Thursday, 17 April 2025
เมียนมา

ช่องโหว่สังคมไทย!! ปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง อาจช่วยฟอกขาวให้คนทำผิด กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ในที่สุด

ความจริงเรื่องนี้เอย่าได้รับทราบมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตคนที่ทำแบบนี้ส่วนใหญ่คือ 'คนชายขอบ' ที่มีบ้านติดชายแดน และมีจำนวนไม่มากนัก 

แต่หลังจากที่เมียนมาเกิดรัฐประหาร คนพม่าก็หลั่งไหลมาที่ไทย โดยเฉพาะตามชายแดนเป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้จะอาศัย 'ชาวชาติพันธุ์' หรือคนพม่าที่มีถิ่นพำนักตามชายแดนของไทยในการหาซื้อที่ดินและบ้าน โดยพวกที่อพยพมาใหม่จะเทครัวลูกหลานมาอยู่ไทยด้วยการข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย

จากนั้นจะรอให้ทางการไทยเปิดลงทะเบียนผู้ไร้สถานะ ซึ่งจะได้บัตรชมพูและสามารถอาศัย-พักพิงในไทยได้ ส่วนลูกหลานของคนเหล่านี้ เมื่อได้สถานะก็สามารถส่งเข้าโรงเรียนได้และเมื่อเรียนจบปริญญาตรี ทางการไทยก็มีช่องกฎหมายให้บุคคลเหล่านี้สามารถขอสัญชาติไทยได้

การทำแบบนี้ ทำให้คนกลุ่มดังกล่าวกลายเป็นบุคคลสองสัญชาติไปโดยปริยายและหลายครอบครัวก็มีการซ่องสุมอาวุธและเงินทุนให้กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร

ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของที่ดินที่คนเหล่านี้จับจองนั้น ส่วนใหญ่จะใช้คนไทยหรือคนที่มีสัญชาติไทยถือครอง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบจากทางภาครัฐ และส่งผลให้ราคาที่ดินที่ตารางวาหลักละไม่กี่พันกี่หมื่น ดีดตัวไปเป็นหลักล้านเมื่อขายให้กับคนกลุ่มนี้

นี่คือ หนี่งในสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ทางภาครัฐของไทยอาจจะเมินเฉยหรือมีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำแบบนี้ก็มิอาจทราบได้ เฉกเช่นเดียวกันกับเรื่อง Airport VIP Pass ที่จ่ายหลักพันก็ผ่าน ตม. ไทยได้อย่างสบาย โดยไม่ได้สนใจว่าเขาเหล่านั้นจะเข้ามาเป็นผีน้อยในไทยหรือไม่ก็ตาม ซึ่งจนถึง ณ วันนี้ก็ไม่มีคำตอบจากสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

เอย่ามองว่าคนไทยต้อนรับชาวต่างชาติทุกคนที่มาอย่างถูกต้อง แต่การที่คนต่างชาติเลือกจะเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องหรือซิกแซ็ก นั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ในการที่จะเข้ามาในประเทศไทย  

สุดท้ายก็จะนำไปสู่การฟอกขาวให้คนทำผิดกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ในที่สุด

เวียนว่าย!! เมื่อ 'บัตรชมพู' ทำให้ 1 ชีวิตมีหลายตัวตน 'ประวัติเสีย-หนีคดี' รอดหมด!! หากคดีไม่จรดมาถึงเมืองไทย

ในบทความครั้งที่แล้ว เอย่า ได้กล่าวถึงการฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงการฟอกขาวแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศไทย

ในอดีตการฟอกขาวทำได้ยาก เนื่องจากคนที่อยากฟอกขาวจริง ๆ คือ เข้ามาสวมบัตรคนตายเป็นส่วนใหญ่ และรัฐบาลไทยเองก็มีการประกาศขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวเป็นช่วง ๆ แต่ปัจจุบันการฟอกขาวทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคพลเอกประยุทธ์ที่ให้ขึ้นทะเบียนแรงงานคนต่างด้าว 

แม้การขึ้นทะเบียนจะเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศไทย โดยการให้คนต่างด้าวที่แอบพักอาศัยในไทยมาขึ้นทะเบียนซะ เพื่อจะได้จัดเก็บอย่างเป็นระบบ แต่ทว่าในระบบดังกล่าวกลับยังมีช่องโหว่ที่ให้คนลักลอบหาผลประโยชน์ด้วยความที่ฝั่งไทยไม่ได้มีการตรวจเช็กว่าบุคคลนี้เคยทำบัตรชมพูมาหรือไม่

หลายคนพอบัตรหมดอายุ ก็เลือกจะไม่ไปต่ออายุด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ประการหนึ่งที่เอย่าทราบคือ พวกเขาไม่ได้เดือดร้อนที่บัตรชมพูจะมีอายุหรือหมดอายุ เพราะว่าสุดท้ายทางไทยก็เปิดทำบัตรใหม่ ซึ่งเขาก็ใช้ชื่อใหม่หรือคำสะกดที่ใกล้เคียงคำเดิมไปออกบัตรใบใหม่ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยไม่มีการเช็กประวัติอะไรเลย

นั่นคงไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าปัจจุบันมีชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้ามาอาศัยในไทยเป็นจำนวนมาก หลายคนพักพิงในย่านชุมชนเมียนมาในประเทศไทยรอวันที่จะมาทำบัตร เมื่อทำบัตรแล้ว คนเหล่านี้ก็จะมีตัวตนสามารถหางานทำได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าเขาจะเคยมีประวัติเสียหรือมีคดีมาจากประเทศต้นทางก็ตาม หากคดีไม่ได้มาถึงไทยก็เท่ากับว่าคนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าพวกเขาจะก่อเรื่องในไทย

ถามว่านี่มันแฟร์กับคนไทยอย่างงั้นหรือ...?

เอย่าเข้าใจภาคแรงงานที่ต้องการแรงงานต้นทุนต่ำมาทำงานเพื่อลดต้นทุน อย่างไรก็ตามมาตรการในการควบคุมผู้เข้ามาอยู่ในไทย ก็ควรมีมาตรฐานด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ 1 ชีวิตมีหลายตัวตน จนฟอกขาวกลายเป็นคนไทยได้ในที่สุด

'ไทยแลนด์เกตเวย์' เมื่อเมียนมาสงสัยไทย เป็นช่องทางผ่านของทหารต่างชาติในเมียนมา

ไม่นานมานี้สำนักข่าว Aljazzera ได้เผยแพร่บทความที่ระบุว่ามีทหารต่างชาติในกองทัพชาติพันธุ์ โดยในเนื้อหาระบุว่ามีกองทัพตะวันตกจำนวนหนึ่งเดินทางไปทั่วทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของเมียนมาโดยอ้างว่าเข้าช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อปลดแอกจากกองทัพเมียนมา

เรื่องนี้เป็นคำถามทันทีว่าทหารเหล่านี้เข้ามาในเมียนมาทางไหนทั้งๆที่เมื่อเริ่มปฏิวัติก็ไม่เคยมีรายงานถึงกองกำลังเหล่านี้ยกเว้นแต่กลุ่ม Free Burma Ranger ของนายเดวิด อูแบงก์ที่ข้ามแดนไปมาระหว่างไทย-เมียนมาคอยสนับสนุนการฝึกและส่งอาวุธให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง

หากพิจารณาพรมแดนของเมียนมาพบว่าฝั่งตะวันตกที่ติดกับอินเดียบริเวณมิโซรัมนั้นอาจจะเป็นจุดหนึ่งที่เดินทางเข้ามาได้ แต่ก็ไม่ได้ง่าย เพราะทางอินเดียยอมลงทุนถึง 3.7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเพื่อทำรั้วกั้นชายแดนระหว่างเมียนมาและอินเดียที่ยาวถึง 1,610 กิโลเมตร ทำให้ไทยจึงเป็นหมุดหมายของคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่นายอูแบงก์ใช้เดินทางเข้าออกจากไทยไปที่กองกำลังกะเหรี่ยงที่เขาพำนักอยู่

ดังนั้นเมียนมาจึงค่อนข้างที่จะใส่ใจกับชายแดนฝั่งไทยมาก แม้ในสมัยของพลเอกประยุทธ์ฝ่ายกองทัพของทั้งสองประเทศจะแน่นแฟ้น แต่เมื่อเปลี่ยนมาในยุคนายกเศษฐาจะเห็นว่ากองกำลังสหรัฐยกพลมาที่ไทยบ่อยครั้งรวมถึงล่าสุดที่ผู้บัญชาการรบภูมิภาคแปซิฟิคเข้าพบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทยก็เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะดึงไทยให้เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ

ไทยมีท่าทีเป็นกลางและไม่เป็นคู่ขัดแย้งของมหาอำนาจใดๆ มาตลอด รวมถึงพยายามเป็นเพื่อนบ้านที่ดีในการรักษาความสัมพันธ์ของทุกประเทศให้สมดุล

แต่สหรัฐฯ ก็พยายามอย่างมากในการมุ่งมั่นจะสร้างขุมกำลังในอาเซียนแห่งนี้ เมื่อหลังจากผิดหวังการที่จะได้ตั้งกองทัพบนเกาะโคโค่ก็เหมือนเป็นชนวนที่ให้ทางสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาทำลายเสถียรภาพของกองทัพเมียนมาผ่าน NGO ต่างๆ ที่แทรกซึมทั่วในเมียนมาจนทำให้ทางการเมียนมาต้องขับไล่ NGO นอกรีตเหล่านี้ออกนอกประเทศ

ทางการเมียนมาค่อนข้างแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจกับท่าทีของกองทัพไทยหลังเหล่าผู้บังคับบัญชาอันดับสูงมีท่าทีไปซบอกฝ่ายสหรัฐฯ มากขึ้น

แต่ต้องห้ามลืมว่าความสามัคคีในภูมิภาคจะเป็นตัวผลักดันให้รอดพ้นสงครามตัวแทนครั้งนี้และจุดหมายของสงครามตัวแทนระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นอาจจะเป็นแผ่นดินเมียนมานั่นเอง

สงครามที่กำลังจะมาถึงอาจดึงไทยเข้าสู่สงคราม แล้วถามว่า ประเทศไทยพร้อมจะอยู่ในสงครามนี้หรือยัง สงครามที่เราไม่ได้ก่อ บรรดาผู้นำเหล่าทัพจะตอบกับประชาชนและบรรพชนไทยอย่างไร หากพาประเทศเข้าสู่สงครามของคนอื่น

สื่อพม่า 'บิดเบือน-ปลุกระดม' ปม จนท.ไทยทำร้ายชาวเมียนมาในแม่สอด ความจริง!! นี่คือคนของกลุ่มต่อต้านฯ แฝงตัวใช้ไทยเป็นฐานก่อการร้าย

เมื่อวานนี้มีคลิปออกมาจากสำนักข่าว Khit Thit โดยในคลิปข่าวมีภาพเจ้าหน้าที่คนไทยทำร้ายชาวเมียนมาในแม่สอด วันนี้ เอย่า จึงจะมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงให้ได้ทราบกัน

ทุกอย่างเริ่มต้นจากทางการไทยสืบทราบว่าชาวเมียนมาในแม่สอดคนหนึ่งชื่อว่า นายอ่องทุน ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในแม่สอด มีชาวเมียนมาเข้าออกที่บ้านที่เขาและภรรยาเช่าอยู่บ่อยจนผิดสังเกต

ดังนั้นกำนันบ้านผาลาด ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงเข้าตรวจสอบห้องเช่านี้พบว่า มีลักษณะเป็นจุดรวมพลของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา จึงได้ประสานให้ฝ่ายปกครองและกองกำลังตำรวจและทหารเข้าตรวจสอบ พบว่าภายในห้องมีภาพ นายพลอองซาน, นางซูจี และนายอูวินมิน พร้อมกับธงของกลุ่มต่อต้าน PDF และธงปฏิวัติของ NUG จำนวนหนึ่ง

ทางกำนันที่สามารถสื่อสารภาษาเมียนมาได้สั่งให้ นายอ่องทุน ปลดธงออก แต่ทางนายอ่องทุน ไม่ปฏิบัติตาม โดยอ้างว่าตนไม่ได้ทำผิด พร้อมกับใช้คำพูดก้าวร้าว ท้าทายและด่ากำนันจนกำนันบันดาลโทสะเตะนายอ่องทุนไป 1 ครั้ง ซึ่งในคลิปข่าวมีการตัดเหตุการณ์ต้นเรื่องออก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้รับชม ว่าเจ้าหน้าที่ไทยรังแกคนเมียนมา

จากนั้นสำนักข่าว Khit Thit ได้รายงานข่าวเท็จอ้างว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของไทยรังแกชาวเมียนมาและปลุกระดมให้ชาวเมียนมาแสดงความสามัคคีโดยการออกมาตอบโต้ทางการไทย

พร้อมกับกล่าวหาว่าทางการไทย ทำตามคำบัญชาของนายพล มินอ่องหล่าย

ทั้งหมดนี้ เอย่า อยากจะขออ้างกฎหมายไทยให้ทุกท่านทราบก่อน

ในมาตรา 135/1 ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญาดังต่อไปนี้...

(1) ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ
(2) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ 
(3) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ...

- ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

- การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย

>> มาตรา 135/2 ผู้ใด...

(1) ขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะกระทำการตามที่ขู่เข็ญจริง หรือ
(2) สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกัน เพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้

- ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท

>> มาตรา 135/3  ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา 135/1 หรือมาตรา 135/2 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้นๆ

ทั้งนี้ ตามความผิดของ นายทุนอ่อง นั้น น่าจะเป็นข้อ 135/3 ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการทำให้รัฐบาลเมียนมาเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ถือเป็นการก่อการร้าย รวมถึงข้อ 135/2 กล่าวคือ นายทุนอ่อง มีการสมคบกันเพื่อก่อการร้ายและสนับสนุนการก่อการร้าย

ดังนั้นจากการกระทำและหลักฐานในบ้านที่พบในห้องเช่านายทุนอ่อง จึงผิดกฎหมายไทยเต็มๆ 

ส่วนสำนักข่าว Khit Thit รายงานบิดเบือนในสื่อออนไลน์เข้าข่ายความผิดในมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดข้อ 135/2 ในกฎหมายก่อการร้าย เพราะถือว่าปลุกระดมให้คนเมียนมาในไทยลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลไทย

ทั้งนี้เราคงต้องมาดูว่าฝ่ายปกครองและรัฐบาลไทยจะจัดการกับกลุ่มคนหัวรุนแรงเหล่านี้อย่างไร เพราะนี่คือ 1 ในหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อการร้ายในประเทศเพื่อนบ้าน

วิเคราะห์ 'เมียนมา' ปิดด่านพญาโตงซู กระทบส่งออกไทยนับร้อยล้าน อาจเพราะ 'โทนี่' ออกหน้าแทนฝ่ายต่อต้านฯ-อาวุธหลุดข้ามชายแดนถี่

มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวในเมียนมา ว่ามีการปิดด่านพญาโตงซู ในฝั่งเมียนมา ทำให้สินค้าจากไทยไม่สามารถขนผ่านด่านนี้ได้ และเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

อนึ่งจากเหตุการณ์ที่ KTLA บุกยึดเมียวดี และทางกองทัพเมียนมาเลือกใช้วิธีปิดด่านชายแดน ส่งผลให้นักธุรกิจชายแดน ต้องมุ่งเป้าหาเส้นทางใหม่ ๆ ในการขนส่งสินค้าจากไทยเข้าสู่เมียนมาและเส้นทางที่นิยมกันรองจากเมียวดีคือ เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี

หลังจากการปิดด่านเมียวดี เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์ก็เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าด้วยเหตุที่ว่า หากเทียบในการขนสินค้าจากเมียวดีไปเมืองเมาละแหม่ง ใช้เวลา ประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 75 ไมล์ ในขณะที่เส้นด่านเจดีย์ 3 องค์ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น กินระยะทาง 111 ไมล์จากด่านพญาโตงซูในฝั่งเมียนมา

การปิดด่านพญาโตงซู ในฝั่งเมียนมา โดยไม่อนุญาตให้รถขนส่งจากไทยข้ามไปฝั่งเมียนมา มีหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงเหตุการณ์นี้ว่า ทำไมฝ่ายเมียนมาจึงตัดสินใจแบบนี้?

ข่าวลือแรก ในพื้นที่ออกมา ว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ด่านนี้มีการรับส่วย จึงถูกจับเปลี่ยนยกชุด เพราะเรื่องรู้ไปถึงส่วนกลางที่เนปิดอว์ ... ซึ่งข่าวนี้ไม่นับว่ามีน้ำหนักสักเท่าไร เพราะหากมีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพราะทุจริตจริง ทางการเมียนมาต้องส่งเจ้าหน้าที่ชุดใหม่มาปฏิบัติงานแทนแล้ว

ข่าวต่อมา ระบุว่า ปิดเพราะมีการจับการขนส่งอาวุธได้เป็นประจำที่จุดนี้ ... เรื่องนี้พอมีเค้ามูลอยู่บ้างโดยเฉพาะช่วงหลังการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลังกะเหรี่ยงกับ PDF พุ่งเป้ามาบริเวณนี้มากขึ้น

สุดท้าย คือ เรื่องที่มีข่าวว่ากลุ่มต่อต้านเข้าหารือกับทางการไทย โดยเฉพาะที่เป็นข่าวออกมาว่านายทักษิณ ชินวัตร จะออกหน้าแทนฝ่ายต่อต้านมาเจรจากับกองทัพเมียนมา ซึ่งนั่นน่าจะสร้างความไม่พอใจกับทางการเมียนมาอยู่มิใช่น้อย รวมถึงการที่ฝั่งกองทัพเมียนมารู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของไทยในการจัดการปัญหาชายแดนระหว่างกันให้เด็ดขาด รวมถึงปล่อยปละละเลยให้ทางเมียนมาตรวจจับอาวุธที่ส่งมาจากไทยได้บ่อยครั้ง ทั้งหมดน่าจะเป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิดการปิดด่านครั้งนี้

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาตอนนี้ ด่านเมียวดียังปกติ มีการส่งออกจากไทยอยู่ประมาณ 7 พันล้านบาทต่อเดือน พอเข้าเดือนเมษายนที่มีเหตุการณ์ยึดเมียวดี ยอดส่งออกตกลงมาเหลือ 4.5 พันล้านบาท 

แน่นอนว่าด่านเจดีย์ 3 องค์ เป็นด่านหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์จากการปิดด่านเมียวดีในครั้งนั้นจนถึงวันนี้ ดังนั้นการแก้ปัญหาคงไม่ใช่แค่ให้ฝ่ายพาณิชย์แก้ไขเพียงฝ่ายเดียว ต้องดูถึงปัจจัยแวดล้อมว่าอะไรคือต้นเหตุที่นำพามาให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

ไม่ว่าเหตุผลของการปิดด่านคืออะไร ก็หวังว่าทางการไทยจะรับรู้และช่วยกันผลักดันให้ด่านเปิดเป็นปกติอีกครั้ง

10 เหตุผล 'คนเมียนมา' แห่หากินในไทยง่ายๆ เพราะเมืองไทยอะไรก็ได้ ใต้คอร์รัปชันไทย เอื้อต่างชาติด้อยคุณภาพ ถือครองทรัพย์สินแผ่นดิน

บ่อยครั้งกับหลายเรื่องในรัฐบาลก่อนที่ เอย่า เคยนำเสนออะไรไป สุดท้ายแล้วในยุครัฐบาลที่ใครเขาก็ว่าเป็นยุคเผด็จการ เขาก็รับฟังและพยายามนำไปปรับแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดคำครหา หากทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ของคนไทย

แต่กลับกันกับรัฐบาลปัจจุบัน แม้ เอย่า จะเคยแจ้งแถลงไขออกสื่ออะไรไป อย่างเช่นเรื่อง VIP Pass ที่จ่ายเพียงหลักพัน ไม่ต้องสำแดงเงิน-ตั๋วขากลับและโรงแรมที่พัก แถมบางเอเย่นต์บอกว่าถึงไทยมีรถมารับหน้า Gate ด้วย อะไรจะ Privilege ปานนั้น ก็ไม่เกิดแรงกระเพื่อมใด ๆ ทางสังคม

ล่าสุดในกลุ่มโซเชียลชาวเมียนมา เริ่มโพสต์บอกกันแล้วว่า ‘ย้ายมาอยู่ไทยกันเถอะ’ พร้อมยกข้อดีในการย้ายมาอยู่ไทยที่อ่านดูแล้วคนไทยจะรู้สึกภูมิใจหรือไม่ ก็สุดแท้...โดย เอย่า ได้รวบรวมมุมมองเมืองไทยในมุมของพวกเขามาไว้ให้ทราบกัน ดังนี้...

1. ไทยเดินทางไปกลับเมียนมาสะดวก ทั้งทางบกและทางอากาศ มีหลายช่องทางให้เลือก

2. ค่าครองชีพต่ำ เมื่อเทียบกับหลายประเทศรอบข้าง

3. สาธารณูปโภคดีทั้งน้ำ-ไฟ การสื่อสารและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกที่ในราคาไม่แพง

4. รักษาพยาบาลรัฐได้ฟรี ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตรไม่แพง สามารถซื้อประกันสุขภาพได้หากมีบัตรแรงงาน

5. เข้ามาเป็นแรงงาน ไม่มีการตรวจสอบ ทำประวัติไม่ดี มีคดีติดตัวหรือหลบหนีเข้าเมือง ก็ทำบัตรแรงงานได้ เพราะทางราชการไทยเปิดให้ทำเรื่อยๆ

7. อาหารการกินหาง่าย สะอาด ราคาเป็นมิตรและถูกปากชาวเมียนมา

8. งานหาได้ไม่ยาก ถ้ายิ่งพูดภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ ยิ่งมีโอกาสได้งานสูง ภาคเอกชนของไทยไม่ได้เช็กภูมิหลังว่าเดินทางมาด้วยสาเหตุอะไร

9. หากคลอดลูกในไทย โรงพยาบาลของไทยออกสูติบัตรได้ ทำให้ลูกต่างด้าวมีสิทธิ์เรียนฟรีตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทย เมื่อเรียนจบปริญญาตรีและอายุ 20 ปี บริบูรณ์สามารถโอนสัญชาติเป็นไทยได้ อันจะทำให้ต่างชาติที่ซื้อที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นใดที่เคยถือครองด้วยนอมินีคนไทยสามารถโอนเป็นชื่อของลูกหลานตนได้

10. ด้วยนิสัยคนไทยที่เป็นมิตรกับคนต่างชาติ ต่างภาษา ทำไมคนต่างชาติอยู่ในไทยแล้วรู้สึกถึงความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ อีกทั้งไทยยังเปิดกว้างด้านเพศที่ทำให้ไม่ว่ารสนิยมทางเพศเป็นแบบไหนอยู่ในไทยก็ไม่รู้สึกแปลกแยก

นี่อาจจะเป็นเสียงสะท้อนแค่ฝั่งคนพม่า แต่ เอย่า มองว่านี่คือ สิ่งที่คนต่างชาติหลายคนรู้สึกถึงสาเหตุว่า ทำไมประเทศไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่ แต่ในอีกมุมหนึ่งความหละหลวมและคอร์รัปชันของไทยที่ส่งผลให้ต่างชาติที่ไม่ได้มีคุณภาพตามเกณฑ์ของไทยมาถือครองทรัพย์สิน หากินบนแผ่นดินไทยและสร้างความเดือดร้อนให้กับแผ่นดินไทยเช่นกัน

สุดท้าย เอย่า คงต้องฝากบอกว่า 'ไทย' จะเป็นประเทศไม่ได้ หากคนไทยไม่ร่วมช่วยกันสร้างให้เจริญ แต่กลับขายมันให้กับคนต่างชาติ 

จะเอาแบบไหน? นั่นเป็นสิ่งที่คนไทยเราต้องเลือกเอง!!

‘UN’ ฟุ้ง!! ‘เมียนมา’ ใช้ ‘ธนาคารไทย’ เป็นตัวกลางซื้อขาย-อาวุธ ‘สมาคมธนาคารไทย’ แจง!! ยึดจริยธรรม-ไม่หนุนการจัดซื้ออาวุธ

(28 มิ.ย.67) จากกรณีมีการเปิดเผยรายงานของผู้รายงานพิเศษ (Special Rapporteur) ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โดยระบุว่ามีธนาคารในประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการทางการเงินหลักให้กับรัฐบาลทหารเมียนมานั้น

สมาคมธนาคารไทย ชี้แจงว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเกณฑ์การดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อลูกค้า สังคม และประชาคมโลก และตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยได้ยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบขององค์กรกำกับดูแล คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมีการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด สร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบการเงินของประเทศไทย

นอกจากนี้ ธนาคารสมาชิก ยังมีหน่วยงาน Compliance ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติงานของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงฐานข้อมูลของบุคคล องค์กร และประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีรายชื่ออยู่ในรายการที่ห้ามทำธุรกรรมธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารได้ดำเนินการปรับปรุงข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทย มีนโยบายชัดเจน ไม่สนับสนุนการจัดซื้ออาวุธและสรรพาวุธกับองค์กรทางทหารของเมียนมา รวมถึงให้ความสำคัญต่อการป้องกัน และห้ามนำธุรกรรมทางเงินของภาคธนาคารไปใช้ในการจัดซื้ออาวุธที่นำไปใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน

แฉ!! แผนระยะยาวต่างชาติเคลมไทย ชุบตัวต่างด้าว 'ให้สิทธิเลือกตั้ง-ครองที่ดิน'

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา 'ประชาไท' ในแพลตฟอร์ม X ได้ลงข่าวว่ามีแรงงานพม่าเรียกร้อง UN ESCAP ให้รับรองแรงงานข้ามชาติให้ได้บัตรชมพู โดยอ้างว่าเพื่อลดความซับซ้อนสำหรับแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายและไม่มีพาสปอร์ตว่าเป็นพลเมืองชาวเมียนมา

วันนี้ เอย่า จะมาวิเคราะห์ให้รู้กันว่า ทำไมคนพวกนี้ถวิลหาขนาดนั้น แต่ก่อนอื่นเราควรมาทำความรู้จักก่อนว่า UN ESCAP คือหน่วยงานใด

UN ESCAP หรือชื่อภาษาไทยว่าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติแห่งเอเชียและแปซิฟิก เป็นหนึ่งในห้าคณะกรรมการส่วนภูมิภาคของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ

ESCAP เป็นองค์กรบริหาร (Executing Agency) ที่เน้นดำเนินการในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคและประเด็นเกิดใหม่ที่สำคัญต่อภูมิภาค เช่น การขจัดความยากจน วิกฤตเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางด้านอาหารและพลังงาน การจัดการกับภัยพิบัติ การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ความเท่าเทียมกันทางเพศและการส่งเสริมบทบาทของสตรี ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ต่อมาเรามารู้จัก 'บัตรชมพู' กันดีกว่า

บัตรชมพู คือ บัตรประจำตัวคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เป็นเอกสารทะเบียนราษฎร์ที่นายทะเบียนออกมหาดไทยให้กับต่างชาติทุกคนที่มีถิ่นพำนักที่ชัดเจนในประเทศไทย

ในกรณีการเรียกร้องขอบัตรชมพู โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายทะเบียน ว่าจะได้รับคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยมาอย่างไร ซึ่งในอดีตเนื่องจากในประเทศไทยมีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมากที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทย ทำให้ในยุคของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จึงมีการอนุโลมคนต่างด้าวที่มีนายจ้างเป็นคนรับรองว่าเป็นลูกจ้างแต่ไม่มีหลักฐานใด ๆ มาทำการขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวให้ได้บัตรชมพูและทำระบบ MOU เพื่อจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเหล่านี้

แต่ด้วยความหละหลวมของระบบมหาดไทยของไทย ทำให้คนต่างด้าวหลายคนเมื่อบัตรหมดอายุแล้ว กลับไม่ไปต่อ แต่ใช้วิธีเปลี่ยนชื่อเป็นคนใหม่ไปขึ้นทะเบียนเพื่อให้ได้บัตรอีกรอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่นายทะเบียนและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัญชาติไม่มีข้อมูลหรืออะไรก็ไม่ทราบ ทำให้การออกบัตรชมพูทำได้ง่าย และส่งผลให้ 1 ชีวิตของชาวเมียนมามีตัวตนมากกว่า 1

และนั่นทำให้ปัจจุบัน มีคนต่างด้าวรอบ ๆ ข้างไทยหนีเข้าเมืองกันมามากขึ้นทั้ง คนลาว, พม่า และกัมพูชา

การเรียกร้องเช่นนี้ย่อมเป็นการเปิดช่องให้คนกลุ่มที่เข้าเมืองแบบไม่ถูกต้องเข้ามาใช้ช่องทางบัตรชมพู แล้วก็ฟอกตัวเองให้มีงานทำ จากนั้นเมื่อมีลูกก็จะสามารถส่งลูกเรียนในไทยได้ จนเมื่อครบ 20 ปีบริบูรณ์ คนกลุ่มนี้ก็จะมีสิทธิ์ขอสัญชาติไทยได้ตามกฎหมายและสามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์อย่างบ้านหรือที่ดินได้อย่างสมบูรณ์

แน่นอนแผนการนี้คนระดับแรงงานย่อมคิดไม่ได้ หากไม่มีตัวการที่คอยส่งเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ให้แรงงานกลุ่มนี้ไปเป็นหุ่นเชิดเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ไม่ควรที่จะได้

ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่อันตรายมากของกลุ่มคนไทยขายชาติที่ใช้กลุ่มคนเหล่านี้มาเป็นฐานเสียงในระยะยาว 

ก็ลองคิดดูละกันว่า เมื่อลูกหลานพวกเขามีสิทธิ์เลือกตั้ง จะเกิดอะไรขึ้น?

อย่างไม่นานมานี้ ในแพลตฟอร์ม X ก็เริ่มมีการแชร์ภาพเรียกร้องให้คนต่างด้าวมีสิทธิ์เลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งหากคิดเล่น ๆ เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่ในประเทศที่เจริญทางประชาธิปไตยอย่างในยุโรปหรืออเมริกา เขาไม่ขำและก็ไม่ได้ให้สิทธิ์คนต่างด้าวในประเทศเลือกตั้ง

ฉะนั้น หากคิดให้ดี นี่คือมะเร็งร้ายที่พยายามชี้นำบ่อนทำลายให้คนไทยมีความคิดที่บิดเบี้ยวโดยอาศัยสิ่งที่คนไทยเป็นมาตลอดคือ "คนไทยเป็นคนง่ายๆ... อะไรก็ได้ เราอะลุ่มอล่วย" 

'อหิวาตกโรค' ภัยร้ายที่ยังคงมีในเมียนมา หากต้องแวะมา อย่าลืมรับวัคซีนแต่เนิ่นๆ

ไม่นานมานี้สาธารณสุขเมียนมาประกาศว่ามีอหิวาตกโรคระบาดในย่างกุ้ง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายสิบราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก

ต้องยอมรับว่าอหิวาตกโรค หรือ โรคห่า เป็นโรคประจำถิ่นที่เกิดจากการดื่มกินน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้ออหิวาห์เข้าไปทำให้เกิดโรคขึ้น 

โรคอหิวาตกโรคไม่ได้เพิ่งมาระบาดในเมียนมา แต่ในปี 2015 ก็มีรายงานการระบาดของอหิวาต์มาแล้วในหมู่บ้านก๊อกกาเร็กใกล้เมืองเมียวดี

ทางสถานทูตไทยในย่างกุ้งได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่อาศัยในเมียนมาให้ดื่มน้ำสะอาด งดรับประทานน้ำแข็งและทานอาหารปรุงสุก รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารค้างมื้อ อาหารทะเล อาหารดิบและอาหารที่มีแมลงวันตอม รวมถึงการใช้มือรับประทานอาหาร

สำหรับนักท่องเที่ยวในไทย เรามีวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์เช่นกัน มีทั้งแบบเชื้อเป็นและเชื้อตาย

วัคซีนแบบเชื้อตายเป็นวัคซีนรับประทาน ต้องทาน 2 ครั้ง ระยะเวลาห่างกัน 1-6 สัปดาห์ ในขณะที่วัคซีนแบบเชื้อเป็น จะเป็นแบบรับประทานครั้งเดียวก่อนเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการติดเชื้ออหิวาตกโรค โดยต้องรับประทานก่อนเดินทางเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน

ดังนั้นหากใครต้องการเดินทางไปยังเมียนมาในช่วงนี้ขอให้เตรียมตัวในการรับวัคซีนด้วย

ไทยปิดศูนย์ CI ปิดช่องพม่าฟอกขาว-ชุบตัวเป็นแรงงานในไทย ส่วนท่าที NGO ไม่ผิดคาด 'อุ้มต่างด้าว-ด่ารัฐไม่เอื้อความสะดวก'

กรมจัดหางานมีคำสั่งให้ปิดศูนย์บริหารจัดการ การทำงานของแรงงานเมียนมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือที่เรียกชื่อเล่นว่า 'ศูนย์ CI' จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย ปทุมธานี, นครสวรรค์, สมุทรปราการ, ชลบุรี, สุราษฎร์ธานี และสงขลา ให้เปิดทำการแค่ศูนย์เดียวในจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีผลตั้งแต่ 7 ก.ค.เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง

จากคำสั่งดังกล่าวทำกลุ่ม NGO กังวลว่า การเปิดศูนย์ CI เพียงจังหวัดเดียว กำลังจะสร้างภาระให้กับแรงงานพม่ามากขึ้น เพราะว่าชาวพม่าที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, หนองบัวลำพู, อุดรธานี และอื่น ๆ ต้องเดินทางมาที่ สมุทรสาคร แห่งเดียว โดยอ้างว่า เป็นการสร้างภาระให้แก่แรงงานเหล่านั้น

ในอดีตการเปิดศูนย์ CI ก็เพื่อขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติที่แอบทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมายให้เข้ามาในระบบอย่างถูกต้อง แต่ ณ ปัจจุบันพบว่ามีคนอาศัยช่องว่างในการเดินทางเข้ามาแบบผิดกฎหมายในไทย แล้วหาช่องทางทำให้ถูกต้องด้วยการรอขึ้นทะเบียน CI เพื่อจะสามารถเป็นแรงงานในไทยได้ 

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ จะเป็นไปได้ และคงจะไม่เกิดขึ้น หากไม่มีเหตุการณ์ที่ชาวพม่าทะลักเข้าไทยอย่างผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพราะนั่นคือ การที่พวกเขาเห็นช่องทางในการฟอกขาวให้พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตใหม่

NGO ในไทย ก็ควรมีสามัญสำนึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทยด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาเข้าข้างกล่าวหาว่ารัฐทำให้คนเหล่านั้นลำบาก NGO ควรเข้าใจด้วยว่าคนเหล่านั้นคือผู้กระทำผิดในการเข้าเมืองผิดกฎหมาย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top