Sunday, 27 April 2025
CoolLife

ศูนย์บริการโลหิตฯ เข้าขั้นวิกฤติ ขอพลังคนไทยร่วมใจบริจาค

มีข่าวแพร่สะพัดออกไป เรื่องการขาดแคลนโลหิตในผู้ป่วยของโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยปกติก็มีการใช้โลหิตเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่พอมีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุให้ผู้คนมาบริจาคโลหิตลดลง จึงส่งผลโดยตรงต่อปริมาณโลหิตที่ต้องใช้กับผู้ป่วยทั้งประเทศ

จากการรายงานของศูนย์บริการโลหิตแห่งประเทศไทย สภากาชาดไทย ค่าเฉลี่ยของผู้บริจาคเลือดในช่วงโควิด-19 ระบาด ลดลงกว่า 50% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรถบริจาคเคลื่อนที่ ต้องงดการออกปฏิบัติหน้าที่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 และรวมไปถึงผู้คนก็รู้สึกไม่ปลอดภัยในการเดินทางออกมาบริจาคโลหิตด้วยเช่นกัน

แต่ในเมื่อผู้ป่วยยังมี เลือดยังต้องการใช้ แต่จำนวนคนให้กลับลดลง สถานการณ์นี้จึงถือว่าเป็นวิกฤติครั้งประวัติศาสตร์ของการบริจาคโลหิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราเชื่อในพลังความดีของคนไทย หากใครที่มีความประสงค์อยากบริจาคโลหิต แต่ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือต้องไปที่ไหนได้บ้าง เรามีวิธีง่ายๆ มาบอกกัน สะดวกที่ไหน ไปกันนะ เพื่อคนไทยด้วยกัน!

‘อาบน้ำเย็น’ ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด!

อากาศกลับมาหนาวอีกครั้ง แถมวันนี้ยังหนาววววกว่าปกติ ค่ำนี้ใครที่กำลังข่มใจอาบน้ำเย็น บอกเลยว่า คุณคือผู้กล้า!! แต่ก่อนที่จะเอาร่างกายสัมผัสความเย็นยะเยือก มาดูความดีงาม หากว่าคุณอาบน้ำเย็นในวันที่อากาศหนาวกัน

ประการแรก ความเย็นมีประสิทธิภาพในการลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะถ้าเราใช้กล้ามเนื้อมาทั้งวัน หรือไปออกกำลังกายหนัก ๆ น้ำที่อุณหภูมิต่ำ จะทำให้เส้นเลือดหดตัว รวมทั้งช่วยลดสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อกลับมาสมบูรณ์ได้เร็วขึ้น

ประการต่อมา น้ำเย็น ๆ ช่วยลดน้ำหนักได้ เคยมีวารสารทางการแพทย์ระบุว่า น้ำเย็นจะช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญของร่างกายให้มากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการควบคุมน้ำหนัก รวมถึงความเย็นยังช่วยสลายเซลล์ไขมันได้ นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เนื่องจากเมื่อร่างกายมีอัตราการเผาผลาญสูงขึ้น จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น ส่งผลให้มีการผลิตเซลล์ ‘เม็ดเลือดขาว’ ที่ทำหน้าที่เหมือนกองทหารของร่างกาย คอยต่อสู้กับเชื้อไวรัสและแบคทีเรียนั่นเอง

อีกข้อที่น่าสนใจ คือน้ำเย็น ๆ ยังสามารถช่วยต้านอาการซึมเศร้าได้ เนื่องจากความเย็นจะทำให้สารโดพามีนเพิ่มขึ้น ซึ่งสารตัวนี้มีผลต่อพฤติกรรมการนอนหลับ รวมถึงสภาวะทางอารมณ์ของเรา ใครที่บอกอากาศเย็น ๆ ทำให้เหงาและเศร้าใจ อาจต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่

มาถึงข้อดีอีกประการ คือการอาบน้ำเย็น ๆ ทำให้ผิวพรรณผ่องใส เนื่องจากน้ำเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมันบนใบหน้า ทำให้หน้าดูสดใส เต่งตึง และสุดท้าย ข้อดีที่คุณผู้ชายต้องฟัง การอาบน้ำเย็นช่วยให้ปริมาณสเปิร์มเพิ่มขึ้น จากการศึกษาพบว่า เมื่ออุณหภูมิภายในร่างกายเพิ่มขึ้นจาก 28 องศาเซลเซียส ไปเป็น 33 องศาเซลเซียส ส่งผลให้อัตราการตายของอสุจิสูงขึ้น

ในทางกลับกัน อสุจิจะมีคุณภาพสูงเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเย็น นอกจากนี้ยังมีการตั้งสมมติฐานเรื่องภาวะการเจริญพันธุ์ จะดีขึ้นต่อเมื่ออุณหภูมิลดลง เอาเป็นว่า ยกคุณงามความข้อดีของน้ำเย็นมาซะขนาดนี้ ก็ได้เวลากลั้นใจ เดินฝ่าสายน้ำอันเย็นยะเยือกกันได้แล้วล่ะ เอื้อก!!


ที่มา: https://cinnamonvogue.com/blog/shocking-benefits-of-a-cold-shower/

นายกฯ จัดเต็ม เปิดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ โดนใจข้อไหน ตามไปเช็ก!

ยิ่งกว่าเมสซี่เจ ก็ต้อง ‘ลุงตู่’ นี่ล่ะคร้าบ!! ช่วงนี้นายกฯ กำลังท็อปฟอร์มเจง ๆ ล่าสุดวันนี้มีมติจากครม. ออกมา เป็นมาตรการเยียวยาประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ งานนี้จัดหนัก จัดเต็ม ทุกดอก! เป็นนักฟุตบอลก็ปล่อยของแบบ ‘ซัดเต็มเหนี่ยว’ ส่วนจะถูกใจแฟนบอล เอ้ย! ประชาชนคนไทยขนาดไหน อันนี้ต้องตามไปเช็กมาตรการเหล่านี้กัน!

เช็กเงื่อนไข ใครได้ ใครอด เงินเยียวยา 3,500 จาก ‘โครงการเราชนะ’

ฮือฮาท่ามกลางลมหนาว เห็นจะเป็นข่าว ‘โครงการเราชนะ’ ที่นายกฯ และครม. เคาะกันออกมาแล้วว่า จะจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอกสอง คนละ 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน

งานนี้เหมือนได้ตัวช่วยเป็นไออุ่นท่ามกลางลมหนาว แถมจำนวนผู้ที่ได้รับสิทธิ์หนนี้ ยังครอบคลุมประชาชนไปทั้งประเทศ ทุกระดับ กว่า 40 ล้านคน โดยรัฐจะใช้ฐานข้อมูลการลงทะเบียนจาก ‘โครงการเราไม่ทิ้งกัน’ มาเป็นข้อมูลพิจารณา

ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ จะมีแค่เฉพาะกลุ่มเกษตรกร ที่ลงทะเบียนเยียวยาเกษตรไปรอบที่แล้วประมาณ 7 ล้านคน ที่จะต้องลงทะเบียนใหม่ เพราะข้อมูลไม่ได้อยู่ในระบบที่เชื่อมกับโครงการนี้

ย้ำอีกทีว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการแย่งสิทธิ หรือที่เรียกว่า มาก่อนได้ก่อน เพราะโครงการนี้จุดประสงค์คือ เยียวยาทุกคนที่ควรได้รับการช่วยเหลือ ถ้าเคยอยู่ในระบบไหน ที่รัฐมีข้อมูลอยู่แล้ว ขอแค่รอให้ระบบคัดกรองว่า ‘เข้าเกณฑ์’ ก็พร้อมโอนได้ทันที คาดว่าจะมีผลปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

เอาเป็นว่า ตอนนี้รอรายละเอียดความชัดเจนหลังจาก ครม.อนุมัติในวันที่ 19 มกราคมอย่างเป็นทางการเสียก่อน แต่เบื้องต้นมาเช็กดูเงื่อนไขไปพลางๆ ว่าเราเป็นผู้ที่เข้าข่าย หรือไม่เข้าข่าย การรับเงิน 3,500 บาท กันเสียก่อน เช็กกันซะให้ชัวร์ๆ ว่าเงินเยียวยาหนนี้ เรามีสิทธิ์หรือไม่!? ไปดู!

14 มกราคม ค.ศ. 2016 ‘อลัน ริคแมน’ ศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนป แห่งภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เสียชีวิต

วันที่ 14 มกราคมของเมื่อ 5 ปีก่อน คอหนังหลายคนพากันใจหายไปตาม ๆ กัน เมื่อมีข่าวช็อก นักแสดงคนดัง ‘อลัน ริคแมน’ เสียชีวิต

หลายคนรู้จักเขาในฐานะนักแสดงมากความสามารถ ผู้คว่ำหวอดในวงการภาพยนตร์มากว่า 40 ปี แต่สำหรับแฟนหนังแนวแฟนตาซี นักแสดงคนนี้ คือศาตราจารย์ผมยาว ผู้มีบุคลิกลึกลับ นามว่า ‘เซเวอรัส สเนป’ แห่งมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นเอง

อลัน ริคแมน เป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิด เขาเคยเป็นนักออกแบบกราฟิก ก่อนที่จะตัดสินใจเรียนการแสดงเพิ่มเติม และก้าวเข้าสู่แวดวงการแสดง จนเริ่มเป็นที่รู้จักจากหนังเรื่อง Les Liaisons Dangereuses ในปี ค.ศ. 1985 รวมถึงได้รับบทบาทตัวร้ายที่โดดเด่นในหนังเรื่องดังอย่าง Die Hard

ชื่อของ อลัน ริคแมน มาโด่งดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง จากการที่เขาเข้ามารับบทบาทเป็นหนึ่งในอาจารย์ของโรงเรียนพ่อมด ‘ฮอกวอตส์’ ในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งตัวละคร ‘สเนป’ ทำให้คนดูต้องติดตามความลึกลับของเขา ถือเป็นตัวละครในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่หลายคนจดจำได้ดี

กระทั่งในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2016 จู่ ๆ ก็เกิดมีข่าวร้ายกับวงการฮอลลีวู้ด เมื่อมีรายงานข่าวว่า อลัน ริคแมน เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ในวัย 69 ปี แต่ถึงแม้ตัวจะจากไป ชื่อเสียงและความสามารถ โดยเฉพาะกับภาพศาสตราจารย์สเนป ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ อยู่เสมอ

1 ปีกับโควิด-19 มีเหล่านักรบเสื้อกาวน์มากมาย และนี่คือ ‘5 แนวรบหมอสู้โควิด’ ที่คนไทยทั้งประเทศสุดคุ้นเคย!!

เป็นเวลากว่า 1 ปีมาแล้ว ที่โควิด-19 เข้ามาในประเทศไทยแล้วไม่ยอมจากไปไหนเสียที โดยเรื่องหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือการมีคุณหมอออกมาแถลงสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงอีกหลาย ๆ ท่านที่ออกไปสู้รบกับเจ้าเชื้อไวรัสชนิดนี้ ในบรรดาคุณหมอเหล่านี้ มี 5 นักรบเสื้อกาวน์ ที่เรามักจะได้เจอกันอยู่บ่อย ๆ ถึงตรงนี้ คงไม่มีคำไหนจะเอ่ยได้ดีเท่า ’ขอบคุณ’

ขอบคุณคุณหมอทั้ง 5 และมากไปกว่านั้น ขอบคุณ ‘เหล่าคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน’ ที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอเป็นกำลังใจให้เหล่าคุณหมอ สู้ต่อไป แล้วพวกเราจะตอบแทนด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีเช่นกัน!!

มาเลย์เตรียมยื่นจดลิขสิทธิ์เมนู ‘เสือร้องไห้’ แต่ถูกคัดค้านเพราะหลายฝ่ายรู้ว่ามาจากอาหารไทย

เมื่อไม่นานมานี้ มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ได้ทำการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “เสือร้องไห้” (ฮารีมาอู เมอนางิส) โดยอ้างเป็นมรดกทางภูมิปัญญา และกระทรวงวัฒนธรรมของชาวมาเลย์ รวมถึงชาวมาเลย์ไม่เห็นด้วย เพราะรู้ว่าเมนูนี้มีต้นกำเนิดในไทยมากกว่า

ล่าสุดจึงมีการชะลอรับรองคำขอจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสาเหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน


Cr. FB Ball Sathapat

@Cake_journey

17 มกราคม พ.ศ. 2417 ‘อิน-จัน’ แฝดสยามที่สร้างความมหัศจรรย์ให้กับโลก เสียชีวิตลงในวัย 63 ปี

วันนี้เมื่อกว่า 147 ปีมาแล้ว ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง เมื่อ ‘อิน-จัน’ แฝดสยามที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เสียชีวิตลงในวัย 63 ปี

แม้เวลาจะผ่านมานานนับร้อยปี แต่ชื่อเสียงของ ‘อิน-จัน’ ยังคงถูกพูดถึงกันอยู่เสมอ พวกเขาเป็นฝาแฝดที่มีลักษณะแปลกไปกว่าแฝดทั่วไป ที่ไม่ใช่เพียงมีใบหน้าที่เหมือนกัน แต่พวกเขายังมีร่างกายส่วนบนติดกัน

‘อิน - จัน’ เกิดที่จังหวัดสมุทรสงคราม ในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยมีบิดาเป็นชาวจีนอพยพ และมารดาเป็นคนไทย โดยทั้งคู่มีร่างกายที่ติดกันมาตั้งแต่แรกเกิด ตามปกติของฝาแฝดลักษณะนี้ มักจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่อิน-จันกลับสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเรื่อยมา

วันหนึ่งมีชาวต่างชาติมาพบพวกเขาเข้า ด้วยความแปลกที่ไม่เคยพบเจอที่ไหน อิน-จัน จึงถูกพาออกเดินทางไปโชว์ตัวไกลถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลังจากวันนั้น พวกเขาก็ออกตระเวณโชว์ตัวไปทั่วเป็นเวลานับ 10 ปี ในที่สุดจึงได้ไปลงหลักปักฐานชีวิตอยู่ต่างประเทศ พร้อมกับมีลูกหลาน และไม่ได้กลับมายังประเทศไทยอีกเลย

แม้จะมีร่างกายที่ติดกัน แต่ทั้งคู่มีนิสัยที่แตกต่างกัน อิน เป็นคนใจเย็น สุขุม ส่วนจันเป็นคนอารมณ์ร้อน และชอบดื่มเหล้า ทำให้เขามีโรคประจำตัวหลายโรค กระทั่งเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2417 จันก็เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย จากนั้นอีกราว ๆ 2 ชั่วโมงถัดมา อินก็ได้เสียชีวิตตามไปด้วย ผลจากการชันสูตร ระบุว่า อินต้องสูญเสียเม็ดเลือดแดงให้แก่จันที่เสียชีวิตไปแล้วผ่านทางเนื้อที่เชื่อมกันที่อกนั่นเอง

ความโด่งดังของแฝดสยามคู่แรกที่มีร่างกายติดกัน ทำให้ปัจจุบันที่พิพิธภัณฑ์ Mutter เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ยังเก็บ ‘ตับ’ ของทั้งคู่เอาไว้ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ก็ยังคงถูกเก็บไว้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกาเช่นกัน ส่วนที่ประเทศไทยมีการสร้างอนุสรณ์สถานแฝดสยามอิน-จัน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเป็นการระลึกถึงฝาแฝดที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไปทั่วโลก

18 มกราคม ‘วันกองทัพไทย’ วันที่ระลึกสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงชนะศึกยุทธหัตถีต่อพระมหาอุปราชา ถือเป็นการทำยุทธหัตถีที่มีความสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตรงกับวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 954

เมื่อกาลเวลาผันผ่าน ต่อมาจึงยกให้วันนี้เป็น ‘วันกองทัพไทย’ เพื่อสดุดีต่อพระปรีชาสามารถของพระองค์ โดยแรกเดิมที กำหนดให้ตรงกับวันที่ 8 เมษายนของทุกปี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นวันที่ 25 มกราคม แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์มาสืบย้อนดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่า วันที่ทรงกระทำยุทธหัตถี น่าจะตรงกับวันที่ 18 มกราคมมากกว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2549 จึงได้ประกาศเปลี่ยนให้ ทุกวันที่ 18 มกราคม ถือเป็นวันกองทัพไทย แทน

โดยนอกจากเป็นวันแห่งกองทัพไทยแล้ว ยังอาจเรียกได้ว่าเป็น ‘วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช’ หรือ ‘วันยุทธหัตถี’ รวมทั้งยังเป็นวันสถาปนากระทรวงกลาโหมอีกด้วย

19 มกราคม พ.ศ. 2545 ครบรอบ 19 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

วันนี้เมื่อ 19 ปีก่อน เป็นวันสำคัญของเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

กล่าวถึง ‘ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ’ ชื่อ สุวรรณภูมิ มีความหมายว่า ‘แผ่นดินทอง’ อันเป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทาน โดยใช้แทนชื่อเดิมคือ ‘หนองงูเห่า’

นอกจากนี้ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกออกแบบโดย เฮลมุต ยาห์น (Helmut Jahn) สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน มีโครงสร้างหลักประกอบด้วยเหล็กและแก้ว ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่า เป็น ‘สถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ ๒๑’

ภายหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 ต่อมาอีกราว 4 ปี สนามบินสุวรรณภูมิก็เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถูกยกให้เป็นสนามบินที่มีการให้บริการสายการบินมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top