Wednesday, 21 May 2025
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงนามคำสั่งแต่งตั้งโฆษก รองโฆษก และคณะทำงานโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(21 มี.ค.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 177/2568 แต่งตั้งโฆษก รองโฆษก และคณะทำงานโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล เป็น โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เป็น รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1) 
พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เป็น รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (2)

ทั้งนี้ เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่การปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพี่น้องประชาชน

‘ผบ.ตร.’ สั่งทบทวน!! ‘ส.ต.อ.’ ใส่ขาเทียม สอบติด ‘นายร้อย’ ถูกปัดตก ชี้!! ต้องคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ความตั้งใจในการรับราชการ

(22 มี.ค. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการในการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา ให้ฝ่ายบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กองบัญชาการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาทบทวนผลการสอบเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ของ ‘ส.ต.อ.’ นายหนึ่ง ใส่ขาเทียม ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ยื่นอุทธรณ์ได้ ขอให้พิจารณาด้วยความละเอียด รอบคอบ มีความเหมาะสมตามสายงาน เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย

ให้คำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ความตั้งใจในการรับราชการ แล้วรายงานให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทราบโดยด่วน

ตร.ร่วมภาคี แถลงผลการส่งคลิปกล้องหน้ารถ โครงการ “อาสาตาจราจร” เผยศาลลงโทษหนักคดีชนคนบนทางม้าลาย 

(25 มี.ค. 68) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา 
ผู้ช่วย ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์  ผู้บัญชาการศึกษา/หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร  พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์ รอง ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ต.สหัสสชัย  โลจายะ ผบก.ผค. พ.ต.อ.ฐิรวิทย์ บุษบัน รอง ผบก.จร. และ พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ คุณ กานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการขับเคลื่อนโครงการ อาสาตาจราจร ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 4โดยยังคงมอบเงินรางวัลให้กับเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี หรือเป็นคลิปที่เป็นอุทาหรณ์สำคัญที่จะช่วยให้ประชาชนเกิดการตระหนักรู้ในการขับขี่ตามกฎจราจร โดยงานวันนี้ มีการมอบรางวัล ให้กับคลิปที่ได้รับการคัดเลือก ประจำเดือน ธ.ค.67 และ ม.ค.68 รวม 20 รางวัล เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาท  โดยบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นผู้สนับสนุน

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า คลิปจากประชาชนถือเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามผู้กระทำผิด รวมถึงสามารถนำไปใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่มีคลิปเหล่านี้ การจะชี้ว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ทำผิดกฎจราจรอาจจะพิสูจน์ลำบาก แต่คลิปที่ประชาชนส่งมาทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น คลิปจักรยานยนต์ที่เฉี่ยวชนคนเดินข้ามถนน บริเวณโรงพยาบาลสถาบันโรคไต ภูมิราชนครินทร์ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุและนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานให้กับทาง สน.พญาไท ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ ฟ้องศาลในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยศาลวางข้อกำหนดให้ชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 240,500 บาท  หรือคลิปจักรยานยนต์ฝ่าฝืนมาขับขี่ในช่องทางด่วนบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่แซงช่องทางด้านซ้ายโดยผิดกฎหมาย  ซึ่งคลิปนี้เป็นตัวอย่างของการฝ่าฝืนกฎจราจรทั้งสองฝ่ายจนเกิดอุบัติเหตุ  
สำหรับโครงการนี้มุ่งหวังให้ประชาชนช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถส่งคลิปมายังช่องทาง เพจอาสาตาจราจร เพจตำรวจทางหลวง เพจกองบังคับการตำรวจจราจร รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ได้แก่เพจมูลนิธิเมาไม่ขับ, สวพ.91 และ จส.100  คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจผ่านการคัดเลือก นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้วยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน

ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนอกจากการบังคับใช้กฎหมายแล้ว มาตรการ Social Sanction เป็นอีกมาตรการหนึ่ง ที่ช่วยสร้างการตระหนักให้ผู้ใช้ทางปฏิบัติตามกฎจราจร เพราะหากฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อไร จะมีตาจราจรคอยบันทึกเหตุการณ์ นอกจากส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแล้ว ยังอาจมีคลิปปรากฏในสื่อโซเชียลได้อีก ดังนั้นจะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งไม่ทำผิดกฎจราจร และยืนยันพร้อมขับเคลื่อนโครงการนี้ต่อไปเป็นปีที่ 4 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่จะช่วยกันสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน ขอให้ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด  โดยเฉพาะข้อหาความผิดเน้นหนัก ได้แก่ ดื่มแล้วต้องไม่ขับ รัดเข็มขัด และสวมหมวกนิรภัย ปฏิบัติตาม สัญญาณไฟ และขับรถตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัย บนท้องถนน ร่วมกัน   

โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2568

(26 มี.ค. 68) ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตในประเด็นที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงนั้น พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า การออกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ที่มีผลใช้บังคับแทนพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้มาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งฉบับใหม่ ยังคงหลักการและอัตราเงินประจำตำแหน่งไว้เช่นเดิม ไม่มีการปรับเพิ่มค่าตอบแทนแต่อย่างใด โดยมีเพียงการแก้ไขรายละเอียดให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายตำรวจฉบับใหม่ เช่น การปรับชื่อตำแหน่งให้ตรงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย การเพิ่มสายงานวิชาชีพด้านสาธารณสุขให้ครอบคลุมวิชาชีพเฉพาะด้าน เช่น กายอุปกรณ์ แพทย์แผนไทย เทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก ตลอดจนการปรับลักษณะงานของตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญให้สอดคล้องกับการจัดกลุ่มสายงานในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดสิทธิในการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหารให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันการศึกษาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จัดการศึกษาระดับปริญญา โดยไม่ตัดสิทธิการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับที่ใช้กับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาและข้าราชการทหาร

การออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จึงมิใช่การปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่งให้แก่ผู้บริหารระดับสูงตามที่บางกระแสเข้าใจ แต่เป็นการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้

พล.ต.ท.อาชยน ฯ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติการอย่างแท้จริง และมีนโยบายในการดูแลสวัสดิการของตำรวจทุกระดับ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นธรรมเป็นหลัก พร้อมกล่าวย้ำว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นในการบริหารงานอย่างโปร่งใส และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานของตำรวจตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนได้อย่างดีที่สุด”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือน 5 มุกมิจฉาชีพ ฉวยโอกาสแผ่นดินไหว ซ้ำเติมประชาชน

(30 มี.ค. 68) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากมิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือนร้อนจากเหตุแผ่นดินไหว มาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอเตือนให้พี่น้องประชาชนทราบถึง  5 มุกมิจฉาชีพ หลอกลวงประชาชน หลังเกิดแผ่นดินไหว ดังนี้

1. หลอกขโมยข้อมูลส่วนบุคคล - แอบอ้างเป็นหน่วยงานต่าง ๆ ให้ลงทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือ หลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัตรประชาชน บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร

2. หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน - ส่งลิงก์หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อรับความช่วยเหลือ สุดท้ายเป็นแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องระยะไกล ดูดเงินจากบัญชีธนาคาร

3. หลอกรับบริจาค - อาศัยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย หลอกเปิดรับบริจาคจากพี่น้องประชาชน

4. แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกเอาเงิน - อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ติดต่อมาว่าจะให้ความช่วยเหลือ แต่หลอกให้โอนเงินมาเป็นค่าดำเนินการ หรือยืนยันตัวตน ซึ่งไม่เป็นความจริง

5. ข่าวปลอม สร้างความตื่นตระหนก - เผยแพร่ข่าวปลอมหรือบิดเบือนเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหว โดยอาจมีการนำภาพเก่า ภาพจากเหตุการณ์อื่น มาประกอบกับข้อความเพื่อให้คนตื่นตกใจ

โดยขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการส่งต่อข้อมูลข่าวสาร และขอให้ตรวจสอบก่อนว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ก่อนที่จะส่งต่อ หรือกรอกข้อมูลส่วนบุคคล
 

หากพี่น้องประชาชนพบเห็น หรือได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ไม่ทอดทิ้งตำรวจเสียสละอุทิศตนเลือกประชาชนจนได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดเยี่ยมให้กำลังใจและช่วยเหลือตำรวจฮีโร่ที่บาดเจ็บจากการเข้าระงับเหตุที่เทอร์มินอล 21 และตำรวจอีโอดีที่บาดเจ็บจากเหตุระเบิดใน จ.ยะลา

(31 มี.ค. 68) เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ระดับ ตร./ประธานที่ปรึกษาโครงการครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน (ด้านตำรวจทุพพลภาพ) , คุณสมฤทัย บุญสม ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจนครบาล ,
พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผู้บังคับการกองสารนิเทศ/รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.สปพ.) , ว่าที่ พ.ต.อ.อาทิตย์ วงษ์จันนา ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. ,พ.ต.ท.เชษฐพร บัวจันทร์ รอง ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. , พ.ต.อ.มนัส รุ่งนาค หัวหน้าสำนักงานสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคณะแม่บ้านตำรวจฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ "จ.ส.ต.กฤษดา  การุญ" ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจฮีโร่ที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกคนร้ายยิงเข้าที่ศีรษะ ขณะเข้าระงับเหตุที่ห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563 ณ บ้านพักอิสระกองบินตำรวจ โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ และ คุณนภัสนันท์ฯ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือให้แก่ จ.ส.ต.กฤษดา การุญ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และยกย่องในความกล้าหาญ ถือเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อย่างแท้จริง จากนั้นคณะได้เยี่ยมชมและอุดหนุนสินค้าจากร้านของครอบครัว จ.ส.ต.กฤษดาฯ ที่เปิดขายบริเวณหน้าบ้านพัก เพื่อหารายได้พิเศษด้วย 

จากนั้น พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ พร้อมด้วย คุณนภัสนันท์ฯ , คุณจิดาภา ปุระธนานนท์ รักษาการประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.ไพศาล พฤกษจำรูญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี , พ.ต.อ.มนัส รุ่งนาค หัวหน้าสำนักงานสมาคมแม่บ้านตำรวจ , คณะข้าราชการตำรวจ และคณะแม่บ้านตำรวจฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ร.ต.ท.ยุทธนา เทพสถิต รอง สว.กก.ตชด 14 เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดี ค่ายพระมงกุฎ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดที่ ต.กาตอง ต.บาโร๊ะ จ.ยะลา เมื่อปี 2560 ปัจจุบันพักรักษาตัวที่บ้านพักใน จ.สุพรรณบุรี โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ และ คุณนภัสนันท์ฯ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือให้แก่ ร.ต.ท.ยุทธนาฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตามโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีอุปสมบทหมู่ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 

(2 เม.ย. 68) พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ 2 เมษายน 2568 ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 70 พรรษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้โครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล โดยวานนี้ เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค พิธีมอบบาตรและผ้าไตร และพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2568 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 14 เมษายน 2568 รวมทั้งสิ้น 19 วัน โดยมีข้าราชการตำรวจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 78 นาย ซึ่งหลังจากบรรพชาและอุปสมบทแล้ว วันที่ 3 – 13 เมษายน 2568 จะไปศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม ณ ศาลาปฏิบัติธรรมเตชะอิทธิพร วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อครบกำหนดโครงการมีพิธีลาสิกขาและแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ในวันที่ 14 เมษายน 2568 ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสมหามงคลที่สำคัญอีกวาระหนึ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีและปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล และสืบทอดพระพุทธศาสนารักษาขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของไทย 

ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ 7 เส้นทาง ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถในช่วงเทศกาลสงกรานต์

(9 เม.ย.68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ด้วยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 มีวันหยุดราชการต่อเนื่องกัน ตั้งแต่วันที่ 12 - 16 เมษายน 2568 รวม 5 วัน เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร จึงจำเป็นต้องมีการออกประกาศข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถในถนนบางสาย เพื่อให้เหมาะสมกับการจัดการจราจรในถนนบางสายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 11 - 13 เมษายน 2568 และ 15 - 17 เมษายน 2568 ใน 7 เส้นทาง ดังนี้

1. ถนนมิตรภาพ ทับกวาง-สีคิ้ว (ทล.2) ตั้งแต่ กม. 15+600 ถึง กม. 102 : ทับกวาง จ.สระบุรี - สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ระยะทาง 87 กิโลเมตร 

2. ถนนกบินทร์บุรี - ปักธงชัย (ทล.304) ตั้งแต่ กม.165 ถึง กม.222 : กบินทร์บุรี - วังน้ำเขียว ระยะทาง 57 กิโลเมตร 

3. ถนนบุรีรัมย์ - อรัญประเทศ บายพาสเสาไห้ (ทล.348) ตั้งแต่ กม.71 ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ถึง กม.83 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ระยะทาง 12 กิโลเมตร

4. ถนนพหลโยธิน เข้าเมืองนครสวรรค์ (ทล.1) ตั้งแต่ กม.332 ถึง กม.347 : กลางแดด - นครสวรรค์ตก จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 15 กิโลเมตร 

5. ถนนรังสิโยทัย ปากน้ำโพ - บางม่วง (ทล.117) ตั้งแต่ กม.0+000 ถึง กม.7 : ปากน้ำโพ - บางม่วง จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 7 กิโลเมตร 

6. ถนนพหลโยธิน เข้าเมืองสระบุรี (ทล.1) ตั้งแต่ กม.99+800 ถึง กม.106+150 : หนองยาว จ.สระบุรี ระยะทาง 7 กิโลเมตร 

7. ถนนพระรามที่ 2 (ทล.35) ตั้งแต่ กม.15+000 ถึง กม.53+000 : บางน้ำจืด - นาโคก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ระยะทาง 38 กิโลเมตร

สำหรับกรณีจำเป็นต้องเดินรถ ต้องมีการขออนุญาต ดังนี้
- กรณีใช้เส้นทาง 1. ถนนมิตรภาพ ทับกวาง-สีคิ้ว (ทล.2) , 2. ถนนกบินทร์บุรี - ปักธงชัย (ทล.304) และ 3. ถนนบุรีรัมย์ - อรัญประเทศ บายพาสเสาไห้ (ทล.348) ขออนุญาตกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง

- กรณีใช้เส้นทาง 4. ถนนพหลโยธิน เข้าเมืองนครสวรรค์ (ทล. 1) และ 5. ถนนรังสิโยทัย ปากน้ำโพ - บางม่วง (ทล.1 17) จ.นครสวรรค์ ให้ขออนุญาตกับตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ 
 
กรณีใช้เส้นทาง 6. ถนนพหลโยธิน เข้าเมืองสระบุรี (ทล.1) ให้ขออนุญาตกับตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี 

กรณีใช้เส้นทาง 7. ถนนพระรามที่ 2 (ทล.35) ให้ขออนุญาตกับตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา/หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรดังกล่าว เพื่อเป็นการเปิดทางให้กับพี่น้องประชาชนที่ต้องเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีประชาชนใช้รถใช้ถนน เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเพื่อลดการเกิดปัญหาด้านการจราจร และลดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น จึงขอให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ขับรถบรรทุก ได้เตรียมการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเพื่อไม่ให้กระทบกับการขนส่งสินค้าต่างๆ รวมถึงของดเว้นการจอดรถในไหล่ทางบนถนนสาธารณะ ซึ่งอาจเป็นที่มาของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงของผู้ขับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ มาชนท้ายรถบรรทุกของที่จอดอยู่บริเวณไหล่ทางบนผิวการจราจร

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กองบังคับการตำรวจทางหลวง www.hwpdth.com และหากพี่น้องประชาชนต้องการสอบถามเส้นทางการจราจร หรือขอความช่วยเหลือ สามารถโทรได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมอาชีวศึกษา เตรียมพร้อม 150 จุดบริการทั่วประเทศ สั่งการตำรวจจราจรจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว พาอาชีวะ-ขนส่งอาสา เข้าช่วยเหลือรถเสียช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ทั่วประเทศบูรณาการช่วยเหลือในกิจกรรม อาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงคมนาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมการขนส่งทางบก และเครือข่ายภาคเอกชน ได้ร่วมจัดกิจกรรม จำนวน 150 จุดทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพสูงสุด พล.ต.อ.ไกรบุญฯ ได้สั่งการว่า หากมีเหตุรถเสียบนเส้นทางจราจรใกล้เคียงกับจุดตั้งของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ตำรวจจราจรในพื้นที่จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมนำอาสาสมัครจากอาชีวศึกษาไปยังจุดเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การช่วยเหลือร่วมกัน ทั้งในด้านการเคลื่อนย้ายรถออกจากผิวจราจร และการซ่อมแซมเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ หากสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น และไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจร ให้ดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด และลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุจากการจอดรถเสียในจุดที่ไม่ปลอดภัย พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในแต่ละพื้นที่ ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากสถานศึกษาในจุดบริการอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเทศกาล เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กิจกรรมอาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 "สงกรานต์ปลอดภัย เดินทางไปไหนก็มีความสุข" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 เวลา 06.00 - 18.00 น. จำนวน 150 จุด ทั่วประเทศ โดยมีบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ 20 รายการ , เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หลอดไฟ รถจักรยานยนต์ , ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินระยะ 5 กิโลเมตรจากจุดบริการ , ตรวจเช็คสภาพและชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV , บริการกาแฟ น้ำดื่ม อินเทอร์เน็ต ชาร์จแบต พักผ่อน นวด สอบถามเส้นทาง ฯลฯ อีกด้วย โดยประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะสามารถค้นหาจุดบริการทั้ง 150 จุด ได้ที่เว็บไซต์ https://vecrsa.vec.go.th

ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือกรณีรถเสีย หรือสอบถามเส้นทางการจราจร สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เชียงใหม่-ผบช.ภ. 5 แถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหา 3 รายยาไอซ์ 350 กิโลกรัม ที่ด่านตรวจดงยาง สภ.นาพูน อ.วังชิ้น จว.แพร่ พร้อมขยายผล

(13 พ.ค. 68) เวลา 14.00 น. ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย
ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร  ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร, พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์, พล.ต.ต.พิชญา บุญขจร, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย  รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ  ผบก.สส.ภ.5 และ พล.ต.ต.พงษ์เดช คำใจสู้  ผบก.ภ.จว.แพร่
 ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 โดย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน มทน.3/ผบ.นบ.ยส.35 ฝ่ายปกครอง โดย นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ผวจ.แพร่ สำนักงาน ปปส.ภาค 5 โดย นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5

แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ของ สภ.นาพูน จว.แพร่ บูรณาการร่วมหน่วยเกี่ยวข้อง จับกุมผู้ต้องหา 3 คน รถยนต์กระบะตู้ทึบ 3 คัน ไอซ์ จำนวน 350 กิโลกรัม สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 04.00 – 10.00 น. ที่ด่านตรวจดงยาง สภ.นาพูน อ.วังชิ้น จว.แพร่ ต่อเนื่อง ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จว.พิจิตร
ผู้ต้องหา จำนวน 3 คน  นายพลวัตรฯ  อายุ 33 ปี ภูมิลำเนา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา นายจักรกฤษฯ อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา อ.สิรินร จว.อุบลราชธานี นายสุวรรณรัตน์ฯ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา
ของกลาง ไอซ์ จำนวน 14 กระสอบ บรรจุกระสอบละ 25 ห่อ รวมประมาณ 350 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ตู้ทึบ สีขาว ทะเบียน บร 695 สระแก้ว มีนายพลวัตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นคนขับ ใช้บรรทุกยาเสพติด รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ตู้ทึบ สีขาว ทะเบียน บห 7088 ร้อยเอ็ด มีนายจักรกฤษฯ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นคนขับ ใช้นำ/สำรวจเส้นทาง รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ตู้ทึบ สีเทา ทะเบียน 3ฒย 2701 กรุงเทพฯ มีนายสุวรรณรัตน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นคนขับ ใช้นำ/สำรวจเส้นทาง

พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 เวลาประมาณ 04.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจดงยาง สภ.นาพูน  อ.วังชิ้น จว.แพร่ ตั้งด่านตรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ตู้ทึบ สีขาว ทะเบียน บร 695 สระแก้ว มีนายพลวัตรฯ เป็นผู้ขับขี่  ขับมาจากเส้นทาง จว.แพร่ มุ่งหน้าไป จว.สุโขทัย จึงเรียกทำการตรวจค้น พบกระสอบลายพราง จำนวน 14 กระสอบ มีไอซ์ บรรจุอยู่กระสอบละ 25 ห่อ รวมประมาณ 350 กิโลกรัม บรรทุกอยู่ในกระบะตู้ทึบจึงจับกุมตัวพร้อมของกลาง

ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการขยายผลพบว่ามีรถยนต์กระบะ ตู้ทึบ อีก 2 คัน นำ/สำรวจเส้นทาง
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ได้สืบสวนขยายผลไปจับกุมนายจักรกฤษฯ พร้อมรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ตู้ทึบ สีขาว ทะเบียน บห 7088 ร้อยเอ็ด และนายสุวรรณรัตน์ฯ พร้อมรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ตู้ทึบ สีขาว ทะเบียน 3ฒย 2701 กรุงเทพฯ ที่ใช้นำ/สำรวจเส้นทาง ได้ที่บริเวณ ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จว.พิจิตร นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหารับว่าเคยลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง ไปรับยาเสพติดในพื้นที่ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย จะเอาไปส่งในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จว.ปทุมธานี จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครองสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนำบัญชาข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจภูธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 12 พ.ค.68 จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 13,752 คดี คดียาเสพติดรายสำคัญ 142 คดี ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ยาบ้า 131 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 8,786 กิโลกรัมเศษ เฮโรอีน 148 กิโลกรัมเศษ เคตามีน 1,100 กิโลกรัมเศษ ฝิ่น 64 กิโลกรัมเศษ ตรวจยึดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 395 ล้านบาทเศษ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top