Friday, 18 April 2025
อยุธยา

'สุริยะ' เดินหน้า!! พัฒนาถนนสายรองเชื่อมโยงสายหลัก นำร่องถนนสาย อย.3006 อยุธยา หนุนแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง

(2 ก.พ.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการที่ได้มอบนโยบายกรมทางหลวงชนบท (ทช.) พัฒนาเส้นทาง นำความเจริญสู่ท้องถิ่น พร้อมเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางทั่วทั้งประเทศให้เชื่อมถึงกัน โดยให้เน้นการดำเนินงานในด้านการพัฒนาถนนสายรอง เชื่อมโยงจากถนนสายหลักของกรมทางหลวงเข้าสู่พื้นที่การเกษตรเพื่อนำพืชผลการเกษตรของพี่น้องประชาชนไปสู่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้อย่างสะดวก รวมถึงพัฒนาถนนสายรองเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวในเมืองรอง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทางและเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ทั้งนี้ ทช. โดยสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 1 (ปทุมธานี) ได้รับนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ดำเนินการก่อสร้างและยกระดับถนนทางหลวงชนบทสาย อย.3006 แยก ทล.340 - บ้านไม้ตรา อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วเสร็จสมบูรณ์ ใช้งบประมาณ 49.750 ล้านบาท โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 4 ช่องจราจร กว้าง 3.25 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1 - 2 เมตร ขยายความกว้างสะพานคอนกรีต พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง สิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องหมายจราจร ตั้งแต่ช่วง กม. ที่ 4+650 - 5+650 ระยะทาง 1 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการขนส่งพืชผลทางการเกษตร เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม เป็นแหล่งปลูกข้าว ในฤดูเก็บเกี่ยวจะมีรถบรรทุกขนส่งพืชผลทางการเกษตรใช้เป็นเส้นทางขนส่งจำนวนมาก 

นอกจากนี้ ยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวในชุมชน และสถานที่ราชการบริเวณใกล้เคียง เช่น วัดพระคริสตประจักษ์ เกาะใหญ่ ที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ส่งผลให้มีปริมาณการจราจรมากถึง 7,727 คัน/วัน ซึ่งถนนสายดังกล่าวมีสภาพชำรุดตามระยะเวลาการใช้งาน 

"โครงการฯ ดังกล่าว จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางให้สะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนขนส่งพืชผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมระหว่างถนนสายหลัก ใช้เป็นทางลัด - ทางเลี่ยงเชื่อมการเดินทางจากอำเภอลาดบัวหลวง สู่อำเภอบางไทร และเข้าสู่แหล่งชุมชนให้มีความสมบูรณ์อีกด้ว" รมว.คมนาคม กล่าว

‘รมว.ท่องเที่ยว-ททท.’ ร่วมมือบริษัทเกม ‘Ragnarok Origin’ ชู ‘อยุธยา’ เป็นฉากในเกม ต่อยอดโปรโมตเมืองท่องเที่ยวไทย

(25 ก.พ.67) หลังผู้บริหารจากบริษัท ผู้พัฒนาเกมส์ ‘Ragnarok Origin’ ที่มี Active User ทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแผนงานถ่ายทำฉากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองไทย เพื่อนำไปใช้ในเกมภาคใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวเร็วๆ นี้  พร้อมกับประสานไปยัง นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแล้ว เพื่อพิจารณาสถานที่ท่องเที่ยว จุดเช็กอินที่น่าสนใจให้เหมาะสมกับการดึงดูด User

ล่าสุด นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัว ระบุว่า…

“Ragnarok Origin เลือกไทยติด 1 ใน 3 ประเทศใช้เป็นฉากในเกม ผู้พัฒนาเกม Ragnarok Origin ที่มี Active user ทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน โดยเตรียมใช้ฉากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในประเทศไทย ไปใช้ในเกมภาคใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้”

นางสาวสุดาวรรณ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรอง ที่จะใช้เป็นฉากเกมภาคใหม่ของ Ragnarok Origin เช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นเมืองมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวงดงาม แสดงถึงความเป็นไทย  ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้สร้างช่วยเพิ่ม กางเกงมวยไทย มงคลมวยไทย และช้างศึกไทย เป็น Item ในเกมด้วยนั้น ยังจะเป็นการให้ส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย ให้เห็นถึงความเป็นไทยในเกมมากขึ้น

“เป็นการดึงดูดให้ User ผู้เล่นเกมส์ กว่า 50 ล้านคนทั่วโลก ได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย และหวังว่าเมื่อมีเวลาท่องเที่ยว พักร้อน จะตามรอย และเช็กอินจากบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวจริงที่โปรโมทและประชาสัมพันธ์ในเกมส์ โดยเป็นการสานต่อนโยบายการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ดึงเม็ดเงินจาก User เกมส์อีกหนึ่งช่องทาง” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

อยุธยา - ป.ป.ช.อยุธยา บูรณาการ เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เดินหน้าหามาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ พร้อมกำหนดจุดผ่อนปรน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

วันนี้ (14 มี.ค.67) ที่เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย ป.ป.ช.ภาค 1 จังหวัดนนทุบรี และชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางศิริพร กฤชสินชัย  ประธานโค้ช STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามผลการปฏิบัติการหาแนวทางป้องกันการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา

นางศิริพร กฤชสินชัย ประธานโค้ช STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การลงพื้นที่หารือกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาครั้งนี้ เป็นไปตามโครงการ STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต แผนงานปฏิบัติการ STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตของ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดฯ ภายใต้กิจกรรมการจับตามองและแจ้งเบาะแส (Watch & Voice) ครั้งที่ 3  ซึ่งถือว่าเป็นการบูรณาการร่วมกันกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ในการหามาตรการแนวทางการป้องกันการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ จุดผ่อนปรนทั้งหมดทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมถึง ทางเท้าหลายจุดในเมืองมรดกโลก และครอบคลุมในเขตพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยาทั้งหมด   เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เห็นเป็นรูปธรรม และเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะการจัดทำแผน ควบคู่กับการกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่แน่นอน

ด้านนายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการสำรวจร้านค้าที่ทำการค้าขายบริเวณพื้นที่สาธารณะ และบางจุดมีการรุกล้ำ พบว่า มีร้านค้าที่ทำการขายบริเวณที่หรือทางสาธารณะภายในเขตเทศบาลนครฯ มีทั้งหมด 504 ร้านค้า  ซึ่งจะมีการทบทวนทั้งจุดผ่อนปรน และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมาย  ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เทศบาลนครฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่สร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการร้านค้าอย่างต่อเนื่อง  พร้อมกำหนดระยะเวลาให้รื้อถอน  ขณะเดียวกัน มีบางพื้นที่ต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยดีและไม่เกิดผลกระทบมากนัก  พร้อมกันนี้ ได้รับปาก ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้จะพลิกฟื้นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้กลับคืนมาเป็นเมืองมรดกโลกอย่างสง่างามอย่างแน่นอน

‘กมธ.อุตฯ’ เร่งขยายปม-ความคืบหน้าไฟไหม้โรงงาน หลังสงสัยเหตุ ‘ระยอง-อยุธยา’ อาจเป็นการวางเพลิง

(15 พ.ค. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (กมธ.) สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงกรณีกากแคดเมียมที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุม กมธ. ว่า วันนี้ กมธ.อุตสาหกรรม ได้เชิญปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, กรมโรงงาน, กรมเหมืองแร่, กรมควบคุมมลพิษ ตลอดจน ปปง., ป.ป.ท. ร่วมหารือว่า มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ในการดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการ เนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้วเกี่ยวกับการขนย้ายกากแคดเมียม ส่วนวันนี้จะติดตามความคืบหน้าในการขนย้ายกากแคดเมียมว่าแล้วเสร็จกี่จุด จำนวนกี่ตัน

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับเบื้องต้นในกรุงเทพฯ มีการขนย้ายเสร็จแล้ว จึงจะสอบถามคืบหน้าว่าที่ จ.สมุทรสาคร จ.ระยอง มีการขนย้ายแล้วเสร็จหรือไม่อย่างไร

ส่วนกรณีเรื่องใบอนุญาตของโรงงานนั้น ประธานกมธ.การอุตสาหกรรม? กล่าวว่า เนื่องจากมีใบอนุญาตโรงงานค้างอยู่จำนวนมาก โดยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาได้เชิญอธิบดีกรมโรงงานมาชี้แจง พบว่าปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจากเอกสารไม่ครบถ้วน จึงต้องมีการส่งกลับไปให้บริษัทยื่นเอกสารมาเพิ่ม แต่คาดว่าจะมีการส่งกลับมาที่กรมแล้ว หากเอกสารครบทางอธิบดีก็จะเริ่มออกใบอนุญาตโรงงาน หรือ รง.4 ให้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทาง กมธ.การอุตสาหกรรม ก็ได้ให้ความเห็นว่า การออกใบ รง.4 ตามที่ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรมฯ เร่งรัดไปนั้น เป็นเรื่องจำเป็น เพราะประเทศจะต้องตอบรับการลงทุนจากนักลงทุน

“การที่ใบ รง.4 ออกช้า ก็กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ และการลงทุน แต่สิ่งสำคัญคือ หากให้ใบอนุญาตแล้ว ต้องไปกำกับผู้ประกอบการให้อยู่ในกฎหมายและปฎิบัติตามระเบียบ ไม่ใช่ว่าให้ใบอนุญาตไปแล้ว ขาดการกำกับดูแล ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการละเมิดกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม มลภาวะในชุมชน” นายอัครเดช กล่าว

ส่วนกรณีไฟไหม้โรงงานที่ผ่านมานั้น มีการบ่งชี้ว่าอาจจะมาจากการวางเพลิงหรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุ เกิดจากสภาวะอากาศที่ร้อนจัด เมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นก็อาจเกิดได้บ่อยครั้ง ซึ่งเราไม่สามารถป้องกันได้แต่สิ่งที่สำคัญคือการควบคุมเพลิงให้ได้รวดเร็ว

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ดังนั้นวันนี้ กมธ.การอุตสาหกรรม จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเพลิง อาทิ ปภ., กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กรมการอุตสาหกรรม เข้ามาชี้แจงว่าเมื่อเกิดเพลิงไหม้ มาตรฐานในการประเชิญเหตุหรือแผนในการควบคุมเพลิงเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อดูความพร้อมในการควบคุมเพลิง

นายอัครเดช เสริมอีกด้วยว่า ส่วนกรณีที่เป็นเหตุวางเพลิงนั้น ในการเผาทำลายหลักฐาน หรือของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสงสัยว่าเหตุเพลิงไหม้ที่จังหวัดระยองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจเกิดจากการวางเพลิง ซึ่งต้องเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดให้ได้ และคิดว่ากระบวนการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงมาดำเนินคดีตามกฎหมายมองว่าเป็นสิ่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังเร่งดำเนินการอยู่

จากข้อซักถามที่ว่า จะมีการพัฒนาระบบแจ้งเตือนประชาชนอย่างไรบ้าง? นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนของการเกิดเหตุเพลิงไม่ว่าจะเป็นกรณีการวางเพลิง หรืออุบัติเหตุ สิ่งที่สำคัญคือแผนในการเผชิญเหตุ จะมีการให้ข้อเสนอในที่ประชุมวันนี้ อย่างน้อยในกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ประชาชนควรจะได้รับข่าวสารและเตรียมตัว รวมถึงการปฎิบัติตัวอย่างไรหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ รวมถึงผู้ดำเนินการ จะต้องปฏิบัติอย่างไรระหว่างควบคุมเพลิง

เพจดังชี้!! ท่องเที่ยวโดดเด่น เดินทางสะดวก ดึงดูดนักลงทุน

(15 ก.ย. 67) เพจ ‘Bangkok I Love You’ โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า …

การลงทุนสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานระดับโลก เช่น ดิสนีย์แลนด์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในอำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองชั้นนอกกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านตำแหน่งที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐาน

สวนสนุกขนาดใหญ่เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เดินทางเข้ามาเที่ยว
โดยมีข้อดีหลายประการดังนี้

1.ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมชมมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกทุกปี สถานที่ตั้งในอำเภอบางปะอินซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงเทพมหานครและเมืองมรดกโลกอย่างอยุธยา จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้สวนสนุกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ครบวงจร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ

2.ทำเลที่ตั้งและความสะดวกสบายในการเดินทาง: อำเภอบางปะอินอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 45 นาที โดยใช้บริการรถไฟความเร็วสูงซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา นอกจากนี้ ยังมีทางด่วนและมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ อย่างง่ายดาย ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว สวนสนุกที่ตั้งอยู่ในจุดนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย

3.ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายแม่น้ำเจ้าพระยาริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็นการขยายเครือข่ายการท่องเที่ยวที่เชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ได้โดยสะดวก เช่น การท่องเที่ยวทางน้ำที่เชื่อมต่อไปยังเกาะรัตนโกสินทร์ เกาะเกร็ด จังหวัดปทุมธานี หรือการเดินทางต่อไปยังอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟหรือทางบกเพื่อเยี่ยมชมแหล่งมรดกโลกได้อย่างง่ายดาย

4.การสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบครบวงจร: สวนสนุกแห่งนี้สามารถเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในภาคกลางของประเทศไทย ไม่เพียงแต่มีเครื่องเล่นและกิจกรรมสนุกสนานระดับโลก แต่ยังสามารถสร้างประสบการณ์เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่อยุธยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำที่นำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา

5..สวนสนุกขนาดใหญ่ในทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์เช่นนี้สามารถเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในพื้นที่โดยรอบได้ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และศูนย์การค้า ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวที่ครบวงจร จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับการลงทุนระยะยาว

ด้วยศักยภาพการท่องเที่ยวที่โดดเด่น ความสะดวกในการเดินทาง และทำเลที่ตั้งที่ใกล้กรุงเทพฯ การลงทุนสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในอำเภอบางปะอิน จึงเป็นโอกาสที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุน

‘เอกนัฏ’ บุกอยุธยา ลงพื้นที่ 2 สถานที่ลักลอบทิ้งกากสารพิษ ขึงแผนแก้ปัญหาระยะยาว มั่นใจ!! เขตอุตสาหกรรมน้ำไม่ท่วม

(25 ต.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่เพื่อป้องกันผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประเทศ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วม

“การลงพื้นที่วันนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ทางนิคมฯ เขตประกอบการฯ สวนอุตสาหกรรม และโรงงานต่าง ๆ มีการเตรียมความพร้อมที่ดีและเพียงพอต่อการรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่มีแนวโน้มว่าจะค่อนข้างรุนแรงกว่าปีก่อน แม้ว่าขณะนี้พื้นที่โดยรอบของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยบ้างแล้ว แต่พื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ยังไม่ได้รับผลกระทบ 

ขอให้เชื่อมั่นว่าเราได้เตรียมการรับมืออย่างเต็มกำลัง มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย และได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลากอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ด้วย 8 มาตรการหลัก ได้แก่ 

1.จัดการระบบระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ 2.เสริมคันกั้นน้ำ 3.ระบบสูบน้ำพร้อมใช้ 4.อุปกรณ์ครบพร้อมช่วยเหลือ 5.ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง 6.เฝ้าระวังประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง 7.ซ้อมแผนรับมือเป็นประจำ และ 8.สื่อสารแจ้งเตือนผ่านทุกช่องทาง“ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

และช่วงบ่ายนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ได้ลงพื้นที่อำเภอภาชีและอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมใน 2 พื้นที่ คือ 

1) โกดังเก็บของเสียและวัตถุอันตราย อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมประมาณ 4,000 ตัน ถูกเททิ้งอยู่โดยรอบอาคารโกดังเก็บของเสียอันตรายจำนวน 5 โกดัง และมีการลอบวางเพลิงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ทำให้เกิดปัญหาการแพร่กระจายของมลพิษ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจัดทำคันดินป้องกันการรั่วซึมและการชะล้างสารเคมีในช่วงฤดูฝน และได้ว่าจ้างบริษัทผู้รับกำจัดเข้าทำการบำบัดกำจัดกากของเสียและสารอันตรายในระยะเร่งด่วน ด้วยงบประมาณ 6.9 ล้านบาท โดยได้เริ่มเข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในเบื้องต้น 

2) บริษัท เอกอุทัย จำกัด อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบการเททิ้งของเสียบริเวณหน้าพื้นที่โรงงาน มีร่องรอยการเททิ้งของเหลวที่เป็นวัตถุอันตรายที่มีสภาพเป็นกรดเข้มข้นเต็มพื้นที่บริเวณโรงงาน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน พร้อมดำเนินคดี และสั่งการให้บริษัทฯ นำกากของเสียและสารอันตรายไปกำจัดและบำบัดให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน จึงได้จัดทำคันดินป้องกันการรั่วซึมและการชะล้างสารเคมีในช่วงฤดูฝน และได้ว่าจ้างบริษัทผู้รับกำจัดเข้าทำการบำบัดกำจัดกากของเสียและสารอันตรายในระยะเร่งด่วน ด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท โดยได้เริ่มเข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในเบื้องต้น

“กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ โดยการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รัดกุม และครอบคลุมถึงการบรรเทาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบตลอดจนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันกำลังเร่งดำเนินการยกร่าง กฎหมายเพื่อการจัดการกากอุตสาหกรรม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดตั้งกองทุนเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำการตรวจสอบกำกับดูแล เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลักลอบทิ้งกากของเสียจากภาคอุตสาหกรรมเชิงรุกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตรวจกำกับ สั่งการ เพิกถอนใบอนุญาต และขอยืนยันว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปิดท้าย

อยุธยา - คณะบริหารธุรกิจฯ ราชมงคลสุวรรณภูมิ เป็นเจ้าภาพจัดโครงการสัมมนาและการแข่งขันทักษะวิชาการ 9 มทร. ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด 'R-Innovator สร้างนวัตกรด้วยนวัตกรรม'

(22 ม.ค.68) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ได้จัดโครงการสัมมนาและการแข่งขันทักษะวิชาการด้านบริหารธุรกิจ 9 มทร. ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด 'R-Innovator สร้างนวัตกรด้วยนวัตกรรม' โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุวุฒิ ตุ้มทอง รองอธิการบดี และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรชัย เอมอักษร คณบดีคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ นายวัชระ  กระแสร์ฉัตร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้การต้อนรับ คุณสุชาดา ซางแทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ณ หอประชุมไพศาลสโมสร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา วาสุกรี

ในการจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในศาสตร์ด้านบริหารธุรกิจ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคณาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศ งานดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 โดยปีนี้ มทร.สุวรรณภูมิ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2568

ไฮไลต์สำคัญในงานมีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ทั้งหมด 12 รายการ จาก 21 หน่วยงานที่เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่:
1. สร้างผู้ประกอบการนวัตกรรม
2. นวัตกรสื่อสร้างสรรค์
3. R-Innovation: นวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
4. นวัตกรสร้างสรรค์สู่สากล
5. นวัตกรผู้นำการเปลี่ยนแปลง
6. ต้นแบบอัจฉริยะสร้างนวัตกร
7. นวัตกรสายเกมเมอร์
8. นวัตกรการตลาดดิจิทัล
9. การแข่งขันทักษะทางบัญชี 9 มทร. ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
10. การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ
11. '2 ทศวรรษ มทร.: สืบตำนาน สานรักษา คุณค่ามรดกโลก'
12. ตลาดสร้างผู้ประกอบการ

และความพิเศษของรางวัล คือรางวัลชนะเลิศในแต่ละกิจกรรมได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงนามในโล่รางวัล เพื่อยกย่องความสำเร็จของผู้ชนะ

งานครั้งนี้ไม่เพียงเสริมสร้างทักษะด้านบริหารธุรกิจ แต่ยังเน้นการพัฒนานวัตกรที่พร้อมสร้างสรรค์อนาคตอย่างยั่งยืน ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ มทร. ทั้ง 9 แห่ง ในการร่วมมือสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top