Friday, 18 April 2025
แพทองธาร

‘เทพไท’ ชี้!! ทักษิณ คือ เจ้าของรัฐบาลตัวจริง ฟาด!! ทำงาน สั่งการ ผ่านลูกสาว ที่เป็นร่างทรง

(22 ธ.ค. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ 

ทักษิณ คือ เจ้าของรัฐบาลตัวจริง  ถ้าใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการรับเชิญเป็นวิทยากร กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ ‘อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย’ ในงานสัมมนา ‘ISAN NEXT: พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาแล้ว จะทราบว่ามีเนื้อหาในการบรรยาย พอสรุปได้ดังนี้คือ

1.การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ หรือสินค้าโอทอปของภาคอีสาน

2.ปัญหายาเสพติด จัดทำแอปพลิเคชันที่จะรับข้อมูลจากประชาชน เพื่อให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง

3.เสนอให้แปลงการออกพันธบัตรรัฐบาลให้มาสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยออกพันธบัตรอายุสั้นขายคนทั่วไปในรูปของเหรียญ ซึ่งประชาชนสามารถที่จะนำไปใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ และต้องทำให้จีดีพีโตได้ 4-5% จากที่เป็นอยู่ 2%

ซึ่งเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ เกี่ยวกับการพัฒนาภาคอีสานในครั้งนี้ จะถูกรัฐบาลชุดนี้นำไปปฏิบัติอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า นายทักษิณพูดอะไร รัฐบาลชุดนี้ก็นำไปปฏิบัติทั้งหมด นับตั้งแต่การแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ บนเวทีสัมมนาของเครือเนชั่น รัฐบาลก็นำไปเป็นนโยบายของรัฐบาล และได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาไปแล้ว รวมถึงนายทักษิณได้พูดเรื่องแจกเงินให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท บนเวทีปราศรัยจังหวัดอุดรธานี นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาขานรับทันทีในวันต่อมา และนำไปปฎิบัติเป็นนโยบายของรัฐบาลแล้ว

แม้แต่การตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่นายทักษิณประกาศให้นางสาวแพทองธาร เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ รัฐบาลยังไม่ทันได้ตั้งกรรมการขึ้นมาเลย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ลงพื้นที่ลุยปราบปรามทันที ตามคำดำริของนายทักษิณ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคำสั่งรัฐบาลด้วยซ้ำไป

เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายทักษิณพูดทั้งหมดคือ แนวทางการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่ต้องสงสัยว่า ระหว่างนายทักษิณกับนางสาวแพทองธาร ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง จะบอกว่า ‘พ่อทำลูกซ่อม’ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้ ‘พ่อคิด พ่อกำหนด พ่อกำกับ พ่อสั่งการ’ ผ่านร่างทรงที่เป็นลูกสาว คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อายุน้อยที่สุดของไทย

ผลพวงการพ้นจากอำนาจอย่างกะทันหันของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลคนใหม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวคนสุดท้องของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 และหลานอา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ จากตระกูลชินวัตรคนที่ 3 และนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของไทย 

อีกทั้งยังครองตำแหน่งเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วยวัยเพียง 37 ปี ในวันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหนงนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 

สำหรับ นางสาวแพทองธาร เริ่มก้าวเท้าเข้ามาแตะวงการการเมืองอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2564 ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

ภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ก็ได้เดินหน้าลุยงานทันที โดยไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และไอเดียใหม่ ๆ กับกลุ่ม UNISEC และกลุ่ม SpaceZap ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนและผู้ที่มีความสนใจในด้านอวกาศ นอกจากนี้ยังคิดค้นนโยบาย ‘1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์’ ปลดปล่อยศักยภาพคนไทย สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง ฯลฯ

และเมื่อประเทศไทยใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จัดเคมเปญ ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ ให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. ของพรรค ได้มีส่วนร่วมในการ ‘หาสมาชิก’ เป็นฐานในการ ‘คัดคน’ ลงสมัครเลือกตั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ จึงได้สวมหมวก ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ อีกหนึ่งใบ โดยเปิดตัวที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง

จากนั้น ในเวลาต่อมา พรรคเพื่อไทยได้เปิดรายชื่อ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีชื่อนางสาวแพทองธาร ปรากฏเคียงคู่กับอีก 2 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คือ เศรษฐา ทวีสิน และ ชัยเกษม นิติสิริ 

และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทย ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี ครั้งที่ 1/2566 มีวาระสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดใหม่ โดยในที่ประชุมมีมติโหวตให้นางสาวแพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกหนึ่งตำแหน่ง ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมา

กว่า 4 เดือนของการทำหน้าที่ ผู้นำรัฐบาล แม้จะถูกตั้งคำถามเรื่องภาวะผู้นำ และการปฏิบัติหน้าที่อยู่เนือง ๆ แต่นางสาวแพทองธาร ยังคงได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลการสำรวจของโพลต่าง ๆ รวมถึงนักการเมืองในฟากฝั่งรัฐบาลที่พร้อมให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นว่า จะแสดงความสามารถในบทบาทผู้นำได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน 

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

'นายกฯอิ๊งค์' ขอหัวหน้าส่วนราชการเรียกความเชื่อมั่น โวยถูกเกมการเมืองบิดเบือนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยันกาสิโนแค่ในคอมเพล็กซ์ไม่ใช่ทั้งประเทศ

(9 เม.ย.68) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2568 มีปลัดกระทรวงเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจมากที่ได้มาเจอทุกท่าน หนักเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็หนักพอสมควร ขณะนี้อยู่ในช่วงเคลียร์พื้นที่ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมตัวให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ตั้งแต่นาทีแรกที่เกิดเหตุการณ์ ต่อจากนี้คงต้องช่วยกันต่อไป วันนี้มาที่ ททท. ช่วยกันเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา ให้ต่างชาติรู้ว่าเป็นเดือนแห่งความสนุกสนานมีเทศกาลสงกรานต์กระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนอื่นให้ไปต่อ ส่วนการเคลียร์พื้นที่ก็ต้องทำไป การเยียวยารัฐบาลต้องดูแล ส่วนการตรวจสอบขอย้ำให้ทุกภาคส่วนสืบหาข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ แต่ภาคอื่นๆ ต้องลุยแล้วในเรื่องสงกรานต์ การสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เราต้องขายของเดิมของเราก่อนให้เต็มพลัง เอาตัวเลขของนักท่องเที่ยวกลับมาเพื่อบูธทุกภาคส่วนด้วยสิ่งที่เรามีให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น หลังประสบภัยธรรมชาติ ต้องร่วมมือทุกภาคส่วน มีอะไรตนพร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนอยู่แล้ว ตอนนี้ขอให้ทุกท่านนอนให้เต็มที่พอเข้าสงกรานต์แล้วจะหนักนิดหนึ่งให้กำลังใจทุกท่าน

น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีประเด็นหลายอย่างมาก ซึ่งเราถูกบิดเบือนในคำพูดว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือกาสิโน จริงๆแล้วกาสิโนที่จะถูกกฎหมายคือถูกกฎหมายในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แปลว่าประเทศไทยเปิดบ่อนที่ไหนถูกกฎหมายทั้งหมด และในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็มีกาสิโน แค่10% ของพื้นที่ ไม่ใช่ใครก็ได้เปิดกาสิโนได้หมดทุกที่เต็มไปด้วยกาสิโนทั้งหมดไม่จริงนี่เป็นเกมการเมือง เป็นการบิดเบือนความหมายและเจตนา นโยบายนี้อยู่ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หวังเป็นอย่างยิ่งเราจะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ จะเกิดการจ้างงาน จะเกิดการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เข้าไปทำงาน ทุกคนต้องมีสกิลที่สูงขึ้น มีตำแหน่งงานเป็นร้อยเป็นพัน มีการก่อสร้างมีการจ้างงาน ประชาชนก็จะต้องผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นเพราะในนั้นต้องมีการทานอาหาร ต่างชาติที่อยากได้ของไทยมาที่นี้หมดถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก้อนใหญ่ แต่ถูกบิดเบือนพูดว่ากาสิโน ทั้งหมดไม่ได้เปิดได้ทุกที่ มีแต่ในคอมเพล็กซ์เพื่อเอาเงินเหล่านั้นมาหมุนคืนทุนในการก่อสร้างอยากให้หัวหน้าหน่วยราชการทุกท่านช่วยกันสื่อสารว่าเราไม่ได้เปลี่ยนประเทศให้เป็นประเทศกาสิโน ไม่ใช่อยู่แล้ว มันแค่หนึ่งที่หนึ่งคอมเพล็กซ์ต่อใบอนุญาติ วันนี้ใครชอบเล่นการพนันเล่นที่ไหนที่นั่นถูกกฎหมายหรือไม่ จ่ายภาษีให้รัฐหรือไม่ มันไม่ถูกกฎหมาย ไม่ได้รับการดูแลแต่มันก็มีอยู่ดี เราต้องรู้ว่าประเทศของเราจะขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้อย่างไรบ้าง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top