Tuesday, 20 May 2025
อีลอนมัสก์

ถอดรหัสชีวิตที่ไม่สวยหรูของ ‘Elon Musk’  ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำเดือนมิถุนายน 2567 

ในทุก ๆ วัน สื่ออย่าง Forbes จะมีการอัปเดตการจัดอันดับคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งถ้าเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์จะเห็นการจัดอันดับความมั่งคั่งของบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลกแบบ Real-Time รวมถึงเห็นตัวเลขความมั่งคั่งสุทธิของคน ๆ นั้นได้

และเดือนมิถุนายน 2567 นี้ ก็ได้มีการจัดอันดับเช่นเดียวกัน โดยคนที่รวยที่สุดของเดือนนี้ คือ Elon Musk ซึ่งเขามีทรัพย์สินอยู่ที่ราว ๆ 213 Billion Dollars (สองแสน-หนึ่งหมื่น-สามพันล้านเหรียญ) 

เงินจำนวนนี้เยอะขนาดไหน? ถ้าเทียบกับเครื่องบินลำใหญ่อย่าง Boeing 777 จำนวน 1 ลำที่มีราคา 300 ล้านเหรียญดอลลาร์แล้ว เงิน 213 Billion ก็จะทำให้ Elon เป็นเจ้าของเครื่องบินได้มากถึง 710 ลำค่ะ 

แล้วเขาเป็นใครทำไมถึงร่ำรวยเป็นที่ 1 ของโลก สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเขา เดี๋ยววันนี้จะพาไปรู้จักคน ๆ นี้กันค่ะ

Elon Musk เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของบริษัท SpaceX, Tesla, Inc., Neuralink, และ The Boring Company และถ้าเราจำกันได้เขาคือคนที่เอา Mini Submarine แคปซูลเคลื่อนย้ายมนุษย์ใต้น้ำเหมือนเรือดำน้ำขนาดเล็ก มาใช้ในการช่วยชีวิตของเด็ก ๆ ทีมนักฟุตบอล 13 หมูป่าที่ติดถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งตัวเขาก็ได้เดินทางมาถึงหน้าถ้ำจริง ๆ ด้วย แม้ว่าสุดท้ายเรือดำน้ำนั้นจะไม่ได้ถูกเอามาใช้ก็ตาม

Elon Musk เกิดที่เมือง Pretoria (พรีทอเรีย) ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในแอฟริกาใต้ ก่อนจะย้ายมายังแคนาดา และมาศึกษาต่อที่สหรัฐฯ ด้วยความที่เขามีพ่อเป็นวิศวกร ส่วนเเม่เป็นนักโภชนาการ เขาเริ่มเรียนรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และเขียนโค้ดขายวิดีโอเกมได้ในราคา 500 เหรียญ ตั้งแต่เขาอายุได้ 12 ปีเท่านั้น เขายังชอบอ่านหนังสือพวกนิยายวิทยาศาสตร์และสารานุกรม บางวันอ่านนานถึงวันละ 10 ชั่วโมง เพราะในวัยเด็กเขามักจะถูกเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนรังแก จนครั้งหนึ่งเขาถูกทำร้ายจนสลบ นั่นทำให้เขาเองชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือเเทน 

โดยเขาได้ก่อตั้งบริษัทแรกขึ้นกับน้องชายในชื่อ Zip2 เป็นธุรกิจฐานข้อมูลและจัดหาข้อมูลให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังเจ้าต่าง ๆ อย่างนิวยอร์กไทมส์ เป็นต้น (นึกถึงวันที่โลกยังไม่มี Google และต้องหาข้อมูล หาเบอร์คนต่าง ๆ จากสมุดหน้าหลือง) บริษัทประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนได้ขายบริษัทออกไปให้กับบริษัท Compaq ตอนเขาอายุ 28 ปี ด้วยมูลค่าถึง 307 ล้านดอลลาร์ หลังจากเขาปั้นบริษัทแห่งนี้มาได้แค่ 4 ปีเท่านั้น 

จากนั้นก็มีการก่อตั้งธนาคารออนไลน์ ที่ชื่อว่า X.com ก่อนจะถูกควบรวมเข้ากับบริษัทคอนฟินิตี ในปัจจุบันรู้จักกันในชื่อว่า Paypal มันประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล เขาได้รับคำเสนอซื้ออีกครั้งจาก Ebay และเขาตัดสินใจขายมัน นั่นทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้านในวัยเพียง 31 ปี

พอในปี 2002 เขาก็ได้เปิดบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศ เขาฝันว่าวันหนึ่งการเดินทางท่องเที่ยวในอวกาศจะเป็นเทคโลโลยีที่ราคาไม่แพงและเป็นอะไรที่สามารถเข้าถึงได้ พอปี 2004 เขาเป็นผู้ลงทุนในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลามอเตอร์ส เขาเป็นทั้งประธานและสถาปนิกผลิตภัณฑ์ 

ในปี 2006 เขาช่วยสร้างโซลาร์ซิตีซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่ต่อมาถูกซื้อโดยเทสลา และกลายเป็นเทสลาเอนเนอร์ยี 

ในปี ค.ศ. 2015 เขาได้ร่วมก่อตั้งบริษัทโอเพนเอไอ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร 

ในปี 2016 เขาได้ร่วมก่อตั้งนิวรัลลิงก์ที่พัฒนาส่วนติดต่อระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ ที่เคยทำการทดลองในลิงที่ถูกฝังชิปในสมองให้มีความสามารถในการเล่นเกมได้ และเดอะบอริงคอมพานี ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างอุโมงค์ ทำไฮเปอร์ลูป โดยมีเเนวคิดในการส่งมนุษย์เดินทางผ่านท่อความเร็วสูงจากแรงลม ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงเราจะเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้ในเวลาเพียงเเค่ 20 นาทีค่ะ เเละในปี ค.ศ. 2022 มัสก์ซื้อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทวิตเตอร์ ด้วยมูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันที่จริงชีวิตของ Elon ก็ไม่ได้มีแค่ด้านสวยหรูนะคะ เพราะเขาก็เคยถูกปฏิเสธเข้าทำงานจากบริษัท Netscape ซึ่งเป็นบริษัทคิดค้นเว็บเบราว์เซอร์ World Wide Web (WWW) ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน และนั่นก็เป็นการจุดประกายให้เขาก่อตั้งบริษัทตัวเองค่ะ

โดยรวมแล้วชีวิตเขาก็ไม่ได้ราบรื่นมาตลอด พ่อแม่หย่าร้างกัน แถมยังมีช่วงที่เขาขาดสภาพคล่องจนต้องหาแหล่งเงินทุนมาช่วยธุรกิจเขา / เขาเคยไปขอให้ Apple เข้ามาซื้อกิจการแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ / ถูกหักหลัง / ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บริหาร / ลูกชายคนแรกเสียชีวิตหลังคลอดได้ 10 เดือน / ถูกฟ้องหย่า 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้ มุ่งมั่น และมีความพยายามที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และไม่เคยย่อท้อ ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคอะไร อย่างเช่นการทดลองจรวด แม้จะโดนดูถูก เยาะเย้ย แต่เขาเองไม่เคยใส่ใจ ต่อให้การทดลองจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุก ๆ ครั้งเขาจะกลับมาและทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิม

และนั่นจึงทำให้เขาเป็น 'มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง' ของโลกค่ะ 

ที่สำคัญตอนนี้พวกเราคนไทยเอง ก็สามารถซื้อหุ้นของ Elon Musk ผ่านทางโบรกเกอร์ที่มีบริการซื้อหุ้นต่างประเทศได้ด้วยนะคะ

‘อีลอน มัสก์’ เผย!! เคยถูกลอบสังหารไม่ต่างจาก ‘ทรัมป์’  หลังเริ่มหนุนหลัง 'รีพับลิกัน' วิจารณ์ 'เดโมแครต'

(15 ก.ค.67) รายงานข่าวระบุว่า กระสุนปืนถูกยิงออกมาหลายนัด ระหว่างที่อดีตประธานาธิบดีกำลังปราศรัย ณ เวทีหาเสียง หนึ่งในนั้นพุ่งถากบริเวณใบหูขวาของทรัมป์ ในขณะที่ ทรัมป์ ถูกบรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับอารักขาลงจากเวที อีกด้านหนึ่งปรากฏว่าเหตุลอบสังหารครั้งนี้ได้ทำให้ผู้ร่วมฟังการหาเสียงรายหนึ่งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ต่อมาพวกเจ้าหน้าที่รายงานว่ามือปืนซึ่งมีอายุ 20 ปี ถูกวิสามัญฆาตกรรมแล้ว หลังจากเขาก่อเหตุลอบสังหารมาจากดาดฟ้าของอาคารหลังหนึ่ง

จากเหตุดังกล่าว ‘อีลอน มัสก์’ ได้โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า “ช่วงเวลาแห่งอันตรายรออยู่เบื้องหน้า” พร้อมเขียนต่อว่า “บุคคล 2 ราย (คนละครั้ง) พยายามสังหารผมในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา พวกเขาถูกจับกุมพร้อมด้วยอาวุธปืน ห่างจากสำนักงานใหญ่ของเทสลาในเทกซัส ขับรถมาไม่ถึง 20 นาที”

คำกล่าวอ้างของ มัสก์ เป็นการเขียนตอบกลับผู้ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์รายหนึ่ง ที่ขอให้อภิมหาเศรษฐีที่พูดจาขวานผ่าซากรายนี้ ยกระดับการปกป้องตนเอง 3 เท่า โดยบอกว่า “ถ้าพวกเขาสามารถทำกับทรัมป์ พวกเขาก็จะทำกับคุณด้วยเช่นกัน”

ก่อนหน้านี้ มัสก์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพยายามลอบสังหารตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในข้อความที่โพสต์ลงแพลตฟอร์มเอ็กซ์อีกอัน โดยเขียนว่า "ผมขอสนับสนุนรับรองประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเต็มที่ และผมหวังว่าเขาจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว"

มหาเศรษฐีเจ้าของเทสลา มักออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเดโมแคตในปัจจุบันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในนั้นรวมถึงย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม 2022 ที่กล่าวอ้างว่าขุมกำลังทางการเมืองแห่งนี้ "กลายเป็นพรรคแห่งความแตกแยกและความเกลียดชัง ดังนั้นผมจึงไม่สามารถสนับสนุนพวกเขาได้อีกต่อไป และผมจะโหวตให้รีพับลิกัน"

ล่าสุด ในความเห็นที่มีต่อผลงานครั้งหายนะของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในศึกประชันวิสัยทัศน์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน มัสก์บ่งชี้ในช่วงต้นเดือนว่า "ดูเหมือนสหรัฐฯ จะไม่มีประธานาธิบดีมาสักพักแล้ว"

ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม มหาเศรษฐีรายนี้ประณามวินิจฉัยของคณะลูกขุนหนึ่งในแมนฮัตตัน ที่ตัดสินว่า ทรัมป์ มีความผิด 34 กระทง กรณีปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจเพื่อจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ไม่ให้แฉความสัมพันธ์ลับ

"ถ้าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาในประเด็นเล็กน้อยเช่นนี้ ที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ไม่ใช่ความยุติธรรม เมื่อนั้นทุกคนก็เสี่ยงเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน" มัสก์กล่าว

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลด์ อ้างแหล่งข่าวหลายราย รายงานว่า ทรัมป์ และ มัสก์ หล่อหลอมความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเคยพูดคุยกันอย่างลับๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเสนอชื่อ มัสก์ เป็นที่ปรึกษาทำเนียบขาว หากว่า ทรัมป์ คว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ในเดือนพฤศจิกายน

‘อีลอน มัสก์’ เล็งย้าย สนง.ใหญ่ SpaceX และ X ออกจากแคลิฟอร์เนีย หลังฉุน ‘ผู้ว่าฯ’ ผ่านกม. ห้าม รร.แจ้งเปลี่ยนเพศสภาพ นร.ต่อผู้ปกครอง

‘อีลอน มัสก์’ ประกาศจะย้ายสำนักงานใหญ่ของตน ทั้ง SpaceX และ X ออกจากแคลิฟอร์เนียไปปักหลักที่เท็กซัสแทน หลังรู้ข่าวว่า ‘เกวิน นิวซอม’ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เซ็นผ่านร่างกฎหมายใหม่เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค.67) ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าห้ามทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของนักเรียนภายในโรงเรียน หากไม่ได้รับความยินยอมจากตัวนักเรียน

‘อีลอน มัสก์’ โพสต์เดือดผ่านบัญชี X ของเขาว่า "นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว" หลังจากที่ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว ที่เขามองว่าเป็นการจุด ‘ฉนวนสงครามทางวัฒนธรรม’ ท่ามกลางความวุ่นวายในปีที่มีการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ

เขาเห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ และ ฉบับอื่น ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นการบ่อนทำลายสถาบันครอบครัว และ บริษัทต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ของ SpaceX จากเมืองฮอว์ธอร์น รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองสตาร์เบส ในรัฐเท็กซัสแทน

นอกจากนี้ มัสก์ ยังบอกอีกว่าเขากำลังจะย้ายสำนักงานใหญ่ของโซเชียลมีเดีย X จากเมืองซานฟรานซิสโก ไป เมืองออสติน ของเท็กซัส ซึ่งเขาเคยขู่มาก่อนแต่ยังทำไม่สำเร็จ 

แต่ก่อนหน้านี้ เขาได้ย้ายสำนักงานใหญ่ของ Tesla จากเมือง ปาโล อัลโต ใน ซิลิคอน วัลลีย์ ไปยังเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงสำนักงานแผนกวิศวกรรมไว้ในแคลิฟอร์เนีย 

อภิมหาเศรษฐีระดับโลกรายนี้ออกมาต่อต้านการใช้สรรพนามแทนตนตามใจฉัน และมักจะล้อเลียนการกระทำดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย เขามองว่าการเรียกร้องเรื่องการเปลี่ยนสรรพนามเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระแส ‘Woke’ ที่เป็นอันตรายต่อสังคม 

ด้านชีวิตส่วนตัว อีลอน มัสก์ มีลูกสาวข้ามเพศคนหนึ่ง ที่ต่างก็เหินห่างกัน ซึ่งเขากล่าวโทษโรงเรียนเอกชนในแคลิฟอร์เนีย ที่ปลูกฝังแนวคิดการเมืองฝ่ายซ้ายให้กับลูกของเขา และมีส่วนทำให้ลูกมีพฤติกรรมต่อต้านเขา

สำหรับประเด็นเรื่องกฎหมายใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรงระหว่างกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้ปกครอง กับนักเคลื่อนไหวกลุ่ม LGBTQ ในเรื่องการคุ้มครองสิทธิเด็กที่มีอัตตาลักษณ์ทางเพศที่หลากหลาย และกำลังเป็นปัญหากับโรงเรียนในเขตอนุรักษ์นิยม ที่เคยให้ครูต้องแจ้งผู้ปกครองหากนักเรียนขอเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าชื่อของตน หรือขอใช้สิ่งอำนวยความสะดวก หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ตรงกับเพศตามธรรมชาติของตน

ด้าน เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้รับรองร่างกฎหมายดังกล่าว สังกัดพรรคเดโมแครต ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตาของพรรคในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อจากโจ ไบเดน 

และมักแสดงความเห็นตอบโต้กลุ่มอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศในโรงเรียนรัฐ และเมื่อปีที่แล้ว นิวซอม ได้ลงนามในกฎหมายกำหนดค่าปรับสำหรับโรงเรียนที่ห้ามใช้หนังสือเรียนที่มีบรรยายถึงกลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มคนชายขอบผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

ซึ่ง ‘อีลอน มัสก์’ ก็เคยมีเรื่องบาดหมางกับ ‘เกวิน นิวซอม’ มาก่อน เมื่อครั้งที่นิวซอม ยังดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก ในประเด็นเรื่องมาตรการการควบคุมการระบาด Covid-19 ในช่วงที่การระบาดกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ 

และเมื่อเห็นท่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ‘อีลอน มัสก์’ จึงตัดสินใจย้ายบริษัทหนีเสียเลย นับเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพที่กว้างใหญ่ ถ้ามีเงินเสียอย่างก็สามารถย้ายบ้านไปอยู่ในรัฐที่ออกกฎหมายที่ถูกจริตเราได้เสมอ

“อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว” เสียงกู่ร้องจาก ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีติดท็อปโลก

(23 ก.ค. 67) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซีอีโอของเทสลา สเปซเอ็กซ์ และโซเชียลมีเดีย X ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ส่วนตัวของตนเอง ระบุว่า “อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว”

การโพสต์ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากกรณีหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีจำนวน 34 ล้านล้านเหรียญ มีภาระดอกเบี้ยปีละ 1.14 ล้านล้านเหรียญ โดยสหรัฐฯ ต้องเจียดออกมาจากภาษีที่เก็บเข้ารัฐถึงปีละ 76%

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชม 'อีลอน มัสก์' เป็นคนฉลาด-เก่งมาก แย้ม!! พร้อมทาบทามนั่งที่ปรึกษาหรือคณะรัฐมนตรี

(20 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ขึ้นเวทีปราศรัยในเมืองยอร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ได้กล่าวกับสำนักข่าวว่า เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการแต่งตั้ง 'อีลอน มัสก์' ซีอีโอของเทสลา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาหรือคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เขาได้กล่าวว่า 'อีลอน มัสก์' เป็นคนที่ฉลาด เขาเคยคุยกันอย่างสนุกสนานเมื่อไม่กี่วันก่อน และถ้าหากเขาตกลงดึง 'อีลอน มัสก์' เข้ามาทำงานในรัฐบาลของเขาอย่างแน่นอน เพราะ 'อีลอน มัสก์' เป็นคนที่เก่งมาก

โดย 'อีลอน มัสก์' ประกาศสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ทางเทสลายังไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการประกาศสนับสนุนดังกล่าวของอีลอน มัสก์ 

หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งเขาอาจยกเลิกกฎของกระทรวงการคลังที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษี EV มูลค่า 7,500 ดอลลาร์หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 250,000 บาท ได้ง่ายขึ้น หรืออาจเรียกร้องให้สภาคองเกรสยกเลิกทั้งหมดในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยทรัมป์เคยพยายามยกเลิกเครดิตภาษี EV แต่ถูกขยายเพิ่มเติมโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐในปี 2565 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา

โดยเขายังได้กล่าวว่า "เขายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ เขาเป็นแฟนตัวยงของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็เป็นแฟนตัวยงของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเหมือนกัน"

มัสก์บอกกระบะ 'ไซเบอร์ทรัก' กันระเบิดได้ บึ้มหน้าโรงแรมทรัมป์จึงเสียหายไม่มาก

(2 ม.ค. 67) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ตามเวลาสหรัฐฯ เมื่อรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรักของเทสลาระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล (Trump International Hotel) ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บหลายคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจนครลาสเวกัสเปิดเผยว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดระบุว่าแสงจากการระเบิดมีลักษณะคล้ายกับการระเบิดของพลุดอกไม้ไฟที่ใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งทำให้เชื่อว่าไม่ใช่การระเบิดจากระเบิดแสวงเครื่องที่มักใช้ในเหตุการณ์ก่อการร้าย อีกทั้งยังไม่พบความผิดปกติของตัวรถที่อาจทำให้เกิดการระเบิด

นายอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลา ได้กล่าวผ่าน X ว่า "พวกหัวรั้นเลือกยานพาหนะผิดคันในการโจมตี รถกระบะ Cybertruck จริงๆ สามารถกักเก็บการระเบิดจากด้านข้างและส่งแรงระเบิดออกทางด้านบน ทำให้แม้แต่ประตูกระจกของล็อบบี้โรงแรมก็ไม่แตก"

มัสก์ยังกล่าวว่า ทีมระดับสูงของ Tesla กำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้ โดยจากการสืบสวนพบว่า การระเบิดเกิดจาก "ดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในรถคันดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดปกติของตัวรถที่ทำให้เกิดการระเบิด"

คำกล่าวของมัสก์สอดคล้องกับรายงานของตำรวจลาสเวกัส ที่พบถังแก๊สและดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ในท้ายรถ Tesla Cybertruck ที่ระเบิดใกล้กับโรงแรม Trump International ในลาสเวกัส นายอำเภอเควิน แม็กมาฮิล ได้กล่าวในภายหลังและขอบคุณมัสก์และทีมงานสำหรับข้อมูลที่ให้มา

ทำท่ามือในงานฉลองทรัมป์ร คล้ายสัญลักษณ์นาซี

(21 ม.ค. 68) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดัง กำลังตกเป็นประเด็นดราม่าในโลกออนไลน์ หลังจากที่เขาทำท่าทางมือระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในงานฉลองการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ซึ่งหลายคนได้เปรียบเทียบท่าทางนี้กับการทำความเคารพแบบนาซี (Sieg Heil) อย่างไรก็ตาม องค์กรต่อต้านการเหยียดชาวยิว (ADL) เชื่อว่า ท่าทางดังกล่าวอาจเกิดจากความกระตือรือร้นมากกว่าที่จะมีความหมายเชิงสัญลักษณ์แบบนั้น

ADL ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม x ว่า “ท่าทางที่อีลอน มัสก์ ทำดูเหมือนจะเป็นการแสดงออกจากความตื่นเต้น ไม่ใช่ท่าทางการทำความเคารพแบบนาซี แต่เราเข้าใจว่าทำไมคนถึงรู้สึกไม่สบายใจ”

ท่าทางนี้เกิดขึ้นขณะที่มัสก์ขึ้นเวทีในสนามแคปิตอล วัน อารีนา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ และได้รับเสียงเชียร์จากฝูงชน เขาโบกมือและตะโกนว่า “เยส!” จากนั้นพูดว่า “นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะธรรมดา แต่มันคือจุดเปลี่ยนของอารยธรรมมนุษย์ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้มันเป็นจริง!” 

มัสก์กัดริมฝีปากและทำท่าขยายแขนขวา โดยมือขวายกขึ้นแตะที่หน้าอกซ้ายก่อนจะเหยียดแขนขวาออกไปข้างหน้าในท่าทางที่ฝ่ามือหันลงและนิ้วมือชิดกัน หลังจากนั้นเขาก็หันไปทำท่าทางเดียวกันกับฝูงชนที่อยู่ข้างหลัง พร้อมพูดว่า “ขอมอบหัวใจให้พวกคุณ เพราะพวกคุณคืออนาคต”

ท่าทางนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว โดยหนังสือพิมพ์เยรูซาเลมโพสต์ได้ตั้งคำถามว่า “อีลอน มัสก์ทำท่าซีค ไฮล์ในพิธีสาบานตนของทรัมป์หรือไม่?”

มัสก์ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยโพสต์ข้อความในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า “พูดตรงๆ นะ พวกเขาต้องหาวิธีโจมตีที่ดีกว่านี้แล้ว ‘ทุกคนคือฮิตเลอร์’ มันเป็นมุกเก่าที่ไม่มีใครอยากได้ยิน”

หลังจากเสร็จสิ้นสุนทรพจน์ มัสก์ได้โพสต์คลิปวิดีโอส่วนหนึ่งจากสุนทรพจน์ผ่านช่องฟ็อกซ์นิวส์ บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ โดยตัดช่วงที่ทำท่าทางนั้นออกไป พร้อมกับข้อความว่า “อนาคตน่าสนใจจริงๆ”

บางส่วนในโลกออนไลน์ได้ออกมาปกป้องมัสก์ โดยชี้ว่าเขากำลังสื่อความหมายว่า “มอบหัวใจให้” และวิจารณ์โพสต์ที่ตีความไปในทางอื่น

ทั้งนี้ มัสก์เคยแสดงการสนับสนุนพรรค AfD (พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดที่ต่อต้านผู้อพยพและศาสนาอิสลาม โดยถูกหน่วยงานความมั่นคงของเยอรมนีระบุว่าเป็นกลุ่มที่มีลัทธิหัวรุนแรงฝ่ายขวา โดยเขาเพิ่งได้มีการสัมภาษณ์กับหัวหน้าพรรค AfD ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเมื่อเดือนที่ผ่านมา

พิพิธภัณฑ์เยอรมนีปลดป้ายอวยยศอีลอน มัสก์ เชื่อปมเชียร์ขวาจัด - ชูมือคล้ายสัญลักษณ์นาซี

(23 ม.ค.68) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 'Deutsches Museum' ในนครมิวนิก ประเทศเยอรมนี ได้ปลดแผ่นป้ายที่เคยยกย่องอีลอน มัสก์ ในฐานะนักสร้างแรงบันดาลใจด้านอวกาศออกจากนิทรรศการ โดยไม่มีการระบุเหตุผลอย่างชัดเจนถึงการนำป้ายดังกล่าวออก  

โฆษกของพิพิธภัณฑ์ชี้แจงว่า “การยกย่องบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ในพื้นที่สำคัญของนิทรรศการ อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการยกย่องที่ปราศจากการวิพากษ์วิจารณ์” พร้อมเสริมว่าความสำเร็จตลอดชีวิตของบุคคลหนึ่งมักสามารถประเมินได้อย่างเหมาะสมในภายหลังเท่านั้น  

ก่อนหน้านี้ ป้ายดังกล่าวได้นำเสนออีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง SpaceX ควบคู่กับนักบุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์จรวดในอดีตอย่างแม็กซ์ วาลีเออร์ และแฮร์มันน์ โอเบิร์ธ ในส่วนจัดแสดง “ผู้สร้างแรงบันดาลใจจากอดีตและปัจจุบัน”  

อย่างไรก็ตาม มัสก์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในประเด็นการใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สนับสนุนการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ และการสนับสนุนพรรคขวาจัด AfD ของเยอรมนี นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เขายังจุดกระแสความไม่พอใจจากการแสดงท่าทางคล้ายกับการทำความเคารพแบบนาซีระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ฉลองพิธีสาบานตนของทรัมป์

สหรัฐฯ เตือนข้าราชการแข็งข้อ 'อีลอน มัสก์' ผิดกฎหมาย ทำเนียบขาวชี้เป็นตำแหน่ง'ลูกจ้างพิเศษ' ไร้เงินเดือน

(4 ก.พ. 68) อัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เอฟบีไอกำลังสอบสวนแบบกำหนดเป้าหมาย ของเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งที่มีความพยายามในการขัดขวางการทำงาของนายอีลอน มัสก์ ฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าหน่วยงานลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) 

สำหรับ DOGE ถูกตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง และลดการใช้จ่ายของรัฐบาลหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ผู้วิจารณ์กล่าวว่า DOGE ถูกใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายหน่วยงานและโครงการของรัฐบาลที่มองว่าไม่สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" ของทรัมป์

มีรายงานว่านับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่งสมัยสองพร้อมกับการตั้งให้อีลอน มัสก์ ทำงานในฐานะกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE  พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหลายส่วนพยายามขัดขวางการทำงานของผู้ช่วยของมัสก์ ในการเข้าถึงข้อมูลลับจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสม

นายเอ็ดเวิร์ด มาร์ติน รักษาการอัยการสหรัฐฯ ประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นหลักฐานแรกที่แสดงให้เห็นว่า การต่อต้านความพยายามของมัสก์อาจนำไปสู่ผลทางกฎหมาย มาร์ตินกล่าวในแถลงการณ์ว่า "การตรวจสอบเบื้องต้นของหลักฐานที่นำเสนอต่อเรา บ่งชี้ว่าบุคคลและ/หรือกลุ่มบุคคลบางกลุ่มได้กระทำการที่ดูเหมือนจะละเมิดกฎหมายในการกำหนดเป้าหมายเจ้าหน้าที่ของ DOGE" มาร์ตินกล่าวว่า เอฟบีไอและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ กำลังเตรียม "ดำเนินการในทันที"

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มาร์ตินเปิดเผยจดหมายที่เขาเขียนถึงมัสก์ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใดก็ตามที่พยายามคุกคามหรือขัดขวางผู้ที่ทำงานร่วมกับมัสก์ โดยมัสก์โพสต์ข้อความขอบคุณเพื่อตอบกลับข้อความของมาร์ติน

ก่อนหน้านี้รัฐบาลทรัมป์ได้ปลดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูง 2 คน จากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ USAID ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของมัสก์ หลังจากที่พวกเขาพยายามขัดขวางไม่ให้ตัวแทนของ DOGE เข้าถึงพื้นที่ต้องห้ามของอาคาร จนเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอัยการสหรัฐฯ  โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังระดับสูงคนหนึ่งได้ต่อต้านความพยายามของทีม DOGE ที่จะเข้าถึงระบบการเงินของหน่วยงาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ขณะเดียวกันด้านทำเนียบขาว ได้ออกเอกสารยืนยันสถานะการทำงานของนายอีลอน มัสก์ ว่าเขามาช่วยงานประธานาธิบดีทรัมป์ ในฐานะ "ลูกจ้างพิเศษของรัฐบาล" 

การยืนยันในเรื่องนี้ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นว่า นายอีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นซีอีโอพันล้านเจ้าของบริษัทด้านเทคโนโลยีกลายมาเป็นกำลังสำคัญในการทำงานของรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ ไม่ใช่อาสาสมัครแต่อย่างใด แต่เขาก็ไม่ได้มีสถานะเป็นลูกจ้างพนักงานรัฐแบบเต็มเวลา

ทางด้านกระทรวงยุติธรรมระบุคำนิยามของ ลูกจ้างประจำของรัฐบาลคือ บุคคลใดก็ตามที่ทำงานหรือคาดว่าจะทำงานให้กับรัฐบาลเป็นเวลา 130 วันหรือน้อยกว่าในช่วงระยะเวลา 365 วัน ขณะที่นายอีลอน มัสก์ ไม่ได้รับค่าจ้างในการทำงานแต่อย่างใด แต่เขามีใบรับรองความปลอดภัยระดับความลับขั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังมีสำนักงานอยู่ที่ทำเนียบขาว และสามารถเข้าถึงระบบการชำระเงินที่สำคัญของกระทรวงการคลัง ซึ่งส่งเงินออกไปในนามของรัฐบาลกลางทั้งหมดได้

ขณะเดียวกัน เนื่องจากเป็นลูกจ้างพิเศษของรัฐบาล เขาจึงได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายของรัฐบาลกลางว่าด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งห้ามพนักงานของรัฐบาลเข้าร่วมในกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ทางการเงินของตัวเอง กฎหมายดังกล่าวสามารถบังคับใช้ได้ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง แต่สามารถบังคับใช้ได้โดยกระทรวงยุติธรรมเท่านั้น

USAID หนุนทุนวิจัยอาวุธชีวภาพ มอบเงิน 307,000 ดอลลาร์ ให้โครงการในยูเครน

(4 ก.พ. 68) หลังจากมีกระแสข่าวที่ว่าอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและคณะทำงานกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล  DOGEมีแผนสั่งยุบองค์กรที่ให้การช่วยเหลือระดับโลกของรัฐบาลสหรัฐภายใต้ชื่อ USAID นั้น เว็บไซต์ข่าวสปุตนิก รายงานว่า พลโท อิการ์ คิริลอฟ หัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพของกองทัพรัสเซีย ผู้ล่วงลับจากเหตุระเบิดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เคยออกมาแฉถึงเบื้องหลังของ USAID ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องให้การสนับสนุนวิจัยอาวุธชีวภาพในยูเครน

ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ ได้เรียก USAID ว่าเป็น องค์กรอาชญากร และกล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องจบแล้ว พร้อมกล่าวหาว่าภาษีของสหรัฐฯ ถูกโอนผ่านองค์กรนี้เพื่อใช้ในการวิจัยอาวุธชีวภาพ ซึ่งสะท้อนถึงคำกล่าวอ้างของพลโท อิกอร์ คิริลอฟ อดีตหัวหน้ากองกำลังป้องกันเคมี ชีวภาพ และนิวเคลียร์ของรัสเซีย โดยเอกสารที่ได้รับจากการปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียระบุว่า

Metabiota บริษัทผู้รับเหมาในสังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้รับสัญญาสำหรับการ 'วิจัยและพัฒนาในวิทยาศาสตร์ทางกายภาพ วิศวกรรมศาสตร์ และชีววิทยา' และ 'ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือ' โดยในเดือนกันยายน 2014 Metabiota ได้รับเงิน 307,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ "โครงการวิจัยในยูเครน" และในปีงบประมาณ 2014 Metabiota ได้รับการประมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และหน่วยงานย่อยอย่าง Defense Threat Reduction Agency (DTRA)

การสืบสวนของกระทรวงกลาโหมรัสเซียในปี 2022 เปิดเผยว่า DTRA เป็นหน่วยงานหลักของสหรัฐฯ ในการสร้างห้องแล็บชีวภาพในยูเครน โดย Metabiota ยังอยู่ในรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

นอกจากนั้นนายพลคิริลอฟ เคยระบุในรายงานอีกว่า ตั้งงแต่ปี 2019 USAID และผู้รับเหมาหลักคือ Labyrinth Ukraine ได้มีส่วนร่วมในโครงการชีววิทยาของกองทัพสหรัฐฯ โดย Labyrinth Ukraine เป็นสาขาหนึ่งของ Labyrinth Global Health ซึ่งผู้ก่อตั้งของ Labyrinth Global Health เคยทำงานกับ Metabiota ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักของกองทัพสหรัฐฯ ในด้านอาวุธชีวภาพ

Labyrinth Ukraine มีส่วนร่วมในโครงการ UP-9 และ UP-10 ของสหรัฐฯ ซึ่งศึกษาการระบาดของไข้สุกรแอฟริกันในยูเครนและยุโรปตะวันออก

ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022, มีการกล่าวหาว่าเชื้อโรคของโรคระบาด เช่น โรคกาฬโรค, โรคแอนแทรกซ์, โรคทูลาเรเมีย, โรคอหิวาต์ และโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ ถูกทำลายเพื่อปกปิดการละเมิดอนุสัญญาอาวุธชีวภาพและพิษ (BTWC) โดยสหรัฐฯ และยูเครน

จดหมายจากหัวหน้ากองระบาดวิทยาของยูเครนถึง Labyrinth Ukraine ได้ยืนยันถึงความร่วมมือกับ USAID ในการฉีดวัคซีนให้กับทหารและการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีโครงการวิจัยอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้แผนลดภัยคุกคามชีวภาพของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อาทิ การวิจันเชื้อไวรัสโคโรนาและฝีดาษลิง  นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่าในปี 2009 โครงการ PREDICT ของ USAID  เคยนำเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่มาวิจัย แต่หน่วยวิจัยดังกล่าวถูกปิดลงกะทันหันในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด ซึ่งกลายเป็นจุดสังเกตที่นายพลรัฐบาลตั้งข้อสงสัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top