคนสั่งก่อนชำระเงินให้ไป ทำให้เดือดร้อนและเกิดความเสียหาย มีผู้หลงเชื่อชำระเงินไปเป็นจำนวนมาก

โดยจุดที่น่าสนใจเป็นการเข้าตรวจค้นโกดัง เก็บของ รับของ 2 แห่ง ภายในซอยบางนาตราด 17 แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กทม. ซึ่งลักษณะเป็นโกดังให้เช่า โดยโกดังแห่งแรกเป็นโกดังเก็บพัสดุสินค้า จากการตรวจสอบพบพัสดุสินค้าหลายรายการ ภายในบรรจุสินค้าหลายรายการ อาทิ เครื่องสำอาง,รองเท้า, เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น  นอกจากนี้ยังพบกล่องพัสดุเปล่าที่เตรียมแพ็กของสุ่มส่งลูกค้า  และสติกเกอร์รายชื่อที่อยู่ของเหยื่อที่ถูกทำลายเป็นจำนวนมาก  อีกทั้งตรวจค้นในสำนักงานพบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีรายชื่อของผู้รับถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดในระบบคอมพ์พิวเตอร์ และยังมีสินค้าตีกลับอีกนับหมื่นรายการ

โกดังที่สองเป็นโกดังสำหรับแพคพัสดุที่รอทำการส่ง พบชั้นวางกล่องพัสดุที่ถูกตีกลับ และกระสอบใส่กล่องพัสดุที่ถูกตีกลับกว่าหมื่นกล่อง  รวมทั้งบาร์โค้ดที่ใช้สำหรับส่งของพัสดุ  นอกจากนี้ทั้งสองจุดสามารถควบคุมตัวผูู้ดูแล คือ น.ส.สุรีพร อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ. 225 /2566 ลงวันที่ 24 เม.ย.ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และคุมตัวนายตู่ อายุ 27 ปีพนักงานแพ็กของ

เบื้องต้นทั้งสองอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมการหลอกลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง ทั้งในส่วนบาร์โค้ด รายชื่อลูกค้า และโลโก้บริษัทส่งของต่างๆ อ้างเพียงถูกจ้างมาแพ็กของติดชื่อส่งพัสดุยังผู้รับ ได้ค่าจ้างเดือนละ  15,000 บาท ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งในส่วนรายชื่อ หรือพัสดุ โดยเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นคนจีนจัดหามาให้เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น แต่ให้ข้อมูลว่าสินค้าทั้งหมดนำเข้ามาจากจีน แต่ไม่ทราบวิธีการนำเข้า จากนั้นจะนำชื่อที่อยู่ของผู้รับ จากระบบคอมพิวเตอร์ปริ้นท์ลงกระดาษแปะหน้ากล่อง ก่อนจะนำไปส่งต่อยังบริษัทรับส่งพัสดุ เพื่อนำส่งไปตามที่อยู่ที่ระบุหน้ากล่อง ซึ่งทั้งหมดจะถูกเก็บเงินปลายทางยังผู้รับทุกวัน โดยแต่ละวันจะส่งวันละหลายร้อยกล่อง ที่ผ่านมาก็ถูกตีกลับเกินครึ่ง และหากสินค้าที่ถูกตีกลับมาจะนำลอกชื่อหน้ากล่องออก แปะข้อมูลของอีกคนเข้าไปแทนจากนั้นดำเนินการส่งใหม่อีกรอบ ทำซ้ำๆ วนไปแบบนี้เป็นวงจรปกติ สำหรับรายชื่อของผู้รับไม่ทราบว่าเจ้าของซึ่งเป็นคนจีนนำมาจากไหน แต่จะมีเข้ามาในระบบเรื่อยๆ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ที่เน้นย้ำสั่งการให้ปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ หลังสถิติการรับแจ้งความทางออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการสั่งสินค้าทางออนไลน์สูงเป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกันทาง บก.สอท.2 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนมากว่าได้สั่งซื้อสินค้าผ่านเพจเฟชบุ๊ก Wdecd-US แต่ได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามที่สั่ง และกรณีที่ผู้เสียหายได้รับสินค้า ที่ไม่ได้สั่งซื้อ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางกับผู้เสียหาย จึงได้แจ้งความไว้ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ หลังรับเรื่องได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีลักษณะเป็นขบวนการ จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายค้นและหมายจับ

‘สืบสวนนครบาล’ ทลาย ‘แก๊งคนจีน’ หลอกขายทองเก๊ให้คนรวย สารภาพได้แรงบันดาลใจต้มตุ๋นจากซีรีส์ดัง เสียหายกว่า 10 ล้าน

(25 เม.ย. 66) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้า PCT ชุดที่ 5 นำทีมเจ้าหน้าที่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.แถลงผลการสืบสวนติดตามจับกุมชาวจีน 6 ราย ได้แก่ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี, Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี Mr.Zeng NanJing อายุ 54 ปี, Mr.Yang Cuiyuan อายุ 51 ปี, Mr.Zhu Zhihua อายุ 48 ปี และ Mr.Guo Xianyu อายุ 49 ปี ในข้อหา “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และซ่องโจร” ที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 7 รายการ อาทิ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน 179 ก้อน, ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป 10 ชิ้น, ทองคำ (แท้) ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2x1 ซม. 8 แผ่น สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม บัตร ATM 24 ใบ โทรศัพท์มือถือ12 เครื่อง อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง 1 ชุด

คดีนี้ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น.ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีน สัญชาติไทย รายหนึ่ง ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพชาวจีน ต้มตุ๋น หลอกขายทองคำ ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพทำทีว่า มีทองคำแท้จำนวนมาก ขุดเจอที่พระนครศรีอยุธยา นำมาขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก ซึ่งผู้เสียหายรายนี้หลงเชื่อ และเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ไปกว่า 500,000 บาท หลังจากกลุ่มมิจฉาชีพได้เงินแล้ว ก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ตระเวนเปิดแฟ้มคดี ที่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานเรียกได้ว่าเป็นระดับ ‘องค์กร’ ซึ่งเริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดยการ ‘กางโพย’ คือสมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย โดยอ้างข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการไล่สืบประวัติมา จึงทำให้เหยื่อติดกับดัก หลงเชื่อ

ต่อมาเข้าสู่กระบวนการ ‘นัดพบ’ ซึ่งเมื่อสามารถนัดพบกับเหยื่อได้แล้ว จะมีการใช้จิตวิทยาด้วย ‘การแสดง’ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะนำทองคำ (ปลอม) ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดู และแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ ซึ่งแท้จริงแล้วมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้ ซึ่งเมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทอง ก็จะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ ทำให้เหยื่อยอมนำเงินมามอบให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ จากนั้นมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะหายเข้ากลีบเมฆทันที

เมื่อประมวลเรื่องราวการก่อคดีแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ทราบพร้อมสั่งการให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการดักหน้า โดยได้พบกับเหยื่ออีกรายหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวง ได้นำกำลังเข้าไปวางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน ‘ขอดเกล็ด’ โดยจัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้

ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มมิจฉาชีพ 2 คน ได้ปรากฏตัว ณ จุดนัดพบ บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองรายคือ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี และ Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี และจากการตรวจค้นพบ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 17 ก้อน, ใบเลื่อย 1 ปื้น

ซึ่งจากการซักถามและตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย ซึ่งอยู่ ณ เซฟลับ ซึ่งเป็นห้องพักที่โรงแรมหรูย่านรัชดากว่า 4 ห้อง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น โดยจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีก 4 ราย พร้อมตรวจค้นห้องพักทั้ง 4 ห้องพบ ทองคำปลอมอีกกว่า 172 ชิ้น และหลักฐานอย่างอื่นที่ใช้ก่อเหตุอีก

เมื่อสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธ โดยให้การว่า กลุ่มตนนั้นมาจากมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย โดยยอมรับอีกว่าการสั่งซื้อทองปลอมนั้น นำเข้ามาจากมณฑลเจียงซี  ประเทศจีน สั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย โดยยอมรับว่ากลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องคดีนั้น ขอไปต่อสู้ในชั้นศาล

‘เส้นด้าย’ แจง!! เสียพนันออนไลน์แค่ 1 ล้าน ส่วนอีก 20 กว่าล้านเสียให้คาสิโนในต่างประเทศ

‘เส้นด้าย สอดอ สไตล์’ บอก เสียเงินพนันออนไลน์แค่ล้านเดียว ที่เหลือเสียที่คาสิโน หลังเคยไลฟ์เสียพนันออนไลน์ 25 ล้าน แจงภาพถ่ายร่วม ‘แทนไท-นอท’ เป็นคลาสอบรมคริปโตที่ดูไบ ด้าน ตร.ไซเบอร์แจ้งข้อหาเล่นพนัน

(25 เม.ย.66) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโยโลยี (บช.สอท.) น.ส.พิมพ์ลดา แววไธสง หรือ เส้นด้าย สอดอ style ยูทูบเบอร์ดัง เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำกับตำรวจ บช.สอท.กรณีการไลฟ์เล่าประสบการณ์เสียพนันออนไลน์ 25 ล้านบาทภายในเวลา 3 เดือน 

น.ส.พิมพ์ลดากล่าวว่า ตนมาให้ปากคำกับตำรวจในฐานะพยาน โดยยอมรับว่าตัวเองได้เล่นพนันออนไลน์จริงๆ มีเพียงเว็บไซต์ใหญ่เว็บเดียว แต่เปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นเว็บใด เนื่องจากเป็นข้อมูลที่พูดคุยกับตำรวจไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เงินส่วนมากที่เสียไปนั้น เป็นการเล่นพนันที่คาสิโนในต่างประเทศร่วมๆ 20 กว่าล้านบาท แต่ที่เสียให้เว็บพนันนั้น เป็นเพียง 1 ล้านกว่าบาท พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่เคยชี้ชวนให้ใครมาเล่นพนัน เพียงแต่เตือนสติว่าอย่าเข้ามาวงการนี้ ถือเป็นประสบการณ์ความล้มเหลวของตัวเอง
น.ส.พิมพ์ลดา กล่าวว่า ตำรวจได้แจ้งข้อหาตน ฐานเล่นการพนันในราชอาณาจักร เบื้องต้นให้การรับสารภาพ 

ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ จะซักถามในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายแทนไท ณรงค์กูล และ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท สองนักธุรกิจชื่อดังนั้น ตนไม่มีความกังวล เพราะภาพถ่ายร่วมกันที่ปรากฎไปนั้น เป็นคลาสอบรมเรื่องเงินดิจิตัล ที่เคยถูกส่งไปเรียนที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยตนเพียงเคยยืมเงินนายพันธ์ธวัช เพียง 300 บาท ซื้อผ้าโพกหัวไปเท่านั้น จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คืน 

เธอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา เพียงแต่ทำอินฟลูเอนเซอร์และเปิดธุรกิจบริษัทขายของเท่านั้น ซึ่งเงินที่นำไปเล่นพนัน ก็เป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจ สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลังได้ แต่ดีเอสไอจะเรียกสอบปากคำเมื่อใดนั้นต้องรอเจ้าหน้าที่แจ้งอีกครั้ง

‘น.ส.แอม’ ยังคงให้การปฏิเสธ หลังถูกนำตัวมากองปราบฯ แถมเครียดหนักความดันพุ่ง ทนายยันไม่ได้เป็นเท้าแชร์-ไม่ได้ขัดแย้งกับผู้ตาย

(26 เม.ย.66) นางสาว ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความ ของ น.ส. แอม สรารัตน์ ออกมาเปิดเผย หลังจากที่นำตัวนางสาวแอมมาที่กรมบังคับการปราบปราม ว่า หลังจากที่นำตัวมาที่กองบังคับการปราบปรามกว่า 6 ชั่วโมงแล้ว จนถึงเวลา 21:00 น. ยังไม่มีการเริ่มบันทึกถ้อยคำ หรือ สอบปากคำ โดยบอกว่ากำลังรอขั้นตอนต่าง ๆ อยู่

ซึ่งยืนยันว่า นางสาวแอม ยังคงให้การปฏิเสธ คือปฏิเสธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ว่าไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นคนอยู่กับผู้เสียหายคือนางสาวก้อยเป็นคนสุดท้ายจริง แต่ไม่ได้กระทำการอย่างที่ถูกกล่าวหา

ซึ่งนางสาวแอมก็ไม่ได้มีการหลบหนีแต่อย่างใด หากครบกำหนด 48 ชั่วโมง ก็จะมีการนำตัวไปส่งที่ศาล ซึ่งขั้นตอนต่อไป ก็จะเป็นการยื่นประกันตัวหรือประกันตัวชั่วคราว ตามขั้นตอน ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

‘สรยุทธ’ เล่าอดีตเคยคุยกับ ‘ผอ.กอล์ฟ’ คดีฆ่าชิงทองลพบุรี ปี 63 เจ้าตัวบอก “ติดคุก 10 ปี เดี๋ยวก็ออก” ก่อนศาลสั่งประหารแขนขาตก

(27 เม.ย.66) จากกรณีศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฆ่าชิงทองในห้างสรรพสินค้าปี 63 หมายเลขดำที่ อ.300/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 และบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ และผู้เสียหายอีก 10 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 41 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กรณีเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 จำเลยได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนฆ่าชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่าในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

ทั้งนี้คำพิพากษาศาลเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยกระทำอย่างอุกอาจ ในห้างสรรพสินค้าอันเป็นที่สาธารณะ กระทำต่อผู้บริสุทธิ์มีคนตายบาดเจ็บหลายคน รวมถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อันเป็นพฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ จำเลยเป็นถึงผอ.โรงเรียนควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง กลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ ที่จำเลยขอปรานีให้ลดโทษจึงไม่มีสมควร ที่ร่างลงโทษประหารชีวิต ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืน

ขณะที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา อ่านข่าวดังกล่าวในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ซึ่งตอนหนึ่งเผยว่า อยากเล่าให้ฟัง ตอนที่ผมเข้าไปติดคุกในเรือนจำ มีโอกาสเจอ อดีตผอ.กอล์ฟ เข้ามา เจ้าหน้าที่ต้องควบคุมตัวเข้มข้นเลยตอนเข้ามาใหม่ๆ ยังไม่มีการดำเนินคดี ยังไม่มีการพิพากษา เจ้าตัวจะต้องมีผู้ต้องขังด้วยกันคอยประกบ คอยดูแลแต่ดูจะไม่มีอาการเครียด

‘บิ๊กตู่’ ชี้ คดี ‘แอม ไซยาไนด์’ เป็นหน้าที่ของ ตร. ขอให้ฟังจากทาง ผบ.ตร. แต่ถ้าผิดก็ต้องลงโทษเด็ดขาด!!

(27 เม.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2566 และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4/2566 ถึงกรณี ‘แอม ไซยาไนด์’ หรือ นางสรารัตน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว 

สืบนครบาลรวบยุทธ ท่าเรือ หลอกลงทุนอ้างให้ผลตอบแทนคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลร่วมกับชุด PCT5 ได้รับแจ้งเบาะแสพฤติกรรมของยุทธ ท่าเรือ หลอกให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนระดมทุน โดยอ้างให้ผลตอบแทนคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือนเป็นอย่างน้อย โดยใช้วิธีการให้นักลงทุนหรือลูกค้ามาทำสัญญาคู่ค้าร่วมหรือกิจการร่วมค้า และให้ค้ำประกันเป็นสลากออมสิน แต่มิได้บอกว่าสลากออมสินนั้นเปิดเป็นประเภทบุคคลธรรมดา โดยมีชื่อเป็นผู้ทรงตั๋วร่วมกับเจ้าของเงินด้วย ซึ่งถ้าเจ้าของเงินที่หลงเชื่อร่วมลงทุนไม่เข้าใจระบบการเงินจะตกเป็นเหยื่อทันที โดยผู้ก่อเหตุไม่แจ้งข้อมูลนี้ให้ผู้ที่หลงเชื่อร่วมลงทุนทราบ รวมทั้งมีพฤติการณ์หลอกให้ผู้เสียหายโอนค่าดำเนินการต่างๆ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าทนาย ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย กว่า 2 ล้านบาท

จากการตรวจสอบประวัติของบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพบข้อมูลว่ามีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีอยู่ 2 หมายจับ คือ 

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ได้เร่งรัดให้ดำเนินการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วเนื่องจากมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อประชาชนในสังคม

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./  หน.PCT ชุดที่ 5  พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง  , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมชุด PCT5  ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว 

นายศักย์ศรณ์ หรือศรณ์ หรือยุทธ ท่าเรือ  สิทธิศักดิ์ อายุ 47 ปี อยู่ที่ 828 ถนนเทศบาล 5 ตำบลท่าเรือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1826/2565 ลงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ”  

โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณชั้น 2 ของอาคารจอดรถภายในห้างสรรพสินค้าเดอะ สตรีท รัชดา ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยไม่ให้ความร่วมมือที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม 

จากการตรวจสอบข้อมูลผู้เสียหายที่ได้มีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนไว้พบมูลค่าความเสียหายของผู้เสียหายแต่ละราย รายละกว่า 900,000 บาท มูลค่าความเสียหายร่วมกว่า 2,000,000 บาท ซึ่งเมื่อวิเคราะห์จากพฤติการณ์ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายที่เคยถูกก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก ตลอดจนเชื่อว่ามีผู้ที่อยู่ระหว่างถูกก่อเหตุ หรือเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรายอีก 

‘กรมราชทัณฑ์’ เผย  ‘แอม’ มีประวัติป่วยทางจิตเวชเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ขาดการรักษามา 2 ปีแล้ว เตรียมส่งจิตแพทย์ประเมินอาการ

(27 เม.ย. 66) จากกรณี น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ ‘แอม’ อดีตภรรยา นายตำรวจระดับ รองผู้กำกับท้องที่จังหวัดราชบุรี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนำไซยาไนด์ (Cyanide) เป็นสารเคมีอันตรายผสมอาหารให้เหยื่อรายหลายรับประทานจนเสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย เพื่อหวังทรัพย์สินนั้น

ต่อมา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงอาการของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี หรือ ‘แอม ไซยาไนต์’ หลังถูกควบคุมตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง โดยระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ได้รับรายงานจาก น.ส.โศรยา ฤทธิ์อร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ว่านางสรารัตน์ ซึ่งเป็นผู้ต้องขังรายใหม่ที่เข้าไป มีอาการเครียด วิตกกังวล ทำให้ความดันสูง 150-200 มิลลิเมตรปรอท จึงต้องส่งตัวไปที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในช่วงเวลา 22.00 น. ก่อนที่แพทย์จะตรวจร่างกายและให้การรักษาเบื้องต้น ก่อนส่งตัวกลับโดยไม่ได้ให้แอดมิท

‘อัยการ’ ยื่นฟ้อง ‘เบนซ์ เดม่อน’ และพรรคพวกอีก 21 ราย ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เปิดเว็บไซต์หวยสดพลัส-มาเก๊า 888

(วันที่ 27 เม.ย. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกเผยข้อมูลวันนี้สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด โดยนายวิรุฬ ฉันทนนันท์ อธิบดีอัยการยื่นฟ้องคดี เบนซ์ เดม่อน กับพวก เป็นคดีอาญาหมายเลขดำ อ.1140 / 2566 ต่อศาลอาญา

โดยพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 มีความเห็นสั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์ หรือ ‘เบนซ์ เดม่อน’ ขจรบุญถาวร กับพวกรวม 21 คน ข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคน่ขั้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

กรณีเปิดเว็บไซต์การพนันชื่อ ‘หวยสดพลัส’ (www.huaysodplus.com) เเละเว็บไซต์อื่นที่เคยเว็บไซต์ มาเก๊า 888

โดยคณะทำงานของสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว มีความเห็นและคำสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1, ผู้ต้องหาที่ 2, ผู้ต้องหาที่ 3, ผู้ต้องหาที่ 5, ผู้ต้องหาที่ 6, ผู้ต้องหาที่ 7, ผู้ต้องหาที่ 8, ผู้ต้องหาที่ 11 และผู้ต้องหาที่ 13 ในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคน่ขั้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ตามข้อกล่าวหา

เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4, ผู้ต้องหาที่ 9, ผู้ต้องหาที่ 10, ผู้ต้องหาที่ 12, ผู้ต้องหาที่ 14, ผู้ต้องหาที่ 15, ผู้ต้องหาที่ 16, ผู้ต้องหาที่ 17, ผู้ต้องหาที่ 18, ผู้ต้องหาที่ 19, ผู้ต้องหาที่ 20 และผู้ต้องหาที่ 21 จำนวน 11 คน ตามข้อกล่าวหา ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน

โดยในวันนี้จะยื่นฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, ผู้ต้องหาที่ 2, ผู้ต้องหาที่ 3, ผู้ต้องหาที่ 5, ผู้ต้องหาที่ 6, ผู้ต้องหาที่ 7, ผู้ต้องหาที่ 8, ผู้ต้องหาที่ 11 และผู้ต้องหาที่ 13 ที่ได้ตัวมาต่อศาลรวมจำนวน 9 คน

ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนี ประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ 4, ผู้ต้องหาที่ 9, ผู้ต้องหาที่ 10, ผู้ต้องหาที่ 12, ผู้ต้องหาที่ 14, ผู้ต้องหาที่ 15, ผู้ต้องหาที่ 16, ผู้ต้องหาที่ 17, ผู้ต้องหาที่ 18, ผู้ต้องหาที่ 19, ผู้ต้องหาที่ 20 และผู้ต้องหาที่ 21 จำนวน 11 คนดังกล่าว สำนักงานคดีพิเศษจะได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการให้ได้ตัวภายในอายุความ 15 ปี นับตั้งแต่วันที่กระทำความผิด

สำหรับคดีดังกล่าวพนักงานอัยการ ได้รับสำนวนจากสำนักงานตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ฯ สมคบกันฟอกเงินฯ และร่วมกันฟอกเงินฯ

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา วันเวลาเกิดเหตุคดีนี้วันที่ 24 ม.ค.2565 เวลากลางวันที่ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top