Thursday, 22 May 2025
พรรคก้าวไกล

'ก้าวไกล' คึก! ประกาศชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขู่!! รัฐบาลเสียงข้างน้อย ระวังนรกมีจริง

(5 พ.ค.66) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 พ.ค.พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ‘นนทบุรีตรงไป ก้าวไกลตรงมา’ ที่ตลาดนกฮูก จ.นนทบุรี นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้แก่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, วรรณวิภา ไม้สน, วาโย อัศวรุ่งเรือง, กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี, สุเทพ อู่อ้น และ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์

โดย น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า เราผ่านความเจ็บปวดของแรงงาน จนกลั่นกรองมาเป็นนโยบาย พรรคก้าวไกลเสนอการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้า ซึ่งเรามั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าลดสวัสดิการของพี่น้องประชาชนแน่นอน รับปากได้ว่าสภาฯ ชุดใหม่เปิดเมื่อไร ร่างกฎหมายทั้ง 40 ฉบับของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่สภาฯ ทันที ที่ผ่านมาเราเคยมีรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเป็นตำรวจ เป็นนายพล แล้วทำไมจะมีรัฐมนตรีแรงงานที่เป็นแรงงานตัวจริงไม่ได้ ดังนั้นวันที่ 7 และ 14 พ.ค.นี้ ประชาชนจะได้มีสิทธิมีเสียงเท่ากัน อย่าให้ใครมาปล้นอำนาจของเราไป หากทุกคนมีความฝันธรรมดาเรียบง่ายเหมือนพวกเราที่ต้องการเห็นประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อน วางความกลัวไว้ข้างหลัง วางความหวังไว้ข้างหน้า กาก้าวไกล 2 ใบให้ถล่มทลาย

ด้านนายปิยบุตร ขึ้นปราศรัย กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความพร้อมในการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่ใช่เพียงมีแผนงานโรดแมปในการขับเคลื่อนนโยบาย แต่ยังเป็นพรรคของมวลชนที่ไม่ต้องเกรงใจใคร เกรงใจคนเดียวคือประชาชน ถึงเวลาก็สามารถเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอได้ ทั้ง 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนประเทศไทย โดยเห็นได้ว่าข้อเสนอการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เป็นเรื่องยาก ๆ ทั้งนั้น เพราะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ กระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่นซึ่งเป็นการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร เอานายพลคนทำรัฐประหารมาเข้าคุก ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปที่ดิน ทลายทุนผูกขาด เรื่องเหล่านี้แม้เป็นเรื่องยาก แต่ไม่ทำไม่ได้ ต้องทำวันนี้เดี๋ยวนี้

“จำเป็นที่พรรคก้าวไกลต้องมี ส.ส. มากเป็นอันดับหนึ่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เลือกกระทรวงสำคัญเพื่อเข้าไปบริหารเรื่องเหล่านี้ ถ้าเราไม่ได้ที่หนึ่ง เราได้ ส.ส. น้อย ไปร่วมกับคนอื่น สวัสดิการพื้นฐานอาจไม่ได้ทำ กระจายอำนาจอาจไม่ได้ทำ ดังนั้นต้องกาก้าวไกลให้ถล่มทลาย” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เหลืออีก 10 วันก่อนหย่อนบัตร แต่ละพรรคก็มีกลยุทธ์มาแข่งขันกัน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ยินนายวิษณุ เครืองาม รักษาการรองนายกรัฐมนตรีพูดว่า โดยทั่วไปจะไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นอาจจะมีได้ และอีกสักพักจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะค่อยๆ กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเอง

“นี่มันอะไรกัน พอใกล้หย่อนบัตรก็ส่งสัญญาณกันแล้วหรือ ตกลงว่าจะฝืนมติเสียงสวรรค์ของประชาชนไปตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอา ส.ว. มาหนุนใช่ไหม ถ้าอยากทำก็ลองดู เดี๋ยวจะรู้ว่านรกมีจริง รอบนี้ไม่มีใครยอมแล้ว 4 ปีที่แล้วก็ทำแบบนี้ รอบนี้พอกันที เราจะไม่ให้ ส.ว. 250 คนทำงานอีกต่อไป เราจะตั้งรัฐบาลก้าวไกล รัฐบาลเสียงข้างมากถล่มทลาย

นายปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติมว่า พอนายวิษณุ พูดแบบนี้ บางพรรคการเมืองก็เกิดตระหนกขึ้นมา เอามารณรงค์ผ่านแคมเปญโหวตยุทธศาสตร์ แคมเปญคะแนนตกน้ำ ด้วยการบอกว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านเดิมหรือพรรคที่แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร มาแข่งกันเองมากๆ ตาอยู่จะคว้าพุงปลาไปกิน เราจะแพ้กันหมด สาธยายเต็มไปหมดเพื่อนำไปสู่บทสรุปว่าต้องโหวตยุทธศาสตร์ อย่าให้คะแนนตกน้ำ โดยโหวตพรรคเขาพรรคเดียว ผมอ่านแล้วรู้สึกคุ้นๆ 4 ปีที่แล้วก็เจอแบบนี้ สงสัยว่าเลือกตั้ง 2570 จะทำแบบนี้อีกหรือไม่ สรุปว่าต่อไปนี้ ประเทศนี้จะเป็นประชาธิปไตยได้ ต้องเลือกพรรคคุณแค่พรรคเดียวอย่างนั้นหรือ

นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า เราต้องกลับมาทบทวนการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ หรือเรื่องคะแนนตกน้ำ แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้ลองดูผลสำรวจคะแนนเสียงของกลุ่มพรรคฝ่ายค้านเดิมทั้งหมด ออกมาเกิน 70% ไปแล้ว และสำหรับพรรคก้าวไกล เรามีลุ้นทุกเขต ดังนั้น อย่าไปกลัว อย่าไปเชื่อ ถ้ารักถ้าชอบก็กาให้ถล่มทลาย เลือกพรรคก้าวไกลไม่มีวันคะแนนตกน้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลพุ่งขึ้นแบบนี้ ทุกคะแนนที่พี่น้องมอบให้มีคุณค่ามหาศาล เพราะเวลาที่คะแนนเบียดกันวิ่งเข้าเส้นชัย ทุกคะแนนมีความหมาย ครั้งที่แล้วพรรคอนาคตใหม่ก็แพ้ไปเพียงนิดเดียวในหลายเขต

“ถ้ารักก้าวไกล อย่าลังเล กาก้าวไกลทั้งสองใบ ตรงไปตรงมา นอกจากช่วยเพิ่มจำนวน ส.ส. เพื่อนำไปสู่การตั้งรัฐบาลก้าวไกลแล้ว ยังช่วยสร้างผลสะเทือนทางการเมือง หากคะแนนทั่วประเทศของพรรคก้าวไกลขึ้นไปถึง 30-40% นี่คือการส่งสัญญาณดัง ๆ ให้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินถึงผู้มีอำนาจ ว่าคุณรังแกเหยียบย่ำเราตั้งแต่อดีตอนาคตใหม่ จนมาถึงวันนี้ประชาชนสนับสนุนเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือกลุ่มก้อนพลังความคิดแบบใหม่ ที่ไม่เอาแบบอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว จะเดินหน้าสู่อนาคตแบบใหม่”นายปิยบุตร กล่าว

‘ประสิทธิ์ชัย’ ฟาด ‘พิธา’ พลิกลิ้นปมกัญชา ชี้!! หลังๆ ชักแนบแน่นกับ ‘ชูวิทย์’ หลายเรื่อง

แกนนำเครือข่ายกัญชาฯ ฟาด ‘พิธา’ ไม่เหมาะเป็นผู้นำ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย คบ ‘ชูวิทย์’ ผลักกัญชาไปเป็นเกมการเมือง ทั้งที่เคยสนับสนุนถึงขั้นรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จากประชาชน และให้ตนเป็นกรรมาธิการฯ ในนามของพรรค แต่กลับเปลี่ยนจุดยืน ถึงขั้นฟ้องศาลให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หวังเอาคืนหลัง พ.ร.บ.สุราฯ ไม่ผ่านสภาฯ เตือน!! แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะเอาแบบนี้ เพราะอีกไม่กี่วันกระแสเลือกตั้งจะจบลง จะได้เห็นความจริง

(5 พ.ค. 66) นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ประสิทธิ์ชัย หนูนวล’ สื่อสารถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า…

พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อไหร่คุณจะพูดเรื่องกัญชาให้ตรงกันเสียที คนที่เป็นนักประชาธิปไตยต้องพูดความจริงและพูดให้ตรงกันในทุกวาระ ไม่ใช่พูดตอนนี้อย่างหนึ่ง พูดตอนอื่นก็พูดอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ลักษณะของผู้นำ ตนเข้าใจว่า พรรคก้าวไกล มีกระแสดี เหตุเพราะมีความชัดเจน และคนรุ่นใหม่ชอบความชัดเจน 

“ผมเจ็บปวดที่สุด วันที่พรรคก้าวไกลยื่นฟ้องศาลให้กัญชากลับไปสู่ยาเสพติด ขอย้ำว่า มันคือการฟ้องศาล พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำแบบพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ หรือ ประชาชาติ ที่แสดงความเห็นกัญชาในเชิงนโยบายของพรรค แต่พรรคก้าวไกล เชื่อมั่นยิ่งกว่าว่ากัญชาต้องเป็นยาเสพติด นั่นคือการดำเนินการมากกว่าพรรคอื่น คือ ดำเนินการฟ้องศาลให้เป็นยาเสพติด นี่คือจุดยืนของพรรคก้าวไกล” 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวถึงเหตุผล ทำไมภาคประชาชนถึงเจ็บปวดกับพรรคก้าวไกล กรณีกัญชา ว่า ตนเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) พ.ร.บ.กัญชาฯ ในนามพรรคก้าวไกล ร่วมกับนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล เหตุที่ตนได้เป็น กมธ.ในนามพรรคก้าวไกล ทั้งที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็เพราะว่า ภาคประชาชนได้ยื่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้พรรคก้าวไกล รับไปดำเนินการต่อในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

“ตรงนี้แหละครับ คือ ประเด็นของความเจ็บปวด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นลองนึกตามนะครับ หากมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ประกาศอยู่เคียงข้างประชาชนมาตลอด และยินดียิ่งที่ภาคประชาชนจัดทำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ยื่นให้กับพรรค เพราะพรรคเห็นด้วยกับหลักการที่ภาคประชาชนนำเสนอ พรรคจึงอาสานำไปดำเนินการต่อ อยู่มาวันหนึ่ง พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด และไม่ได้ประกาศเป็นแค่นโยบายพรรค แต่ยังเอากัญชาไปฟ้องศาลให้กลับไปสู่ยาเสพติดอีกด้วย

“คำถามที่สำคัญคือ หลักการ พ.ร.บ.กัญชาของประชาชน ถูกพรรคหยิบทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่ของ กมธ.พ.ร.บ.กัญชา ทำไมพรรคก้าวไกลไม่นำเสนออะไรเลย ว่าค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ หรือ พรรคมีมติใหม่ ต้องเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด กี่เดือนที่ทำงานกันมาแต่พรรคไม่พูดเรื่องนี้เลย แถมยังมีข้อเสนอที่ก้าวหน้าไปอีก” 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวอีกว่า เพื่อให้ชัดขึ้น ทุกคนต้องกลับไปฟังการให้สัมภาษณ์ของพิธา เรื่องกัญชา สมัยยังมีพรรคอนาคตใหม่ แล้วไปดูจุดยืนการรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาของภาคประชาชน แล้วมาดูพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกลในวันนี้ คำพูดและจุดยืนของเขาเกี่ยวกับกัญชาตรงกันหรือไม่ ดังนั้น จึงมีคำถามถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่ผู้นำที่คนรุ่นใหม่สนับสนุน

1.) จุดยืนของคุณเรื่องกัญชา เปลี่ยนไปตามกระแสและผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ตลอดระยะเวลาพวกคุณไม่เคยพูดถึงกัญชาในแง่ไม่ดีเลย จนกระทั่ง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร พวกคุณจึงเริ่มมีท่าทีเกี่ยวกับกัญชาเปลี่ยนไป คิดเอาคืนทางการเมืองกับพรรค ซึ่งคาดหวังว่าจะยกมือสนับสนุน พ.ร.บ.สุรา แต่แล้วพรรคนั้นไม่ยกมือให้ในนาทีสุดท้ายใช่หรือไม่

ความพลาดหวังครั้งนี้ ทำให้พวกคุณลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง ที่นักการเมืองรุ่นก่อนเขานิยมทำกัน คือ การเอาคืนทางการเมือง และการเอาคืนนี้ต้องเลือกประเด็นที่สังคมอ่อนไหวอยู่แล้ว คือเรื่องกัญชา (อาจเพราะพวกคุณดูโพลสำรวจแล้วพบว่า จากการสำรวจคนยังกลัวกัญชา จึงใช้กระแสความกลัวนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อทำลายพรรคนั้น และกัญชาเริ่มกลายเป็นเหยื่อ) โดยหลังจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่านสภาฯ ปฏิบัติการเกี่ยวกับกัญชาของพรรคคุณเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนับแต่บัดนั้น คำถามคือ พวกคุณเปลี่ยนเรื่องกัญชาจากหน้ามือเป็นหลังเพราะอะไร

2.) คำถามที่สำคัญคือ มีเหตุผลอะไรที่พรรคก้าวไกลจะเอากัญชากลับไปสู่ยาเสพติด ประเด็นนี้ต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และเพื่อเป็นการเทียบเคียงจุดยืนของพรรคนี้ จึงต้องยกอ้าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้ามาเปรียบเทียบ ถ้าพรรคใช้หลักการตัดสินเรื่องนี้ด้วยข้อเท็จจริง พรรคต้องแสดงข้อเท็จจริงและงานวิจัยที่มี เพื่อเปรียบเทียบโทษระหว่างกัญชากับสุราให้ชัดเจน ย้ำว่าต้องเป็นงานวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ข้อมูลจากความรู้สึก สุราทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างไร ทำลายสุขภาพอะไรบ้าง ประจักษ์กันมานานแล้วมิใช่หรือ ส่วนกัญชานั้นมีงานวิจัยสนับสนุนทั่วโลกนับ 100 สถาบัน ซึ่งพูดถึงกัญชาในฐานะยารักษา พรรคต้องเอาข้อมูลวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบมาแสดงโดยด่วน ถ้าจะแสดงความจริงใจว่าไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนเรื่องกัญชาเพราะการเมือง

‘สมเกียรติ’ ยัน!! ไม่ใช่งูเห่า พร้อมแจงเหตุที่ต้องออกจาก ‘ก้าวไกล’ เผย ตนทุ่มเททำงานมาตลอด แต่พรรคกลับเลือกคนอื่นลง ส.ส.แทน

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 66 นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ หรือ ‘เป้’ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ปัจจุบันเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนา-พระโขนง เบอร์ 9 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณคอนโดนิรันดร์ ในซอยสุขุมวิท 93 ในขณะกำลังหาเสียง ได้มีประชาชนเข้ามาพูดคุยและสอบถาม ถึงสาเหตุที่นายสมเกียรติได้ออกจากพรรคก้าวไกล

โดยนายสมเกียรติได้ตอบว่า เรื่องที่ตนออกจากพรรคก้าวไกลนั้น ยังมีคนไม่ทราบอีกเยอะ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะมีใครไม่รู้ และได้กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนไม่ได้อยากลาออกจากพรรคก้าวไกล แต่ทางพรรคได้ส่งหัวหน้าการ์ดผู้ชุมนุมมาลง ส.ส.แทนตน ทั้งที่ตนเป็นผู้ผลักดันให้ผู้ช่วย ส.ส.ของตน ชนะ ส.ก.ในเขตพื้นที่บางนาและพระโขนงให้กับพรรคก้าวไกล ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในพรรค แต่ทางพรรคกลับส่ง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ ‘โตโต้’ หัวหน้าการ์ดผู้ชุมนุม มาลง ส.ส.แทนตน

ขุดอีก!! ชาวเน็ตจับโป๊ะ!! ‘พิธา’ พลิกลิ้น จุดยืนเรื่องกัญชา ปี 62 บอกหนุนเต็มอัตรา แต่ล่าสุดบอกยัดเข้าบัญชียาเสพติด

(6 พ.ค. 66) โดนอีกระลอก หลังชาวเน็ตขุดคลิปที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เคยใช้ประเด็น ‘กัญชาสันทนาการ’ หาเสียงเมื่อปี 62 โดยระบุว่า…

“ประเทศไทย จะต้องเป็น Medical Hub และเป็น Tourism Hub เกี่ยวกับกัญชา เป็นอันดับ 1 ของเอเชียให้ได้ ผมได้ไปที่ประเทศจาไมก้า บ้านเกิดของ ‘บ็อบ มาเลย์’ ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษ ที่สามารถมีการสูบกัญชาแบบสันทนาการได้ หรือตอนที่ผมอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา การทำให้กัญชาเป็นเรื่องของสันทนาการไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลย และการที่ผมได้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของ ‘บ็อบ มาเลย์’ ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้ ‘จ๊อย’ (กัญชาแบบพันลำ) มา 1 จ๊อย โดยจ่ายเงินประมาณ 2,000 บาท

“เขานำเงินที่ได้จากกัญชาสันทนาการ มาทำให้กลายเป็นภาษีที่นำไปช่วยในส่วนของภาคการศึกษา โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนสาธารณะมีเงินจากตรงนี้ โอกาสมีมากมายมหาศาล เงินที่ได้จากกัญชา ที่เป็นภาษี สามารถนำไปช่วยเหลือคนในสังคมได้อีกมากมายแค่ไหน การที่เราปลดล็อกกัญชา มันมีสิ่งที่สามารถช่วยได้มากมายแค่ไหน”

‘ปชช.’ โวย!! หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า ร.ร.พานทองฯ จ.สุรินทร์ ไม่มีเบอร์พรรค ‘ก้าวไกล’ ชาวเน็ตส่องอีก ไม่มี ‘เพื่อไทย’ ด้วย!!

(7 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธนัญญา แท่นแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดสุรินทร์ เขต 4 โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ หน่วยเลือกตั้งสุรินทร์ เขต 4 พบความผิดปกติ โดยปรากฏว่ารายชื่อปาร์ตี้ลิสต์พรรค ไม่มีพรรคก้าวไกล หมายเลข 31 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

“วันนี้เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และแล้ว กกต.ก็เริ่มส่อเค้าเห็นแววความไม่ชัดเจนและไม่ตรงไปตรงมา ในหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์ หน่วยเลือกตั้ง สุรินทร์เขต 4
รายชื่อบนบอร์ดหน้าหน่วยไม่มีพรรคก้าวไกล”

น.ส.ธนัญญายังโพสต์ด้วยว่า “หน่วยเลือกตั้งไหนผิดปกติรบกวนส่งเป็นวิดีโอให้ชัดเจนได้เลยนะคะ กกต.จะได้ดิ้นไม่หลุดด้วยหลักฐาน”

‘ไอซ์-ก้าวไกล’ ยกประวัติศาสตร์ไทยโต้โซเชียล ปม 'ล้มเจ้า' ชี้!! ไม่มีใครล้มเจ้าได้ นอกจากทหารและเจ้าด้วยกันเอง

ไม่นานมานี้ น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือ ‘ไอซ์’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 28 (บางขุนเทียน หนองแขม บางบอน บางบอนเหนือ คลองบางพราน) พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์คลิปผ่านทางติ๊กต็อกส่วนตัว ‘nanaicez’ กรณีมีชาวเน็ตคอมเมนต์ว่า “ล้มเจ้าไม่เอา” โดย น.ส.รักชนก เผย..."ตนจะเอาอะไรไปล้มเจ้าได้" และได้อธิบายเพิ่มเติมว่า...

"การล้มเจ้าในประวัติศาสตร์โลก รวมถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าด้วยกันเองทั้งนั้น และมีส่วนน้อยที่เกิดจากการรัฐประหาร เนื่องจากต้องมีกองกำลัง มีทหาร เพื่อไปล้มล้างระบบการปกครอง และสถาปนาตนเอง หรืออาจเปลี่ยนแปลงเป็นระบบสาธารณรัฐฯ ก็ได้ แต่ว่าอย่างตนนั้น ไม่สามารถไปล้มเจ้าได้"

นอกจากนี้ น.ส.รักชนกยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ตามประวัติศาสตร์ชาติไทย ประชาชนไม่สามารถล้มได้ คนที่ล้มเจ้านั้นมีแต่เจ้าด้วยกันเองทั้งนั้น หากลองไปศึกษาตามประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย, อยุธยา, รัตนโกสินทร์ การสถาปนาราชวงศ์ใหม่ ก็ล้วนเกิดจากเจ้าที่ล้มเจ้าด้วยกันเองทั้งสิ้น"

‘สาธิต’ จ่อแจ้งความ ‘ก้าวไกล’ ปมปราศรัยใส่ร้าย ‘ปชป.’ ที่ระยอง ยัน!! ทำหน้าที่ รมต.-ส.ส.เต็มที่ เพื่อช่วยคนระยองผ่านพ้นวิกฤต

‘สาธิต’ แจงยิบ ซัดกลับ ‘ก้าวไกล’ ปราศรัยป้ายสี ยันทำหน้าที่ รมต.-ส.ส.จับมือทุกฝ่ายช่วยคนระยองฝ่า 3 ปัญหาร้อนสำเร็จ โร่แจ้งความบ่ายสอง เร่งเก็บหลักฐานร้อง กกต. ฟันผิด กม.เลือกตั้ง

(8 พ.ค. 66) ที่อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรี นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.ระยอง แถลงว่า กรณีที่พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จัดการปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้มีกล่าวปราศรัยที่เข้าข่ายใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวตนและ ส.ส.ระยอง ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าพวกตนไม่สนใจทำหน้าที่ใดๆ ใน 3 เหตุการณ์ คือ

1.) เหตุการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 จากบ่อนการพนันแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง
2.) เหตุการณ์ทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาใน จ.ระยอง
3.) เหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลบริเวณ จ.ระยอง ซึ่งยืนยันว่าตนและ ส.ส.ระยอง ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ละเลย และไม่มีสักวันที่จะไม่คิดถึงประชาชนชาวระยอง

โดยขอชี้แจงว่า การระบาดของเชื้อโควิด-19 จากบ่อนพนันนั้น ตนในฐานะ รมช.สาธารณสุข ได้เร่งลงพื้นที่ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 จนสามารถคลี่คลายได้ภายใน 14 วัน อีกทั้ง ตนพร้อมด้วย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ และนายธารา ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมมือกับภาคประชาชนในจังหวัดออกมาเรียกร้องให้มีการปิดบ่อน และโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นที่มีส่วนปล่อยปละละเลย ขณะเดียวกัน ตนได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องเรื่องนี้ และ นพ.บัญญัติ ได้ตั้งกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎรด้วย

จนในที่สุด นายกฯ ได้ดำเนินการให้มีการสั่งโยกย้ายครั้งใหญ่ ทั้งการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และการย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และผู้กำกับ 5 เสือ ใน สภ.เมืองระยอง รวมถึงมีการจับกุมเจ้าของบ่อนใหญ่ใน จ.ระยอง ตนยืนยันได้เลยว่าพวกเราทำงานกันเป็นทีม และทำงานติดต่อกันประสบผลสำเร็จ ดังนั้น คนที่จะอวดอ้างผลงานตรงนี้ได้ไม่ใช่พรรคก้าวไกล แต่เป็นภาคประชาชนใน จ.ระยองที่ร่วมทำงานกับ ส.ส.ระยอง ของเขาอย่างเต็มกำลัง

ส่วนกรณีทหารอียิปต์นั้น ทันทีที่ทราบว่าทหารคนดังกล่าวถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19 และมีประวัติว่าเคยเข้ามาใน จ.ระยอง ตนเร่งนำแพทย์และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดใน จ.ระยอง ด้วยการลงพื้นที่ตรวจจุดเสี่ยงทั้งหมด นำตัวทหารรายนี้ไปตรวจ และนำกลุ่มผู้ใกล้ชิดกับทหารอียิปต์ไปสอบสวนโรค ทำตามกระบวนการทุกอย่าง จนสามารถควบคุมโรคได้ จากนั้นตนได้นำข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นแพทย์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาจัดสัมมนาใน จ.ระยอง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นสู่ จ.ระยอง รวมถึงร่วมมือกับทุกฝ่ายเป็นเวลาหลายวันในการคลี่คลายสถานการณ์ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ จ.ระยองได้สำเร็จ

สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2565 ตนพร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2565 เพื่อบินสำรวจที่เกิดเหตุ และสั่งการให้ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมต้องแสดงความรับผิดชอบ อีกทั้งได้เรียกบริษัท SPRC ให้เร่งปฏิบัติตามแผนเพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงขอกำลังจากกองทัพเรือมาควบคุมเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล ต่อมาวันที่ 28 ม.ค.2565 ตนและเจ้าหน้าที่ของหลายฝ่ายได้ลงพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงเพื่อดำเนินการป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันไหลเข้าฝั่ง นอกจากนี้ ได้ทำงานอีกหลายอย่าง ทั้งการประกาศแจ้งเตือนและตั้งศูนย์บัญชาการให้ข้อมูลแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจ.ระยอง รวมถึงบังคับให้บริษัท SPRC ต้องเยียวยามากที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งเขาได้ชดเชยเยียวยาแล้วเกือบ 100% โดยยังขาด 3% ที่กำลังอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง

‘ก้าวไกล’ ร้อง ‘กกต.’ เปิดข้อมูลผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ารายเขต แนะ ถอดบทเรียน ป้องกันข้อความผิดพลาดก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้

(9 พ.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต.ขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ว่า

ประเด็นที่ 1 เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ขณะที่แต่ละจังหวัดได้แถลงข้อมูลว่า มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนเท่าไร เดินทางมาใช้สิทธิ์จริงเป็นจำนวนเท่าไร ซึ่งบางเขตมีผู้มาใช้สิทธิ์ตั้งแต่ 90% จนถึง 100% แต่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเปิดเผยข้อมูลว่า มีผู้เดินทางมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนเกิน 100% ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะออกมาแก้ไขจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ที่ถูกต้อง ซึ่งส่วนตัวยอมรับได้ ซึ่งปัญหาหลังการเลือกตั้งล่วงหน้านั้น ตนก็ยังไม่รู้ว่ามีผู้เข้ามาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งในและนอกเขตเป็นจำนวนเท่าไร โดยตนอยากให้ กกต.แจ้งรายละเอียดเป็นรายเขต ทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง และมีผู้มาใช้สิทธิ์จริงเป็นจำนวนเท่าไร

อีกทั้ง กรณีซองไปรษณีย์สำหรับใส่บัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ก็อยากทราบเหมือนกันว่า เมื่อแยกเป็นเขตแล้วมีจำนวนเท่าไร ซึ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งกรณีความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลต่าง ๆ ลงบนซองไปรษณีย์นั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งปัญหาดังกล่าว กกต.ได้ออกมาชี้แจงแล้ว แต่ถ้าไม่ได้จัดทำรายละเอียดตามที่ตนระบุ จะไม่ทราบว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ และมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนเท่าไร รวมถึงการส่งไปรษณีย์กลับไปนับคะแนนเป็นจำนวนเท่าไร บัตรจะตรงกับผู้ใช้สิทธิ์หรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันเล็กน้อยก็อาจจะเกิดความผิดพลาดที่ไม่มาก แต่ถ้าไม่ตรงกันเป็นจำนวนมาก ก็จะมีข้อสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.น่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง

ประเด็นที่ 2 ถ้าดูตามระเบียบของ กกต.จะต้องประกาศเรื่องการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในนอกเขต และจะต้องประกาศว่า จะมีการนับคะแนนที่ใดไม่น้อยกว่า 10 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. แม้ว่าทางการเมืองจะทราบแล้วว่า กกต.ได้มีการประกาศจำนวนผู้เดินทางมาใช้สิทธิ์แล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้ประกาศลงในเว็บไซต์ และยังตรวจพบว่า การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในบางจังหวัด ซึ่งไม่ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้ทั้งตัวแทนพรรคการเมือง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ภาคประชาชน และผู้สังเกตการณ์จะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของการนับบัตรทั้งในและนอกเขต รวมถึงนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะทำให้ผู้สังเกตการณ์ไม่สามารถรู้ถึงสถานที่นับคะแนน

ประเด็นที่ 3 ทราบว่าทั้งประเทศมีหน่วยเลือกตั้งเกือบแสนหน่วยตามที่ กกต.ได้ประกาศ แต่ไม่มีรายละเอียดที่ลงไว้ในเว็บไซต์ทั้งในส่วนกลาง และต่างจังหวัดที่ไม่ได้ลงข้อมูลดังกล่าว ทำให้ประชาชนไม่ทราบว่าหน่วยเลือกตั้งของตนเองอยู่ที่ไหน

โดยทั้ง 3 ประเด็นตนขอให้สำนักงาน กกต.ได้จัดทำข้อมูลดังกล่าวเป็นรูปแบบของไมโครซอฟต์ เอกซ์เซล เพื่อชี้จุดว่า เลือกตั้งอยู่ที่ไหน รวมถึงหน่วยเลือกตั้งกว่าแสนหน่วยนั้นอยู่ที่ใดบ้าง โดยขอให้ กกต.ส่วนกลางได้แจ้งพื้นที่ เพื่อประกาศข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนทราบต่อไป

เมื่อถามว่า กรณีความผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้าที่เกิดขึ้น มีทั้งภาคประชาชนและการเมืองบางส่วน ออกมาเรียกร้องว่าให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะเพื่อความโปร่งใส นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าจะเป็นโมฆะหรือไม่ ต้องดูข้อเท็จจริงในหลายปัจจัย ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับการร้องเรียนในขั้นตอนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่พบ เป็นเพียงความผิดพลาดส่วนบุคคล ส่วนตัวมองว่ากรรมการประจำหน่วยอาจจะเกิดความไม่เข้าใจแม้จะมีการอบรม เมื่อ กกต.ทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว ก็จะควรเร่งทำความเข้าใจ โดยส่วนตัวมาว่าเร็วไปถ้าทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะ ซึ่ง กกต.มีเวลาแก้ไขก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เดินหน้าไปดีกว่า

ส่วนรายละเอียดเรื่องที่จะฟ้องร้อง กกต.หรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล ซึ่งเบื้องต้นพบเพียงว่าเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ ใช่ปัญหาความตั้งใจของ กกต.หรือระเบียบข้อกฎหมายที่จะส่อไปได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีใครที่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนั้นเป็นไปหรือไม่ ยอมรับว่า พรรคก้าวไกลเป็นผู้ที่เสียหาย และเสียผลประโยชน์ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องรวบรวมข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่าจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลหรือไม่ หากมีข้อมูลหรือมีหลักฐานที่ส่อว่าเป็นไปตามนั้นก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ แต่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับนโยบาย คือ กกต. ส่วนตัวย้ำว่า กกต.ชุดนี้มีประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แล้ว ซึ่งผ่านมาแล้ว 4 ปี ถ้าหากทำให้เกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้ง กกต.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

‘นิกม์’ ผู้สมัคร ‘ภท.’ แฉ!! ‘พิธา’ ยังถือหุ้น ITV ซ้ำ!! ไม่เคยแจ้งสละหุ้น เจ้าตัวเผย ตอนอยู่ ‘อนค.’ หากตนไม่สละหุ้นสื่อ ก็คงโดนเหมือน ‘ธนาธร’

เด็ก ‘ภท.’ แฉซ้ำ!! ‘พิธา’ ยังถือหุ้น ITV ไม่ใช่ในนามผู้จัดการมรดก ยันมีชื่อคนร่วมมรดก 3 คน และยังไม่สละหุ้น ยกเคสตัวเองเปรียบเทียบ หุ้นมรดกตัวเดียวกัน แต่ดำเนินการสลักหลังให้คนอื่นเรียบร้อย ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง แฉ ทีมกฎหมายอนาคตใหม่ เคยบอกว่า ไม่ต้องทำอะไร ดีที่ไม่ชนะเลือกตั้งคราวที่แล้ว ไม่งั้นโดนเหมือน ‘ธนาธร’

(9 พ.ค. 66) นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 17 คลองสามวา พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงเรื่องหุ้น ITV ว่าเป็นเพียงผู้จัดการมรดกนั้น พบว่าในเอกสารนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เสียชีวิตในปี 2549 (พิธีศพระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย.2549) มีทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดก 3 คน คือ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ โดยนายพิธา อ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งตามกฎหมายทายาทเป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับมรดกจากผู้เสียชีวิต ดังนั้น หุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จะต้องตกเป็นของทายาทในสัดส่วนเท่าๆกัน ย่อมหมายความว่านายพิธา ยังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,000 หุ้น

“ผมขอตั้งข้อสังเกตุว่านายพิธา จะอ้างว่ามิใช่เจ้าของหุ้นไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่า นายพิธาได้สละมรดกแต่อย่างใด อีกทั้ง การสละมรดกจำต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อเจ้าพนักงาน หรือสัญญาประนีประนอม และในประการสำคัญ หากนายพิธาสละมรดกจริง ย่อมไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ ที่สำคัญถ้าหุ้นนี้เป็นของกองมรดกก็ต้องระบุใน บอจ.5 ว่าผู้ถือหุ้นคือ นายพิธา ในฐานะผู้จัดการมรดก” นายนิกม์ กล่าว

นายนิกม์ กล่าวว่า อย่างในกรณีของตนก็ได้รับมรดกเป็นหุ้นของ ITV เช่นเดียวกัน และตั้งแต่กรณีเรื่องหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกิดขึ้น ตนก็ระมัดระวังตัวในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ตนได้ติดต่อโบรกเกอร์ ติดต่อ TSD เสียค่าธรรมเนียม ออกใบหุ้น เพื่อโอนออกจากตัวเองไปแล้ว

“เมื่อก่อนผมอยู่พรรคอนาคตใหม่ เคยนำเรื่องหุ้น ITV ไปปรึกษา ทีมกฎหมายของพรรค เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปทำอะไร ซึ่งครั้งที่ผ่านมานั้น ผมได้ที่ 2 ไม่ได้เป็น ส.ส. ถ้าได้เป็นคงโดนแบบนายธนาธร ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ครั้งนี้ผมย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย เพราะเรื่องที่จะมีการแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 ซึ่งผมไม่เอาด้วย และผมเชื่อมั่นในตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในเรื่องสาธารณสุข ที่ผมเคยร่วมงานมูลนิธิด้วย” นายนิกม์ กล่าว

‘บุญระดม’ แฉ!! ‘ก้าวไกล’ จัดตั้งทีม IO เชียร์ตัวเอง ชี้!! มีกลุ่มลับคอยสั่งการเหยียบหมื่นคนทั่วประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ ‘บุญระดม จิตรดอน’ นักข่าวการเมืองอาวุโสชื่อดัง ได้ออกมาทำการแฉพรรคก้าวไกล ในเรื่องของขบวนการ IO พร้อมระบุว่า

แฉแหลก!! พรรคก้าวไกลจัดตั้งทีม iO ทั่วประเทศเหยียบหมื่นคน มีทั้งรูปแบบจัดคีย์เวิร์ดให้ copy & paste เมนต์เชียร์ก้าวไกลในเพจดังๆ มากันทีเป็นฝูง ๆ ระดมกระหน่ำคอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งการคอมเมนต์รูปหัวใจสีส้ม พร้อมระบุเบอร์พรรคก้าวไกล ทำให้พรรคก้าวไกลดูเป็นกระแสของสังคม เพจดารา เพจข่าว ไม่เว้นแม้แต่เพจ sex แปะหมด!!

อีกทั้งยังมีการทำโพสต์ในรูปแบบของการเชียร์ก้าวไกล และโจมตีพรรคเพื่อไทย รูปแบบจัดตั้งหน้าม้าไปนั่งส่งเสียงเชียร์เวลาคนของก้าวไกลไปดีเบตก็มี และเมื่อมีคนมาแหกนายพิมธา ว่าเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ กลุ่มไอโอพวกนี้ก็จะมาช่วยกันระดมรีพอร์ต

โดยกลุ่ม IO นี้ มีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นหัวหน้าทีม เขาจึงอภิปรายคล่องปรี๊ดว่า กองทัพและรัฐบาลจ้าง IO ให้ทำงานแบบไหน เพราะสิ่งที่คุณวิโรจน์พูด คือสิ่งที่คุณวิโรจน์ทำ พรรคที่มี IO มากเป็นอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล

ซึ่งสอดคล้องกับที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ได้ออกมาแฉเมื่อปีก่อนโน้นว่า พรรคอนาคตใหม่ หรือ พรรคก้าวไกลในปัจจุบัน มี IO ปั่นกระแสให้มากเป็นอันดับ 2 รองจากกองทัพ

ผลโพลที่พุ่งกะทันหันเกินครึ่ง ข่าวว่าก็มาจากยุทธการ IO ปั่นเกือบหมื่น accounts นี่แหละค่ะ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top