Wednesday, 16 April 2025
ภูมิใจไทย

‘อนุทิน’ เมิน ‘ชูวิทย์’ จ่อแฉพรรคร่วม เหน็บ!! คนชี้นิ้วใส่คนอื่น อีก 4 นิ้วหันเข้าตัว

‘อนุทิน’ เมิน ‘ชูวิทย์’ จ่อแฉพรรคร่วม เหน็บ คนชี้นิ้วใส่คนอื่น อีก 4 นิ้วหันเข้าตัว ย้ำ สัมพันธ์พรรคร่วมไร้ปัญหา ขอแค่หัวไม่ทะเลาะกันพอ

(23 ก.พ.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นหนังสือต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริตหลายโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของกระทรวงคมนาคม ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภท.ว่า ไม่กังวล ที่นายชูวิทย์ออกมาแฉ นายศักดิ์สยามได้ชี้แจงไปแล้ว การจะกล่าวหาใครจะต้องมีหลักฐานให้ชัดเจน การคาดคะเนหรือวิเคราะห์ ไม่สามารถใช้ในกระบวนการยุติธรรมได้ ต้องมีหลักฐาน ถ้ามีหลักฐานก็ฟาดไม่เลี้ยง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาแฉในช่วงนี้ที่ใกล้เลือกตั้ง จะมีผลกระทบในการหาเสียงของพรรคหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เชื่อว่าประชาชนรับทราบกันดี โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้งตั้ง จะมีการสาดโคลนใส่กันได้ และที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นตลอด เป็นปกติ แต่คนสาดต้องระมัดระวัง โดยจะพูดเป็นตัวย่อ หรือพูดอ้อมไปมา และเรื่องเหล่านี้หาสาระไม่ได้

'ครูแก้ว' ส่งภรรยาชิงเขต 1 จ.นครพนม ท้าชน 'ภูมิพัฒน์' ปักธงชัยพื้นที่เสื้อแดง

(24 ก.พ. 66) ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของจังหวัดนครพนม มีดีกรีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน หลังมีการวางปฏิทินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 บวกกับมีกระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจจะยุบสภาราวกลางเดือนมีนาคม ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ต่างเอียงหูฟังเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว พร้อมเร่งวางตัวผู้สมัคร และสร้างฐานการเมือง เพี่อสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดนครพนม ประกอบด้วย อ.ศรีสงคราม, อ.บ้านแพง, อ.นาทม และ อ.นาหว้า ถือเป็นฐานที่มั่นของ 'สหายแสง' นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ 'ครูแก้ว' พรรคภูมิใจไทย ที่สอดแทรกชนะการเลือกตั้งผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา โดยก่อนนี้ครูแก้วเคยพ่ายแพ้ให้กับนายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังจากยุบพรรคพลังประชาชน นายศุภชัย โพธิ์สุ ทนแรงจีบของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไม่ไหว จึงย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยมีตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นของขวัญ หลังหมดวาระเมื่อปี 2554 จึงถูกประชาชนพิพากษาด้วยการเข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย ครูแก้วหรือสหายแสงจึงกลายเป็นผู้แทนสอบตกพักงานยาวกว่า 7 ปี ภายหลังกลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2562

ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 ที่จะมาถึงนี้ ต้องยอมรับว่า 'สหายแสง' นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ส.ส.เขต 1 จ.นครพนม พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง พกความเชื่อมั่นในศักยภาพของตน หวังล้มช้างอย่างพรรคเพื่อไทย เพื่อดับฝันแลนด์สไลด์ โดยประกาศตัวข้ามจากเขต 1 นครพนมอันเป็นฐานที่มั่นเดิม ย้ายไปลงสมัคร ส.ส. เขต 2 นครพนม ชิงตั๋วเข้าสภากับ ดร.มนพร เจริญศรี หรือ 'เดือน' แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย โดยมีพื้นที่ อ.ท่าอุเทน, อ.โพนสวรรค์ และอำเภอเมืองนครพนม (เฉพาะตำบลในเมือง ต.หนองแสง, ต.อาจสามารถ, ต.นาราชควาย, ต.หนองญาติ และตำบลท่าค้อ) โดยปูฐานทางการเมืองกับกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ อสม. รวมถึงพ่อค้า นักธุรกิจภาคเอกชน

ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 ครูแก้วส่งภรรยาคู่ชีวิต คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ หรือ 'ครูตุ่น' อดีตข้าราชการครู อดีตรองนายก อบจ.นครพนม ลงสมัครแทน โดยชิงชัยกับ ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ อดีต ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคภูมิใจไทย และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เคยเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ภายหลังหันมาสังกัดพรรคเพื่อไทย ลงสมัครชิง ส.ส.เขต 1 นครพนม แทนนายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ ที่ยอมถอยจากการถูกชกใต้เข็มขัดเมื่อครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้น ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ถือเป็นการวัดบารมีครั้งสำคัญ ว่า พรรคภูมิใจไทยจะปักธงชัยล้มแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ หากไม่สามารถฝ่าด่านความรักความผูกพันของประชาชน งานนี้ปัญหาต้องตกมาที่พรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ จ.นครพนม อย่างแน่นอน อีกทั้ง ครูแก้วจะต้องฝ่ากระแสดรามา เพราะภาษาพาไปในการปราศรัยกล่าวหา ส.ส.พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงที่ไม่เลือกภูมิใจไทย ว่า 'ไอ้โง่' เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565

รวมถึงประเด็นการตรวจสอบ เรื่องการครอบครองป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่ถูกตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ถึงแม้เจ้าตัวยืนยันในการครอบครองชอบด้วยกฎหมาย แต่จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ถึงที่สุด เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่อาจจะกระทบต่อความเชื่อถือของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ตัวชี้วัดสำคัญในทิศทางความได้เปรียบเสียเปรียบ เชิงการเมือง ต้องยอมรับว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเสี่ยงสูง ที่จะถูกกระแสต้าน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเคยประกาศจะไม่ร่วมกับฝ่ายเผด็จการ สุดท้ายต้องมาร่วมจับมือกับพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ให้เข้าใจถึงอุดมการณ์การเมือง แต่ที่แน่ ๆ พรรคภูมิใจไทยใช้มุกเก่าไม่ได้อีกแล้ว

นอกจากนี้ สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ต้องยอมทิ้งฐานคะแนนถิ่นเก่า มาสร้างฐานคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ชนกับแชมป์เก่า คือ ดร.มนพร เจริญศรี หรือเดือน พรรคเพื่อไทย ที่ครูแก้วจะต้องมีทั้งคะแนนนิยม ทั้งส่วนบุคคลและทั้งพรรค เนื่องจากเป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทยมาตลอด ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 3 นครพนม อ.เมืองนครพนมบางส่วน อ.ธาตุพนม และ อ.เรณูนคร พรรคภูมิใจไทยส่ง นายแพทย์ อลงกต มณีกาศ ชนกับ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน แชมป์ 12 สมัย พรรคเพื่อไทย ที่มีทั้งคะแนนนิยมพรรค และคะแนนนิยมส่วนบุคคล โอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะชิงความได้เปรียบคงมีโอกาสน้อย

‘ภูมิใจไทย’ จัดทัพปราศรัยใหญ่ 3 จว. ภาคใต้ ตั้งเป้าขยายฐานเสียงใหม่ สู้ ‘ปชป. - รทสช.’

(24 ก.พ. 66) รายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทยแจ้งว่า ช่วงวันหยุดศุกร์-เสาร์ นี้ พรรคภูมิใจไทย นัดเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ 3 จังหวัดรวด มีพัทลุง-สงขลา-นครศรีธรรมราช

โดยพรรคภูมิใจไทยขนทัพหลวงจากส่วนกลางเข้ามาร่วมเวทีปราศรัย ทั้งนายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรค, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเลขาธิการพรรค, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รองหัวหน้าพรรค, ดร.นาที รัชกิจประการ เหริญญิกพรรค, นายศุภชัย ใจสมุทร กรรมการบริหารพรรค เป็นต้น

โดยเวทีแรกจะเริ่มขึ้นเย็นวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่จังหวัดพัทลุง โดยพัทลุงพรรคภูมิใจไทยส่งครบทุกเขต เดิมพรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.พัทลุงอยู่แล้วสองคน แต่มีปัญหาด้านคุณสมบัติ จึงส่งทายาทลงสมัครรับเลือกตั้งแทน และเป็นพื้นที่เป้าหมายว่าจะต้องรักษาไว้ให้ได้ทั้งสองเขต และอาจเพิ่มเป็นสามเขต แต่คู่แข่งสำคัญยังคงเป็นประชาธิปัตย์ ทั้งนายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย สุพัชรี ธรรมเพชร และเลือดใหม่ทายาทนักการเมืองดัง ดร.เดย์ สุพรรณชนะบุรี ลูกสาวของสานันท์ สุพรรณชนะบุรี อดีต ส.ส.พัทลุง 2 สมัย และอดีตนายกฯ อบจ.พัทลุง 2 สมัย ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน

เวทีที่สอง ขยับไปจังหวัดสงขลา จะเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งของนายณัฏฐชนน ศรีก่อเกื้อ ที่พรรคภูมิใจไทยปักธงได้ในเขตเลือกตั้งนี้ และในการเลือกตั้งรอบที่จะมาถึงพรรคภูมิใจไทย ก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะขยายฐานเพิ่มขึ้นให้ได้ และถ้าดูปูมหลัง พลิกอ่านประวัติแล้ว ถือว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แต่บางเขตก็ต้องเจอกับคู่แข่งอย่างประชาธิปัตย์ และรวมไทยสร้างชาติ ที่ ส.ส.เดิมจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายมาร่วมขบวนด้วย แต่สำหรับนายณัฏฐชนน 4 ปีกับการทำหน้าที่ ส.ส.มีฐานการเมืองที่แข็งแกร่ง โดยนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.เขตนี้ก็ตามทวงแชมป์คืนในนามประชาธิปัตย์

‘ศุภชัย’ ชู ผลงาน ‘3 กระทรวงหลัก’ พิสูจน์แล้ว 'ภท.' พูดแล้วทำ หนุน 'อนุทิน' นั่งนายกฯ ฟื้นประเทศ

(24 ก.พ. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยว่า เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้เข้าไปบริหารกระทรวงหลัก 3 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นกระทรวงหลักที่ทำให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างให้ประเทศไทยของเราดีขึ้น

"ผมมั่นใจว่า ถ้าพี่น้องประชาชนให้โอกาสกับพรรคการเมืองที่ชื่อ 'ภูมิใจไทย' ที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เราจะสามารถทำให้ประเทศพลิกฟื้นและประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยคำมั่นสัญญาของพรรคการเมืองที่พูดแล้วทำ" นายศุภชัย กล่าว

‘ชูวิทย์’ เตือน ‘ภท.’ คิดดีๆ หาเสียงกรุงเทพฯ ไม่ง่าย

“ถ้าคิดจะหาเสียงในกรุงเทพฯ คิดให้ดีๆ นะ จะเสียตังค์เปล่า ผมไม่รู้ว่าคุณรวยแค่ไหนนะ แต่ถ้าคุณคิดจะลงกรุงเทพฯ และหาเสียงแบบนี้ ผมจะถล่มคุณเอง นี่เป็นคำเตือนจากผมนะ หาเสียงในกรุงเทพฯ ไม่ง่ายหรอกนะ อย่าคิดว่ามาโปรยแล้วจะได้นะครับ”

‘ภูมิใจไทย’ ผุดไอเดีย ‘ผันน้ำยวม’ เติมน้ำให้เขื่อนภูมิพล ช่วยเกษตรกรสู้ภัยแล้ง ลั่น!! ‘ภท.’ ยืนเคียงข้างเกษตรกรไทย

(25 ก.พ. 66) นายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันภัยแล้งของพรรคภูมิใจไทยว่า จากการศึกษาพบว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาต้องการน้ำ 18,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อปี แบ่งเป็น

3,500 ล้าน ลบ.ม.สำหรับขับไล่น้ำเค็ม และรักษาระบบนิเวศเพื่อไม่ให้น้ำเค็มเข้าใน กทม. หรืออาจจะขึ้นไปถึงพระนครศรีอยุธยาได้, 2,500 ล้าน ลบ.ม. สำหรับผลิตน้ำประปา

3,000 ล้าน ลบ.ม.สำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก

1,000 ล้าน ลบ.ม.สำหรับการปศุสัตว์

ที่กล่าวไปรวมกัน 10,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี และยังมีส่วนของภาคการเกษตร ชาวนา ชาวไร่ ที่ต้องการน้ำอีกประมาณปีละ 8,000 ล้าน ลบ.ม.

“เพราะฉะนั้น ปีหนึ่ง เราต้องใช้น้ำ 18,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฉลี่ยประมาณปีละ 4,000 ล้าน ลบ.ม. และในช่วงที่เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาขาดแคลนน้ำถึง 8,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทำให้เกิดภาวะภัยแล้ง คำถามมีว่า จะเอาน้ำที่ไหนมาช่วยเหลือพี่น้องชาวนาชาวไร่” นายวีระกร ระบุ

นายวีระกร ซึ่งเป็นอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย จึงได้เสนอทางออก โดยการผันน้ำจากลำน้ำยวม ที่มีต้นน้ำ อยู่ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน และไหลลงใต้ไปลงแม่น้ำเมยแล้วออกนอกประเทศ ไปยังแม่น้ำสาละวิน ที่ไหลไปเข้าประเทศเมียนมา โดยแทนที่เราจะปล่อยน้ำออกไปนอกประเทศ เราก็ปิดประตูน้ำที่ปากแม่น้ำยวม และตั้งสถานีสูบน้ำข้ามภูเขาสูงประมาณ 160 เมตร เพื่อไหลลงน้ำแม่งูด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่

นายวีระกร อธิบายต่อว่า เพื่อให้น้ำไหลลงเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ซึ่งปัจจุบันเขื่อนภูมิพลสามารถกักเก็บน้ำ ได้ 13,500 ล้าน ลบ.ม. แต่ตลอดระยะเวลาที่เกิดเอลนีโญ ช่วงปี 2555-2563 มีน้ำเฉลี่ยอยู่ไม่เกิน 5,000 ล้าน ลบ.ม. เพราะฉะนั้น เขื่อนภูมิพล ยังมีพื้นที่สามารถกักเก็บน้ำได้อีกประมาณ 8,500 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี เมื่อเราปิดไม่ให้น้ำยวมไหลออกไปนอกประเทศ แล้วสูบน้ำมายังเขื่อนภูมิพล โดยน้ำยวมจะสามารถสูบข้ามเขามาได้ประมาณปีละ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม.

นายวีระกร กล่าวอีกว่า ปริมาณน้ำ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม.จากแม่น้ำยวมก็ถือว่า ยังไม่เพียงพอ และอาจจะต้องมีเฟส 2 โดยการต่อท่อจากแม่น้ำสาละวิน บริเวณชายแดน จ.แม่ฮ่องสอน เอามาลงประตูน้ำที่ปิดตรงปากแม่น้ำยวม เมื่อเป็นเช่นนี้ ในอนาคต เราก็จะมีน้ำยวมมาช่วยให้กับพี่น้องประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ขาดแคลนน้ำประมาณปีละ 4,000-8,000 ล้าน ลบ.ม. ได้อย่างเพียงพอ โดยเราจะสูบน้ำเฉพาะในหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วงที่พี่น้องในพื้นที่ลุ่มน้ำยวมเดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่ในหน้าแล้งเราจะไม่แตะต้องเลย

“เป็นการผันน้ำ เพื่อเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนภูมิพล และเป็นการเติมน้ำต้นทุนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนากว่า 27 จังหวัด ในลุ่มน้ำภาคกลางทั้งหมด ที่จะเป็นนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทย ในการทำให้พี่น้องชาวนา ชาวไร่ ได้มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตร นี่คือ คำสัญญาของพรรคภูมิใจไทย ที่ขอยืนเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรไทย” นายวีระกร ระบุ


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/713530

'ลุงหนู' นำทีม 'ภูมิใจไทย' ปราศรัยใหญ่เมืองคอน เสนอสร้างสะพานเชื่อมขนอม-สมุย ดันท่องเที่ยวบูม

(26 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.66) หอประชุมเมืองสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะผู้บริหารพรรค นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, ดร.นาที รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา, นายอารี ไกรนรา นำเสนอนโยบาย และเปิดตัวผู้สมัครในพื้นที่ ประกอบไปด้วย 

เขต 1 นายจรัญ บุนอินทร์ 

เขต 2 นางสาววาริน ชิณวงศ์ 

เขต 3 นายมานะ วงทอง 

เขต 4 นายณัฐกิตติ์ หนูรอด 

เขต 5 นายสมศักดิ์ แสงอารยะกุล

เขต 6 นายษฐา ขาวขำ 

เขต 7 นางมุกดาวรรณ เลืองสีนิล 

เขต 8 ภญ.นันทวัน วิเชียร 

เขต 9 พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ มีประชาชนร่วมกว่า 1.5 หมื่นคน

นายอนุทิน กล่าวว่า ครั้งที่แล้วพี่น้องเมืองคอนให้คะแนนพรรคภูมิใจไทยนับแสนคะแนน ถือเป็นน้ำใจ ที่มอบให้พรรคเรา และเราพยายามตอบแทนท่านอย่างเต็มที่ มาคราวนี้ เราทุ่มสุดตัวขอแจ้งเกิด ไม่ใช่แค่ตอกเสาเข็ม แต่ขอยกจังหวัดเลย วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันเลือกตั้ง ท่านมีคนทำงานจริง ทำงานเป็น มาอยู่ตรงนี้แล้ว ขอโอกาสพวกเรารับใช้ท่าน 4 ปีที่ผ่านมา ถนนหนทาง เราพัฒนาขึ้น มีทางรถไฟเชื่อมต่ออย่างอย่างทั่วถึง การท่องเที่ยว เราต้องการยกระดับขึ้นไปอีก นครศรีธรรมราชต้องเป็นเป้าหมายให้คนทั้งโลกมาเยือน 

"เราต้องการเห็นสะพานเชื่อม อ.ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช และ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อทำสำเร็จ จะไม่พัฒนาแค่ 2 จังหวัด แต่มันจะพัฒนาทุกพื้นที่รอบข้าง แต่โอกาสที่สำเร็จ จะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นกับเสียงที่ท่านมอบให้ และอย่าลืมว่า เมื่อเราได้ทำงาน อะไรที่พูดไว้ เราทำ พี่น้องวางใจได้"

‘เสี่ยหนู’ ลั่น!! ไม่สนใจ ‘ชูวิทย์’ ตามบี้ ‘ภูมิใจไทย’ ชี้ มีคนหนุนหลัง เผย ไม่หวั่น หากร่วมงานในอนาคต

(27 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จองกฐินพรรคภูมิใจไทย โดยจะติดตามการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ยังไม่ทราบ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดหรือทำอะไร เราต้องรับฟัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่า ทำไมนายชูวิทย์ ถึงพุ่งเป้ามาที่พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ได้ประเมิน เราก็ทํางานของเรา ทุกคนมีสิทธิที่จะทําอะไรตามที่รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายเปิดทางให้

เมื่อถามว่า มองว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรค ภท. เพราะเรามีนโยบายที่ชัดเจน และผลงานชัดเจน ไม่เคยไปลอกเลียนผลงานของคนอื่นมา เรามีผลงานเป็นของตัวเอง ทำอะไรเรารู้ ประชาชนก็รู้

เมื่อถามว่า พอรู้หรือไม่ว่ากลุ่มการเมืองที่อยู่เบื้องหลังนายชูวิทย์คือ กลุ่มใด นายอนุทิน กล่าวว่า ทราบหมดแหละ แต่ทําไมจะต้องมาพูดกัน เราก็ทำงานของเราไป และเรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เพียงแต่เราไม่ทำแบบนี้

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ ว่าทำไมถึงมารับเรื่องจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องคุย คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ พอเลือกตั้งเสร็จใครมี ส.ส.เท่าไหร่ ถึงจะเป็นตัวชี้ว่าใครจะต้องคุยยังไงกับใคร มีเงื่อนไขอะไร ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ แต่ละคนก็ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พรรค ภท.คิดอยู่แค่นี้ ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่

เมื่อถามว่า บรรยากาศเป็นแบบนี้จะมองหน้ากันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หรือ นายอนุทินกล่าวว่า ก็มองกันอีกแค่ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ ไม่เป็นไร ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ ครม.ต้องแยกออกจากัน และไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะเราทํางาน การมาประชุม ครม.คือการทำงาน ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ถ้าไม่ทำงาน คนก็หาว่าละเลยละเว้น

เมื่อถามว่า จะไม่ส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลในอนาคตใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละพรรค พูดถึงก็ดีเหมือนกัน ก่อนเลือกตั้งคนจะได้ไปทำงานอย่างเต็มที่ ปลดแอกปลดพันธนาการทั้งหลาย ทําให้เราอยากเป็นตัวของเราเองอย่างเต็มที่ จะได้คิดอะไรของเราเอง โดยไม่ต้องมีความเกรงอกเกรงใจหรือวิตกกังวลอะไร เพราะบางที เราต้องนึกถึงตัวเราเอง มัวแต่ไปคิดถึงคนอื่นมาก ๆ ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีกับตัวเรา

‘ธนกร’ ปัด ‘รทสช.’ อยู่เบื้องหลังพาชูวิทย์บุกทำเนียบ ชี้!! ที่ผ่านมา ก็วิจารณ์นายกฯ มาตลอด 1 ปี

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ายื่นหนังสือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค รทสช. ต้องมองว่าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 1 ปี นายชูวิทย์ก็วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาโดยตลอด นายกฯ ก็ไม่เคยตอบโต้เลย ตนเองก็รู้จักกับนายชูวิทย์ เดินสวนกันไปมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยโกรธ เพราะนายชูวิทย์ก็ทำหน้าที่ของเขา ดังนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย ว่าพรรค รทสช.ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ ต่างคนต่างมีหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ติดใจตรงที่นายพีระพันธุ์ มารับหนังสือจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายธนกร กล่าวว่า นายพีระพันธุ์มารับหนังสือในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงไม่มีอะไร และหากย้อนดู หลายเรื่องที่นายชูวิทย์พูดก็มีประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการมาตลอด ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำ เราก็จะดำเนินการ

“เรื่องนี้อย่าไปคิดว่าพรรคไหนอยู่เบื้องหลัง และความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรี ก็ดีมาตลอด ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน การวิพากษ์วิจารณ์ของนายชูวิทย์ เป็นสิ่งที่เขาสามารถทําได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกผม” นายธนกร กล่าว

‘เสี่ยหนู’ ตอบปมพิพาท ‘ชูวิทย์’ เชื่อ ปชช.แยกแยะได้ เผย รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่พูด ลั่น!! ทำงานดีกว่า

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพิพาทกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ว่า…

“ทำงานดีกว่า ไม่ให้ราคา ก็คือไม่ให้ราคา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนของนายชูวิทย์ นายอนุทิน ตอบว่า รู้ แต่ไม่พูด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วจะจัดการนายชูวิทย์อย่างไร นายอนุทินตอบว่า เห็นคนจะปองร้าย ก็ต้องหลบ ไม่ปะทะ

“มาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนมองออกว่าอะไรเป็นอะไร”

เมื่อถามถึงเรื่องที่นายชูวิทย์พาดพิงนายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทินตอบว่า ท่านก็ยังตกใจ เพราะก็อยู่บ้านดี ๆ เอาเข้าจริงพวกเราไม่เคยสู้กับใคร ทำงานอย่างเดียว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top