Saturday, 18 May 2024
รัสเซีย

‘ยูเครน’ ส่งโดรนโจมตี ‘ฐานทัพเรือรัสเซีย’ เบื้องต้นเรือรบ 1 ลำ เสียหายหนัก

(4 ส.ค. 66) ยูเครนส่งโดรนทางทะเล 2 ลำเข้าไปโจมตีฐานทัพเรือที่เมืองโนโวรอสซิสก์ (Novorossiysk) ริมทะเลดำ ประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่าปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้เรือรบรัสเซีย 1 ลำเสียหายอย่างหนัก

เหตุโจมตีครั้งนี้ ยังส่งผลให้ท่าเรือพลเรือน ซึ่งใช้ในการส่งออกธัญพืชรัสเซีย และขนส่งน้ำมันราว 2% ของโลก ต้องหยุดการขนถ่ายสินค้าชั่วคราว ก่อนจะกลับมาเปิดทำการได้ตามปกติ ตามข้อมูลจากบริษัท Caspian Pipeline Consortium ซึ่งเป็นผู้บริหารท่าเรือน้ำมันในเมืองนี้

กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงสั้นๆ วันนี้ (4 ส.ค.) ว่า กองทัพสามารถสกัดการจู่โจมของโดรนยูเครนในน่านน้ำนอกฐานทัพเรือ และโดรนทางทะเลทั้ง 2 ลำถูกยิงทำลาย ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดความเสียหายในฝั่งของรัสเซียเอง

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวกรองในยูเครนให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า ‘เรือ Olenegorsky Gornyak’ ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกของกองทัพรัสเซียถูกโดรนโจมตีจนเสียหายหนัก และไม่สามารถออกปฏิบัติภารกิจได้ 

แหล่งข่าวผู้นี้เผยด้วยว่า ปฏิบัติการโดรนกามิกาเซ่ครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือยูเครน และหน่วยข่าวกรอง SBU

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวซึ่งทราบข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการของท่าเรือแห่งนี้ยืนยันว่า เรือรบรัสเซียขนาดใหญ่ 1 ลำต้องถูกลากจูงเข้าฝั่ง เพราะไม่สามารถใช้พลังงานขับเคลื่อนตัวเองหลังจากที่ได้รับความเสียหาย

จากคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียจะเห็นได้ว่า เรือรบรัสเซียได้รับความเสียหายอย่างหนักบริเวณลำตัวเรือด้านซ้าย แม้ อันเดร คราฟเชนโก เจ้าหน้าที่ประจำเมืองโนโวรอสซิสก์ จะยืนยันผ่านเทเลแกรมว่า เรือ Olenegorsky Gornyak เป็นหนึ่งในเรือรบ 2 ลำ ซึ่งถูกส่งออกไป ‘ตอบสนองอย่างทันทีทันใด’ เพื่อสกัดกั้นการโจมตีของโดรนยูเครนก็ตาม

รัสเซียเริ่มสร้าง 'กล้องโทรทรรศน์สุริยะ' ใหญ่สุดในยูเรเซีย ใช้งบราว 1.3 หมื่นล้านบาท คาดเปิดใช้ได้ภายในปี 2030

วลาดิวอสตอก, 6 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (5 ส.ค.) สถาบันฟิสิกส์สุริยะ-โลก (Institute of Solar-Terrestrial Physics) สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซีย (RAS) สาขาไซบีเรีย ในสาธารณรัฐบูเรียเตีย หนึ่งในเขตการปกครองรัสเซีย ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์สุริยะ (solar telescope) หรือกล้องโทรทรรศน์ดูดวงอาทิตย์ ขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยูเรเซีย
กล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนและราคาแพงที่สุดของโครงการเนชันแนล เฮลิโอจีโอฟิสิคัล คอมเพล็กซ์ (National Heliogeophysical Complex) โดยจะตั้งประจำการอยู่ที่หอสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ ซายัน (Sayan Solar Observatory) สังกัดสถาบันฟิสิกส์ฯ ใกล้กับหมู่บ้านมันดาในบูเรียเตีย โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.6 หมื่นล้านรูเบิล (ราว 1.3 หมื่นล้านบาท) และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2030

วัตถุประสงค์หลักของกล้องโทรทรรศน์ตัวนี้คือใช้ในการศึกษาธรรมชาติของสนามแม่เหล็กและวัฏจักรกิจกรรมดวงอาทิตย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกในแง่มุมต่างๆ กล้องโทรทรรศน์ฯ จะช่วยให้คณะนักวิทยาศาสตร์ทำการสำรวจโครงสร้างของชั้นบรรยากาศโฟโตสเฟียร์ (photosphere) อันเป็นชั้นพื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่สามารถมองเห็นได้ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งชั้นผิวนี้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กและอุปกรณ์สังเกตการณ์ในวงโคจรจะไม่สามารถเข้าถึงได้

ขณะเดียวกัน กล้องโทรทรรศน์ฯ จะสามารถวิเคราะห์สเปกตรัมและรับข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กและการเคลื่อนที่ของสสาร ตลอดจนช่วยศึกษาสาเหตุการเกิดเปลวสุริยะ (solar flare) การพ่นมวลโคโรนา (coronal mass ejection) และปรากฏการณ์อื่นๆ บนดวงอาทิตย์ นอกจากนี้จะยังช่วยแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานและการประยุกต์ใช้ในฟิสิกส์สุริยะ (solar physics)

ทั้งนี้ กลไกทางแสงของกล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวจะประกอบด้วยกระจก 13 ชิ้น โดยกระจกหลักมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร ทำขึ้นมาจากแอสโตรทอล วัสดุกลาสเซรามิกแบบพิเศษชนิดหนึ่ง โดยความสูงของโครงสร้างกล้องโทรทรรศน์ฯ ทั้งหมดจะอยู่ที่ 42 เมตร และมีน้ำหนักรวม 120 ตัน

‘SBU’ จับกุมหญิงยูเครน ฐานเป็นสปายส่งข้อมูลให้รัสเซีย พร้อมวางแผนลอบสังหาร ‘เซเลนสกี’ จ่อโดนโทษจำคุก 12 ปี

(8 ส.ค. 66) สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ‘หน่วยงานความมั่นคงยูเครน’ (SBU) กล่าวว่า ได้ทำการจับกุมตัวหญิงชาวยูเครนคนหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าเธอเป็นหน่วยสอดแนมรัสเซียและมีส่วนร่วมในการวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดี ‘โวโลดีมีร์ เซเลนสกี’ ของยูเครน ขณะลงเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยในช่วงที่ผ่านมา

SBU ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า ผู้หญิงคนนี้ถูกจับได้คาหนังคาเขา ขณะที่เธอพยายามส่งข่าวกรองไปยังรัสเซีย โดยหน่วยงานกล่าวว่า เธอได้พยายามรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับการเดินทางของเซเลนสกี ก่อนที่เขาจะไปเยือนมิโคลายิฟ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งประสบอุทกภัยในเดือนมิถุนายน

SBU ยังเผยแพร่ภาพเบลอของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในห้องครัว โดยเจ้าหน้าที่ SBU ที่สวมหน้ากาก โดยผู้ต้องหารายนี้อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ชื่อ ‘โอชาคิฟ’ (Ochakiv) ซึ่งเซเลนสกีเคยเดินทางไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งเธอทำงานอยู่ในร้านค้าที่ฐานทัพทหารในเมืองดังกล่าว

ด้านเซเลนสกียืนยันว่า เขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับการจับกุมครั้งนี้ โดยกล่าวว่าหัวหน้า SBU ได้แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการต่อสู้กับกลุ่มกบฏ

ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ผ่านมา เซเลนสกีเดินทางไปยังเมืองมิโคลายิฟในเดือนมิถุนายน เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดจากเหตุเขื่อนแตกในคอฟคา และในเดือนกรกฎาคมหลังจากที่รัสเซียถล่มโจมตีเมืองดังกล่าว

SBU กล่าวว่า หน่วยงานรับรู้แผนการลอบสังหารล่วงหน้า ก่อนที่เซเลนสกีจะเดินทางไปยังมิโคลายิฟ จึงได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม และกล่าวหาว่ารัสเซียวางแผนโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในภูมิภาคมิโคลายิฟ ขณะที่ผู้ต้องหาพยายามที่จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งของระบบไฟฟ้าและคลังกระสุนของยูเครน ซึ่งอาจตกเป็นเป้าหมายของกองทัพรัสเซีย

อย่างไรก็ดี เป็นที่เข้าใจกันว่า SBU ไม่ได้จับกุมผู้ต้องหาในช่วงเวลาที่เซเลนสกีเยือนมิโคลายิฟ และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการโจมตีประธานาธิบดียูเครนแทน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเธอต่อหลังจากนั้น และพบแผนการต่างๆ ของผู้ต้องหาเพิ่มเติม รวมถึงการมอบหมายที่ได้รับจากรัสเซีย

ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าเธอจะถูกตั้งข้อหาเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายอาวุธและกองทหารยูเครนโดยไม่ได้รับอนุญาต และหากมีการตัดสินว่ามีความผิดจริง เธออาจรับโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี

ทั้งนี้ ยูเครนมักกล่าวโทษประชาชนในท้องถิ่นที่สนับสนุนรัสเซียว่าเป็น ‘ไส้ศึก’ ส่งข้อมูลไปช่วยเหลือกองทัพมอสโก

รัสเซียส่ง 'สถานีสำรวจลูนา-25 ' ขึ้นสู่อวกาศ เปิดฉากสำรวจฝั่งขั้วใต้ของดวงจันทร์

วลาดีวอสตอก (11 ส.ค.66) สำนักข่าวซิน เผย ช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ (11 ส.ค.) รัสเซียประสบความสำเร็จในการส่งสถานีสำรวจดวงจันทร์ลูนา-25 (Luna-25) สู่อวกาศ ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากภารกิจการสำรวจขั้วใต้ของดวงจันทร์ครั้งประวัติศาสตร์

จรวดขนส่งโซยุส-2.1บี (Soyuz-2.1b) ที่มีเฟรกัต (Fregat) หรือจรวดส่วนสุดท้าย ขนส่งสถานีสำรวจดวงจันทร์ซึ่งไม่มีแคปซูลส่งกลับนี้ ทะยานออกจากฐานปล่อยยานอวกาศวอสโตชินี คอสโมโดรม บริเวณแคว้นอามูร์ ภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย

หลังจากการปล่อย 9 นาที จรวดส่วนสุดท้ายที่มีสถานีลูนา-25 ได้แยกตัวออกจากส่วนที่สาม (third stage) ของจรวดขนส่ง จากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ลูนา-25 ก็ได้แยกตัวออกจากจรวดส่วนสุดท้าย และเข้าสู่เส้นทางการบินสู่ดวงจันทร์สำเร็จ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จขั้นแรกของภารกิจดังกล่าวในรอบเกือบ 50 ปีกันเลยทีเดียว

‘อียิปต์’ แฉ!! ถูก ‘สหรัฐฯ’ กดดันจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อใช้ตอบโต้กลับการโจมตีจากกองกำลังรัสเซีย

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 66) มีรายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่อียิปต์ตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน เพิกเฉยต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ร้องขอซ้ำๆ ให้ผลิตกระสุนปืนใหญ่และอาวุธอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับกองกำลังรัสเซียของทางยูเครน

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อวันศุกร์ (11 ส.ค.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่าวอชิงตันยังได้ร้องขออียิปต์ จัดหาขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ระบบป้องกันภัยทางอากาศและอาวุธขนาดเล็กแก่ยูเครนโดยคำขอดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายวาระ ในนั้นรวมถึงระหว่างการพบปะกันระหว่าง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา และประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ในกรุงไคโร เมื่อเดือนมีนาคม

“ในการสนทนากับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อียิปต์ไม่ได้ปฏิเสธคำขออย่างสิ้นเชิง แต่พวกเจ้าหน้าที่อียิปต์บอกเป็นการส่วนตัว ว่าอียิปต์ไม่มีแผนส่งมอบอาวุธ” วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงาน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้อความนี้จะไม่เข้าหูวอชิงตัน ด้วยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมองในแง่บวกว่าอียิปต์จะยอมช่วยเหลือยูเครน โดยบอกกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า “การพูดคุยหารือระหว่างเรากับคู่หูอียิปต์ ในแง่ผลประโยชน์ร่วมของเราในการยุติสงครามของรัสเซีย ออกดอกออกผล และกำลังเดินหน้าต่อไป”

ก่อนหน้านี้ในปีนี้ มีข่าวว่าอียิปต์ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขามีแผนขายจรวดให้รัสเซีย ทั้งนี้ อัล-ซิซี พยายามธำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับทั้งวอชิงตันและมอสโก ท่ามกลางวิกฤตยูเครน ปฏิเสธเข้าร่วมโครงการที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับจัดหาอาวุธแก่ยูเครนและลงโทษรัสเซีย

วอลล์สตรีท เจอร์นัล เน้นว่าความล้มเหลวในความพยายามขอแรงสนับสนุนจากอียิปต์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญยิ่งของความขัดแย้ง ซึ่งกองกำลังยูเครนกำลังพยายามบุกทะลวงแนวป้องกันที่น่าเกรงขามของรัสเซีย ในขณะที่สหรัฐฯพยายามรอแรงหนุนหลักทั้งด้านการทหารและการทูตสำหรับเคียฟ

นอกจากนี้ การตัดสินใจของอัล-ซิซี ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระงับเงินช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ ที่มอบแก่อียิปต์ ก้อนหนึ่งมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์ จากงบช่วยเหลือรายปี 1,300 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างอิงเกี่ยวกับประวัติด้านมนุษยชนในประเทศแห่งนี้

‘ยูเครน’ เตือน!! ‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ เตรียมถูกแบน หากไฟเขียวให้ ‘รัสเซีย-เบลารุส’ ร่วมลงแข่งขันได้

‘เดนีส ชมีฮัล’ นายกรัฐมนตรี ยูเครน เตือน โอลิมปิก ปารีส 2024 จะถูกแบนจาก 35 ประเทศทั่วโลก หาก ‘รัสเซีย และเบลารุส’ ได้รับไฟเขียวให้ลงแข่งขันได้

(15 ส.ค. 66) ‘รัสเซีย-เบลารุส’ ถูกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) แบนต่อเนื่องหลังก่อสงครามรุกราน ยูเครน แต่ระยะหลังดูเหมือนเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการลง และ มีโอกาสที่รัสเซีย และเบลารุส จะได้แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ภายใต้ธงเป็นกลาง โดยทั้งสองชาติจะได้แข่งขันใน เอเชียนเกมส์ ที่หางโจว เพื่อทำคะแนนสะสมสำหรับควอลิฟาย โอลิมปิกด้วย

ล่าสุด ยูเครน ระบุว่า รัฐบาลได้ทำหนังสือเรียกร้องและขอความร่วมมือจากนานาประเทศทั่วโลกให้ร่วมกันแบนรัสเซีย–เบลารุสต่อไป โดย เดนีส ระบุว่า “ยูเครนมีความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศที่ทรงพลัง เพื่อให้กีฬาได้รับความยุติธรรม รวมกว่า 35 รัฐ เราพร้อมจะบอยคอตต์การแข่งขันโอลิมปิก หากรัสเซีย และเบลารุส ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้”

ขณะที่ ‘อเล็กซี โมโรซอฟ’ รัฐมนตรีกีฬาของรัสเซีย ระบุว่า รัฐบาลรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียนักกีฬารัสเซียไปแล้ว 67 คน ที่เลือกจะโอนสัญชาติไปเล่นให้ประเทศอื่น หลังเกิดสงครามนับตั้งแต่ปี 2022

โดยนักกีฬาที่แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2020 จำนวน 47 คน และ นักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 8 คน รวมทั้ง นักกีฬาอื่นๆอีก 12 คน ได้สละสัญชาติรัสเซียไป เนื่องจากประเทศถูกสหพันธ์กีฬานานาชาติห้ามเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ อนาสตาเซีย เคอร์ปิชนิโกว่า นักกีฬาว่ายน้ำแชมป์ยุโรป ย้ายไปเล่นให้ฝรั่งเศส และ ฮานนา ปรากัตเซ่น เหรียญเงินเรือพายเหรียญเงินโอลิมปิก ย้ายไปเล่นให้ อุซเบกิสถาน

‘พริโกซิน’ ผู้นำวากเนอร์ โพสต์วิดีโอครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โว!! กำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธ เพื่อทำให้ ‘แอฟริกา’ มีอิสระขึ้น

นายเยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอที่โพสต์บนเทเลแกรม หลังจากหายไปจากโลกโซเชียล นับตั้งแต่ความพยายามก่อกบฎในรัสเซียเมื่อเดือนมิถุนายนล้มเหลว โดยพริโกซินซึ่งสวมชุดนักรบระบุว่าเขาอยู่ในแอฟริกา และวากเนอร์กำลังทำให้แอฟริกามีอิสระมากขึ้น

พริโกซินกล่าวในวิดีโอว่า วากเนอร์กำลังสำรวจแร่ และต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามและกลุ่มอาชญากรอื่นๆ

“เรากำลังทำงานอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิมากกว่า 50 องศา วากเนอร์กำลังปฏิบัติการลาดตระเวนและค้นหา ทำให้รัสเซียยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกทวีป และทำให้แอฟริกาเป็นอิสระมากขึ้น” พริโกซิน กล่าว

พริโกซินกล่าวด้วยว่า ความยุติธรรมและความสุขสำหรับชาวแอฟริกัน เรากำลังทำให้ชีวิตเป็นฝันร้ายสำหรับกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) อัลเคด้า และกลุ่มโจรผู้ร้ายอื่นๆ

พริโกซินกล่าวว่า วากเนอร์กำลังเปิดรับสมัคร และเราจะดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดไว้ต่อไป เราสัญญาว่าเราจะประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ เชื่อว่าวากเนอร์มีนักรบหลายพันคนอยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งวากเนอร์มีผลประโยชน์ทางธุรกิจมากมายอยู่ในภูมิภาคนี้

โดยมีรายงานว่า ทหารของพริโกซินฝังตัวอยู่ในประเทศต่างๆ ในแอฟริกา รวมถึงมาลีและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติกล่าวหาพวกเขาว่า ก่ออาชญากรรมสงคราม

นักรบวากเนอร์ยังถูกสหรัฐฯ กล่าวหาว่าได้สร้างรายได้ให้กับตัวเองด้วยการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าทองคำเถื่อนในแอฟริกาอีกด้วย

ด่วน!! เกิดเหตุเครื่องบินตก คร่าชีวิต ‘พริโกซิน’ ผู้นำวากเนอร์ ขณะเดินทางกลับกรุงมอสโก ทางการรัสเซียเร่งสืบหาสาเหตุ

‘เยฟเกนี พริโกซิน’ หัวหน้าทหารรับจ้างวากเนอร์ ผู้ก่อกบฎรัฐบาลปูติน เสียชีวิตแล้วจากเหตุเครื่องบินตกระหว่างเดินทางไปมอสโก กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลง 10 ผู้โดยสารเสียชีวิตทุกคน ขณะเทเลแกรมอ้างเครื่องบินถูกยิงตก

(24 ส.ค. 66 ) สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวสถานการณ์ในประเทศรัสเซียว่า มีรายงานจากสื่อในประเทศรัสเซียว่า นายเยฟกินี พริโกซิน หัวหน้าทหารรับจ้างวากเนอร์ ที่ก่อเหตุกบฏต่อรัฐบาลรัสเซียของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตแล้วจากเหตุเครื่องบินตก ในระหว่างเที่ยวบินจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปกรุงมอสโก

โดยเครื่องบินลำดังกล่าวมีผู้โดยสาร 10 คน ลูกเรือสามคน ซึ่งกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียได้รายงานว่า จากเหตุเครื่องบินตกพบว่าลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด

“บนเครื่องบินมีผู้โดยสาร 10 คน รวมทั้งลูกเรือ 3 คน ตามข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดบนเครื่องบินเสียชีวิต” กระทรวงระบุ โดยเครื่องบินตกในภูมิภาคตเวียร์ ตอนเหนือของมอสโก

ขณะที่สํานักงานขนส่งทางอากาศแห่งสหพันธรัฐของรัสเซียกล่าวว่า ได้เริ่มการสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินตก และกล่าวต่อไปว่ามีชื่อของนายพริโกชินรวมอยู่ด้วย

“การสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินรุ่นเอ็มบราเออร์ Embraer ในภูมิภาคตเวียร์เมื่อเย็นวานนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ตามรายชื่อผู้โดยสารชื่อและนามสกุลของนายเยฟกินี พริโกซิน รวมอยู่ในรายชื่อนี้” สำนักข่าวในรัสเซียระบุ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีรายงานจากโซเชียลมีเดียเทเลแกรมช่อง Grey Zone ซึ่งเป็นช่องของกลุ่มวากเนอร์ระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงตก

‘ปูติน’ เคลื่อนไหวครั้งแรก หลังเครื่องบินวากเนอร์ดิ่งตก เผย ‘พริโกซิน’ เป็นคนเก่ง-มีพรสวรรค์ แต่ทำผิดพลาดร้ายแรง

ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุเครื่องบินส่วนตัวของ ‘นายเยฟเกนี พริโกซิน’ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ กองกำลังทหารรับจ้างสัญชาติรัสเซีย ดิ่งตกใกล้หมู่บ้านคูเซนกิโนในแคว้นตเวียร์ ทางตอนเหนือของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นการกำจัดผู้คิดคดก่อกบฏต่อรัฐบาลรัสเซีย

ภายหลังนายพริโกซินนำกำลังวากเนอร์บุกยึดเมืองรัสเซีย รวมถึงมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงมอสโก เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อดีตมิตรรักของนายพริโกซิน กล่าวเป็นครั้งแรกราว 24 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุเครื่องบินตกว่า “หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างผู้มีความสามารถคนนี้ ทำผิดพลาดร้ายแรงในชีวิต” แต่ไม่ได้มีการยืนยันอย่างชัดเจน ว่านายพริโกซินเสียชีวิต

โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (เพนตากอน) ระบุว่าสหรัฐเชื่อว่านายพริโกซินเสียชีวิตในเหตุเครื่องบินตก เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยกับซีบีเอสนิวส์ว่า สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดที่เครื่องตก น่าจะเป็นการลักลอบนำวัตถุระเบิดซุกซ่อนขึ้นไปไว้บนเครื่องบิน

ส่วนกลุ่มวากเนอร์ระบุผ่านบัญชีเกรย์โซนบนเทเลแกรม ว่าเครื่องบินถูกระบบต่อต้านอากาศยานของรัสเซียยิงตกอย่างไรก็ตาม ทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ยังไม่มีการยืนยัน

ด้านหน่วยงานสืบสวนรัสเซียกำลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมเตียโว ซึ่งเป็นต้นทางที่เครื่องบินของนายพริโกซินขึ้นบิน เพื่อมุ่งหน้าไปนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด

วันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่ากองทัพสกัดกั้นโดรนของยูเครน 42 ลำที่พุ่งเป้าโจมตีในพื้นที่ไครเมีย ทางตอนใต้ของยูเครน และในจำนวนนี้ 33 ลำถูกกำจัดโดยการสงครามอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่สื่อนอร์เวย์รายงานว่า รัฐบาลนอร์เวย์จะสนับสนุนเครื่องบินขับไล่เอฟ 16 แก่ยูเครนเพื่อยกระดับการปกป้องอธิปไตยจากการรุกรานของรัสเซีย แต่ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ โดยความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจาก นายกรัฐมนตรีโยนาส การ์ สเตอร์ ผู้นำนอร์เวย์ เดินทางเยือนกรุงเคียฟกะทันหันในวันวันประกาศอิสรภาพยูเครน เมื่อวันที่24 ส.ค.ที่ผ่านมา

‘โฆษกสภาความมั่นคง สหรัฐฯ’ ขู่คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หลัง ‘ผู้นำคิม’ จ่อพบ ‘ปูติน’ หารือหนุนอาวุธสู้ศึกยูเครน

(5 ก.ย. 66) สื่อสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ‘นายคิม จอง อึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือ มีแผนที่จะเดินทางเยือนรัสเซียในเดือนกันยายนนี้ เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดี ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ของรัสเซีย เกี่ยวกับความเป็นไปได้ ที่เกาหลีเหนือจะจัดหาอาวุธให้รัสเซีย เพื่อสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน

อย่างไรก็ดี บีบีซีระบุว่า ยังไม่มีการแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว และสถานที่ของการพบกันที่แน่นอนก็ยังคงไม่มีความชัดเจนเช่นกัน แต่นิวยอร์กไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า มีแนวโน้มสูงมากที่สุดที่ผู้นำคิมจะเดินทางด้วยรถไฟหุ้มเกราะ

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า นายเซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย พยายามที่จะโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือขายกระสุนปืนใหญ่ให้กับรัสเซีย ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนเกาหลีเหนือครั้งล่าสุด

นายซอยกูซึ่งถือเป็นผู้แทนต่างชาติคนแรกที่นายคิม จอง อึน ให้การรับรองนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อเข้าชมการจัดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของเกาหลเหนือ ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธฮวาซอง ซึ่งเชื่อว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวปตัวแรกของเกาหลีเหนือ ที่ขับเคลื่อนโดยใช้เชื้อเพลิงแข็ง

เคอร์บีกล่าวว่า นับตั้งแต่การเยือนของซอยกู ผู้นำคิมและปูตินได้แลกเปี่ยนจดหมายกัน เพื่อให้คำมั่นที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

“เราขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการเจรจาด้านอาวุธกับรัสเซีย และปฏิบัติตามคำมั่นสัญญานที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่จัดหาหรือขายอาวุธให้กับรัสเซีย” นายเคอร์บีกล่าว และเตือนว่า สหรัฐฯ จะดำเนินการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตร หากเกาหลีเหนือจัดหาอาวุธให้กับรัสเซียด้วย

ขณะเดียวกันก็มีความกังวลทั้งในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เกี่ยวกับสิ่งตอบแทนที่เกาหลีเหนือจะได้รับจากข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้มีการเพิ่มความร่วมมือทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียมากขึ้น

ความกลัวอีกประการหนึ่งคือรัสเซียจะสามารถจัดหาอาวุธให้กับเกาหลีเหนือได้ในอนาคต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือต้องการอาวุธเหล่านี้มากที่สุด และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ‘คิม จอง อึน’ อาจขอให้ปูตินจัดหาเทคโนโลยีหรือความรู้เกี่ยวกับอาวุธ ที่มีความก้าวหน้าสูงให้กับเกาหลีเหนือ เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการสำคัญในโครงการอาวุธนิวเคลียร์

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองอาจเกิดขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต็อก ริมชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของรัสเซีย โดยมีรายงานว่าเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านา เจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือได้เดินทางไปยังวลาดิวอสต็อกและมอสโก ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอภัยที่ดูแลเกี่ยวกับการเดินทางของผู้นำเกาหลีเหนือ จึงเป็นสัญญานที่ชัดเจนถึงการเตรียมการในเรื่องดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือและรัสเซียเคยออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า เปียงยางไม่ได้จัดหาอาวุธให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในสงครามยูเครน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top