Sunday, 27 April 2025
อุ๊งอิ๊ง

‘อุ๊งอิ๊ง’ โพสต์ข้อความใน X ขอบคุณที่มอบความไว้วางใจ ให้เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เผย!! จะจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคน

(17 ส.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความใน X ว่า ...

ดิฉันขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่มอบความไว้วางใจให้ดิฉันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะประชาชนคนไทย

หลังจากนี้ การจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินการตามกระบวนการ และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ

ดิฉัน พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนพร้อมทำงาน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคนค่ะ

'เบื้องลึก-เบื้องหน้า' ความท้าทาย 'อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร' 'ลบคำปรามาส-สร้างภาพใหม่' นายกฯ ตระกูลชิน

ต้องบันทึกไว้ว่า 18 ส.ค.2567 เป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์สำคัญสำหรับตระกูลชินวัตร...และจะเกี่ยวโยงกับการเมืองไทยครั้งสำคัญ

- เป็นวันที่ แพทองธาร ชินวัตร 'อุ๊งอิ๊ง' บุตรสาวคนสุดท้องของทักษิณ ชินวัตร ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย เป็นนายกฯหญิงคนที่สองของไทยและเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุด

- เป็นวันที่ทักษิณ ชินวัตร พ้นสภาพนักโทษเด็ดขาดชายเร็วกว่ากำหนดเดิม (31 ส.ค.2567) ทั้งนี้เพราะเข้าเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567

ย้อนไปสัปดาห์ก่อน การเมืองเปลี่ยนแปลงเร็วแบบ 'ตัดจบ' แบบกะพริบตาทีเดียวก็ตามไม่ทัน  

วันที่ 14 ส.ค.เศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งด้วยมติ 5 ต่อ 4 ของศาลรัฐธรรมนูญ โทษฐานขาดคุณสมบัติไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์/ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง...

เย็นวันเดียวกันมีหนังสือนัดประชุมสภาฯ โหวตนายกฯ วันที่ 16 ส.ค.เวลา 10.00 น. 

ตกค่ำวันเดียวกัน มีข่าวสะพัดจากบ้านจันทร์ส่องหล้าหลังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปพบทักษิณเมื่อ 17.00 น.ว่า...ว่าที่นายกฯ คนใหม่คือ ชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งแคนดิเดตท่ามกลางเสียงคัดค้านของ สส.เพื่อไทย

วันที่ 15 ส.ค.ที่สภาฯ พรรคเพื่อไทย ประชุมสองรอบ...รอบแรก สส. รอบสองกรรมการบริหาร...ตัดชื่อชัยเกษม เสนอชื่อ 'แพทองธาร'

วันที่ 16 ส.ค. 'อุ๊งอิ๊ง' ได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกฯ คนใหม่ด้วยคะแนนท่วมท้น เห็นชอบ 319 ไม่เห็นชอบ 145 งดออกเสียง 27  

มีการวิเคราะห์ตีความกันมากมายว่า เกมพลิกจาก 'ชัยเกษม' เป็น 'อุ๊งอิ๊ง' ได้อย่างไร...'เล็ก เลียบด่วน' ฟันธงว่า เกมไม่ได้พลิกอะไรแต่อย่างใด แต่เป็นธงที่ 'นายใหญ่' วางไว้ทุกประการ กึ่งๆ สมคบคิดกับสส.ของพรรค โดยเฉพาะสส.รุ่นใหม่ๆ ด้วยซ้ำ...ส่วนการโยนชื่อ 'ชัยเกษม' ออกมา ก็เพื่อไม่ให้สังคมไปตีความว่า...เชือดเศรษฐาเพื่อลูกสาว...และให้ใคร/สังคมรุมต้านแค่นั้นเอง

แน่นอนที่สุดเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามนี้...เท่ากับว่าทักษิณและตระกูลชินวัตรได้ทิ้งไพ่ใบสำคัญใบสุดท้ายออกมาเล่น...งานนี้จึงเป็นงานใหญ่เดิมพันพรรค เดิมพันตระกูลกันเลยทีเดียว...ทักษิณในฐานะพ่อ รวมทั้ง 'หญิงอ้อ' คุณหญิงพจมาน ชินวัตร คุณแม่ ก็คงแนะนำช่วยเหลือลูกสาวอย่างเต็มที่...

ถ้า 'อุ๊งอิ๊ง' มีวุฒิภาวะเพียงพอแล้ว ก็ย่อมตระหนักรู้ว่า นอกเหนือจากโจทย์ยากในการบริหารประเทศแล้ว ยังมีโจทย์ท้าทายว่าฉากจบของตนเองในฐานะนายกฯ คนที่ 6 ของสายพันธุ์ไทยรักไทยต้องไม่ซ้ำกับ 5 อดีตนายกฯ ที่ผ่านมา...

1) พรรคไทยรักไทย-ทักษิณ ชินวัตร 2544-2548 และ 2548-2549  เป็นนายก 2 สมัยรวม 5 ปี 222วัน ถูกรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ด้วยเหตุผลหลักๆ รัฐบาลทุจริต/จาบจ้วงฯ/แทรกแซงองค์กรอิสระ

2) พรรคพลังประชาชน-สมัคร สุนทรเวช  29 ม.ค.2551-9 ก.ย.2551 ศาลรธน.ชี้ กระทำการต้องห้ามฯ รธน.2550 (ผลประโยชน์ทับซ้อน-คดีชิมไปบนไป)

3) พรรคพลังประชาชน-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ 18 ก.ย.2551-2 ธ.ค.2551 พรรคพลังประชาชนถูกยุบข้อหาทุจริตเลือกตั้งเมื่อ 2 ธ.ค.2551

4) พรรคเพื่อไทย-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 5 ส.ค.2554-7 พ.ค.2557 ศาลรธน.ให้พ้นตำแหน่งกรณีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ถูกรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 หนีไปต่างประเทศเมื่อปี 2560 วันที่ศาลตัดสินจำคุก 5 ปีคดีทุจริตจำนำข้าว

5) พรรคเพื่อไทย-เศรษฐา ทวีสิน 22 ส.ค.2566-14 ส.ค.2567 ศาลรธน.ให้พ้นจากตำแหน่งกรณีถูกร้องไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์/ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน  เป็นรัฐมนตรี

นั่นคือประวัติศาสตร์ที่นายกฯ ชื่อแพทองธาร ต้องตระหนักด้วยความเข้าใจมากกว่าโกรธแค้นชิงชัง...

วันก่อน 'เปลว สีเงิน' เจ้าสำนักไทยโพสต์ได้มอบคาถา 3 บทให้ 'อุ๊งอิ๊ง' พร้อมรับประกันว่าจะอยู่ได้อย่างน้อยหนึ่งปี คือ..

- คาถาบทแรก-อย่าไปแตะมาตรา 112  
- บทที่สอง-อย่าไปแทรกแซงแบงก์ชาติ   
- บทที่สาม-อย่าไปเชื่อพ่อทักษิณทุกเรื่อง

สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' ซึ่งไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีที่บางฝ่ายวิเคราะห์ว่า การเปิดทางให้ 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกฯ เป็นการลากตระกูลชินวัตรมาประหารแบบล้างคอก นัยว่าเป็นแผนการของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ขอแถมคาถาต่อจาก 'เปลว สีเงิน' อีกสักบทว่า...อย่าโกง แต่จงช่วยปราบโกง...

สาธุ!!

‘MBS’ โพสต์แสดงความยินดีแก่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลังรับตำแหน่งนายกฯ ด้าน ‘นายกฯ ไทย’ ขอบคุณ พร้อมร่วมมือ ‘ซาอุฯ’ ในทุกมิติ

(21 ส.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ถึง เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย (MBS) ภายหลังพระองค์ได้ทรงโพสต์แสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในโอกาสรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพระองค์ทรงหวังว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศ และประชาชนไทยพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง

ส่วนข้อความรีโพสต์ของทาง นายกรัฐมนตรีของไทย ก็ระบุไว้ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณามีข้อความแสดงความยินดีถึงข้าพระพุทธเจ้าในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยจากนี้ไปประเทศไทยจะเพิ่มพูนการเป็นหุ้นส่วนอันดีกับประเทศซาอุดีอาระเบียในทุกมิติ”

เปิดลึก!! ชะตากรรม ‘อิ๊งค์ 1’ แอนด์ ‘เดอะนายใหญ่’ กลุ่มเกมนอกสภา ‘เล็งยิงนัดเดียว’ หวังนก 3 ตัว

กล่าวได้ว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามไทม์ไลน์การเมือง...

(4 ก.ย. 67) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแพทองธาร หรือ 'อิ๊งค์ 1' เป็นที่เรียบร้อย

7 ก.ย. 67 จะถวายสัตย์ฯ 

10 ก.ย. 67 จะประชุม ครม.นัดพิเศษเป็นครั้งแรก 

และจากนั้นวันที่ 11-12 ก.ย. 67 แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะนำ ครม.แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนที่จะบริหารประเทศด้วยอำนาจเต็มแม็กเต็มร้อยตามกฎหมายต่อไป...โดยฟันธงได้เลยว่า...รัฐบาลชุดนี้ไม่มีเวลา ฮันนี่ มูน แม้แต่น้อย...

เข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่นาทีแรก...ก้าวแรก ด้วยความระทึกใจยิ่ง...

อันที่จริงก็ระทึกกันตั้งแต่ขึ้นตอนหักเหลี่ยมโหด เอาพรรคประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐปีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าร่วมรัฐบาล และจากนั้นก็ถึงคิวคัดกรองร่อนตะแกรงคุณสมบัติด้วยมาตรฐานจริยธรรม...

ปรากฏว่ามีสองรัฐมนตรียอมถอนตัว...รายแรก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมีปมปัญหาคุณสมบัติและปัญหาเทคนิกข้อกฎหมายเกี่ยวกับข้อบังคับพรรค พปชร.ที่ผู้กองต้องหลบหลีกและกวาด 20 กว่าเสียงของพรรคมาแลกกับ 3 เก้าอี้ รมต.

อีกคนหนึ่งมีการถอนตัวนาทีสุดท้าย คือ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่มีปมปัญหาสีเทา และสายข่าวแจ้งว่างานนี้ 'นายใหญ่' ส่งสัญญาณพิเศษถึง 'บิ๊กหนู' โดยตรงว่า 'ต้องเปลี่ยน'...

กรณีของ เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคปชป.ก็มีการกลั่นกรองกันค่อนข้างละเอียด...เห็นว่ายังไม่มีความชัดเจนเข้มข้น ก็เลยผ่าน...

รวมความว่า...รัฐบาลอิ๊งค์ 1 ที่ออกมา 'นายใหญ่' ได้ช่วยเซฟตี้คัท ตัดก่อนตาย เตือนก่อนวายวอดให้นายกฯ อิ๊งค์ด้วยตัวเอง...แต่สุดท้ายจะมีใคร ประเด็นไหน ลอดหูลอดตาหรือเส้นผมบังภูเขาอยู่หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง...เพราะขณะนี้ประเด็นคุณสมบัตินั้นอย่าว่าแต่รัฐมนตรีทั่วไปเลย ตัวนายกฯ อิ๊งค์ ก็ถูกร้องแล้ว...

อย่างไรก็ตาม วิเคราะห์ตามหน้าเสื่อหน้าไพ่เกมใหญ่ของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณที่ได้ยกระดับเป็นต่อต้าน 'ระบอบชินวัตร' จะเดินหน้าเชือด...ไม่ใช่ตัวนายกฯ หัวหน้าพรรค แต่เป็น 'ผู้ครอบครอง' ตัวนายกฯและหัวหน้าพรรค ซึ่งก็คือ 'ทักษิณ ชินวัตร' นั่นเอง

ยิงนัดเดียวคือ 'นายใหญ่' ได้นก 3 ตัว...นายใหญ่ร่วง, พรรคไม่รอด, นายกฯ ร่วง...อะไรประมาณนั้น

ต้องจับตาดูนัดหมายครั้งแรก ที่ลานอนุสาวรีย์ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว วันที่ 7 ก.ย.ที่กลุ่มคปท., กองทัพธรรม, ศปปส. และแนวร่วม นัดชุมนุมโหมโรงครั้งแรกว่าจะร้อนแรงขนาดไหน...ประเด็นตัวนายกฯ ไม่เท่าไหร่ แต่ต้องดูประเด็นความลับชั้น 14 ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ออกมาชักธงรบเมื่อวันก่อนว่ามีอะไรคืบหน้าหรือไม่...

มองจากเชิงข่าว...ก็ต้องสรุปเบื้องต้นว่า...ไม่ง่าย แม้กระทั่งประเด็นความลับชั้น 14 ที่ดูเหมือนอยู่แค่เอื้อมที่ความเลวร้ายใกล้ปรากฏ...ขอเพียงคนชื่อ 'เสรีพิศุทธิ์' ไม่หยุดลุย...!!??

แต่ข่าวเชิงลึกกระซิบมาว่า...คุณเสรีพิศุทธ์เกิดอาการเหนื่อยหอบ ตอนนี้ขอให้ 'นักร้องนิรนาม' คุณเรืองไกร นักรบบ้านในป่าเดินหน้าช่องทางอื่นต่อไปล่ะกัน !!??

‘อ.เจษฎา’ ชี้!! ตลาดหุ้นยุค ‘อุ๊งอิ๊ง’ พุ่งขึ้นแรงมาก สูงสุดในรอบ 6 เดือน มอง!! เป็นฝีมือของ ‘ทักษิณ’ เพราะ ‘นายกฯ’ ยังไม่ได้เริ่มทำงาน

(7 ก.ย.67) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวว่า ระบุว่า …

โอ้..ตลาดหุ้นยุค ครม. คุณอุ๊งอิ๊ง พุ่งแรงมากครับ ! ตอนนี้ SET ขึ้นไปทะลุ 1400 และขึ้นไปสูงสุดในรอบ 6 เดือนแล้ว 

คนละเรื่องกับ ครม. ยุคคุณเศรษฐา เลยที่มีแต่ตกเอา ตกเอา จนมาถึงก้นหลุม  ก่อนจะเด้งขึ้นหลังจากมีนายกฯ คนใหม่

ซึ่งก็คงไม่ใช่ฝีมือคุณอุ๊ง โดยตรง เพราะยังไม่เริ่มทำงานอะไร .. แต่น่าจะเป็นฝีมือคุณพ่อ กับการแสดงวิสัยทัศน์ มากกว่ามั้งครับ ฮ่าๆๆ 

กลุ่มเปราะบางดีใจ ลุ้น 'เงินดิจิทัล' เข้าลอตแรกเร็วๆ นี้ ด้าน 'พ่อค้าแม่ค้า' หวังนำเงินไปใช้จ่ายลงทุนร้านค้าตัวเอง

(11 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีการจัดตั้งรัฐบาล ‘อุ๊งอิ๊ง1’ เรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มจากการแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ ‘บัตรคนจน’ และกลุ่มผู้พิการ จำนวนกว่า 14.5 ล้านคน โดยคาดว่าจะโอนเงินให้ได้หลังจากวันที่ 20 ก.ย. เป็นต้นไปท่ามกลางความสนใจของคนไทยทั้งประเทศที่เฝ้ารอรายละเอียดและความชัดเจนจาก ‘น.ส.แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ตลาดสดเทศบาล 1 เขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ซึ่งล้วนต่างถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต่างรู้สึกดีใจในความชัดเจนดังกล่าว และส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้จ่ายลงทุนร้านค้าตัวเอง

‘นางหนูกอ นาใต้’ อายุ 71 ปี แม่ค้าขายผักกล่าวว่า ดีใจที่รัฐบาลมีความชัดเจน เพราะตอนนี้การเงินชักหน้าไม่ถึงหลัง บางวันต้องยืมใช้จากเงินนอกระบบมาลงทุนขายผัก ทั้ง ค่าอยู่ ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไปโรงเรียนหลาน ถ้าได้มาก็จะได้ใช้จ่ายลงทุนและนำไปปิดหนี้นอกระบบ ซึ่งที่ยืมเพราะไม่มีเงินมาลงทุนค้าขาย บางวันขายไม่ได้ทุนคืนก็มี ก็ต้องยืมรายวันมาลงทุนไปก่อน ถ้าได้เงินตัวนี้มาก็พอช่วยได้ในระดับหนึ่งเพื่อมาลงทุนค้าขาย โดยส่วนตัวเท่าที่ฟังข่าวสารมาไม่มั่นใจว่าจะเป็นเงินสดหรือเงินแบบไหน แต่ถ้าได้เงินสดมาก็จะดี จะได้นำมาใช้ลงทุนต่อ เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ค้าขายก็ได้กำไรน้อย ลูกค้าก็ไม่ค่อยมีเหมือนเดิม คนเคยมาซื้อก็น้อยลงบอกว่าหาเงินยาก ซื้อลดลง และการค้าขายที่ร้านต้องขายให้หมดถึงจะเห็นกำไร

ขณะที่ ‘นางตุ๊กตา ศรีอภัย’ อายุ 57 ปี แม่ค้าขายปลาสด-ปลาปล่อย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลจ่ายเงินสดจริงจะดีใจมาก เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าได้เงินมาก็จะมาซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช ของใช้ครัวเรือน โดยที่ทุกวันนี้ครอบครัวติดตามข่าวสารมาตลอดก็ทราบว่าจะได้เงินมาเป็นรอบ ลอตแรก 5,000 บาท ซึ่งถ้าได้เงินสดมา เศรษฐกิจดีขึ้นแน่ คนออกมาใช้จ่ายซื้อของกันคึกคัก ทั้งยังคงนำไปจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าประปา และใช้จ่ายอื่นๆ จนนำมาสู่เงินหมุนเวียน ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง และในตลาดก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ด้าน ‘นายพลวัฒน์ ดอนตระกูล’ อายุ 36 ปี พ่อค้าขายเครื่องเทศ พริก กระเทียม กล่าวว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง ไม่มีบัตรประชารัฐ แต่ถ้าถามถึงความหวังนั้นไม่มีหวังอะไร และไม่รู้ว่าสิทธิ์ที่จะใช้เงินนี้จะใช้จ่ายอะไรได้บ้าง แต่ถ้าได้และเป็นเงินสดก็จะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะสามารถนำไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ แต่โครงการนี้ก็ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนแต่ถ้าได้มาก็จะดี เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ย่ำแย่ อยากให้ทางรัฐบาลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการแจกเงิน

'สวนดุสิตโพล' กาง 25 ตัวชี้วัด 'ดัชนีการเมืองไทย' พร้อมเทียบฟอร์มนักการเมือง ‘รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’

(29 ก.ย. 67) 'สวนดุสิตโพล' มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง 'ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกันยายน 2567' กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,183 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-27 กันยายน 2567 โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุด ได้ดังนี้

1. 'ดัชนีการเมืองไทย' เดือนกันยายน 2567 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.80 คะแนน (เดือนสิงหาคม 2567 ได้ 4.46 คะแนน)

2. ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด 'ดัชนีการเมืองไทย' โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ 

3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนกันยายน 67 

4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนกันยายน 67 

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกตัวชี้วัดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยได้ปัจจัยเชิงบวกที่สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนทั้งการได้นายกฯ คนใหม่ การเร่งแจกเงินหมื่นช่วยคนเปราะบาง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลงานเหล่านี้เข้าถึงปากท้องและครัวเรือนของประชาชนโดยตรง ทำให้รับรู้ได้ว่ารัฐบาลกำลังมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะมีความกังวลผลของเงินหมื่นในระยะยาวแต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยปรับเพิ่มขึ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยคะแนนของฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเป็นเพราะการทำหน้าที่อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 มีการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนได้ ในขณะที่คะแนนฝั่งรัฐบาลก็ขยับเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยลงตัว และได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ๆ เช่น นโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตที่ปรับเปลี่ยนมาแจกรูปแบบเงินสด ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับเงินหมื่นจริง ๆ รวมทั้งการที่รัฐบาลคลอดมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัย ทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน แม้ว่าการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมจะมีความล่าช้าก็ตาม รวมทั้งการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีและผลงานของรัฐบาลขยับเพิ่มขึ้นนั่นเอง

‘แพทองธาร’ ไม่กล้าพูดฟื้น ‘คนละครึ่ง’ กระตุ้นเศรษฐกิจ แง้ม รออีกนิดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรออยู่อีกเพียบ

(7 ต.ค. 67) ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสบวกสนับสนุนรัฐบาล หลังแจกเงินหมื่น และก่อนจะแจกเฟส2 เป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำโครงการคนละครึ่งมากระตุ้นเศรษฐกิจ นายกฯ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนยกมือป้องปากและกล่าวว่า ไม่กล้าพูดเลย แล้วหันไปหัวเราะกับนายสรวงค์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จากนั้นจึงระบุว่า จริง ๆ แล้วเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีในกระเป๋าเยอะมากเลย แต่ค่อยๆ ออกมา เพราะต้องดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย 

นายกฯ กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่า หลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราทำแน่นอน เพราะฉะนั้นก็ขอให้รออีกนิดนึง อย่าเพิ่งรีบ กระทรวงไหนที่เกี่ยวข้อง ตนพยายามจะให้กระทรวงด้านนั้นมาเล่าว่าผลงานที่ตัวเองทำคืออะไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในสมัยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีการจัดรวมกันถึง 5 เฟส มีประชาชนใช้จ่ายจริงไม่น้อยกว่า 27 ล้านคน รวมถึงมีธุรกรรมที่เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท

‘พิชัย’ เผย ขอไทยเตรียมความพร้อม 5 ปี ก่อนเข้าร่วม OECD เน้นภาษีเงินได้นิติฯ

(30 ต.ค. 67) นายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) เข้าพบหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนจะเดินทางเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวภายหลังการหารือว่า จากการหารือประเทศไทยยังมีงานต้องทำอีกหลายอย่างให้เสร็จสิ้นภายในช่วงเวลา 5 ปี ก่อนที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการ ทั้งเรื่องกฎหมาย และแนวทางการปฏิบัติด้านต่าง ๆ ที่จะต้องสอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD โดยเฉพาะเรื่องของนโยบายทางด้านภาษี 

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการทางด้านภาษี เพื่อให้สอดคล้องกับกติกาภาษีใหม่ของ OECD ซึ่งได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงเรื่องอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) จากบริษัทข้ามชาติทั่วโลก ในอัตรา 15% ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วที่สุดในการประชุมคณะกรรมการบีโอไอ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นี้ จะมีการหารือถึงมาตรการดังกล่าว

“เรื่องของภาษีเป็นความจำเป็น เพราะไทยจะต้องทำตามกติกาภาษีใหม่ที่ให้เก็บ 15% กับบริษัทขนาดใหญ่ เพราะมาตรการเดิมของบีโอไอ ให้สิทธิประโยชน์ด้านการยกเว้นภาษี แต่ท้ายที่สุดบริษัทเหล่านั้นก็ต้องเสียภาษีต้นทาง ดังนั้นจึงอยากเซตกติกาใหม่กับบีโอไอ เช่น ถ้าลงทุนพัฒนาทักษะคน หรือใช้เทคโนโลยีสีเขียว ก็มีมาตรการออกมาช่วยโดยจะออกมาเป็นกฎหมายที่จ่ออยู่แล้ว เพื่อให้มีผลใช้บังคับได้ในปี 2568” นายพิชัย ระบุ

นายพิชัย กล่าวว่า ในส่วนประเด็นด้านการเติบโต และด้านศักยภาพของเศรษฐกิจไทยนั้น จากการหารือก็เห็นว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นการฟื้นตัวในระยะต่อไปต้องฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ ซึ่ง OECD ก็มีตัวอย่างของประเทศพัฒนาแล้ว ที่ประเทศไทยสามารถนำวิธีคิด และวิธีทำงานมาแลกเปลี่ยนกันต่อไป 

“วันนี้จะอยู่แบบเดิมไม่ได้ต้องอยู่แบบประสิทธิภาพ และคุณภาพ ซึ่งวิธีคิด และวิธีทำงานที่สอดคล้องกันของประเทศสมาชิกจะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันได้ง่ายขึ้น และเป็นผลดีกับไทยที่มีปัญหาการทำงาน มีปัญหาซ้ำซ้อนเรื่องค่าใช้จ่ายภาครัฐมาก โดยเรื่องทั้งหมดนั้น เรามีงานต้องทำอีกมากตามเป้าหมายการทำงานในช่วง 5 ปีจากนี้” นายพิชัย ระบุ

จับตา!! ‘Mou44 – คดีล้มล้างฯ - ศึกอบจ.อุดรฯ - ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ’ แม้ ‘รัฐนาวาของอุ๊งอิ๊ง’ จะโคลงเคลง!! แต่ ‘ทักษิณ’ ยังชิลเดินหน้าปลุกแนวรบ

(9 พ.ย. 67) ไฮไลต์เหตุบ้านการเมืองที่เป็นแรงกระเพื่อมทางการเมืองขณะนี้มีมากเป็นสิบ ๆ กรณี  แต่จะโฉบจับเอามาขีดเส้นใต้สัก4กรณี  ชี้ทิศทางสถานการณ์สัปดาห์หน้า...

1) กรณีตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย..วัดใจกันว่าฝั่งการเมืองหรือกระทรวงการคลังจะเปลี่ยนตัวจาก โต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นพงษ์ภาณุ  เศวตดรุณ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวฯอดีตลูกหม้อกระทรวงการคลัง หรือยอมเปิดทางให้กุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดพลังงาน/ลูกหม้อกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นตัวเลือกฝั่งแบงก์ชาติ..

ร้อนปรอทแตกถ้ายืนยันดันโต้ง,ร้อนพอประมาณถ้าเลือกพงษ์ภาณุและร้อนอุ่น ๆ หากเลือกกุลิศ..

2) สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะทำงานของอัยการสูงสุดสอบเพิ่มเติมผู้ร้อง (ทนายธีรยุทธ   สุวรรณเกสร) และผู้ถูกร้อง (ทักษิณ-เพื่อไทย) ซึ่งส่งอ.ชูศักดิ์ ศิรินิล ไปให้ถ้อยคำ ต้นสัปดาห์นี้อัยการจะส่งรายงานไปยังศาลรธน. ดูไทม์ไลน์แล้วพุธที่ 13 พ.ย. ศาลรธน.อาจจะยังพิจารณาไม่ทันว่าจะรับคำร้องที่นายธีรยุทธร้องไว้พิจารณาหรือไม่ แต่พุธที่ 20 และ 27 พ.ย.น่าจับตา..มีลุ้น

คดีหรือคำร้องที่พูดถึงนี้ไม่ใช่อะไรอื่น คือกรณีที่เรียกกันว่า ‘คดีล้มล้างฯภาค2’ ที่ไฮไลต์คำร้องอยู่ที่กรณีป่วยทิพย์ ชั้น 14 และกรณีการครอบครองครอบงำ ปรากฏว่าตอนอัยการเชิญไปให้ปากคำเพิ่มเติมเมื่อ 5 พ.ย.ทนายธีรยุทธขออธิบายความเพิ่มเติมว่า..กรณีการดำเนินการเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ของรัฐบาลแพทองธารขณะนี้นั้นอาจนำไปสู่การสูญเสียอธิปไตย เป็นการละเมิดพระบรมราชโองการเรื่องการกำหนดเส้นไหล่ทวีป ปี 2516...ฯลฯ..

ร้อนปรอทแตกพันเปอร์เซ็นต์ถ้าศาลรธน.รับไว้พิจารณา..!!

3) ว่ากันตามเนื้อผ้า..กรณีเกาะกูดและMOU2544 สัปดาห์ก่อนโน้นรัฐบาลทำท่าทำทางจะตั้งหลักได้ดีพอประมาณ เชิญระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจง แต่ล่าสุดเมื่อ8พ.ย.ท่านนายกฯอิ๊งค์กับรองนายกฯอ้วน ออกมาช่วยกันตอบคำถาม..อาการน่าเป็นห่วงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกรณีที่ท่านนายกฯบอกว่าเขมรยังขีดเส้นอ้อมเกาะกูดให้ไทยเลย..

ต้องหมายเหตุว่านาทีนี้..คนส่วนใหญ่เขาตาสว่างกันหมดแล้วว่า..คำว่า 'เกาะกูด' มิได้หมายถึงเฉพาะตัวเกาะ  แต่หมายถึงทะเลอาณาเขตรอบตัวเกาะ..

การชี้แจงของนายกฯ น่าจะทำให้การล่า 1 แสนรายชื่อให้ยกเลิกMOU2544เพื่อเซฟเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของคณะนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และการขับเคลื่อนอย่างแข็งแรงของพรรคพปชร.ตลอดจนภาคประชาชนในสัปดาห์หน้า..สัปดาห์ต่อ ๆ ไปแข็งแกร่งมากขึ้นตามลำดับ..

มีพรายกระซิบว่า...รัฐบาลอาจจะแก้เกมผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการเชิญภาคส่วนต่าง ๆ มาล้อมวงคุย..รับฟังข้อมูล..ก็อาจจะช่วยได้บ้างตามสมควร..

4) แม้รัฐนาวาลูกสาวจะออกอาการโคลงเคลง ซึ่งเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งมากผู้เป็นพ่อ..แต่ในยามนี้ผู้เป็นพ่ออย่างทักษิณ ชินวัตร ดูจะไม่ออกอาการอะไรมาก ยังชิล ๆ..มองการเมืองข้ามช็อตเดินหน้าปลุกแนวรบเพื่อไทย ให้” แดงทั้งแผ่นดิน”แบบโดนัลด์ ทรัมป์  ก็มิปาน..

วันที่ 13-14 พ.ย.ทักษิณในฐานะผู้ช่วยหาเสียง จะไปช่วยปราศรัยหาเสียงให้ ‘ศราวุธ  เพชรพนมทวน’ (เขยของอินทรีอีสาน-พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก) ผู้สมัครนายกอบจ.อุดรธานี 3 จุด..เฉพาะจุดสุดท้ายที่ทุ่งศรีเมืองกลางเมืองอุดร วางดัชนีชี้วัดเอาไว้ว่าต้องมีมวลมหาประชาชนชาวอุดรมาฟัง 2 หมื่นคน..

ว่ากันว่า ‘ทักษิณ’ เพิ่งปลาบปลื้มหัวใจพองโตจากขอนแก่นโมเดล เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นที่ วัฒนา ช่างเหลา นำมวลชนคนเสื้อแดงชูป้ายทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง ล้มแชมป์เก่า6สมัยลงได้อย่างน่าอัศจรรย์..

รอบนี้เลือกนายกฯอบจ.อุดรฯพรรค 24 พ.ย.เพื่อไทยเจอศึกใหญ่เพราะพรรคส้มหมายมั่นจะเปลี่ยนอุดรฯเป็นเมืองหลวงคนเสื้อส้ม ปักธงนายกอบจ.ให้ได้เป็นผืนแรก..ถึงขั้นต้องจัดทัพหลวง ‘พิธา-ธนาธร’ออกรบเอง...ทักษิณมีหรือจะไม่รู้ว่าถ้าแพ้ที่สมรภูมินี้  จะชี้ช้ำยิ่งกว่าถูกศาลรธน.รับคดีล้มล้างฯไว้พิจารณาเป็นร้อยเท่า..

อีกทั้ง การโหมข่าวเลือกตั้งอบจ.อุดรฯยังช่วยเบนข่าวMOU2544 ที่กำลังขยี้นายกฯอิ๊งค์ได้อีกต่างหาก!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top