Thursday, 15 May 2025
Crimes

‘ตำรวจท่องเที่ยว’ จัดการนักท่องเที่ยวมาเลเซียขับรถซ่า หลังสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม-ประชาชนโดยรวม

วันนี้ (31 ต.ค. 65) เวลา 09.00 น. ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการฯ แจ้งความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนกรณีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียทราบชื่อภายหลังว่า MR.ABDUL RAIMI BIN AZMI อายุ 32 ปี เกิดความคึกคะนองดริฟต์รถเก๋งหรู BMW สีน้ำเงิน เป็นวงกลม 3 รอบ บริเวณลานจอดรถสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สร้างความเดือดร้อนให้กับรถยนต์คันอื่น ๆ ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น

พล.ต.ต. อภิชาติ แจ้งว่าหลังจากได้รับแจ้งเหตุแล้ว พล.ต.ต. กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ซึ่งควบคุมรับผิดชอบพื้นที่ท่องเที่ยวภาคใต้ทั้งหมดได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลาตรวจสอบทันที จนกระทั่งวันที่ (29 ต.ค. 65) เวลา 22.00 น. ตำรวจท่องเที่ยวได้พบรถยนต์คันดังกล่าวทะเบียน VGC 2014 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ จึงเรียกให้หยุดและสอบถาม ซึ่ง Mr.Abdul ผู้ขับขี่ให้ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถแบบคึกคะนองในวันที่เกิดเหตุจริง จึงได้เชิญตัวมายังสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ พร้อมกับได้เรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกัน 

ผลจากการเจรจาไกล่เกลี่ย Mr.Abdul ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายทั้งหมดรวมเป็นเงิน 99,000 บาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าตำรวจได้แจ้งข้อหาให้ Mr.Abdul ทราบด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายของไทย กล่าวคือ “ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควรจนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน” ซึ่ง Mr.Abdul ให้การรับสารภาพโดยพนักงานสอบสวนได้สั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ก่อนจะปล่อยตัวเดินทางกลับประเทศมาเลเซียต่อไป 

พล.ต.ต. อภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขอขอบคุณพลเมืองดีผู้แจ้งเหตุและประชาชนที่ได้ถ่ายภาพและคลิปวิดีโอในครั้งนี้ไว้ได้ ซึ่งใช้เป็นหลักฐานได้อย่างดีในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและส่งผลให้การไกล่เกลี่ยเกิดประสิทธิภาพเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และอยากถือโอกาสนี้ให้คำแนะนำต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกท่านว่า ประเทศไทยนั้นให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านเสมอด้วยความอบอุ่นและเต็มใจ 

'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' บุกตรวจผับนอมินีต่างชาติในคืนฮาโลวีน 7 แห่ง คาดโทษตำรวจท้องที่ละเลยบกพร่อง ลงโทษสถานหนัก

เซอร์ไพรส์คืนฮาโลวีน 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' นำกำลัง 200 นาย สุ่มตรวจค้นสถานบันเทิงนายทุนต่างชาติเป็นนอมินี 7 แห่งทั่ว กทม.คาดโทษท้องที่ละเลยบกพร่องต้องรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 1 พ.ย.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (สส.) พร้อมชุดปฏิบัติการ บช.น., บช.สอท., บช.ปส., บช.สตม. พิสูจน์หลักฐาน และ บช.ทท.กว่า 200 นาย เข้าตรวจค้น ผับ บาร์ สถานบริการซึ่งคาดว่าเป็นของนายทุนต่างชาติ และนอมินีพร้อมกัน 7 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยมีสถานบันเทิงขนาดใหญ่ อาทิ ร้าน แอสการ์ด (Asgard) บาร์โฮส ย่านห้วยขวาง และสถานบันเทิงเบบี้เฟส ย่านเอกมัย โดยใช้เวลาปฏิบัติการประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่คณะรอง ผบ.ตร. ทั้ง 2 นาย จะเดินทางมาสรุปผลปฏิบัติการที่ร้านแอสการ์ด บาร์โฮส แยกเหม่งจ๋าย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ปฏิบัติการในค่ำคืนนี้เป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่างตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปรามและตำรวจฝ่ายสืบสวน จากผลการปฏิบัติงาน ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่คดีที่พัทยา โดยการทำงานจะเน้นไปที่เรื่องของยาเสพติด อาวุธปืน และ การปล่อยเด็กเข้าใช้บริการ อย่างที่เคยกล่าว ว่า 3 เรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของสถานบันเทิงจะต้องเป็นผู้คัดกรองอยู่แล้ว ต้องไม่ให้มีเล็ดลอดเข้าไป หลังจากนี้เรื่องการกวดขันสถานบันเทิง เราจะทำงานบูรณาร่วมกันทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวน ใช้กำลังพลของทุกกองบัญชาการ รวมถึงปัญหาบุคคลต่างชาติที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา โดยเฉพาะปัญหามาเฟียต่างชาติ หลาย ๆ แก๊ง

พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติงานวันนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย มีเพียงผลตรวจปัสสาวะนักท่องเที่ยวที่พบสารเสพติด ซึ่งอาจเป็นการเสพมาจากภายนอกสถานบันเทิง ในวันนี้ที่มี รอง ผบ.ตร.นำกำลังลงพื้นที่ ตรวจตราตามสถานบันเทิงถึง 2 คน ตนถือว่า พวกตนมาเปิดปฏิบัติการให้แล้ว หลังจากนี้ตำรวจท้องที่ก็ต้องทำงานกวดขันตามนโยบายด้วย หากตรวจพบภายหลัง ว่า ละเลยบกพร่อง เจ้าของท้องที่ก็ต้องรับผิดชอบ หากในภายหลังตรวจพบความผิด จำเป็นต้องลงโทษไม่มีการตักเตือน ในส่วนของสถานบันเทิงหากคุณทำผิดต้องปิด 5 ปี แอบเปิดเมื่อไหร่ ก็มีโทษจำคุก เนื่องจากเป็นนโยบายที่ท่าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการเอาไว้แล้ว เข้าใจว่า เราเพิ่งผ่านพ้นสถานการณ์ความลำบากมาจากโควิด 19 การลงตรวจสอบของตำรวจ ย่อมส่งผลกระทบในภาพรวมต่อสถานบันเทิง แต่เมื่อคุณมีอาชีพทำสถานบันเทิง คุณก็ต้องอยู่ในกรอบ ปฏิบัติตามกฎหมาย และช่วยสอดส่องดูแลไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมายด้วย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ท่าน ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำและกำชับ ในมาตรการป้องกันและตรวจค้นสารเสพติด อาวุธ และเยาวชน ในสถานบริการอย่างเคร่งครัด วันนี้ก็มีการบูรณาการร่วมกันลงพื้นที่ตรวจค้นประมาณ 7 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยใช้กำลังจาก บช.ปส., บช.สตม., บช.น., บช.ทท. และ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ในแต่ละจุดที่ทำการตรวจค้น มีการนำน้ำยาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ลงไปตรวจทดสอบประมาณ 300 ชุด ผลการตรวจสอบมีนักท่องเที่ยวฉี่สีม่วงเพียง 1-2 คน ซึ่งถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดี แต่อาจเป็นเพราะคืนนี้ แม้จะเป็นเทศกาลฮาโลวีน แต่เป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดทำให้นักท่องเที่ยวน้อยก็เป็นได้ 

ในส่วนของการสืบสวนที่ตนรับผิดชอบ หลังจากนี้ หากพบว่ามีสถานบันเทิงฝ่าฝืนกฎหมายกระทำความผิด ก็จะต้องขยายผลหาตัวเจ้าของกิจการมาดำเนินคดีต่อไป คดีผับศูนย์เหรียญ บ่อนศูนย์เหรียญ ที่ สน.ยานนาวา และ สน. สุทธิสาร ก็ยังต้องดำเนินการต่อคาดว่าภายใน 2-3 วัน จะมีการออกหมายจับ ผู้กระทำความผิดได้เกือบทั้งหมด หลังจากทำการเช็คเส้นทางของเงิน และช่องทางการติดต่อสื่อสารของผู้ร่วมขบวนการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

'สุโขทัย' เข้ม!! ระดมพลกวาดล้างอาชญากรรมจากเหล่าทรชน สร้างความมั่นใจทุกมิติช่วงเทศกาลลอยกระทง 2565

เมื่อ (1 พ.ย. 65) ที่ผ่านมา บริเวณหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานเปิดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ประจำปี 2565 เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 

โดยงานนี้มี พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย, พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นิลจันทร์ รองผอ.กอ.รมน.สุโขทัย ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุโขทัย, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง, ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุโขทัย, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุโขทัย, อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย, ป้องกันภัยจังหวัดสุโขทัย, สรรพสามิตจังหวัดสุโขทัย, อาสาสมัครตำรวจบ้าน, หน่วยกู้ภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย และหัวหน้าส่วนราชการ รอรับการปล่อยแถวในครั้งนี้ จำนวน 369 นาย 

‘รมว.ยุติธรรม’ แถลงผลจับกุมเครือข่ายทุน ‘มิน หลัด’ ยึดรีสอร์ต-โรงแรม-ทรัพย์สินรวมกว่า 1,858 ล้านบาท

สมศักดิ์’ แถลงผลงาน ป.ป.ส.ร่วม ตร.นครบาล จับเครือข่ายทุน มิน หลัด ยึดรีสอร์ต-โรงแรมหรูพร้อมทรัพย์สินกว่า 1,858 ล้านบาท ส่วนไหนยึดไม่ได้ขยายผลเรื่องภาษีต่อ กระตุ้นจนท.ต้องตื่นตัวหากไม่อยากให้ประเทศถูกทับถมด้วยยาเสพติด เผย 1 เดือนยึดได้แล้ว 3,171 ล้านบาท

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส ) มีการแถลงข่าวยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ และผลการยึดทรัพย์คดียาเสพติด รอบ 1 เดือน โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน พร้อมด้วย น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น และนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส.

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า ตำรวจได้สืบสวนทำข้อมูลร่วมกันกับ ป.ป.ส. ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งมีความเชื่อมโยงถึงการโอนย้าย ถ่ายเท และยังมีการตั้งบริษัทธุรกิจโอนเงินเข้าออกโดยผิดปกติ มีการนำเงินไปซื้อน้ำมัน ไฟฟ้า เราก็ต้องขยายผลเพิ่ม ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบ มีบัญชีและตัวละครต่างๆ ที่เราต้องไปสืบสวน จากนั้นมีการยืนยันมา 4 จุดจึงออกหมายค้น และหนึ่งในนั้นคือตัวหลักที่มีความเชื่อมโยง โดยขณะนี้ตำรวจนครบาลได้ส่งข้อมมูลให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้พวกเราดำเนินการการปราบปรามยาเสพติดอย่างเร่งด่วน วันนี้สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตำรวจนครบาลจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ มีความพัวพันกับหลายคดีที่ผ่านมา ซึ่งในคดีนี้เราได้ติดตามจับกุมมาตั้งแต่ปี 2562-2565 จำนวน 5 คดี ยึดยาเสพติด เป็นยาบ้า 3,531,800 เม็ด ไอซ์ 86.98 กิโลกรัม คีตามีน 6 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 380 กรัม 

จากนั้นได้มีการขยายผล ได้ 2 เคส ในปี 2564 และ ปี 2565 โดยในปี 2565 ได้จับกุม นายวรวัฒน์ วังศพาห์ กับพวก 4 คน ดำเนินคดีในฐานความผิด สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือ ยึดอายัดทรัพย์กว่า 500 ล้านบาท และได้ขยายผลขออนุมัติสมคบ/ฟอกเงิน จับกุม กลุ่มอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) 4 คน โดยมี นายทุน มิน หลัด นักธุรกิจชาวเมียนมาเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ยึดรถหรู นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เงินสดในตู้นิรภัยอีก 8 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในขบวนการยังมีตัวการสำคัญ คือ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ และน.ส.กัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ ที่ยังหลบหนีหมายจับ เป็นผู้ถือครองทรัพย์สินหลักของกลุ่มนิติบุคคล เป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โดยเราสามารถยึดอายัดที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รวม 71 แปลง มูลค่า 1,050 ล้านบาท มีทั้ง ที่ดินเปล่า อพาร์ตเมนต์ รีสอร์ต โรงแรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในพื้นที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.เมือง จ.สงขลา มูลค่าทรัพย์สินรวมของเครือข่าย ทุน มิน หลัด รวม 1,858 ล้านบาท หากในส่วนไหนที่ยึดทรัพย์ไม่ได้ ต้องไปขยายผลเรื่องภาษีต่อ

ตร. แถลงผลปฏิบัติการ ‘ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน’ ทลายแก๊งจีนทำธุรกิจสีเทา ยึดทรัพย์กว่า 300 ลบ.

เปิดปฏิบัติการ 'ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน' รองต่อ-รองโจ๊ก ผนึกกำลัง ทลายแก๊งคนจีนสีเทา สวมบัตร ปชช. เอี่ยวโยงคิงส์โรมัน พบพิรุธถือครองสินทรัพย์หมู่บ้านหรูย่านอุดมสุขกว่าครึ่งเฟสใหม่

วันที่ (3 พ.ย. 65) ที่ บช.สอท. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนายทุนจีนสีเทา ตามปฏิบัติการ 'ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน' โดยปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหากว่า 15 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนจีน 11 ราย คนไทย 4 ราย พร้อมของกลางเป็นเงินสดกว่า 42 ล้านบาท รถยนต์หรูกว่า 10 คัน โฉนดที่ดินหลายรายการ สุราต่างประเทศ สำรับไพ่ กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้เป็นนโยบายของทางรัฐบาล และทาง พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีกรณีชาวต่างชาติเสียชีวิตเพราะยาเสพติดในสถานบันเทิง และกรณีสถานบริการเปิดให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน โดยเจ้าของกิจการหรือสถานบริการล้วนเป็นนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามปฎิบัติการดังกล่าวเป็นการขยายผลจากการตรวจค้นสถานบริการจินหลิง ย่านยานนาวา เขตสาทร หลังพบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 237 คน เป็นชายสัญชาติจีน จำนวน 111 คน เป็นหญิงสัญชาติจีน จำนวน 126 คน 

นอกจากนั้น พบพนักงานและบุคคลชาวกัมพูชา และชาวไทยในบริเวณอาคารดังกล่าวอีกจำนวนกว่า 29 คน ตรวจยึดรถยนต์หรูกว่า 30 คัน เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของว่ามีส่วนร่วม รู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีพฤติการณ์อันเข้าข่ายฟอกเงิน หนึ่งในรถยนต์หรูที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้นั้น ผู้ต้องหาหญิงชาวจีนเป็นผู้ขับ มีชายชาวจีนเป็นเจ้าของรถยนต์พบชายชาวจีนคนดังกล่าว คือ กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ แต่ถือหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาในการเดินทาง และยังมีหนังสือเดินทางของประเทศต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสวมสิทธิเป็นคนไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน เงินที่ได้จากการหลอกลวงจะถูกนำมาฟอกด้วยการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ซื้อบ้านหรู คอนโดฯหรู รถยนต์หรู และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก มีการจ้างบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอดเวลา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายค้น

โดยตรวจค้น 3 จุด ประกอบไปด้วยจุดแรก เป็นบ้านเลขที่ 396/63 ซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ แขวงประเวศ กรุงเทพฯ พบชาวจีน 5 คน และคนไทย 3 คน พร้อมทรัพย์สินหลายรายการ เช่น รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ ดูคาติ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สุราต่างประเทศกว่า 50 ขวด โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง และ เงินสด 7 ล้านบาท

จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 89/46 หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของนาย LIN YIAN หรือนายยะปะสอ สวรรยาคีรี พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการ อาทิ รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ (ป้ายแดง) จำนวน 3 คันนาฬิกาหรูยี่ห้อ Patek Philippe จำนวน 1 เรือน เงินสด จำนวน 7.5 ล้านบาท บัตรประจำตัวประชาชน ชื่อนายยะปะสอ สวรรยาคีรี และหนังสือเดินประเทศไทย ชื่อนายยะปะสอ สวรรยาคีรี และ จุดที่ 3 เป็นคอนโดฯ บริเวณซอยสุขุมวิท 39 พบชาวจีน 4 คน พร้อมยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสด 28 ล้านบาท กระเป๋าแบรนด์เนมหรู 8 ใบ

โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า จากการนำบัตรประชาชนของผู้ต้องหาคือนาย LIN YIAN หรือ นายยะปะสอ สวรรยาคีรี ที่ตรวจยึด มาตรวจสอบกับสารบบ ทะเบียนราษฎร์ ของกรมการปกครองปรากฏว่า เลขประจำตัวประชาชนดังกล่าว นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น (ใบหน้าไม่ตรงกัน) โดยออกที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงเชื่อว่า เป็นการปลอมบัตรประจำตัวประชาชน จากการตรวจสอบแล้วว่า บุคคลตามบัตรประชาชนยังมีชีวิตอยู่ และทำอาชีพหักข้าวโพดอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด 

โดยประเด็นนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการขยายผลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่ในการออกเอกสาร ดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ตรวจยึดได้ จะมีการตรวจสอบความถูกต้อง และความเชื่อมโยงกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้มีการแจ้งความไว้ในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป นอกจากนี้ยังพบพาสปอร์ต 2 สัญชาติ คือ ไทย และ กัมพูชา มีการเดินทางเข้าออกกัมพูชา 25 ครั้ง และกัวลาลัมเปอร์ มาเลเชีย 12 ครั้ง นอกจากนี้ จากการสอบสวนในเบื้องตนยังมีการทำธุรกิจ ร้านสุกี้ในคิงส์โรมัน สปป.ลาว และพื้นที่ 3 เหลี่ยมทองคำด้วย

สำนักงานตำรวจ งัด 6 มาตรการ คุมเข้ม 'เด็กแว้น' ช่วงลอยกระทง สั่งจับตาเพจชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุม แข่งรถป่วนประชาชน

(4 พ.ย. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) และกำหนดแนวทางมาตรการการปฏิบัติในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 โดยมีหน่วย บช.น., ภ.1 – 9 และ บก.ทล. พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุม รับฟังรายงานการบันทึกข้อมูลในระบบ CRIME และสถิติการดำเนินการ สถิติการร้องเรียนผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 พร้อมวิเคราะห์จัดกลุ่มความเสี่ยงของพื้นที่ สน./สภ. ความคืบหน้าและผลโครงการวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางอย่างยั่งยืน เป็นต้น

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 – 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 ดังนี้...

1. เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถ ที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตรา แหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผลไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

2. การตรวจสอบแอดมินเพจชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุมแข่งรถในทาง, ออกทริปท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมในช่วงวันหยุดราชการหรือเทศกาล ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเส้นทาง ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ตร. กำหนด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่กลางทาง จนถึงพื้นที่ปลายทาง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร ให้หน่วยพื้นที่ต้นทางประชาสัมพันธ์กับแอดมินเพจให้ระงับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่พักอยู่ริมทาง และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ

3. ให้ความสำคัญการรับแจ้งเหตุและร้องเรียนในทุกช่องทาง ให้ กก.สส.บก.น./ภ.จว. ร่วมกับงานสืบสวนของ สน./สภ. ตรวจสอบและติดต่อสอบถามข้อมูลจากประชาชน เน้นการสืบสวนหลังเกิดเหตุให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีทุกราย เพื่อป้องปรามไม่ให้กลับมากระทำความผิดอีก และให้ความสำคัญกับการแสวงหาข้อมูล และเบาะแสจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่และช่องทางอื่น ๆ ทุกช่องทาง และสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยละเอียดทุกกรณี

ผบ.ตร. สั่งการ PCT ชุดที่ 5 จับกุมแก๊งต่างชาติ ‘ขายเพชรเก๊-ปลอมใบเซอร์’ เสียหาย 16 ลบ.

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ว่าประมานวันที่ 15 มิ.ย. 65 ถึง 20 ต.ค. 65 ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงโดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่าง ๆ รวม 21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท          

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง หรือที่เรียกว่า ‘ใบเซอร์’ ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียน จนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ ‘เพชรปลอม’ สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง     

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งรัดสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

คืบหน้าเมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ประกอบด้วย พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง, ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว, จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู และส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 รายเป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย ได้แก่

1.) Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ผู้ต้องหา
ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

2.) นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/436 ซ.ศาลธนบุรี 29/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหา

ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมพร้อมตรวจยึด 
1.) ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ 
2.) วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ 
3.) ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 
4.) โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 
5.) สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม 
6.) นามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ
7.) นาฬิกาข้อมือโลหะสีเงิน จำนวน 1 เรือน
8.) โทรศัพท์มือถือ Sumsung Galaxy F62 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง
9.) เอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรจำนวน 7 ฉบับ

จับกุมตัว Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

จับกุมตัวนายธนะสิทธิ์ได้ที่ บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ

พฤติการณ์กล่าวคือ ภายหลังผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดของกลุ่มคนร้ายจะใช้การลบแก้ไขข้อความบางส่วน โดยทำลายบริเวณของคำว่า ‘LABGROWN’ คือเพชรที่ทำสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฎิบัติการ โดยลบให้เหลือแค่คำว่า ‘BGROW’ ซึ่งยังมองเห็นด้วยกล่องที่ส่องกำลังขยาย และจะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร ให้ตรงกับหมายเลขประจำใบรับรอง หรือ ‘ใบเซอร์’ ซึ่งทั้งตัวเพชรและใบเซอร์ต่างถูกปลอมขึ้นทั้งสิ้น 

เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามขนาดของเพชรที่นำมาจำนำมีความแตกต่างของขนาดไปจากข้อมูลบนใบรับรอง, บริเวณขอบเพชรพบว่ามีการทำลายบริเวณของคำว่า ‘LABGROWN’ ให้เหลือเพียง ‘BGROW’, ตำหนิภายในของเพชรที่นำมาจำนำพบว่าไม่ตรงกับข้อมูลบนใบรับรอง, ลักษณะของใบรับรองปลอมแปลงที่แตกต่างไปจากใบรับรองตัวจริงจากสถาบัน GIA ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบผู้ร่วมขบวนการทั้ง 2 คน ได้คือ Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย และ นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะเดินทางมาก่อเหตุหลอกจำนำเพชรที่ร้านรับจำนำพร้อมกันทุกครั้ง และจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า Mr.Sajan จะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย - อินเดีย เป็นจำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา 

เพื่อลักลอบนำเพชรปลอมเหล่านี้มาจากต่างประเทศ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งวันที่ 3 พ.ย. 65 สามารถจับกุม นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล ได้ที่บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ และจับกุม Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึด ตั๋วรับจำนำของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงรับจำนำ ย่งฮวดหลี จำนวน 10 ฉบับ วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม และนามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ

จากนั้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้เข้าตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 772/283 คอนโด ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ฟรอนท์ พระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ผลการตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้นำตัวทั้งสองมาขยายผลการจับกุมที่ บก.สส.บช.น. ซึ่งจากการขยายผลตอนนี้ได้ข้อมูลว่าก่อเหตุลักษณะนี้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง ซึ่งตำรวจ PCT ชุดที่ 5 อยู่ระหว่างการติดตามประสานงานกับเหยื่อร้านรับจำนำรายอื่นๆ และจากการขยายผลทราบว่า Mr.Sajan หลอกลวงลักษณะนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยได้ทรัพย์สินจากการหลอกลวงไปเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

ตร.เตือน ยิ่งปืนขึ้นฟ้า ค่านิยมผิด อันตรายถึงชีวิต โทษหนักจำคุกสูง 10 ปี วอนประชาชน เป็นหูเป็นตา

โฆษก ตร. ห่วงความปลอดภัยลอยกระทง เตือน 'ยิงปืนขึ้นฟ้า' ค่านิยมผิด อันตรายถึงชีวิต โทษหนักจำคุกสูง 10 ปี วอนประชาชน เป็นหูเป็นตา

(7 พ.ย. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ออกมาเตือน 'การยิงปืนขึ้นฟ้า' เฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทง ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต และผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น 

โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. มีความกังวล ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ที่ประชาชนทำกิจกรรมเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั้งนี้ขอย้ำว่าการ 'ยิงปืนขึ้นฟ้า' เป็นค่านิยมที่ผิด และก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น โดยอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

ลาดตระเวนออนไลน์ สืบสวนนครบาล รวบ 'ยีน สะพานสอง' หลอกเอารถหรูเหยื่อในโลกออนไลน์ ด้วยเช็คเด้ง!!

วันนี้ (7 พ.ย. 65) พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.ดูแลงานสืบสวน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เฉลิมพงษ์ ธรรมมียะ พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รองผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. จับกุมนายณัฐสันต์ วัฑฒนาธร อายุ 39 ปี หมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 756/2565 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2565 ในความผิดฐาน 'ยักยอก', ศาลแขวงธนบุรี ที่ 431/2565 เลขคดีดำที่ อ603/2564 เลขคดีแดงที่ อ952/2564 ลงวันที่ 23 ส.ค. 2565 ในฐานความผิด 'ฉ้อโกง' ศาลแขวงนนทบุรี ที่ 416/2565 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ในฐานความผิด “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินในเช็ค และออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้” และศาลแขวงพระนครเหนือ ที่จ.341/2565 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ในความผิดฐาน 'ยักยอก'

พร้อมด้วยของกลางรถยนต์ ยี่ห้อ Mercedes benz รุ่น e250 cgi coupe สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ขอ 9598 กทม. (ขณะจับกุมสวมทะเบียน ญฉ 345 กทม), รถยนต์ ยี่ห้อ Mercedes BENZ รุ่น CLA250 สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 686 กทม. (ขณะจับกุมสวมทะเบียน 5กภ 4219 กทม.) รถยนต์ HONDA รุ่น HRV ทะเบียน 5กน 6004 กทม. จับกุมได้บริเวณหน้าโรงแรมบีบีเฮ้าส์ คลองตัน ถ. เพชรบุรี แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่  6 พ.ย.เวลาประมาณ 08.50 น. ที่ผ่านมา

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.เร่งปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ อันส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบแก่พี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB รับแจ้งว่ามีคนร้ายจะหาเหยื่อตามเพจ facebook ต่าง ๆ ที่ประกาศขายรถหรู เช่น รถผ่อนต่อไม่ไหว, ผ่อนต่อไม่ไหว ยกรถให้ฟรีหรือขายดาวน์ หลอกเอารถยนต์ไปเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก พฤติการณ์ในการกระทำความผิดพบว่า นายณัฐสันต์ หรือยีน วัฑฒนาธร จะหาเหยื่อตามเพจ facebook ต่าง ๆ ที่ประกาศขายรถหรู เช่น รถผ่อนต่อไม่ไหว, ผ่อนต่อไม่ไหว ยกรถให้ฟรีหรือขายดาวน์ เป็นต้น

‘ตร.’ เผย เตรียมประสาน ‘INTERPOL’ ล่า 3 นายทุนจีน หลังหลบหนีออกนอกประเทศ

รองผบ.ตร. เตรียมขอตำรวจสากลออกหมายจับ 3 นายทุนจีนเปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ที่หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมประสาน ปปง.ตรวจเส้นทางการเงินยึดทรัพย์ทั้งเครือข่าย

วันที่ (8 พ.ย. 65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าในการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องหาสัญชาติจีนที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงผิดกฎหมายในไทย ว่า การสืบสวนขณะนี้พบว่ามีผู้ต้องหาหลัก 5 คน ตำรวจจับได้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 3 คน ได้หลบหนีไปต่างประเทศโดยใช้เครื่องบินส่วนตัวบินหลบหนีไปหลังจากที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา และพัทยา ในห้วง 1-3 วันหลังจากการเข้าตรวจค้นจับกุม 

ทั้งนี้ได้สืบสวนจนพบว่ามีการนำเงินไปฟอกซื้อทรัพย์สิน ห้องพัก คอนโดมิเนียม และรถยนต์หรู อยู่จำนวนมากในกรุงเทพมหานคร จึงเข้าตรวจค้นในหลายแห่งตามหมู่บ้านหรู คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง สามารถยึดทั้งทรัพย์สิน และเงินสดไว้ตรวจสอบได้หลายร้อยล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top