Saturday, 19 April 2025
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ดูแลสวัสดิการตำรวจ ตรวจความพร้อมยุทโธปกรณ์ พร้อมสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ, พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.พายัพ โสธรางกูล ผกก.สภ.นครชัยศรี พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.นครชัยศรี ให้การต้อนรับ

การตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี ในครั้งนี้ ผบ.ตร. ได้ตรวจเยี่ยมอาคารที่ทำการ สภาพความเป็นอยู่ ตลอดจนความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์และงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นได้รับฟังรายงานสรุปจากผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ และได้กำชับแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้

1. ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติหน้าที่ ส่งเสริมให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในทุกมิติ
3. เน้นการขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติราชการ ตร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ใน 4 แนวทางหลัก คือ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว, การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ, การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการดูแลสวัสดิการ ขวัญกำลังใจ ของข้าราชการตำรวจ
4.ให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เน้นผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี ผ่านแนวคิด Police’s Home
5. พัฒนากำลังพลให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต การปราบปรามอาชญากรรม และการจับกุมผู้ร้ายคดีสำคัญ ตลอดจนการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาของตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่ง ผบ.ตร. ได้กล่าวชมเชย ผบช.ภ.7 และข้าราชการตำรวจทุกระดับ ที่ได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในงบประมาณปี พ.ศ.2568 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอของบประมาณค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์สายตรวจเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่าสถานีตำรวจหลายแห่ง ประสบปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 กำชับการผลิตตำรวจรุ่นใหม่ต้องปลอดภัย มีมาตรฐาน และพร้อมรับมืออาชญากรรมในอนาคต

เมื่อวานนนี้ (28 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 (ศฝร.ภ.3) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมี พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3), พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นคราชสีมา และ พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ศฝร.ภ.3 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ศฝร.ภ.3 และนักเรียนนายสิบตำรวจ ให้การต้อนรับ

ผบ.ตร.ได้ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมยิงปืนพกของนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 14 และการฝึกอบรมภาควิชาการของนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 15 จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการฝึกอบรมหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจในปัจจุบัน ซึ่ง ผบก.ศฝร.ภ.3 ได้บรรยายปัญหาข้อขัดข้อง เช่น สภาพของอาคารที่พักและระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โดย ผบ.ตร.ได้รับทราบและได้สั่งการให้สำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ในการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ ดังนี้

1. ให้ความสำคัญกับการผลิตข้าราชการตำรวจให้เกิดแนวคิดที่ว่า ทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ สามารถพัฒนาได้อยู่เสมอ ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง (Learning By Doing) และการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เพื่อให้ข้าราชการตำรวจเมื่อจบการฝึกอบรมแล้ว จะแสวงหาการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพตำรวจ ด้วยตนเองอยู่เสมอ
2. เน้นย้ำให้การจัดฝึกอบรมทุกครั้งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ทั้งในเรื่องวิชาการ การฝึกทักษะทางยุทธวิธีตำรวจ การฝึกตามแบบฝึกตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฝึกอบรมกลางแจ้งในช่วงที่อุณหภูมิสูง จะต้องมีการควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
3. ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องสวัสดิการ ขวัญกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เพราะขวัญ คือ อำนาจรบที่ไม่มีตัวตน

ผบ.ตร.ได้กล่าวชมเชย และขอบคุณข้าราชการดำรวจในสังกัดศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ทุกนาย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในปฏิบัติหน้าที่อันมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการผลิตข้าราชการตำรวจที่จะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และยังมีภารกิจดำเนินการฝึกอบรมตามหลักสูตรพัฒนาประสิทธิภาพกำลังพลอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายให้ตำรวจไทยมีทักษะทางวิชาชีพ และพัฒนาศักยภาพให้พร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ในส่วนของสมาคมแม่บ้านตำรวจ คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยคุณฐาณิญา ผิวพรรณ , คุณชนาพร ไกรทอง กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมเปิดโครงการฝึกอบรมการเอาตัวรอดจากคนร้ายมีอาวุธในที่สาธารณะ (Active Shooter) ให้กับชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีคุณนัทษมน นัทธีศรี ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3  คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3 และข้าราชการตำรวจภูธรภาค 3  ร่วมการอบรม ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 อบรมโดยวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เพื่อให้สมาชิกแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจ มีความรู้ในหลักการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงชั้นวิกฤต  สถานการณ์เหตุกราดยิง ซึ่งเป็นภัยที่อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิดดังนั้น จึงต้องมีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด 

ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ลงพื้นที่ จ.นครพนม ตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจน้ำนครพนม และสถานีตำรวจภูธรธาตุพนม ให้กำลังใจ มอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว กำชับเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชน รับมืออุทกภัย

(1 ก.ย. 67) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจน้ำนครพนม (สถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ) โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม, พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผกก.10 บก.รน., พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม และ พ.ต.ต.นวพล ขวัญทอง สว.ส.รน.1 กก.10 บก.รน. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจน้ำนครพนม ให้การต้อนรับ

ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์โดยทั่วไปในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้อง และการดูแลสวัสดิการของข้าราชการตำรวจ จากนั้นได้มอบสิ่งของและเงินบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจน้ำนครพนม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

ต่อมาเวลา 12.00 น. ผบ.ตร.และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจและครอบครัว โดยมี พ.ต.อ.ภวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม และข้าราชการตำรวจ สภ.ธาตุพนม ให้การต้อนรับ ซึ่ง ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มอบสิ่งของและเงินบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.ธาตุพนม อีกทั้งยังได้มอบเงินและสิ่งของช่วยเหลือให้กับข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.นครพนม ที่ต้องดูแลบุตรหลานซึ่งเป็นผู้พิการ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้ เน้นย้ำปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข , ให้ติดตามประเมินสถานการณ์ด้านอุทกภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดเตรียมกำลังพล การตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือที่ต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันท่วงที , เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่โดยแสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐและประชาชน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการป้องกันอาชญากรรม การปฏิบัติงานด้านการข่าว และความมั่นคงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เน้นผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี ผ่านแนวคิด Police’s Home พร้อมพัฒนากำลังพลให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้กล่าวชมเชย และขอบคุณข้าราชการดำรวจในสังกัด ภ.จว.นครพนม ทุกนาย ที่ได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบ 15 นโยบายการบริหารราชการ เน้นย้ำการเปลี่ยนแนวคิด (MINDSET) ปรับองค์กร เร่งปราบปรามอาชญากรรม เพิ่มขีดความสามารถสถานีตำรวจ ดูแลสวัสดิการตำรวจและครอบครัว สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชน

(4 พ.ย. 67) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ ห้องแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ข้าราชการตำรวจระดับ พล.ต.ต. ขึ้นไป พร้อมทั้งสมาคมแม่บ้านตำรวจ จำนวนกว่า 465 นาย เข้าร่วมประชุม ณ ห้องแจ้งยอดสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถ่ายทอดสัญญาณผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังหน่วยงานตำรวจทั่วไปประเทศ เพื่อร่วมรับฟังวิสัยทัศน์และนโยบายการบริหารราชการของผู้บัญชาการตำรวจคนที่ 15 ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน” 

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานหนังสือชุด ธรรมนาวา “วัง” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ดังนี้ 
“หลัก “ธรรม” ในพระศาสนา เป็นเรื่องสำคัญต่อมวลมนุษยชาติ และพวกเราทั้งหลายในฐานะทหาร และตำรวจ หลักปฏิบัติธรรมมะนาวาวังนี้ จะช่วยให้พวกเราได้เข้าใจในหลักธรรมคำสอนได้อย่างมีระบบระเบียบ โดยสามารถยึดถือเป็นหลักการและแนวทางในการศึกษา ฝึกปฏิบัติ ตลอดจนถึงการนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต 
อนึ่งการทหาร การตำรวจ กับ หลักธรรมคำสอนในพระศาสนานั้น หากพวกเราได้ทำความเข้าใจในธรรมะและศาสนา คือคำสอนที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิต ตามความเป็นจริง สู่การดับทุกข์อย่างลึกซึ้งแล้วนั้น จะส่งผลให้สามารถครองตนและครองคนโดยธรรมได้เป็นอย่างดีและมั่นคงต่อไป”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบ 15 นโยบายหลัก เน้นหนัก และเร่งด่วน ดังนี้
1. ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. เปลี่ยนแนวคิด ค่านิยม และกรอบความคิด (MINDSET) ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน
3. สร้างขวัญกำลังใจ ให้รางวัลแก่ “ตำรวจน้ำดี” และพิจารณาลงโทษตำรวจที่ทำไม่ดีอย่างเด็ดขาด
4. ปรับปรุงการให้บริการ การอำนวยความสะดวกในหน้าที่ของตำรวจทุกด้าน พัฒนางานสถานีตำรวจ
5. ส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวน รวมทั้งอำนวยความยุติธรรมทางอาญา
6. ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพล อบายมุข บ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ สินค้าผิดกฎหมายหรือเลี่ยงภาษีศุลกากร และหนี้นอกระบบ
7. ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และกลุ่มชาวชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินี แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองหรือทำงานโดยผิดกฎหมาย
8. สร้างเสริมวินัยจราจร บังคับใช้กฎหมายและแก้ปัญหาด้านการจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุ
9. นโยบายเชิงรุกด้านการข่าว ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง
10. สร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาสัมพันธ์เชิงรุก และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
11. ปรับปรุง พัฒนาระบบและวิธีการทำงาน เพื่อสร้างแผนแม่บท (MASTER PLAN)
12. ปรับการบริหารงานบุคคลและงบประมาณใหม่ 
13. ทบทวน แก้ไข ปรับปรุง ระเบียบคำสั่ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานของตำรวจ และการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
14. ฝึกอบรม ทบทวน พัฒนา ทักษะ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของตำรวจ
15. จัดสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ที่ตำรวจพึงมีอย่างเต็มที่ รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของตำรวจ การสร้างอาชีพเสริมรายได้โดยสุจริต และไม่กระทบกับงานประจำ

ข้อเน้นย้ำในการปฏิบัติราชการและความร่วมมือด้านต่าง ๆ
1. การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ โดยเฉพาะในสถานีตำรวจที่ต้องให้บริการประชาชน
2. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย
3. การดูแลนักท่องเที่ยว การรักษาความปลอดภัย ดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
4. การบริหารจัดการจราจร อำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล
5. สนับสนุนความร่วมมือในการทำงานของสมาคมแม่บ้านตำรวจร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6. ผู้บัญชาการ/ผู้บังคับการ จะต้องเป็น Influencer ด้วยตนเอง ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
 
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเน้นย้ำ จะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายในองค์กรตำรวจ ขอให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ เข้าถึงประชาชน สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับตำรวจ และขอให้สามัคคี ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม

ผบ.ตร.ย้ำไม่มีใครหรือกลุ่มใดอยู่เหนือกฎหมาย หากท้าทายระบบ อำนาจรัฐ หรือกฎหมาย จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด สั่งทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายทุกมิติ หากตำรวจปล่อยปะละเลย เพิกเฉย จะดำเนินการทางปกครองทุกราย

(26 พ.ย. 67) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญ และส่งผลกระทบต่อประชาชน ได้แก่ คดีทริปน้ำไม่อาบ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและอุบัติเหตุบนท้องถนน , คดีฉ้อโกงประชาชนร่วมลงทุนในโครงการธุรกิจทางการแพทย์ ที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก , การโพสต์คลิปของคนต่างด้าวลักษณะเป็นการท้าทายกฎหมาย เคลื่อนไหวหรือแสดงออกที่ผิดกฎหมาย หรือกระทำในลักษณะที่อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาระดมกวาดล้างจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมายผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนทุกคดี โดยเฉพาะ 3 กรณี ดังกล่าว ได้แก่

1. ทริปน้ำไม่อาบ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบร้านดัดแปลงตกแต่งรถที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วนำรถมาขับขี่ ตลอดจนจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และจะต้องมีการตรวจสอบต้นทาง ระหว่างการเดินทาง และปลายทาง หากพบการฝ่าฝืนกฎหมายต้องดำเนินการทันที จะไม่ปล่อยให้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนเด็ดขาด

2. กรณีคนต่างด้าวโพสต์คลิปลักษณะท้าทายกฎหมาย ตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่ามีประมาณ 10 กลุ่ม ต้องสืบสวนติดตามให้ปรากฎว่าพยานหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดฐานใด แล้วให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีทุกกรณี ให้ตำรวจพื้นที่ , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ร่วมกันดำเนินการ และให้ใช้อำนาจการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผบก.ภ.จว. ส. ตม.จว. และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด  ใช้กลไกทางกฎหมายเข้าดำเนินการ

3. คดีฉ้อโกงประชาชนโครงการธุรกิจทางการแพทย์ สำนวนมีความคืบหน้าไปมาก จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย  (กลุ่มผู้ถือหุ้น กลุ่มเครือญาติ กลุ่มโบรกเกอร์) มูลค่าความเสียหายประมาณ 9,700 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยจะแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับผิดชอบและร่วมทำการสอบสวน ในส่วนของบุคคลที่เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศ ได้ให้กองการต่างประเทศแจ้งสืบหาตัวบุคคลในระบบตำรวจสากลแล้ว จะเร่งรัดให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายนำพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หรือกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

นอกจากนี้ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกคดีจะต้องดำเนินการเชิงรุก ไม่มีการปล่อยผ่านหรือเพิกเฉย เดินหน้าทุกมิติ เน้นการบังคับใช้กฎหมาย และให้ฝ่ายสืบสวนขับเคลื่อนขยายผลการดำเนินคดี พร้อมทั้งชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ทราบการทำงานของตำรวจประกอบกันด้วย หากพบหน่วยใดเพิกเฉย ปล่อยปะละเลยให้เกิดมีการกระทำดังกล่าวซ้ำอีก เบื้องต้นจะดำเนินการทางปกครองหัวหน้าหน่วยทันที

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอบคุณตำรวจทุกหน่วยที่ร่วมดูแลประชาชนพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ กำชับปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็งต่อเนื่อง

(30 พ.ย. 67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ติดตามรายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ พบว่าปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 78 อำเภอ 515 ตำบล 3,552 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 553,921 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 9 ราย โดยเฉพาะให้เฝ้าระวังพื้นที่ติดแม่น้ำใหญ่ในจังหวัดต่างๆ ที่พบว่ามีระดับน้ำเพิ่มขึ้น ได้แก่ คลองท่าดี จ.นครศรีธรรมราช , ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ด้าน จ.พัทลุง , ลุ่มน้ำแม่น้ำตรัง จ.ตรัง , แม่น้ำละงู จ.สตูล , แม่น้ำปัตตานี จ.ปัตตานี , แม่น้ำสายบุรี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส 

จากรายการการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พบว่าหน่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจภูธรภาค 8 , ตำรวจภูธรภาค 9 , ตำรวจภูธรจังหวัด , ตำรวจพื้นที่ , ตำรวจสอบสวนกลาง (ตำรวจทางหลวง , ตำรวจน้ำ) , ตำรวจท่องเที่ยว , ตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ บูรณาการการทำงานเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทุกมิติอย่างรวดเร็วตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน โดยพบว่าตำรวจพื้นที่ได้ออกตรวจเยี่ยมประชาชนผู้ประสบภัย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ให้เกิดอาชญากรรมซ้ำเติม , มอบสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน , จัดเตรียมเรือท้องแบนและกำลังพลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายประชาชนและสิ่งของจำเป็นไปยังที่ปลอดภัย ส่วนบริเวณถนนที่มีน้ำท่วมผิวการจราจรในเส้นทางสายหลักและสายรอง ได้มีการทำแผนผังเส้นทางสำรองและป้ายบอกทางให้ชัดเจน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน , ตัดต้นไม้ล้มบนถนนกีดขวางทางจราจร รวมถึงการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำลดอีกด้วย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณและให้กำลังใจข้าราชการตำรวจทุกนาย ทุกหน่วย ที่ร่วมแรงร่วมใจให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัด รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงขอให้คงการปฏิบัติอย่างเข้มงวด เข้มแข็ง ต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ หรือขาดแคลนสิ่งใด ขอให้แจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทันที ผู้บังคับบัญชาพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การปฏิบัติในการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางสายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร การจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 พร้อมเชิญชวนร่วมสนุกในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ภายในงานด้วย

(9 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในงานกาชาด ประจำปี 2567 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ.รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.รรท.ผบช.น. , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกการจราจร โดยรอบบริเวณพื้นที่การจัดงานและพื้นที่ต่อเนื่อง , สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย , จัดทำแผนเผชิญเหตุ แผนการเคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือโรงพยาบาลฉุกเฉิน , ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และการพิจารณาการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณโดยรอบพื้นที่การจัดงาน

ในด้านการรักษาความปลอดภัยภายในงานกาชาด ประจำปี 2567 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง (walk through) บริเวณทางเข้า โดยรอบสวนลุมพินี มีการสุ่มตรวจใช้แอปพลิเคชัน Crime on Mobile กับบุคคลต้องสงสัย เพื่อตรวจสอบหมายจับการกระทำผิดอาญา และผู้ที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

ในส่วนของการจราจรนั้น คาดว่าตลอดการจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 จะมีประชาชนเดินทางไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรโดยรอบติดสะสม จึงได้กำชับให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจมาร่วมงานเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า BTS MRT รถยนต์นั่งสาธารณะ เพื่อลดปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบบริเวณงาน หรือจอดรถนอกพื้นที่และต่อรถที่จัดให้บริการฟรีได้

สำหรับประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานโดยรถยนต์ส่วนตัว จะมีจุดจอดรถจำนวน 4 จุด คือ ลานจอดรถประตูถนนราชดำริ จอดได้ประมาณ 150 คัน , ลานจอดรถสวนลุมพินี ทางเข้าประตู 1 ถนนวิทยุ จอดได้ประมาณ 200 คัน , จุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ จอดรถยนต์ได้ประมาณ 300 คัน จอดรถจักรยานยนต์ได้ประมาณ 400 คัน และจุดจอดรถสนามกีฬาแห่งชาติ จอดได้ประมาณ 100 คัน โดยจุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ และสนามกีฬาแห่งชาติ จะมีรถ Shuttle Bus รับ-ส่งผู้ที่มาร่วมเที่ยวชมงาน 

นอกจากนี้ ยังมีอาคารจอดรถเอกชนที่สามารถรองรับรถของประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมงานกาชาด ซึ่งมีค่าบริการที่จอดรถ ได้แก่ อาคาร one Bangkok จอดได้ประมาณ 3,000 คัน , อาคารสินทร ถนนวิทยุ จอดได้ 1,200 คัน , อาคารเคี่ยนหงวน ถนนวิทยุ จอดได้ 50 คัน , โครงการเวลา หลังสวน จอดได้ 200 คัน , อาคารออลซีซั่น ถนนวิทยุ จอดได้ 3,000 คัน , เดอะ เมอคิวรี่ ทาวเวอร์ จอดได้ 390 คัน และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จอดได้ 2,000 คัน

ทั้งนี้ ในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเจ้าภาพหลักในการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจออกร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตั้งอยู่บริเวณโซน 5 โดยในส่วนของร้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดนิทรรศการ “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” , กิจกรรมยิงปืนอัดลม (บีบีกัน) ปาลูกโป่ง หนุ่มน้อยตกน้ำ ขี่ม้าพาเพลิน , การออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งการแสดงของม้าตำรวจ และสุนัขตำรวจ

สำหรับร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ จะจัดตกแต่งในรูปแบบสวนอังกฤษย้อนยุค ซึ่งจะมีทางเชื่อมต่อกับร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจมีกิจกรรมที่น่าสนใจและสนุกสนาน ได้แก่ กิจกรรมจับสลากพฤกษากาชาด ลุ้นรับของรางวัลมากมาย และเลือกช็อปสินค้าที่น่าสนใจ ราคาย่อมเยา จากสมาคมแม่บ้านตำรวจและชมรมแม่บ้านตำรวจทั่วประเทศ พร้อมพบกับศิลปินดาราจำนวนมากที่จะมาร่วมสนุกที่ร้านทุกวัน

กิจกรรมในส่วนของเวทีกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้ร่วมงานจะเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีในสวน การแสดงของบุตรหลานข้าราชการตำรวจ เล่นเกมชิงรางวัล และพบกับศิลปินดารามากมายที่สลับสับเปลี่ยนมาร่วมสนุกบนเวทีในทุกวันด้วย

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานกาชาดประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” ระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 - 22.00 น. วันสุดท้ายปิด 23.00 น. และแพลตฟอร์มงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมติดตามการดำเนินงานช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 กำชับการปฏิบัติดูแลรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

(29 ธ.ค. 67) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้แทนจากทุกหน่วยงาน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. และประชุมทางไกล

ที่ประชุมได้สรุปปริมาณการจราจรขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร บนถนนหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ 11 เส้นทาง พบว่าวันที่ 28 ธันวาคม 2567 มีปริมาณรถเดินทางออกสูงสุด โดยมีจำนวน 700,126 คัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ 26.4% และเพิ่มขึ้น 28.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าวันนี้จะมีปริมาณรถขาออกลดลง ส่วนสภาพการจราจรหนาแน่นพบว่าอยู่ในช่วงสายอีสาน บริเวณ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และ ถ.มิตรภาพ ช่วงเนินกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบว่าปริมาณรถยังหนาแน่น แต่เคลื่อนตัวได้ ซึ่งทั้งสองจุดตำรวจทางหลวงเตรียมเปิดช่องทางพิเศษ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณรถเบาบางลง คาดวันนี้ไม่เกินเวลา 12.00 น. วันนี้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนเส้นทางขาออกสายเหนือ สายตะวันตก และสายตะวันออก รถเคลื่อนตัวได้ดีในทุกเส้นทาง นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีโครงการนำอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) เพื่อตรวจการจราจรทางอากาศ ซึ่งโดรนจะบินตรวจการจราจรในจุดต่างๆ และรายงานมายังศูนย์ฯ เพื่อรับทราบปัญหาแบบเรียลไทม์

สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและอุปกรณ์งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมกำลังพลและชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศกว่า 40,000 นาย มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด รวม 4,068 จุดทั่วประเทศ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง ในส่วนของโครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) จำนวน 10,479 หลัง คืนบ้านแล้ว 108 หลัง คงเหลือ 10,371 หลัง พบว่าทุกหลังปกติและเรียบร้อยดี ส่วนสถานที่จัดงานเคาท์ดาวน์ขนาดใหญ่ 49 แห่งทั่วประเทศนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 พร้อมหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรแล้วในทุกจุด โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศกว่า 20,000 นาย ในการปฏิบัติ รวมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติทุกมิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ กว่า 60,000 นาย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีข้อกำชับสั่งการไปยังหน่วยงานต่าง ๆ 
1. ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทาง ปริมาณรถ ปรับแผนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อมูลและแผนในภาพรวม โดยพิจารณาเส้นทางหลัก เส้นทางรอง การเกิดอุบัติเหตุ สภาพพื้นที่หรือการจัดงาน 

2. กำชับหน่วยต่างๆ ให้มีผลการปฏิบัติใน 10 ข้อหาหลัก อย่างต่อเนื่อง จริงจัง เน้นการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ กำชับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามหลักยุทธวิธีและกฎหมาย ห้ามมิให้มีการเรียกรับ ยอมรับ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งใช้กิริยาวาจาที่สุภาพ และเป็นมิตรกับประชาชน 

3. โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดกำลงสายตรวจให้เหมาะสม กำหนดวงรอบ และวางมาตรการป้องกันเหตุ ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติและวางแผนการปฏิบัติในภาพรวม เพื่อให้มีการตรวจตราอยางต่อเนื่อง

4. ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ศปก.สน. บริหารจัดการพื้นที่ในการจัดงานเคาท์ดาวน์ให้เหมาะสม  มีการคัดกรองบุคคล เส้นทางฉุกเฉิน การเข้าระงับเหตุในพื้นที่ อย่าให้แออัด ปริมาณคนต้องเหมาะสมกับพื้นที่

5. ให้กำหนดมาตรการตรวจสอบสถานบริการ ร้านอาหาร สถานที่จัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการตรวจสอบทางเข้า-ออก เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน และการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน

6. ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการขนยาเสพติดตามแนวชายแดน เส้นทางหลัก/รอง/เลี่ยง โดยเน้นการสืบสวนหาข่าว และการตั้งจุดตรวจ

7. ให้โรงพยาบาลตำรวจ , กองบินตำรวจ , สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ , ชุดปฏิบัติการพิเศษ EOD ฝ่ายสนับสนุนต่าง ๆ จะต้องเตรียมความพร้อมรองรับการปฏิบัติได้ทันที 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญผู้ใต้บังคับบัญชา และแนะนําการปฏิบัติให้ละเอียดมีความเข้าใจทุกนาย ตรวจสอบการแต่งกาย อุปกรณ์ เครื่องมือให้พร้อมปฏิบัติ โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลต่างๆ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชน ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายจงถือเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่จะได้กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งสารอวยพรปีใหม่ 2568 ส่งความปรารถนาดีถึงข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งสารอวยพรข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2568 ระบุว่า

“ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ผมขอส่งความสุขและความปรารถนาดีมายังเพื่อนข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ 

ห้วงปีที่ผ่านมา รูปแบบของอาชญากรรมต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำความผิด ประชาชนได้รับผลกระทบมากขึ้น การทำงานของตำรวจจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด ปรับรูปแบบการทำงาน ตลอดจนเข้าถึงประชาชนและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์

ในปีใหม่ 2568 นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ปกป้อง เทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและงานสถานีตำรวจ ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำหน้าที่ของตน ร่วมกันวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่องค์กร ดำรงไว้ซึ่งคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และร่วมกันสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้แก่เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และประชาชนในสังคมไทย

ในวาระศุภมงคลนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล อีกทั้งเดชะพระบารมีพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้ข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และพี่น้องประชาชน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ อุดมด้วยจตุรพิธพรชัย มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ สัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ”

ผบ.ตร.สั่งกำชับตำรวจคุมเข้มอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้ รถกระบะบรรทุก ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตรวจความพร้อมก่อนออกเดินทาง และบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักจริงจัง พร้อมฝากถึงผู้มีหน้าที่ในการขับรถให้มีจิตสำนึกร่วมกันป้องกันอุบัติเหตุ 

วันนี้ (31 ธ.ค 67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ตำรวจพื้นที่ดูแลอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ กรณีอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวปรับอากาศ ชนท้ายรถบรรทุกพ่วง จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บ 17 คน เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา บริเวณถนนสายเอเชีย 41 กม.ที่ 31 ขาล่องใต้ หมู่ 3 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร และรถกระบะบรรทุก ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยบูรณาการหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการตรวจรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร และรถกระบะบรรทุก กำชับตำรวจต้นทางต้องตรวจสอบการได้รับอนุญาต ตรวจสอบสภาพรถ ตรวจสอบใบอนุญาตผู้ขับรถ และให้ประสานกรมการขนส่งทางบกร่วมดำเนินการด้วย และให้มีภาพการปฏิบัติปรากฏพร้อมรายงานก่อนที่รถจะออกเดินทางด้วย รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นใน 10 ข้อหาหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ในการบังคับใช้กฎหมายให้ดำเนินการด้วยความสุภาพ สื่อสารให้ผู้ประกอบการและคนขับรถรับทราบถึงความห่วงใยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันอุบัติเหตุ 
    
นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำและกำชับตำรวจให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและเข้มข้น ให้เห็นผลปฏิบัติเป็นรูปธรรม ทำให้ตัวเลขอุบัติเหตุลดลงให้ได้ พร้อมฝากถึงผู้มีหน้าที่ในการขับรถยนต์สาธารณะทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ต้องมีจิตสำนึกในการระมัดระวัง ทั้งการตรวจสอบยานพาหนะ สภาพร่างกาย ความพร้อมในเรื่องเส้นทางต่างๆ เพื่อร่วมกันป้องกันอุบัติเหตุ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนคนเดินทางและนักท่องเที่ยว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top