Sunday, 27 April 2025
CoolLife

สวมหน้าอนามัยสีไหน ถูกโฉลก รับโชค หรือเป็นกาลกิณี เช็กด่วน!

อ่ะ! เข้าตำรา พลิกโควิดให้เป็นโอกาส ไหน ๆ เราก็ต้องสวมหน้ากากหน้าอนามัยกันตลอดเวย์อยู่แล้วช่วงนี้ จะสวมทั้งที ก็เอาให้มันตรงโฉลก รับโชค รับทรัพย์ หรือเหมาะกับกิจการงานในแต่ละวันกันไปเลย เช็กซะตรงนี้ว่า ในแต่ละวันนั้น คุณเหมาะที่จะสวมหน้ากากอนามัยสีอะไร เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตในเรื่องใดบ้าง 

วันอาทิตย์: ถ้าจะให้ดีเรื่องบริวาร แนะนำสวมหน้ากากอนามัยสีแดงหรือน้ำตาล หรือจะให้เด่นเรื่องอำนาจ ให้จัดสีชมพู ถ้าจะเสริมสิริมงคลให้สวมสีเขียวอ่อน ส่วนถ้าเน้นเรื่องการเงินให้สวมหน้ากากอนามัยสีม่วง แต่ถ้าจะให้ผู้ใหญ่เมตตาเกื้อหนุน จัดสีดำหรือเทา ส่วนสีกาลิกิณีที่ควรเลี่ยง คือสีฟ้าและน้ำเงิน

วันจันทร์: บริวารดีต้องสีขาวหรือสีเหลือง ถ้าเน้นเรื่องพลังอำนาจ จัดสีเขียวอ่อนไปเลย หรือเพื่อเป็นสิริมงคลก็สีม่วง ส่วนอยากให้โดดเด่นเรื่องการเงิน ต้องหน้ากากอนามัยสีส้มหรือเหลือง กาลกิณีที่ควรหลีกเลี่ยงในวันนี้คือ แดงกับน้ำตาล

วันอังคาร: บริวารดีหน้ากากชมพู แต่ถ้าเน้นการเงินคล่องปรี๊ดก็ต้องสีดำหรือเทา ส่วนถ้าต้องเจรจากับผู้ใหญ่ก็ต้องแดงหรือน้ำตาล สีหน้ากากอนามัยที่ควรเลี่ยงในวันนี้คือ ขาวและเหลือง 

วันพุธ: วันพุธนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติม คือพุธกลางวัน และพุธกลางคืน ถ้าต้องเจรจาเรื่องเงินในตอนกลางวัน ก็จัดสีฟ้าหรือน้ำเงินไป แต่ถ้าเน้นความเป็นสิริมงคลก็จัดสีดำหรือเทา ที่ควรเลี่ยงคือ สีชมพูในตอนกลางวัน ส่วนพุธกลางคืน สวมหน้ากากอนามัยสีชมพูการเงินดี ที่ควรเลี่ยงคือสีส้มกับสีเหลือง ถ้าเน้นโชคลาภในตอนกลางคืนก็จัดสีขาวไป

วันพฤหัสบดี: บริวารดีต้องสวมหน้ากากส้มกับเหลือง ถ้าทรงพลังอำนาจต้องฟ้ากับน้ำเงิน การเงินต้องสีขาวกับสีเหลือง ผู้ใหญ่เมตตาต้องเขียวไปเลยจ้า ที่เลี่ยงได้เลี่ยงคือ สีม่วง ไม่เวิร์คสำหรับวันนี้

วันศุกร์: เลี่ยงก่อนอันดับแรกคือ ดำกับเทา เป็นกาลกิณีในวันนี้ ไม่ควรสวมใส่ ที่ดีเลิศประเสริฐศรีคือ ชมพู เป็นสิริมงคล หรือสีเขียวอ่อน ก็เงินดีมีใช้ คนเป็นหัวหน้าถ้าจะเน้นบริวารก็จัดไปฟ้ากับน้ำเงิน

วันเสาร์: ถ้าเน้นอำนาจวาสนา ต้องสวมหน้ากากอนามัยสีดำหรือเทา เน้นการเงินต้องแดงหรือน้ำตาล ส่วนที่ช่วยเสริมสิริมงคลก็ต้องสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ที่ควรเลี่ยงคือสีเขียว ไม่ค่อยดีในวันนี้


สวมหน้ากากอนามัยป้องโควิด-19แล้ว ก็ขอให้เฮง ๆ หน้าที่การงานดีกันทุกคนนะจ๊ะ ด้วยความปรารถนาจาก The States Times…

เมื่อต้องแต่งคำขวัญวันเด็กเฉพาะกิจให้คนดัง

อีก 2 - 3 วันจะเป็นวันเด็กแห่งชาติอีกแว้ว แว้ว แว้ว แว้ว แว้ว (พอ!!) แต่ก่อนถึงวันแห่งเยาวชนแห่งชาติปีนี้ มาเปิดคอร์สกันก่อนดีกว่า ปกติวันเด็กต้องคู่กับอะไรคะ? ไปดูเครื่องบิน? อืมม อันนี้ก็ถูกค่ะ ไปขึ้นรถถัง? อันนี้ก็ถูกอีก ไปนั่งเกาอี้นายกฯ อันนี้ต้องอดทนนะคะ เพราะคิวจะยาววววววววมาก และสุดท้าย วันเด็ก ต้องคู่กับ คำขวัญวันเด็ก

รู้ไหม ๆ ว่า คำขวัญวันเด็กของประเทศไทยมีมาตั้งแต่ นู่น!! พ.ศ. 2499 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนนตรี และเป็นผู้มอบคำขวัญวันเด็กเป็นคนแรก รู้ขนาดนี้แล้ว เรามาเปิดคอร์ส ‘หัดแต่งคำขวัญวันเด็ก’ กันดีกว่า ว่าแต่ว่า จะแต่งคำขวัญวันเด็กให้ใครกันดีบ้างน้า??

7 มกราคม ค.ศ. 1789 ย้อนเวลา 232 ปี ‘จอร์จ วอชิงตัน’ ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา

ปีนี้เป็นปี 2021 และยังเป็นช่วงเวลาที่ ‘ประธานาธิบดีคนใหม่’ ของสหรัฐอเมริกา ยังไมได้ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเสียที แต่เมื่อกว่า 232 ปีมาแล้ว วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของชาติสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นวันที่สหรัฐอเมริกาจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีขึ้นเป็นครั้งแรก และผลของการเลือกตั้งครั้งนั้น ก็เกิดประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกาขึ้น เขาผู้นั้นคือ จอร์จ วอชิงตัน

จอร์จ วอชิงตัน เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่นของสหรัฐอเมริกา โดยพวกเขาก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาระหว่างปี ค.ศ. 1775 - 1799 เขานำสหรัฐได้รับชัยชนะเหนือบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกัน ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีป รวมทั้งยังเป็นผู้รับผิดชอบการร่างรัฐธรรมนูญในช่วงปี ค.ศ. 1787 อีกด้วย

ด้วยความเป็นผู้นำการสร้างรัฐบาลแห่งชาติที่เข้มแข็งและมีระบบการคลังที่ดี รวมทั้งยังได้รับการยอมรับจากประชาชนอเมริกันทุกระดับ เป็นเหตุให้เขาได้รับการยกย่องจากชาวอเมริกันว่าเป็น ‘บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ’ และถูกกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอมาจนปัจจุบัน


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/

เรียนรู้และเข้าใจ ‘แอปฯ หมอชนะ’ แบบง่าย ๆ เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง

#ดราม่าวันนี้ เห็นทีต้องยกให้ ข่าวการประกาศเรื่องการใช้แอปฯ หมอชนะ ที่หากใครไม่โหลด ถือว่า ‘มีความผิด!!’ ไอ๊หย๋า!!?? เรื่องผิด เรื่องถูก ค่อยว่ากัน แต่ประเด็นสำคัญที่ควรรู้คือ โหลดแล้วได้อะไร? มีประโยชน์ยังไง? ทำไมถึงต้องโหลด? The States Times มีสรุปง่าย ๆ ให้ดังนี้!   

ปีใหม่ ไหว้เจ้า แก้ชง เสริมเฮง อิ่มจุกรอบสถานี MRT วัดมังกร

สุดสัปดาห์เปิดปีใหม่ ไปไหนดี ในกรุงเทพฯ... 

เราขอชวน ไปไหว้พระ ตั้งสติ เพิ่มพลังสายมู เสริมความมั่นใจ หรือ ใครจะแก้ชง เสริมความเฮงๆๆ แล้วเดินกิน เดินเที่ยว ถ่ายรูปต่อ ก็เหมาะมาก ที่ย่านนี้ ตั้งแต่ เอ็มอาร์ที สถานีวัดมังกร ตลาดเก่าเยาวราช และ ซอยแปลงนาม ขีดเส้นวนเป็นเลข 8 มงคล ร่ำรวยแบบคติชาวจีนพอดี ดี๊ ดี

เดินทางสะดวกเพราะรถไฟใต้ดินลงสถานีวัดมังกร ออกสตาร์ตกันที่แยกแปลงนาม แล้วไล่เรียงแวะกินบ้าง ดูวิวอาคารเก่าแก่ผสมฝรั่ง จีน ไทย ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จนตึกแถวสมัยใหม่สลับเรียงกันไป จนเข้าวัดมังกร แล้วย้อนมาตลาดเก่าเยาวราช  และแวะศาลเจ้าลึกลับ สลับกับแวะกระจายรายได้ช่วงโควิดกับ ของไหว้เจ้า สตรีทฟู้ด และสินค้าในตลาดสด ก่อนวนกลับมาทะลุปลายถนนแปลงนาม แวะวัดญวนสุดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี แล้วกินนั่น รับประทานนี่ เสริมแรงเดินเล่นต่อ จนวนกลับมาถึงทางกลับ สู่ MRT จุดสตาร์ท

อิ่มบุญถ้วนหน้า แก้ชง จากหนักเป็นเบา จากเศร้าเป็นสุข ปลดความห่วยเป็นช่วยเพิ่มความเฮง และอิ่มท้องสบายพุง แล้วยังได้ของอร่อยไปฝากญาติสนิทมิตรสหายช่วงปีใหม่ ก่อนกลับบ้าน พร้อมความปลอดภัย กับหน้ากากและเจล แน่นๆ กันด้วยครับ ถ้าพร้อมก็ตามไปลุยกันได้เลย

ออกสตาร์ทกันที่ MRT สถานีวัดมังกร อาคารงดงามจนต้องก้าวข้ามถนนมาอีกฟากเพื่อชมโฉมสิ่งก่อสร้าง สถานีแห่งนี้อยู่บริเวณถนนเจริญกรุง ใกล้กับวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) นับตามลำดับ เป็นสถานีแรกของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง – บางแค ด้วยสถาปัตยกรรม จีน-โปรตุเกส หรือคุ้นกันชื่อ สไตล์ ชิโนโปรตุกีส สอดรับกับสภาพแวดล้อมย่านนี้ ซึ่งเราหลงใหลจนเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกตึกสถานีปีกใดเพื่อนำเสนอให้คุณได้ชม สรุปว่า เก็บภาพมาให้ทั้งสองในเฟรมเดียว

ละจากภาพงามของสถานีฯ พอข้ามแยกมาทางปีกถนนแปลงนามฝั่งเหนือ ข้ามมายังพลับพลาชัย ตรงนี้คุณจะได้พบกับร้านค้ากระดาษเงินกระดาษทอง โคม และของประดับ-ประกอบพิธีกรรมแบบจีน สลับแทรกกับบ้านเรือนและร้านค้าสมัยใหม่ แต่เอาล่ะ นี่ยังสายๆ เท่านั้น และกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าจะไปไหว้แก้ชงกับน้อง...ต้องทำยังไงงง รองท้องก่อนสิคร้าบบบบคุณ

ตรงข้ามกันอีกฝั่งถนนคุณไม่พลาดร้านหอยทอดเด็ด อายุแบรนด์ 30 กว่าปี นายหมงหอยทอด บนถนนฝั่งพลับพลาชัย ปัจจุบันรุ่นลูกชายผู้รับทอดกิจการ เตรียมเอง ทอดเองนักเลงพอ 

ที่นีย้ำชัดว่าไม่มีสาขา และมีหอยทอดสองแบบเท่านั้น คือแบบนิ่ม (ออส่วน) และ แบบกรอบ (ออลัวะ) เนื่องจากอร่อยเหาะมาคู่แปลงนามมานานพอสมควร ราคาจานละ 100-200 บาท และอร่อยหนุบ กรุบ ทั้งสองแบบ ก็ถือว่าคุ้มค่า อ้อ นายหมงหอยทอดนี่ รับสายสะพาย Michelin Bib Gourmand 3 ปีต่อเนื่อง 2018-2020 มาแล้วนะจ๊ะ

เดินมาถึงลานก่อนเข้าหมู่วิหาร ในช่วงโควิด 19 ระลอก 2 ถ้าห่างกัน และป้องกันอย่างดี ก็ยังถือว่าปลอดภัย หลายคนมาเยือนกี่คราก็อาจไม่ทราบว่า วัดเล่งเน่ยยี่ หรือ วัดมังกรกมลาวาส แห่งนี้ เป็นวัดแม่แบบวัดจีนทั้งหลาย ที่ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2414 โดย สถาปัตยกรรมวัดมีการวางผังตามแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นทางใต้ของจีน สกุลช่างแต้จิ๋ว ตามแบบพุทธศาสนานิกายฌาน 

มองภาพรวมคุณจะเห็น ตัวอาคารจะวางผังล้อมลาน หรือ ซี่เตี่ยมกิม ตามแบบอาคารแต้จิ๋ว การจัดวางวิหารถือตามแบบวัดหลวง โดยมีวิหารจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก พระอุโบสถอยู่กลาง ด้านหลังอุโบสถมีวิหารบูรพาจารย์ ส่วนวิหารอื่นๆ อยู่ประกอบสมดุลซ้าย-ขวา 

กลุ่มอาคารทั้งหมดประกอบด้วยอิฐและไม้เป็นโครงสร้างสำคัญ ซึ่งศิลปะการก่อสร้างวัดแห่งนี้จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่มีความสมบูรณ์มากแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถ่ายรูปยังไงก็อลังการ ราวกับคุณอยู่ในหนังจอมยุทธ์ แต่ก็อยากโหวกเหวก ทำบู๊ใส่กัน เพราะอย่างไรนี่ก็คือ สังฆาราม ที่ต้องสำรวมกายและใจ

(อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก อาจารย์สมาน สุดโต นักเขียนสายพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรม)

คนส่วนใหญ่ยุคหลัง อย่างผมกับคุณมักจะให้ที่นี่เป็นแหล่งโปรดในการมาปลดเปลื้องทุกข์ขมตรมเศร้า จากคำว่าปีชง ถ้างั้นเราผ่านเข้าไปยังพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระประธานแล้ว สักการะบูชา พระประธานทั้ง 3 คือ พระอมิตาภพุทธเจ้า หรือ อมิตายุ (ซ้าย) พระพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า (กลาง) โคตมพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุพุทธที่ชาวพุทธกราบไหว้บูชา และ 3 พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสพุทธเจ้า หรือพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูแห่งยารักษาโรค (ขวา) และหมู่ 18 อรหันต์

ทางด้านปีกขวา ด้านใน และวิหารกลาง ไปจนถึงปีกซาย ยังมี เทพต่างๆ ที่ชาวจีนชาวไทยให้ความเคารพกราบไหว้ตั้งแต่พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ เทพประจำชะตาชีวิต ไท่สวย-ไท่ซุ่ย เทพเจ้าแห่งยา เทพโชคลาภ รวมถึงจตุโลกบาลขนาดใหญ่ที่หน้าประตูทางเข้าในตอนต้น

ที่นี่มีพร้อมสรรพตารางเช็คปีชงสำหรับปีนี้ (2564 ได้แก่ ปี ปีมะแม ปีฉลู ปีมะโรง ปีจอ) และพิธีกรรมแก้ชงแบบที่คุณทำตามคำแนะนำเอง หรือจะถามสงฆ์ที่ประจำการ ให้คำแนะนำได้ตามสะดวก

ความน่ารักทันสมัยและสร้างการมีส่วนร่วมมากไปกว่าการแก้ชงของตัวคุณเองอย่างเดียว คือ แต่ละวิหารของพระและเทพนั้นจะมีเซียมซี เสี่ยงทายดวงชะตาของแต่ละส่วน ทั้งอุโบสถพระประธาน เทพแห่งยา และเทพแห่งโชคลาภ ไม่ว่าคุณจะเขย่าแบบดั้งเดิม หรือจับสุ่มเอาแบบเสี่ยงทายเอาสะดวกและใช้เวลาไม่นาน คำตอบของคุณจะอยู่ที่ คิวอาร์โค้ด เรียงไปตามเลขหมายที่เสี่ยงได้ ซึ่งทำให้ประหยัดเวลาและสนุกไปกับการลุ้นคำทำนาย ที่สำคัญไม่เปลืองกระดาษ และสร้างขยะเพิ่มเติมด้วย ถ้าดีก็แคปเก็บไว้ ถ้าไม่...ก็ลืมมันไปซะ

เอ๊ะ รู้สึกว่ารัศมีเริ่มมา ชะตาเริ่มอุ่นๆ สบายใจไปเปาะหนึ่ง ไว้คราวหน้ายังมี ศาลเจ้าพ่อเสือ ให้ไปปักหมุดจุดแก้ชงเพิ่มได้อีกรัวๆ

ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะแอบอยู่ในหลืบระหว่างทางของตลาด ถ้าเดินสาย มู(เตลู) กันจริงๆ ต้องแวะมาครับ ที่แห่งนี้มีตำนานว่าเขาคือบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงในช่วงปลายราชวงศ์หยวน และปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบอย่างหนัก ชาวบ้านในยุคสมัยนั้นให้ความเคารพนับถือเขามาก จนยกให้เป็นเทพเจ้า

ศาลแห่งนี้มีทั้งเทพเจ้า เทพมนุษย์ และเครื่องบูชาโบราณภายใน หลายคนแวะมาขอพรจากเทพเจ้าเล่งบ๊วยในด้านการค้าให้มั่งคั่งร่ำรวย เจริญก้าวหน้า โชคดีและปลอดภัย ขณะที่เรามาเก็บภาพฝากผู้อ่าน (ธันวาคม 2563) กำลังมีการบูรณะสถานที่ให้งดงามยิ่งขึ้น

อันนี้เซอร์ไพร์สเราสุดๆ เพราะว่าได้ยินชื่อเสียง แต่ไม่เคยมาเห็นด้วยตา ยอมรับว่าตื่นเต้นกับศิลปะและสไตล์แปลกตาของของวัดมงคลสมาคม ซึ่งเป็นวัดฝ่ายมหายานเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ที่ตั้งอยู่บริเวณหัวถนนแปลงนามฝั่งถัดจากตลาด หลังจากเรากำลังย่ำเท้ากลับมาเกือบจรดเป็นแปดตามความตั้งใจแต่ต้น

กวาดตาแป๊บเดียวก็รู้สึกได้ว่าสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับจีน แต่ป้ายชื่อวัดเขียนบอกไว้ถึง 3 ภาษาอาจทำให้เดาได้ว่าเป็นวัดญวน ที่นี่มีวิหารสำหรับทำสังฆกรรมเพียงหลังเดียว เรียบง่าย และงดงามจับใจ พระประธานเป็นศิลปะที่เห็นได้ยากในกรุงเทพฯ และโต๊ะบูชาตรงข้ามพระประธาน และฝั่งขนานกันที่โถงนอกชาน มีเทพเจ้าของจีนตั้งไว้บูชาไปพร้อมกัน ดูความงดงามจากภาพก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นใจแตกต่างไปจากที่คุณและผมเคยสัมผัสมาจริงๆ 

อ้อ..ปากทางเข้าวัดมงคลสมาคม มีขนมจีบแป๊ะเซี้ยะ เจ้าเลี่องชื่อแห่งแปลงนาม ที่คนรุมซื้อกันรัวๆ จนเราขอแวะมาอีกทีคราวหน้าแน่นอน

นอกจากร้านข้าวต้มเป็ด-กระเพาะหมู เจ้าดังใกล้ๆ กันกับวัดแล้ว ตรงข้ามวัดมงคลสมาคมยังมีร้าน เจ้มาลี ให้แวะเติมพลังอีกครั้งหลังจากเมนูก่อนหน้าอันตรธานหายไปในลำไส้หมดแล้ว กระเพาะปลาจ้างให้ก็ไม่บอกสูตร มีทั้งกระเพาะล้วนหรือใส่เป๋าฮื้อ กินร้อนๆ ในหม้อดิน ฟินขอรับกระผม

แวะกินหวานเย็นกับไอศกรีมร้านบลูวอเตอร์ เสร็จตรอกข้างร้าน มีมุมสตรีทอาร์ตให้คุณได้อินไปกับฟีลของจีนร่วมสมัย และถ่ายรูปเป็นที่ระทึก เอ้ย ระลึก กับคนสนิทหรือเพื่อนรักก็ตาม เป็นอันจบทริปแปลงนาม

เดินกลับไปยลโฉมอาคารสถานีวัดมังกรจากอีกมุม ต่างเวลาต่างจุด ก็ยังงดงามอยู่ดี ถึงตรงนี้ขอกล่าวสวัสดีปีใหม่ ทุกท่าน และโชคดี เฮงๆๆ ผ่านทุกๆ เรื่องหนักไปด้วยกันโดยสวัสดิภาพ


เรื่อง: ณัฐพล ช่วงประยูร 

ภาพ: ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ

 

ย้อนตำนานการนั่ง ‘เก้าอี้นายกฯ’ ในวันเด็กแห่งชาติ ที่มาเป็นอย่างไร

วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติไปหนึ่งอย่าง คือการเปิดให้เด็ก ๆ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุให้ปีนี้เด็กๆ อดนั่งเก้าอี้ผู้นำสูงสุดของประเทศกันไป

เก้าอี้นายกฯ นั่นมีมานานแล้วล่ะ เพราะถ้าไม่มีเก้าอี้นายกฯ นายกฯ ก็คงไม่มีที่นั่ง ผ่ามม!! แต่นั่งแล้วใครจะเลื่อยขาเก้าอี้หรือไม่ อันนี้ก็ต้องระวัง ผ่ามม!! กลับมามีสาระกันสักนิดดีกว่า ที่มาของการเปิดให้เด็กๆ ได้เข้ามาดูห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีไทยนั้น เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2550 สมัยรัฐบาลของ พลเอก สุรยุทธ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในเวลานั้นได้มีการสร้าง ‘เก้าอี้นายกฯ’ อย่างเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก

ทำให้ในเวลาต่อมา จึงได้เปิดให้เด็กๆ เข้ามาดูห้องทำงานนายกฯ และเปิดโอกาสให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้ทดลองนั่นเก้าอี้ผู้นำสูงสุดของประเทศ นัยว่าให้เกิดแรงบันดาลใจในการใฝ่เรียนรู้ และเติบโตขึ้นมาช่วยกันพัฒนาประเทศ โดยหลังจากที่เปิดให้เด็ก ๆ ได้มีกิจกรรมดังกล่าวนี้ ปรากฎว่า กระแสดีเกินคาด ในปีถัด ๆ มา ทุกวันเด็กแห่งชาติ จึงกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปโดยปริยายว่า ต้องมีกิจกรรมนั่งเก้าอี้นายกฯ เป็นไฮไลท์

ในมุมกลับกัน การจะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ นั้นก็ต้องลงทุนด้วยเวลา โดยค่าเฉลี่ยทั้งกระบวนการของการมารอนั่งเก้าอี้นายกฯ นั้น ใช้เวลาราวๆ 2-3 ชั่วโมง ประมาณการว่าต้องตื่นราวๆ ตี 4 ตี 5 แล้วเดินทางมาให้ถึงทำเนียบฯ ในเวลา 06.00 น. เพื่อจะได้เป็นคิวแรกๆ ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีเด็กบางคน เมื่อถึงเวลาได้คิวเข้าไปนั่งเก้าอี้นายกฯ แล้ว ถึงกับผลอยหลับไปซะเฉย ๆ ไม่ใช่ว่าแอร์ห้องนายกฯ เย็น หรือตื่นเต้นจนเป็นลม แต่ด้วยความง่วงที่ตื่นเช้ามารอคิวนี่เอง เลยทำให้หลับไปเสียอย่างนั้น

ปีนี้ไม่มีภารกิจนั่งเก้าอี้นายกฯ เหมือนที่เคยเป็นมา แต่ถึงไมได้นั่ง ก็นั่งเก้าอี้ที่บ้านได้ นั่งตรงไหนก็พิเศษเหมือนกัน ถ้าเป็นเด็กดี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ รักชาติบ้านเมือง ไม่ใช่คำขวัญนะ ฝากไว้ให้กับน้อง ๆ เท่านั้นเอง

ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ รวมมิตรทั่นผู้นำ...ผู้คล้ายตัวการ์ตูน

วันนี้วันเด็กแห่งชาติ นึกถึงเรื่องราวเด็กๆ ก็ทำให้นึกถึงบรรดาการ์ตูนที่เป็นของคู่กัน ใครมีตัวการ์ตูนในดวงใจอะไรกันบ้าง? สำหรับเรามีเพียบ!  The States Times นึกสนุก ลองหยิบตัวการ์ตูนในตำนาน มาเทียบเคียงกับเหล่าทั่นผู้นำของประเทศไทย ทั้งปัจจุบันและในอดีต มีท่านไหนเหมือนตัวการ์ตูนตัวใดบ้าง ไปดูกัน!

ลุงสมชาย & โนบีตะ

อดีตนายกรัฐมนนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย ทั่นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ด้วยลุคที่ผู้คนเห็นเป็นประจำ นั่นคือ การสวมแว่นตา ดูไปดูมา ท่านคล้าย...เจ้าโนบีตะ ตัวการ์ตูนในตำนานจากเรื่องโดราเอมอน เด็กชายสวมแว่นที่มีแมวจากโลกอนาคตเป็นเพื่อนซี้ พร้อมประโยคอันแสนจดจำ ‘โดราเอมอนช่วยด้วยยยยยย’

ลุงแม้ว & ป็อบอาย

ลุงแม้ว หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของเมืองไทย แถมยังอยู่ในตำแหน่งตั้งเกือบ 6 ปีแน่ะ เรียกว่าได้มอบคำขวัญวันเด็กกันอยู่หลายรอบ ส่องรูปพรรณสัณฐานใบหน้าของลุงแม้วแล้ว คลับคล้ายคลับคลาตัวการ์ตูนกะลาสีเรือในตำนาน นามว่า ‘ป็อปอาย’ ใครที่ยังจำได้ ป็อปอายต้องกินผักเขียวกระป๋อง แล้วจะทรงพลัง งานนี้เห็นลุงแม้วถือแก้วไวน์ออกสื่อโซเชี่ยลอยู่บ่อยๆ ก็ไม่แน่ใจว่า จะชอบกินผักด้วยหรือเปล้าน๊า??

น้าปู & มู่หลาน

ประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและคนเดียวเมื่อปี พ.ศ. 2554-2557 เธอคือ น้าปู เอ้ย! นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเป็นนายกฯ ของเมืองไทยลำดับที่ 28 เห็นใบหน้าของอดีตนายกฯ ปูแล้ว เธอดูคล้ายๆ มู่หลาน ตัวการ์ตูนหญิงยอดนักสู้ที่ต้องออกรบเพื่อปกป้องบิดาของตัวเอง แหม่ พล็อตคุ้นๆ นี่ถ้ารบเพื่อพี่ชายล่ะก็ เป๊ะปังปุลิเย่!!

น้ามาร์ค & เดคิสุงิ

น้ามาร์ค หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2551 – 2554 เป็นนายกฯ คนที่ 27 ของประเทศไทย ใครๆ ก็มักเห็นภาพน้ามาร์คในมาดเนี้ยบๆ เป็นประจำ ทำให้นึกถึงตัวการ์ตูนในเรื่องโดราเอมอน นามว่า เดคิสุงิ มาดเนี้ยบ เรียนเก่ง และดูผู้ดี๊ผู้ดี นี่มันภาพอวตารของน้ามาร์คช้าดดดๆ!!

คุณปู่จิ๋ว & จอมมารบู

ยังจำคุณปู่จิ๋วหวานเจี้ยบได้หรือเปล่า หลานๆ เด็กๆ ยุคนี้อาจไม่คุ้นเคยอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ ในอดีต พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ หรือคุณปู่จิ๋ว เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยในช่วงปี พ.ศ. 2539 - 2540 ใครที่คุ้นๆ ก็มักจะนึกถึงยุควิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งนั่นแหละ ไม่นาเชื่อว่า คุณปู่จิ๋วจะมีความละม้ายคล้าย จอมมารบู ตัวการ์ตูนจากเรื่องดราก้อนบอล แม้จอมมารบูจะรับบทตัวร้าย แต่ก็เป็นตัวร้ายที่ดูน่ารัก มาในตัวม่วงกลม หน้าตาน่าเอ็นดู เห็นแล้วไม่อยากปะทะ แต่อยากยิ้มให้ซะมากกว่า 

ลุงตู่ & สึบาสะ

ปิดท้ายที่ลุงตู่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย ลุงตู่มาดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยเป็นนายกฯ คนที่ 29 ของประเทศ นอกจากเรื่องบริหารบ้านเมืองแล้ว ลุงตู่ยังแต่งเพลงได้เก่งไม่เป็นสองรองใคร แถมยังชอบกีฬาตระกร้อ และฟุตบอล ดูจากช็อตซัลโวลูกฟุตบอลช็อตนี้ ช่างคล้ายกับตัวการ์ตูนนักฟุตบอลขวัญใจเด็กๆ ยุค 90 นั่นคือ โอโซระ สึบาสะ จากเรื่องเจ้าหนูสิงห์นักเตะ พอมาเล็งเทียบท่าทางกันแล้ว สงสัยคงต้องเรียก ลุงตู่สิงห์นักเตะ ส่วนจะเตะฟุตบอลอย่างเดียว หรือเตะคนเอาลุงตู่มาเป็นตัวการ์ตูนด้วย อันนี้ก็ขอกราบลา!!!  (อิอิ)

9 มกราคม พ.ศ. 2472 ครบรอบ 92 ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

สำหรับชาวกรุงเทพแล้ว หลายคนคุ้นเคยกับสะพานพระพุทธยอดฟ้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากภาพลักษณ์ของสะพานที่งดงาม หรือเป็นสะพานที่ใช้สัญจรไปมาระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร แต่หากย้อนเวลากลับไปกว่า 92 ปี วันนี้ถือเป็นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

กล่าวสำหรับสะพานพระพุทธยอดฟ้า ถูกสร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงเทพมหานครครบ 150 ปี โดยมีพระราชดำริที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อันเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงเป็นผู้สถาปนากรุงเทพมหานคร

สะพานพระพุทธยอดฟ้าถูกออกแบบเป็นสะพานเหล็กยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.50 เมตร สามารถยกตอนกลางให้เรือใหญ่แล่นผ่านได้ โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2472 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสะพานว่า สะพานพระพุทธยอดฟ้า กระทั่งกาลเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน สะพานอันงดงามแหง่นี้ก็ยังคงดำรงอยู่ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในด้านการสัญจรเรื่อยมา

10 จุดสะสมเชื้อโรค สัมผัสแล้วควรทำความสะอาดทันที

แม้จะเริ่ม work from home กันเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีผู้คนอีกไม่น้อย ที่ต้องออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน หรือยังต้องเดินทางมาทำงานอยู่ เรื่องป้องกันตัวเองพื้นฐานนั้น เราเชื่อว่าทุกคนพยายามตระหนักใส่ใจกันอยู่แล้ว แต่ในเมื่อชีวิตยังต้องออกมายังที่สาธารณะ

ยังไงก็หลีกไม่พ้นการสัมผัสกับสิ่งของมากมาย และนี่คือ 10 จุดตามที่สาธารณะ ที่อยากให้คุณตระหนักเอาไว้เสมอว่า หากสัมผัสเมื่อไร ควรล้างมือเพื่อความปลอดภัยทันที

สแกนเสื้อผ้าหน้าผม ‘นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน’ อยากเป๊ะแบบคุณหมอ ต้องทำอย่างไร?

ใครเอ่ย เจอกันบ่อยยิ่งกว่าแฟน? หมอทวีศิลป์ไง จะใครล่ะ แฮ่!! ขออนุญาตหยอกคุณหมอทวีศิลป์เพื่อเป็นการผ่อนคลายสักเล็กน้อย เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นร้อนเกิดกับคุณหมอมากมาย ทางเราก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอทวีศิลป์ รวมไปถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์โควิด-19 ระบาดทุกท่าน สู้ ๆ นะค้า

กลับมาที่การเจอหน้าคุณหมอทวีศิลป์อยู่บ่อยๆ อีกครั้ง เพราะเวลานี้ ประชาชนคนไทยต้องรอดู LIVE สด การแถลงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของคุณหมอทุกวัน งานนี้ถ้าสังเกตกันดูดี ๆ ลุคคุณหมอเริ่มเป๊ะปังขึ้นทุกวันๆ The States Times เลยขออนุญาต ‘ส่องคุณหมอ’ เอิ่ม หมายถึง ส่องลุคค่ะ เราไปสแกนเสื้อผ้าหน้าผมของคุณหมอออกมาเป็นที่เรียบร้อย อยากจะแต่งแบบลุคคุณหมอทวีศิลป์ต้องแต่งอย่างไรนั้น ตามไปดูในภาพนี้กันเลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top