Friday, 18 April 2025
แพทองธาร

‘อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น!! เลือกเพื่อไทยไม่ต้องลุ้น ประเทศไทยเปลี่ยนทันที

‘อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น!! เลือกเพื่อไทยไม่ต้องลุ้น ประเทศไทยเปลี่ยนทันที

“เลือกเพื่อไทยไม่ต้องลุ้น ประเทศไทยเปลี่ยนทันที”

แพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าว

‘อุ๊งอิ๊ง’ พาครอบครัวชินวัตร เข้าคูหาเลือกตั้งย่านคันนายาว พร้อมแนะ ปชช. ให้เผื่อเวลา เนื่องจากคนเยอะ อาจใช้สิทธิไม่ทัน

(14 พ.ค. 66) ที่บริเวณลานกีฬา 1 เคหะธานี 3 แขวงรามอินทรา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา และน.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 15 เขตเลือกตั้งที่ 15 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว โดยมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธาร และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา ร่วมเดินทางมาด้วย โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธารและครอบครัว เดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้งที่ 15 ได้เข้าตรวจสอบรายชื่อลำดับการใช้สิทธิ์เลือกตั้งของตัวเอง ซึ่งพบว่าคุณหญิงพจมาน น.ส.แพทองธาร และ น.ส.พินทองทา อยู่ในลำดับที่ 453-455  

น.ส.แพทองธาร กล่าวภายหลังการใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่า ตนรู้สึกดีที่เห็นจากช่วงเช้าที่ได้ดูข่าวเห็นคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่เขตเลือกตั้งนี้ก็มีคนเยอะมาก และต่อคิวกันนานพอสมควร วันนี้ถือเป็นวันที่สำคัญที่พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และอยากให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิกันเยอะๆ เพราะหนึ่งเสียงมีความหมายและเปลี่ยนอะไรได้เยอะจริงๆ จึงอยากให้ผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เผื่อเวลาออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งจะปิดหีบในเวลา 17.00 น. เนื่องจากจะมีคนมารอคิวอยู่และท่านอาจจะใช้สิทธิไม่ทัน

เมื่อถามว่าหลังจากใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วจะเข้าพรรคเพื่อลุ้นผลการเลือกตั้งกี่โมง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนจะขอกลับไปหาลูกก่อน เพราะหน่วยเลือกตั้งอยู่ใกล้บ้าน คาดว่าในช่วงบ่ายใกล้ปิดหีบเลือกตั้งจะเดินทางเข้าพรรค

เมื่อถามว่าก่อนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้ดูฤกษ์หรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนไม่ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไร เพียงแต่ได้กราบคุณแม่เพราะถือว่าเป็นพระในบ้าน และเป็นพระในใจของลูกอยู่แล้ว แล้วก็ถือว่าเป็นการกราบคุณพ่อด้วย พอกราบแล้วก็รู้สึกดี

เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ให้กำลังใจหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อ แต่คุยกันเมื่อวานนี้ (13 พ.ค. 66) ท่านบอกให้ตนนอนเยอะๆ เพราะรู้ว่าเรามีลูกเล็กและตื่นบ่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหน่วยเลือกตั้งนี้มีผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากองค์กรต่างประเทศและสถานทูต เข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง และติดตามดูการลงคะแนน รวมถึงติดตามดูการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร ด้วย

‘แพทองธาร’ ขอบคุณทุกคะแนนเสียงโหวตนั่งนายกรัฐมนตรี ประกาศพร้อมเดินหน้าทำงานอย่างตั้งใจ สร้างโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยทุกคน

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 14.08 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกภายหลังสภาผู้แทนราษฎร 319 เสียง ลงมติเห็นชอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 

นางสาวแพทองธาร กล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงโหวตจากตัวแทนประชาชนทุกท่าน ดิฉันและทีม จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ใดก็ตามที่ได้รับมอบหมาย ขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี  ที่ทำงานมาอย่างหนักมาโดยตลอดเกือบ 1 ปีเต็ม เราทุกคนพร้อมจะทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป“

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ความตั้งใจแรกที่จะทำคืออะไร นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ขอให้มีการเสนอรายชื่อและโปรดเกล้าก่อนที่จะมีการพูดถึงรายละเอียดในการบริหารต่อไป วันนี้ตั้งใจเพื่อขอบคุณคะแนนโหวตมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนแรกที่แสดงความยินดีคือใคร  นางสาวแพทองธาร ตอบว่า สามี พี่ชาย และพี่สาว  ซึ่งอยู่ด้วยกันในขณะติดตามการโหวต  และได้โทรคุยกับคุณพ่อคุณแม่  โดยคุณพ่อโดย Facetime บอกว่า เมื่อได้รับการนำเสนอชื่อทูลเกล้าและโปรดเกล้าฯ แล้ว ขอให้ทำเต็มที่ ดีใจที่หวังว่าจะได้เห็นลูกสาวได้รับตำแหน่ง (นายกรัฐมนตรี) ก่อนที่ท่านจะเป็นอัลไซเมอร์ เป็นอะไรไป ท่านบอกแบบนี้ เพราะท่านอายุมากแล้ว  (หัวเราะ) พูดกันเล่นๆ ก็เป็นกำลังใจให้กันเสมอ คุณแม่ เป็นห่วงเสมอ บอกคุณแม่ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแรงกดดันหรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า ความกดดัน เราสามารถจัดการกับมันได้ การทำงาน ใน mindset ที่เข้ามาทำงานตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานการเมือง ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุด เก่งที่สุดในห้อง แต่คิดเสมอว่าเรามีแรงผลักดันที่ชัดเจน เรามีทีมที่ดี ทีมของเราเข้มแข็ง มีประสบการณ์ มีความตั้งใจและคิดไปในแนวทางเดียวกับเรา คือสิ่งที่ตนเองให้คุณค่า (Value) ตรงนี้มากๆ ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งตรงไหนก็ตาม  เมื่อเรามีทีมที่ดี เราจะประสบความสำเร็จได้ 

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า ตนมีความคาดหวังว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนว่า ‘เรา พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล’ จะร่วมกันสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างพลังให้กับคนไทยทุกคน 

(I really hope that I can make the people feels confident about that we can to built opportunity and to improve the quality of life and to empower to all Thais)

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามว่า คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับการยืนยันว่านายเศรษฐา ต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (What was on your my when confirm the Prime minister left? )

นางสาวแพทองธาร ตอบว่า  มีความรู้สึกสับสน และในขณะนั้นยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรหลังจากผลของคำนิจฉัยของศาลออกมา เมื่อผลเป็นเช่นนั้น ตนรู้สึกเสียใจ เพราะไม่ได้คาดหวังว่าผล (ของคำวินิจฉัย) จะเป็นอย่างนั้น 

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้รู้ผลคำวินิจฉัยหลังจากที่เดินทางกลับจากจีน และรู้ผลหลังจากเปิดโทรศัพท์มือถือและอ่านข่าว ตอนนั้นเกิดความรู้สึกว่า ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นอย่างนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก และได้คุยกับคุณเศรษฐา พูดคุยกับครอบครัว และพูดคุยกับคนในพรรคหลายคน จนตัดสินใจได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำอะไรสักอย่าง เพื่อประเทศ และเพื่อพรรคเพื่อไทยด้วย ตนจะทำเต็มที่เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า 

ตอนนี้ วันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมาก ยืนยันว่าทำดีที่สุดในทุกๆ วันและในทุกโอกาสที่มี  แม้มีหลายอย่างเกิดขึ้น หากตนทำดีที่สุดเสมอ และนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เสมอ เชื่อว่าทุกอย่างจะลุล่วงไปได้ด้วยดี

(I was very confused and I didn’t know what to do when the result come out and I felt very bad because I didn't expect the result to be right that at all. 

On Wednesday, I heard the result because I was on a plane flying back from China. So, when I turned on my phone and then I read the news. I felt almost like I didn’t know it gonna happen like this. I was very sad and I got back up again and I talked to Khun Srettha and I talked to my family and I talked to a lot of people from my party. And I decided that it’s about time to do something for the country and for the party as well and I hope that I can do my best to make the country go forward. That’s what I try to do. Right now, today I feel very honored and I feel very happy.

To do my best in everyday and in every opportunity that I have. I think that’s make me feels like. You know that a lot of things going on around me. If I always do my best and always think about what is happening right now right here in front of my face, I will be fine.

Thank you all for coming) 

พรรคร่วมรัฐบาล มีมติ ส่ง 'แพทองธาร' เข้ารับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 'แพทองธาร' ประกาศ 'ประเทศไทยต้องไปต่อ' พร้อมเดินหน้านำพาประชาชนหลุดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ (15 สิงหาคม 2567) นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ สส.สระแก้ว กล่าวว่า นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย สิ้นสุดลงวานนี้ (14 สิงหาคม 2567) พวกเราทุกคนในนามของพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล วันนี้มีจุดยืนเดียวกัน โดยหลังจากในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ได้มีมติเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าเสนอชื่อเป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามที่นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือนัดประชุมสภาเป็นพิเศษ พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้เสนอชื่อ และพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ให้ความเห็นชอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 กล่าวขอบคุณกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ให้ความไว้วางใจ เสนอชื่อให้เป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคสำหรับการสนับสนุนนี้ แน่นอนว่าจะทำงานอย่างเต็มความสามารถ และขอให้รอดูผลการลงมติในวันพรุ่งนี้อย่างเป็นทางการ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทุกคนชื่นชมในการทำงานของอดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน เสียดายที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างที่เราไม่ได้คาดฝันเอาไว้ นายเศรษฐา เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพรักนับถือมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน แม้เสียดายโอกาสนี้ แต่ประเทศต้องไปต่อ  พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตัังรัฐบาล วันนี้เรามีความพร้อม  ดิฉันมั่นใจในพรรคเพื่อไทย มั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ที่จะช่วยกันนำพาประเทศของเราให้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ  เรามารวมตัวกันในวันนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าเรามีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น มีความพร้อมเพรียงกัน ในการผลักดันประเทศให้ไปต่อ ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่มาร่วมกัน รวมกัน ตกลงกัน ทำเพื่อประเทศชาติร่วมกันต่อไป 

นางสาวแพทองธาร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าได้มีการปรึกษาครอบครัวหรือไม่  นางสาวแพทองธารระบุว่า ทุกเรื่องปรึกษาครอบครัวอยู่แล้ว เรามาถึงจุดที่ทำให้ประเทศชาติไปต่อ เรายินดีและตั้งใจ เราได้พูดคุยกันและเคารพการตัดสินใจเสมอ พร้อมกับปรึกษา ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นบิดา เป็นผู้มีประสบการณ์ และยังเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมาก่อนด้วย  

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรึกษากับ ดร.ทักษิณ ใกล้ชิดมากขึ้นหรือไม่ นางสาวแพทองธารระบุว่า “ไม่ค่ะ เท่าเดิม เพราะใกล้มากอยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยหารือกับนายเศรษฐา หรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า คุณเศรษฐา เป็นคนสนับสนุนให้ดิฉันได้รับการเสนอชื่อ ส่วนตัวมีความเคารพคุณเศรษฐาอยู่แล้ว พูดคุยกันตั้งแต่เมื่อวาน และท่านให้การสนับสนุนเรื่องนี้มาก ท่านเป็นคนที่มีแพชชันเยอะมากๆ อยากผลักดันนโยบายให้สำเร็จ มีเอเนอจี้เต็มร้อย มุ่งมั่นในการทำงานมาก ๆ ดิฉันหวังว่าจะผลักดันนโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทย ของพรรคร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากมติของกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคที่เสนอชื่อนางสาวแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว คุณแพทองธาร เป็นคนเสนอทำงานต่อจากนายเศรษฐาใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า “ใช่ค่ะ” 

“แพทองธาร” ประกาศเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ของโอกาสของคนไทยทุกคน

(วันที่ 18 สิงหาคม 2567) เวลา 11.00 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังการรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงคำกล่าวต่อสื่อมวลชน ว่า ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอีกครั้ง พรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนทุกคน ขอบคุณที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

วันนี้ ดิฉันให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ท่านได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้วางแผนในการเป็นนายกฯ ในครั้งนี้มาก่อน แต่ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า ดิฉันพร้อมและเต็มใจที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ พาประเทศชาติ ผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหาต่างๆ

ประเทศไทยของเรายังมีปัญหาเรื่องปากท้องที่รอการแก้ไขอยู่ และดิฉันตั้งใจว่า การได้รับตำแหน่งนี้ ดิฉันมีความมุ่งมั่นในการทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

ดิฉันมีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด ยกระดับระบบสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ และรวมถึงการผลักดัน Thailand  Soft power อย่างต่อเนื่องที่เริ่มทำมาตั้งแต่ต้น

ดิฉันมีความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วน เพื่อที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ เหล่านี้ให้สำเร็จลุล่วง ขอให้ทุกท่านติดตามการแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมได้ในเดือนกันยายนนี้

สุดท้าย ดิฉันอยากจะขอขอบคุณพลังที่สำคัญที่สุด พลังอันยิ่งใหญ่ คือพลังของพี่น้องประชาชน ทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือกดิฉัน

ดิฉันขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ อย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่าง ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความหลากหลาย ดิฉัน ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในฐานะแม่ ในฐานะลูก  ในฐานะเพื่อน  ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทย ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ของโอกาส เป็นพื้นที่ที่คนไทยกล้ามีความฝัน กล้ามีความคิดสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเองค่ะ

'สื่อมวลชนอาวุโส' แนะ!! รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ต่อยอด 'คนละครี่ง' กระตุ้น ศก. ชี้!! อย่ากังวลเป็นนโยบายพรรคอื่น หากนโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

(19 ส.ค. 67) เถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ตื่นเช้ามา…เจอคุณกนกอ่านข่าว เอกชนเสนอรัฐบาลรีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในแต่ละเรื่องต้องใช้เวลามาก

เงินดิจิทัลก็ยังรอความพร้อมรอทบทวน ยิ่งเป็น แพทองธาร มารับงานนายกฯ ครอบครัวต้องพิถีพิถันเพราะถ้าไม่รอบคอบก็คือยุ่งยากทั้งชีวิต

จริง ๆ แล้ว ถ้าจะแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ >> ลองหยิบ คนละครึ่ง มาพิจารณาก็ดีนะครับ  

1. เป็นนโยบายที่ทุกคนคุ้นเคย

2. ทุกฝ่ายยอมรับว่า มันได้ผล รั่วไหลน้อยมาก

3. ทำได้เร็วเพราะมีระบบรองรับ

4. นำมา Upgrade ให้ทันสมัย 

5. ใส่เงินมากขึ้นอีกนิดหน่อยก็ได้

6. ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะถูกว่า เอานโยบายรัฐบาลประยุทธ์มาใช้ เพราะตอนนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน

7. และนโยบายเพื่อไทย สมัยเป็น ไทยรักไทย มีคนเอามาใช้จนถึงวันนี้มากมาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP

8. นโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

9. ถ้าสำเร็จก็ได้มิตร ได้มวลชน ได้เยียวยาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า  

#วันนี้ขอเขียนแบบเป็นคนฝันดีโลกสวยอีกวัน

'นายกฯ อิ๊งค์' วอนทุกฝ่ายขอให้ดูที่ความตั้งใจ หลังถูกวิจารณ์เป็น 'ครม.สืบสันดาน' ลั่น!! เป็นนายกฯ แล้ว ไม่พร้อมข่มเหงใคร ยินดีรับฟังและให้เกียรติทุกฝ่าย

(5 ก.ย. 67) ที่อาคารชินวัตร 3 ‘น.ส.แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่ตนเข้ามาทำงาน ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ จากการโหวตของสภา ก็ต้องขอบคุณทุกท่าน และเมื่อเป็นนายกฯ แล้วไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร แต่พร้อมที่จะรับฟังและพร้อมที่จะให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าหลักคิดตรงนี้จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามข้อวิจารณ์และข้อร้องเรียนต่าง ๆ ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดการบั่นทอนการทำงานของตัวเอง ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และถ้าเป็นการวิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ คิดว่าน่าจะดีแต่สามารถเกิดขึ้นได้

เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ว่าเป็นคณะรัฐมนตรีสืบสันดาน หรือ ครม.ครอบครัว ‘น.ส.แพทองธาร’ กล่าวยอมรับว่า…

“เป็นคำที่แรงจริงๆ ด้วยใช้คำแรงจัง ความจริงมีหลายรูปแบบมีหลายคนที่ไม่ได้มาจากครอบครัว หรือเกี่ยวข้องกันและก็มีหลายคู่ที่เป็นครอบครัวต่อมา ส่วนตัวอยากให้มองถึงความตั้งใจ ที่ตั้งใจถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิดและคนรู้จัก หลายอย่างในชีวิตที่ต้องทำต้องอาศัยแรงผลักดัน และความภูมิใจของคนรอบข้าง ครอบครัว เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวมันไม่ใช่ข้อเสียมันเป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า”

ส่วนข้อวิจารณ์และการร้องเรียนหนีไม่พ้นคำว่าครอบงำ โดยเฉพาะจากการพูดของ ’นายทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“สงสารนายกฯ บ้างอย่าฟ้องอะไรเยอะเลย ดิฉันเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งใจทำงานเต็มที่ ขอย้ำอีกครั้งว่าบางครั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่าให้ความสำคัญมากนัก คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลยมันไม่ได้มีอะไรผิดแบบนั้นอยู่แล้ว”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของการแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีนั้น ขอเวลาพิจารณาถึงงานต่าง ๆ ก่อน รวมถึงจะมอบหมายการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้กับ ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยหรือไม่ ขอพิจารณาดูอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า วันเดียวกันนี้จะพิจารณาในส่วนของนโยบายรัฐบาลที่จะนำสู่การแถลงต่อรัฐสภาโดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนี้ก็จะมีการพูดคุยกันตกผลึกในทุกๆ ประเด็น เช่นเดียวกับในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งเข้ามาแล้วบางพรรค รวมทั้งนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของกัญชาขอให้รอสักนิดซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดรอให้ได้ข้อสรุปแล้วจะมาชี้แจงอีกครั้ง

‘นายกฯ อิ๊งค์’ เผย!! แถลง ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ 12 ก.ย.นี้ ยัน!! เงินหมื่นช่วยกระตุ้น-หมุน ศก.ไทยได้ทั้งระบบ

(11 ก.ย. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาด้วยเพื่อเตรียมความพร้อมข้อมูลต่าง ๆ ในการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 ก.ย.

โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้กำชับรัฐมนตรีทุกกระทรวงชี้แจงทันทีในข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภาที่อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯเพื่อความเข้าใจ ว่า ใช่ เพราะจริง ๆ แล้วรัฐมนตรีทุกท่านตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ก็ทำงานกันอยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบในเรื่องต่าง ๆ ได้ตอบเอง 

ในส่วนของนายกฯ ตอบภาพรวมได้ แต่ดีเทลการทำงานของแต่ละกระทรวง เขามีดีเทลที่เขาทำจริง ๆ ซึ่งจะชัดเจนกว่าและจะสามารถให้ข้อมูลประชาชนได้ชัดเจน และจะได้ไม่เกิดข้อสงสัยหรือเข้าใจผิดกัน จึงคิดว่าอยากให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบได้ตอบงานของตัวเอง

เมื่อถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดความชัดเจนจากเวทีนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ แน่นอนวันที่ 12 ก.ย.แถลงแล้ว จะแถลงภาพรวมของนโยบาย แต่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รมว.การคลังจะเป็นคนแถลงรายละเอียดทั้งหมด

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ 10,000 บาทได้ทั้งหมดก้อนเดียวดิจิทัลวอลเล็ต แต่วิธีการทำกับการหาเสียงแตกต่างกัน จะสามารถอธิบายประชาชนอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มันมีความแตกต่างแน่นอน พอได้ลงมือทำจริง ๆ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลมันมีเรื่องของระบบที่จะต้องติดตั้งอีกนาน ฉะนั้นเราคิดว่าเมื่อระบบและสิ่งอื่น ๆ ยังมีข้อพิพาทต่าง ๆ ซึ่งมันต้องรอ แต่เศรษฐกิจรอไม่ได้ประชาชนรอไม่ไหว ฉะนั้นต้องปรับเปลี่ยนในจุดนี้ให้ประชาชนก่อน เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป้าหมายของเราในการทำดิจิทัลวอลเล็ตนั่นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ หากกระตุ้นไม่พอ เรายังพร้อมที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในแบบดิจิทัลด้วย แต่ว่ามันมาช้ากว่า แต่เศรษฐกิจต้องถูกกระตุ้นก่อน เราทำอันนี้เสร็จไม่ใช่มีแค่นโยบายเดียว เรามีอีกหลายอันที่สามารถเศรษฐกิจได้ แต่อันนี้เป็นอันหลัก เร่งด่วนและเห็นผลทันทีจึงอยากรีบทำ

เมื่อถามว่า รัฐบาลวันนี้สานต่องานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งเคยมีนโยบายจ่ายเงินดิจิทัล รอบเดียวไม่แบ่งจ่ายกระตุ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ แต่วันนี้เปลี่ยนไปการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นตามเป้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การวางแผนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายเฟสที่ต้องกระตุ้น อย่าง 10,000 บาท ที่ได้แถลงไปแล้วว่าจะจ่ายก่อน ก็เป็นการกระตุ้นอันหนึ่ง ภาพใหญ่หนึ่งภาพก่อน แต่ส่วนหลังจากนั้นก็ไม่ลืมทิ้งโครงสร้างดิจิทัลที่เราจะต้องทำต่อด้วย อันนี้สำคัญ ตอนแรกเราจะไม่ให้เป็นเงินสดเลยทั้งหมด จะเป็นเงินดิจิทัลทั้งหมด แต่อย่างที่บอกเศรษฐกิจรอไม่ได้ เราก็เลยต้องแบ่งเฟส ดิจิทัลยังอยู่แต่เราอาจจะเปลี่ยนเป็นว่า 5,000 บาทไหม หรืออย่างไร เดี๋ยวให้ รมว.การคลังแถลงรายละเอียด

เมื่อถามว่า พอแบ่งจ่ายอาจจะไม่ใช่พายุหมุนเหมือนที่เราตั้งใจไว้ หลายคนมองว่าเหลือเพียงแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ นายกฯ กล่าวว่า มันเป็นการกระตุ้นแน่นอนแต่รูปแบบเปลี่ยนไป ฉะนั้นขอให้ รมว.การคลัง แจงในรายละเอียดอีกที

เมื่อถามว่าเป้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะลดลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ค่ะ เพราะเราแบ่งเฟสแล้วและอย่างที่บอกไม่ได้มีนโยบายเดียว ที่จะให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้น ฉะนั้นการแบ่งทีละเฟสควบคู่กับนโยบายอื่น ๆ ก็จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจดูดี

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงจ่ายเงินดิจิทัลขณะที่ยังไม่ศึกษารายละเอียดจึงทำให้การจ่ายเงินล่าช้า นายกฯ กล่าวว่า มันล่าช้าเพราะเราเข้ามาเราคิดว่าจริง ๆ แล้วระบบมันจะสามารถดำเนินไปได้เลย แต่มันต้องมีการรับฟัง แน่นอนถ้าไม่เกิดการรับฟังมีปัญหาอย่างแน่นอน ซึ่งต้องรับฟังหลาย ๆ ฝ่ายว่ามีข้อกังวลหรือข้อสงสัยอะไร อันนี้คือสิ่งที่เราพยายามทำให้รัดกุม และดีที่สุดสำหรับประเทศด้วย

เมื่อถามว่า ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีความมั่นใจเต็มที่หรือไม่ เนื่องจากทั้งฝ่ายค้านและ สว.จองคิวไว้เต็มที่ นายกฯ กล่าวว่า “เหรอคะ เราก็ทำเต็มที่ แต่จริง ๆ แล้วขอโฟกัสเรื่องน้ำท่วม หลังการแถลงก่อน”

เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นถึงกับจะต้องมีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบได้แต่ร้องอ๋อ

เมื่อถามว่า ยังมีเสียงข้อครหารัฐบาลแพทองธาร ไม่ต้องนับปีเอาแค่นับเดือนจะรอดหรือไม่ นายกฯ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ก็ช่วยกันนับ”

กลุ่มเปราะบางดีใจ ลุ้น 'เงินดิจิทัล' เข้าลอตแรกเร็วๆ นี้ ด้าน 'พ่อค้าแม่ค้า' หวังนำเงินไปใช้จ่ายลงทุนร้านค้าตัวเอง

(11 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีการจัดตั้งรัฐบาล ‘อุ๊งอิ๊ง1’ เรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มจากการแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ ‘บัตรคนจน’ และกลุ่มผู้พิการ จำนวนกว่า 14.5 ล้านคน โดยคาดว่าจะโอนเงินให้ได้หลังจากวันที่ 20 ก.ย. เป็นต้นไปท่ามกลางความสนใจของคนไทยทั้งประเทศที่เฝ้ารอรายละเอียดและความชัดเจนจาก ‘น.ส.แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ตลาดสดเทศบาล 1 เขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ซึ่งล้วนต่างถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต่างรู้สึกดีใจในความชัดเจนดังกล่าว และส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้จ่ายลงทุนร้านค้าตัวเอง

‘นางหนูกอ นาใต้’ อายุ 71 ปี แม่ค้าขายผักกล่าวว่า ดีใจที่รัฐบาลมีความชัดเจน เพราะตอนนี้การเงินชักหน้าไม่ถึงหลัง บางวันต้องยืมใช้จากเงินนอกระบบมาลงทุนขายผัก ทั้ง ค่าอยู่ ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไปโรงเรียนหลาน ถ้าได้มาก็จะได้ใช้จ่ายลงทุนและนำไปปิดหนี้นอกระบบ ซึ่งที่ยืมเพราะไม่มีเงินมาลงทุนค้าขาย บางวันขายไม่ได้ทุนคืนก็มี ก็ต้องยืมรายวันมาลงทุนไปก่อน ถ้าได้เงินตัวนี้มาก็พอช่วยได้ในระดับหนึ่งเพื่อมาลงทุนค้าขาย โดยส่วนตัวเท่าที่ฟังข่าวสารมาไม่มั่นใจว่าจะเป็นเงินสดหรือเงินแบบไหน แต่ถ้าได้เงินสดมาก็จะดี จะได้นำมาใช้ลงทุนต่อ เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ค้าขายก็ได้กำไรน้อย ลูกค้าก็ไม่ค่อยมีเหมือนเดิม คนเคยมาซื้อก็น้อยลงบอกว่าหาเงินยาก ซื้อลดลง และการค้าขายที่ร้านต้องขายให้หมดถึงจะเห็นกำไร

ขณะที่ ‘นางตุ๊กตา ศรีอภัย’ อายุ 57 ปี แม่ค้าขายปลาสด-ปลาปล่อย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลจ่ายเงินสดจริงจะดีใจมาก เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าได้เงินมาก็จะมาซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช ของใช้ครัวเรือน โดยที่ทุกวันนี้ครอบครัวติดตามข่าวสารมาตลอดก็ทราบว่าจะได้เงินมาเป็นรอบ ลอตแรก 5,000 บาท ซึ่งถ้าได้เงินสดมา เศรษฐกิจดีขึ้นแน่ คนออกมาใช้จ่ายซื้อของกันคึกคัก ทั้งยังคงนำไปจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าประปา และใช้จ่ายอื่นๆ จนนำมาสู่เงินหมุนเวียน ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง และในตลาดก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ด้าน ‘นายพลวัฒน์ ดอนตระกูล’ อายุ 36 ปี พ่อค้าขายเครื่องเทศ พริก กระเทียม กล่าวว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง ไม่มีบัตรประชารัฐ แต่ถ้าถามถึงความหวังนั้นไม่มีหวังอะไร และไม่รู้ว่าสิทธิ์ที่จะใช้เงินนี้จะใช้จ่ายอะไรได้บ้าง แต่ถ้าได้และเป็นเงินสดก็จะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะสามารถนำไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ แต่โครงการนี้ก็ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนแต่ถ้าได้มาก็จะดี เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ย่ำแย่ อยากให้ทางรัฐบาลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการแจกเงิน

‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดศึกน้ำลายแซะปมน้ำท่วม 'นายกฯ แพทองธาร' ชีวิตคงไม่เคยเจอความลำบาก เลยไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่น

(12 ก.ย. 67) นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า…

“อยากรู้ว่าคนเชียงใหม่เชียงรายที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมจนออกจากพื้นไม่ได้ ทั้งความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งอาหารและน้ำไปไม่ถึงในตอนนี้ กดดูสตอรี่บนอินสตาแกรม (ไอจี) ของนายกฯ อิ๊งค์แล้วรู้สึกยังไงบ้าง อยากให้อธิบายความรู้สึก เพราะส่วนตัวเราเชื่อว่าเค้าไม่รู้จริงๆ ว่าประชาชนรู้สึกยังไง ชีวิตคงไม่เคยเจอความลำบาก มันเลยไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”

“เอาจริงๆ ไม่ต้องให้พ่อมาคอยสอนตลอดก็ได้ แค่คิดให้เยอะกว่านี้หน่อย ก็คงไม่มีอารมณ์จะไม่มานั่งรีโพสต์สตอรี่อวยตัวเองในช่วงเวลาแบบนี้หรอก ใจคอคนเรานะ ประชาชนรอความช่วยเหลืออยู่เป็นแสนเป็นล้าน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top