Sunday, 27 April 2025
อุ๊งอิ๊ง

‘นรุตม์ชัย’ ฟาดใส่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่ภาคภูมิใจกับ ‘รัฐบาลตระบัดสัตย์’ ชี้!! ‘ต้องฟังเสียงปชช.-รับผิดชอบต่อคำพูด-ทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศ’ 

(6 พ.ค.67) นายนรุตม์ชัย บุนนาค รองเลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง กรณีที่ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ประกาศ ว่า เมื่อ 10 เดือนที่แล้วตัดสินใจถูกต้องแล้ว ที่จัดตั้ง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ว่าตนขอแสดงความจริง ว่าคนไทยจะได้อะไร ถ้าไม่มีรัฐบาลตระบัดสัตย์ 10 เดือนคนไทยจะได้อะไรบ้าง

1) เด็กจะไม่ถูกปลูกฝังค่านิยม ว่าการโกหก บหรือการตระบัดสัตย์ เป็นสิ่งที่ถูกต้องในสังคมไทย
2) คนไทยได้ธรรมนูญใหม่ ได้ประชาธิปไตยเต็มใบ
3) คนที่ครอบครองยาบ้า 5 เม็ด ยังผิดกฏหมายต้องถูกลงโทษ ไม่ถือเป็นผู้เสพ
4) ประเทศไทยจะไม่มีกัญชาเสรี จะได้กัญชาเพื่อการแพทย์
5) เศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่านี้เพราะ ได้ใช้งบประมาณปี 67 ตั้งแต่เดือนตุลาปีที่แล้ว ไม่ถูกกั๊กไว้ทำDigital Wallet
6) คนไทยทั้งประเทศ ไม่ต้องเป็นหนี้ เงินกู้ 500,000 ล้าน เพื่อมาแจกดิจิทัล วอลแล็ท ที่ต้องใช้หนี้ชั่วลูกชั่วหลาน โดยผลได้ทางเศรษฐกิจไม่คุ้ม และ ใครกันแน่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้
7) สถาบันหลักของชาติ ที่ทุกคนเคารพเทิดทูน จะไม่ถูกแอบอ้าง ทำให้เสียหายเช่นทุกวันนี้
8) คนไทยจะได้นายก และรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมากับมือ ไม่ใช่นายกที่มาจากส.ว.
9) ขบวนการยุติธรรมไทย จะไม่ถูกทำลายจนย่อยยับ เพียงเพื่อต้องการ ช่วยให้ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้สิทธิพิเศษแบบเทวดา
10) ประชาชน จะได้รับการดูแลเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง การลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน จะไม่ได้รัฐบาลที่อุ้มแต่พรรคพวกตนเอง ให้มาสูบเลือดจากคนจน

นายนรุตม์ชัย ระบุด้วยว่า หลายเรื่องรัฐบาล ที่รัฐบาลตระบัดสัตย์ แล้ว กล่าวอ้างว่าจะเข้ามาทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนนั้น กลับไม่ตรงกับที่ประกาศไว้และให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องประชาชน ขณะที่หลายนโยบาย ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา กลับไม่ปฏิบัติตาม 10 เดือนที่ผ่านมา จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมเตือนสติรัฐบาล เพื่อสื่อสารไปถึงผู้มีอำนาจ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินต้องรับฟังเสียงพี่น้องประชาชน รับฟังความต้องการ และรับผิดชอบ ต่อคำพูดคำสัญญาที่ให้ไว้ โดยเฉพาะ ความคิดเห็นที่แตกต่าง แม้จะไม่ถูกใจรัฐบาล แต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ผู้มีอำนาจจำเป็นต้องรับฟัง

‘เทพไท’ จี้ ‘แพทองธาร’ ให้ปรับปรุงตัว ชี้!! เป็นตัวตลก อยากให้มีวุฒิการเมืองมากกว่านี้

(26 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ระบุว่า …

อย่าอุ๊งอิ๊ง!!!

ผมเห็นข่าวพาดหัวว่า คุณอุ๊งอิ๊งยังไม่พร้อมเป็นนายกฯ หลังจากที่นักข่าวได้ถามเรื่องศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 ส.ว. เพื่อพิจารณาการพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ว่าหากผลของคำวินิจฉัยของศาลให้คุณเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป

ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดกับนักข่าวเป็นความจริงหรือไม่ หรือต้องการจะเอาใจคุณเศรษฐา เพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ในความรู้สึกของประชาชนนั้น คุณอุ๊งอิ๊งเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แสดงว่ามีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 100% แต่ทำไมเมื่อนักข่าวถามในตอนนี้ กลับบอกว่า ไม่พร้อมที่จะรับตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางการเมืองของคุณอุ๊งอิ๊ง ที่มักจะมีปัญหาและสร้างประเด็นให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ มาโดยตลอด

ผมอยากจะยกคำพูดของคุณอุ๊งอิ๊ง บนเวทีปราศรัยหาเสียง เช่น

1.การบอกว่าให้ดูหน้าดิฉันไว้ จะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหารจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่ในวันนี้ก็ได้กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มคนที่ทำรัฐประหารเรียบร้อยแล้ว

2.การปราศรัยบนเวทีว่า จะปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ ไปพร้อมๆกัน แล้วตอนนี้ผลก็คือ นายกเศรษฐากำลังจะถูก 40 ส.ว.ปิดสวิตช์ การประกาศจะปิดสวิตช์ 3 ป.ก็ไม่สามารถทำได้จริง ต้องจับมือกับ 3 ป.ตั้งรัฐบาลด้วยกัน

3.การที่ประชาชนมีกินมีใช้ วันนี้ก็พบความจริงว่าประชาชนลำบากเหมือนเดิม เงินดิจิทัลวอลแล็ตคนละ 10,000 บาท ก็ไม่สามารถแจกให้กับประชาชนได้

4.การประกาศเติมเงินให้กับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ก็ยังไม่มีการเติมให้เลยแม้แต่ครอบครัวเดียว

5.การประกาศว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมันจะลดลง จะไม่แพงอีกต่อไป แต่วันนี้กลับเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆ

ผมไม่อยากให้สังคมมองคุณอุ๋งอิ๋งขาดความน่าเชื่อถือในคำพูด เป็นตัวตลก ให้โลกโซเชียลนำคลิปการพูดหาเสียงของคุณอุ๊งอิ๊งมาล้อเล่น แชร์กันเป็นไวรัล จนถึงการนำชื่อคุณอุ๋งอิ๋งมาเป็นคำล้อเลียน คำสบถ เช่น อย่าอุ๊งอิ๊งอีกเลย อย่าทำตัวอุ๊งอิ๊ง หรืออุ๊งอิ๊งอีกแล้วนะ ฯลฯ ซึ่งสร้างความเสียหาย ทำลายภาพลักษณ์นักการเมืองรุ่นใหม่

จึงอยากแนะนำให้คุณอุ๊งอิ๊งปรับปรุงตัว และมีวุฒิภาวะทางการเมืองมากกว่านี้ ขอเตือนไว้ด้วยความหวังดี

‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดตัวศูนย์ ‘TCDC’ แห่งใหม่ นำร่อง 10 จังหวัด หนุนทุนวัฒนธรรม-ความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันสู่ซอฟต์พาวเวอร์

(26 มิ.ย. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมเปิดงานประกาศจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นครราชสีมา ปัตตานี พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยในแต่ละจังหวัดเข้าร่วมงาน อาทิ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายพชร จันทรรวงทอง สส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายนิกร โสมกลาง สส. ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย เป็นต้น 

น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดงานว่า งานนี้เป็นการประกาศจุดเริ่มต้นของนโยบายการยกระดับทุนวัฒนธรรม เสริมทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ให้เป็นพลังขับเคลื่อนกระบวนการ Soft Power ที่สำคัญของประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน ทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ กลายเป็นหนึ่งปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ประเทศไทยมีภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่ามากมาย แต่ยังขาดการบูรณาการและกลไกที่เหมาะสมในการนำมาพัฒนา และต่อยอดให้กลายเป็นทรัพยากรหลักของประเทศ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รัฐบาลจึงมีนโยบาย "สร้างคน เพิ่มทักษะ" ผ่านการจัดตั้ง "ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ" หรือ TCDC แห่งใหม่ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ที่เป็นภูมิปัญญาสำคัญในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ดนตรี การออกแบบ ศิลปะ และวิถีชีวิตอื่น ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power” (OFOS) ที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนทุกบ้าน ทุกครัวเรือนอย่างแท้จริง เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าฝึกอบรมผ่าน TCDC โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย ทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งค่ายมวย 400 แห่งที่จะร่วมอบรมมวยไทยด้วย เพื่อให้ทุกครัวเรือนเข้าถึงได้ ตั้งแต่ระดับตำบล จังหวัด จนถึงระดับประเทศ 

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นโยบายการสร้างคนผ่านการ Upskill-Reskill จะสำเร็จได้ผ่านความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานอย่าง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) ที่เป็นจุดตั้งต้นในการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ ใน 10 จังหวัดขึ้นในระยะแรก รวมถึงการผนึกกำลังขององค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐส่วนท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ที่มาร่วมอำนวยความสะดวกในการจัดหาทรัพยากรพื้นฐานและความร่วมมือ ไปจนถึงหน่วยงานสนับสนุนอย่างสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในการจัดหาหลักสูตรในการอบรม พัฒนาทักษะ พร้อมออกใบรับรองศักยภาพ ทั้งหน่วยงานที่รับช่วงต่อในการสร้างงาน เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานเหล่านี้ได้เข้าถึงตลาดงานที่สำคัญ ที่จะเชื่อมต่อความสำเร็จทั้งระบบไปสู่ตลาดระดับประเทศและตลาดโลกได้

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลักกับองค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับการคัดเลือกจัดตั้ง TCDC แห่งใหม่ ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทุนวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ในระดับภูมิภาค การสร้างเครือข่ายและกลไกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพของคนในพื้นที่ และการส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ระดับท้องถิ่น โดยทั้ง 3 เป้าหมาย จะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถนำทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของเรา ไปสู่การสร้าง Soft Power ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า ศูนย์ 10 จังหวัดคัดเลือกมาจาก 24 จังหวัด ซึ่งดูจากความพร้อม เมื่อมีการจัดตั้งแล้ว 10 จังหวัดนี้จะเป็นการพัฒนาทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงปีหน้า ส่วนการเดินสายไปเยี่ยมชมศูนย์ต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ในอนาคตเราอยากให้มีศูนย์ระดับนานาชาติตามมหานครใหญ่ ๆ ทั่วโลก

'สวนดุสิตโพล' เผลผลสำรวจ ‘คนไทยกับนายกรัฐมนตรี’ คาดหวัง!! เข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง-แก้ปากท้องได้ทันที

(16 ส.ค. 67) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ‘คนไทยกับนายกรัฐมนตรี’ ระหว่างวันที่ 14-15 สิงหาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,239 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า กลุ่มตัวอย่างคิดว่าการที่นายกฯ เศรษฐาหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องลึกเบื้องหลัง ร้อยละ 52.88 และน่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง ร้อยละ 70.30

ทั้งนี้หวังว่าผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ควรเข้าใจปัญหาสังคมและประชาชน ร้อยละ 62.62 สุดท้ายคิดว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ น่าจะเป็นคุณแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 36.35 รองลงมาคือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 25.33

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนถึงความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้นในช่วงนี้ มองเห็นถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองที่อาจกระทบต่อทิศทางการบริหารประเทศและนโยบายเรือธงที่เป็นความหวังของประชาชน เรื่องการเมืองมีความซับซ้อนและผลประโยชน์ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น ผู้นำคนใหม่จึงต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในปัญหาของประเทศและสามารถเชื่อมโยงกับประชาชนได้อย่างแท้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและนำพาประเทศไปสู่เสถียรภาพที่มั่นคง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยอดชาย ชุติกาโม อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า การหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองไทย ณ เวลานี้ มีความร้อนแรงอย่างยิ่ง และกระทบไปยังภาคส่วนต่างๆ จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพล พบว่า 52.88% ประชาชนเชื่อว่าเป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีประชาชน เพียง 15.76% เท่านั้นที่เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน

ขณะที่คนส่วนใหญ่มองว่าการหลุดจากตำแหน่งของนายเศรษฐา น่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองไทย ในประเด็นที่ว่าใครสมควรเป็นนายกฯ คนต่อไป ประชาชน 36.35% ให้คุณแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นอันดับหนึ่ง เบียดคู่แข่งที่มาแรงอย่างคุณอนุทิน ชาญวีรกูล โดยประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังว่านายกฯ คนต่อไป ต้องเข้าใจปัญหาสังคมและประชาชน และสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ทันทีซึ่งประชาชนมีความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจถึง 61.97%

“ทิศทางการเมืองไทยนับจากนี้ เราจะมีนายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของการปกครองไทยนับตั้งแต่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมา 92 ปี คนรุ่นใหม่ที่หลายฝ่ายอยากได้มาสร้างรูปแบบ และกระบวนการทางการเมืองใหม่ ๆ จะเป็นดังที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยอดชาย ระบุ

📌ส่อง ‘6 ผู้นำ’ อายุน้อยที่สุดในโลก ‘นายกฯ ไทย’ ก็ติดโผด้วยนะ!!

วันนี้ 16 ส.ค. 67 นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เพราะที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ด้วยเสียงเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง

ถือว่า ‘นายกฯ อิ๊งค์’ เป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 และยังครองตำแหน่งนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดของไทยอีกด้วย ซึ่งอีกเพียง 5 วันก็จะถึงวันคล้ายวันเกิด (21 ส.ค.) ของนายกฯ อิ๊งค์แล้วด้วย ✨❤

‘สรรเพชญ’ หวัง ‘รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง’ แก้ปัญหาปากท้อง-เศรษฐกิจจริงจัง เตือน!! อย่าริทำอะไรเสี่ยงผิดกฎหมาย พรรคฝ่ายค้านจับตาดูผลงาน

(16 ส.ค. 67) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นภายหลังการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์ มีมติงดออกเสียงกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นายสรรเพชญ ได้ให้เหตุผลว่า การลงมติงดออกเสียงในครั้งนี้เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าและไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เพราะมีการเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงชื่อเดียว อีกทั้งเพื่อให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ได้เข้าแถลงนโยบายกับรัฐสภาและทำหน้าที่ก่อน หลังจากนั้นจึงจะดำเนินการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 

นายสรรเพชญ กล่าวว่า ตนมีความหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องต่าง ๆ ที่คั่งค้างของรัฐบาลโดยเฉพาะเรื่องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ปรึกษาหารือผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นปัญหาที่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ร้องเรียนและสะท้อนผ่านมายังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ คือ การเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ประชาชน นอกจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันที สิ่งที่เป็นโจทย์หลักและท้าทายความสามารถของรัฐบาลทุกชุด คือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ กำลังซื้อของประชาชนกำลังถดถอยเพราะรายได้สวนทางกับรายได้ ปัญหาปากท้อง หนี้สินครัวเรือนอันมหาศาลของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผงชูรส หรือราคาสินค้าทางการเกษตรที่เกษตรกรขายมีราคาตกต่ำ แต่เมื่อถึงมือของประชาชนกลับมีราคาที่สูงขึ้น ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมีความลำบากมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพ 

นอกจากนี้ ปัญหาที่กำลังทดสอบความสามารถของรัฐบาล คือ การแก้ไขปัญหาที่ประชาชนไม่สามารถประกอบอาชีพเหมือนเดิมได้ เห็นได้จากการปิดตัวของร้านค้าต่าง ๆ ที่ได้ปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก ทั้งการสู้เรื่องต้นทุนไม่ไหว และสำคัญกว่านั้น คือ การเข้ามาของสินค้าจีน ทุนจีน ที่เข้ามาผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ขายราคาถูก ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไปไม่รอดหลายราย ซ้ำยังมีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอลเซ็นเตอร์ ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ที่เกือบ 1 ปี ที่มีรัฐบาลเพื่อไทยเป็นแกนนำไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ 

ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้ ควบคู่กับการเร่งมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนและการฟื้นความเชื่อมั่นจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งรัฐบาลต้องหาทางออกในเรื่องนโยบายแจกเงินผ่านระบบดิจิทัลที่ประชาชนได้ลงทะเบียนไปแล้วรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่อย่างไร 

นายสรรเพชญ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้รัฐบาลทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าริอาจทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือปล่อยให้ใครมาครอบงำนายกรัฐมนตรี และตนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านและคอยจับตาดูการทำงานของรัฐบาลต่อไป

'วิโรจน์' ยกเมฆ!! 'มรดกบาป 'คสช.' - ‘รธน.60' บั่นทอนประชาธิปไตย เหตุผล 'ปชช.' ไม่โหวต 'อุ๊งอิ๊ง' แต่ยังดีได้นายกฯ จาก 'สภาผู้แทนราษฎร'

(16 ส.ค.67) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

การ ‘ไม่เห็นชอบ’ ของผม เป็นการสะท้อนให้ประชาชนได้เห็นว่า ปัจจุบันอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย อย่างน้อย ๆ สองในสาม ซึ่งก็คือ อำนาจบริหาร และอำนาจนิติบัญญัติ กำลังถูกบั่นทอนจากนิติสงคราม โดยองค์กรที่ขาดการยึดโยงกับประชาชนอย่างแนบแน่น ไร้กลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลที่ได้สัดส่วนกับอำนาจ

ทั้งหมดนี้ ล้วนมีสารตั้งต้นมาจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งทำให้มรดกบาปของ คสช. และอำนาจใด ๆ ของรัฐธรรมนูญปี 60 ยังคงอยู่บั่นทอนระบอบประชาธิปไตยต่อไป

การยุบพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 จากประชาชน การพ้นจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้าน ที่มีที่มาจากระบบรัฐสภา โดยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญปี 60 ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสังเกตว่า อำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย กำลังถูกบั่นทอนอยู่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ยังมีเรื่องที่พอจะเป็นความหวังอยู่บ้าง นั่นก็คือ นายกฯ คนใหม่ ยังคงมีที่มาจาก ‘สภาผู้แทนราษฎร’ ตามระบบรัฐสภา

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้แทนราษฎร ที่มาจากการเลือกของประชาชนทุกคน จะร่วมกันฟื้นฟู และปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนอย่างเต็มที่ร่วมกัน ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ การแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง

ในฐานะฝ่ายค้าน ผมจะทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนี้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และปราศจากการคอร์รัปชัน

และยืนยันว่า หากนายกรัฐมนตรีคนนี้จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยระบบรัฐสภา หรือจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่ว่าจะต้องมีอันเป็นไปจากการแทรกแซงอำนาจอธิปไตย จากอำนาจอื่นใด ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน

‘คุณหญิงหน่อย’ ติง!! 6 สส.ไทยสร้างไทย โหวต ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั่งนายกฯ ผิดจริยธรรมการเป็นฝ่ายค้าน ด้าน ‘ฐากร’ โต้กลับ “จะปล่อยให้ประเทศไม่มีนายกฯ ต่อไปได้อย่างไร?”

จากกรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ด้วยเสียงเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง

ปรากฏว่า 6 สส. จากพรรคไทยสร้างไทย คือ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด, นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ, ​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี, นายหรั่ง ธุรพล สส.อุดรธานี และนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร ที่เคยเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ลงมติเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ คนที่ 31

ต่อมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ต่อกรณี 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย โหวตเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า...

ดิฉัน และผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทย เรามีจุดยืนรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย และทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่ซื่อสัตย์ต่อเสียงประชาชน และต้องปฏิบัติตามมติของพรรคฝ่ายค้านร่วม 

ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ควรมีจิตสำนึกต่อการทำหน้าที่อย่างสุจริต ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภา การลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จากพรรครัฐบาลในวันนี้ ถือว่าเป็นการขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย และผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

ซึ่งในเวลา 14:00 น. วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ที่ขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบในเบื้องต้น

โดยหลังประชุมกรรมการบริหาร จะมีการออกแถลงการณ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ

และต้องกราบขอโทษต่อพี่น้องประชาชนสำหรับการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเสียงของประชาชน

ทางฟาก นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เราได้มีการประชุม สส.พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้แจ้งมติของพรรคประชาชน ว่าจะโหวตไม่เห็นชอบ เนื่องจากขัดกับหลักประชาธิปไตย และการที่อดีตพรรคก้าวไกลเคยมีเสียงข้างมาก จึงควรเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ในส่วนพรรคไทยสร้างไทย เรามองว่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงตกต่ำ และมีชื่อเสนอมาชื่อเดียว หากเราไม่โหวตเห็นชอบในวันนี้ แล้วจะทำอย่างไร

นายฐากรกล่าวต่อว่า หากมีชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาชนเสนอมา อย่างไรพรรคไทยสร้างไทยก็โหวตให้อยู่แล้ว หรือพรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นกัน แต่เนื่องจากไม่มีชื่อแคนดิเดตฯ จากพรรคฝ่ายค้านเลย พรรคไทยสร้างไทยจึงเห็นชอบร่วมกันว่า เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราจะต้องรออีกนานเท่าไหร่ กว่าจะทูลเกล้าฯ กว่าจะยกร่างนโยบาย ซึ่งเราคาดว่าจะใช้เวลาร่วมเดือนในการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นหากเราปล่อยไปเรื่อย ๆ ประเทศชาติจะมีความเสียหาย

“เราไม่ได้โหวตเพื่อที่จะบอกว่าจะเข้าร่วมรัฐบาล เราต้องการคิดถึงความเสียหายที่เกิดกับประชาชนและประเทศชาติ” นายฐากรกล่าว

นายฐากรกล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยยังอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเช่นเดิม ดังนั้น การอภิปรายงบประมาณ เราก็จะโหวตไม่เห็นด้วยเช่นเดิม ยืนยันว่าเราโหวตโดยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีการติดต่อกับพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น จะเดินหน้าในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อ

เมื่อถามว่า จะถูกมองว่าเป็นพรรคงูเห่าหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่มี ไม่มีเด็ดขาด เพราะการโหวตไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นมติที่ประชุม สส. ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยที่จะโหวตไม่เห็นชอบ เพราะยึดหลักการว่าต้องมีนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ ยอมรับว่าสื่ออาจพาดหัวข่าวว่าเป็น ‘งูเห่า’

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะทำงานกับพรรคฝ่ายค้านยากขึ้นหรือไม่ นายฐากรปฏิเสธว่าไม่ยาก เพราะจุดยืนเราชัดเจน ส่วนได้พูดคุยกับนายปกรณ์วุฒิหรือยังนั้น นายฐากรกล่าวว่า นายปกรณ์วุฒิได้ให้ตนลงมาพูดคุยกับสื่อมวลชน

เมื่อถามว่า การที่โหวตลักษณะนี้มีผลประโยชน์แลกใช่หรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่มี เราไม่เคยรับผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้นในการโหวตครั้งนี้ แม้แต่เก้าอี้รัฐมนตรีก็ไม่เคยพูดคุย จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาพรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคที่เงียบที่สุด แม้จะมีกระแสข่าวว่าเราจะเข้าร่วมรัฐบาล แต่เราก็ยังอภิปรายในสภาอยู่ตลอดเวลา

เมื่อถามว่า หากไม่มีเสียงจากไทย เสียงในสภาก็เพียงพอที่จะให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว นายฐากร กล่าวว่า สส.ในพื้นที่ บอกว่าหากลงคะแนนไม่เห็นชอบ ประชาชนในพื้นที่จะไม่เห็นด้วย เพราะเขาต้องการให้มีรัฐบาลบริหารประเทศ ตนได้ถาม สส.ทุกคนแล้ว ซึ่งเมื่อตนเดินทางถึงสภาในตอนเช้า ก็ได้เรียกประชุม สส. เพื่อแสดงความเห็น ยืนยันว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมด

เมื่อถามว่า จะทำให้พรรคไทยสร้างไทยถูกมองว่าไม่มีจุดยืนหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่ ยืนยันว่าเราโหวตตามหลักการของเรา แต่ละพรรคก็มีหลักการของตัวเอง ดังนั้น ถ้าเอาหลักการของพรรคอื่นมาเชื่อมโยงกับเรา ก็เชื่อมโยงไม่ได้

“ย้ำว่าจุดยืนของเราคือสิ่งไหนที่รัฐบาลทำไม่ถูก ก็จะเดินหน้าอภิปราย ทั้งนี้ หากเราโหวตแล้วเสียงแตก นั่นคืองูเห่า ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านก็ต้องโหวตเหมือนกัน”

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่ได้คุยกันเลย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า นายฐากรแตกหักกับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะอยากไปร่วมรัฐบาล นายฐากรกล่าวว่า ไม่ ตนไม่เคยแตกหัก ใครจะไปกล้าแตกหักกับคุณหญิง แต่ยอมรับว่าไม่ได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ก่อนจะโหวต ก็เราเพิ่งตัดสินใจเมื่อเช้าก่อนโหวต

เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นการลอยแพคุณหญิงสุดารัตน์หรือไม่ นายฐากรร้องโอ๊ย ก่อนกล่าวว่า ใครจะกล้าลอยแพคุณหญิง ไม่มีหรอก ยืนยันว่าไม่ลอยแพ แต่กลัวคุณหญิงจะลอยแพพวกเรา พร้อมย้ำว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีความสำคัญต่อพรรคไทยสร้างไทย ดังนั้น เราต้องให้ความสำคัญ เพราะพรรคไทยสร้างไทยคือพรรคที่คุณหญิงสุดารัตน์สร้างมา

เมื่อถามว่า ในอนาคตหากมีการเทียบเชิญ จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ต้องไปพูดคุยกัน แต่วันนี้ขออยู่ในโลกความเป็นจริง วันนี้เราเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด วันนี้ขออยู่ในโลกปัจจุบัน อย่าเพิ่งอยู่ในโลกอนาคต แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ปิดประตู ขอตอบเพียงว่า ทำหน้าที่วันนี้ให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เหมาะสมหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า เมื่อผลออกมาแล้วก็แสดงความยินดี เพราะไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดทุกคนก็ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่ถึงแม้จะเป็นคนอื่นที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เราก็ยินดีที่จะโหวต

‘จีน’ ยินดีที่ไทยได้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ พร้อมเดินหน้า!! พัฒนาสองประเทศ

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ตอบคำถามนักข่าวกรณี ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยในวันที่ 16 ส.ค. ฝ่ายจีนมีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ และมีความคาดหวังอย่างไรต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ระบุว่า ฝ่ายจีนขอแสดงความยินดีกับคุณแพทองธารที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และเชื่อว่าประชาชนชาวไทยจะบรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของประเทศ

จีนและไทยเป็นมิตรประเทศและเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ในปี 2025 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย นับเป็นโอกาสใหม่ในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งฝ่ายจีนยินดีทำงานร่วมกับไทยเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ กระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้เข้มแข็งและลึกซึ้งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘อ.สุวินัย’ ชี้เป็น ‘นายกฯ’ ช่วงนี้เหมือนมีทุกขลาภ!! เศรษฐกิจตกต่ำ หากทำได้ไม่ดี มีถูกตราหน้าไปอีกนาน

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร. สุวินัย ภรณวลัย นักเขียนชาวไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้มีฉายาว่า ‘มูซาชิเมืองไทย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ป้ายแดง โดยได้ระบุว่า …

ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่สังคมต้องเผชิญ คือปัญหาหนี้ครัวเรือน วิกฤติฐานราก วิกฤติสภาพคล่อง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เศรษฐกิจโลกตกต่ำ และผลกระทบจากสงครามใหญ่

จะว่าไปแล้วคนที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ น่าจะเป็นทุกขลาภมากกว่า...ดุจเอาคอไปพาดเขียงก็ว่าได้

หมากตานี้ดูเหมือนเป็นหมากบังคับให้เจ้าตัวจำต้องเดินมากกว่าเต็มใจเดินเอง...ตั้งแต่เจ้าตัวคิดกลับเมืองไทย กระดานหมากกระดานนี้ก็ถูกปูรอไว้แล้วด้วยซ้ำ

จนเจ้าตัวจำต้องลุยไฟฝ่าทุ่งสังหารไปตายเอาดาบหน้า โดยหอบหิ้วลูกสาวคนโปรดฝ่าไปด้วย

ข้อดีของการได้นายกฯ คนใหม่คนนี้ก็มีเหมือนกัน ...คือเปิดทางให้ยกเลิกการแจกเงินหมื่นดิจิทัลโดยไม่เสียหน้า จึงไม่เสี่ยงต่อการสร้างหายนะทางการคลัง

สังคมไทยคงได้ซึมซับความอ่อนด้อยในการบริหารที่แท้จริงของนายกฯหญิงที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่วัยแค่ 37 ปี

ภาพลักษณ์ที่เป็นภาพลบของนาง น่าจะนำไปสู่ฉากอวสานแห่งภาพพจน์ที่เคยคุยโม้นักหนาว่า ‘เก่งเศรษฐกิจ’ และคงจะถูกสังคมตราหน้าไปอีกนานแสนนาน ...ท่ามกลางความฉิบหายทางเศรษฐกิจที่รออยู่ข้างหน้าอย่างถ้วนหน้า

ในบางสถานการณ์ การอดทนอดกลั้นรอเวลาให้อีกฝ่ายแพ้ภัยตัวเอง คือ กลยุทธ์ที่แยบยล 

คือต้องให้สังคมไทยและคนไทยเห็นด้วยตา ประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง ว่าใครเก่งจริง และใครกลวงจริง

คนไทยยังจะต้องเจอความทุกข์ทรมานมากกว่านี้ ถึงจะได้บทเรียนฝังใจ ...นี่คือชะตากรรมที่เลี่ยงได้ยากเหลือเกิน บางครั้งความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ กลยุทธ์ที่ทรงพลัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top