Saturday, 19 April 2025
ปาเลสไตน์

สลด!! ‘พ่อปาเลสไตน์’ สูญเสียทั้งครอบครัว จากการโจมตีของอิสราเอล หลังตนรีบออกจากบ้าน เพื่อไปขอใบสูติบัตรให้ ‘ลูกน้อยฝาแฝดวัย 4 วัน’

(14 ส.ค.67) โมฮัมเหม็ด อาบู อัล คัมซาน (Mohammed Abu al Qumsan) ต้องหัวใจสลายที่ต้องเสียทั้งครอบครัวไปอย่างไม่ตั้งตัวในวันอังคาร (13 ส.ค.) หลังบ้านพักฉุกเฉินที่เขาและลูกฝาแฝดชายหญิงวัยแค่ 4 วัน กำลังน่ารัก รวมภรรยาและย่าอาศัยอยู่นั้น โดนทหารอิสราเอลโจมตีทางอากาศ

ด้านสกายนิวส์ของอังกฤษรายงานเมื่อวันอังคาร (13 ส.ค.) ว่า ไอซาล (Aysal) ทารกฝาแฝดหญิงผู้พี่และอาเซอร์ (Aser) ฝาแฝดน้องชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกเมื่อสุดสัปดาห์ แต่กลับต้องเคราะห์ร้ายมีชีวิตอยู่เพียงแค่ 4 วัน เมื่อพ่อปาเลสไตน์ที่กำลังตื่นเต้น ‘โมฮัมเหม็ด อาบู อัล คัมซาน’ (Mohammed Abu al Qumsan) รีบเดินทางออกจากบ้านในเดอีร์ อัล บาลาห์ (Deir al Balah) ตอนกลางของเขตฉนวนกาซา

แต่เมื่อเขาเดินทางกลับมาในเช้าวันอังคาร (13 ส.ค.) พร้อมกับใบสูติบัตรของลูกฝาแฝดแรกคลอดกลับพบว่าทั้งครอบครัวถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล

อ้างอิงจากสื่อท้องถิ่นพบว่า ทั้งครอบครัวแต่เดิมอาศัยอยู่ทางเหนือของกาซา แต่ทว่าต้องอพยพลงมาอาศัยชั่วคราวที่ทางใต้ลงไป

โดยภาพที่เห็นและเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียผ่านวิดีโอคลิปแสดงให้เห็นชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ และในมือถือใบสูติบัตรจำนวน 2 ใบ และอัล คัมซานนั้นร้องไห้หนักมากขึ้นและดูเหมือนจะเป็นหมดสติด้วยความเสียใจขณะที่ชาย 2 คนประคองเขาไว้

เป็นภาพไม่ต่างจากเมื่อครั้งพ่อชาวยิวไอริช ทอม แฮนด์ (Tom HandX) ที่เคยให้สัมภาษณ์อย่างสุดสะเทือนใจเมื่อไม่กี่วันหลังฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีสังหารในหมู่บ้านของเขาในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปี 2023 ว่า เป็นการดีที่ได้รู้ว่าลูกสาว เอมิลี วัย 8 ขวบเสียชีวิตและไม่ได้ถูกลักพาตัวไป แต่ในเวลาต่อมาแฮนด์ซึ่งโชคดีมากกว่าพ่อปาเลสไตน์หลายคนเพราะเขาได้ตัวลูกสาว เอมิลี กลับคืนมาอย่างปลอดภัยและเด็กจากสื่อ i24NEWS English รายงานเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ต้นปี สามารถเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

สกายนิวส์รายงานว่า ภรรยาของเขา จูมานา อราฟา ซึ่งเป็นเภสัชกรได้ให้กำเนิดโดยการผ่าคลอดก่อนที่จะประกาศข่าวดีว่าเป็นฝาแฝดผ่านทางเฟซบุ๊ก

ในวันอังคาร (13 ส.ค.) คุณพ่อปาเลสไตน์มือใหม่รีบเดินทางไปขอใบสูติบัตรที่สำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น แต่ในระหว่างที่เขาอยู่ที่นั่นพบว่าเพื่อนบ้านได้โทรศัพท์แจ้งว่า บ้านพักฉุกเฉินที่อาศัยถูกโจมตีด้วยระเบิด

“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไร” และกล่าวว่า “ผมได้รับการบอกว่ามีการยิงและมาโดนที่บ้านพักอาศัย”

คู่สามีภรรยาทำตามคำสั่งอพยพในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของสงคราม และได้เข้ามาอาศัยที่ตอนกลางของเขตฉนวนกาซาตามคำสั่งของกองทัพอิสราเอล เอพีชี้

กระทรวงสาธารณสุขกาซารายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดมีไม่ต่ำกว่า 39,929 คน และบาดเจ็บอีก 92,240 คน

ขณะเดียวกันในวันจันทร์ (12 ส.ค.) กลุ่มติดอาวุธฮามาสแถลงยืนยันว่า ตัวประกันชายชาวอิสราเอลที่ถูกจับไว้ในกาซาโดนผู้คุมของเขายิงเสียชีวิตพร้อมกับมีตัวประกันหญิงอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสในอีกเหตุการณ์

โฆษกกองกำลังฮามาสประกาศการตั้งคณะกรรมการสอบสวน

‘อิสราเอล’ ยืนยันแล้วสังหาร ‘ยาห์ยา ซินวาร์’ ผู้นำกลุ่มฮามาส จับตา! อนาคตความขัดแย้ง-ตัวประกันในพื้นที่ตะวันออกกลาง

(18 ต.ค. 67) ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้วางแผนการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ที่จุดชนวนให้เกิดสงครามกาซา ถูกกองกำลังอิสราเอลสังหารในดินแดนปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี

การสังหารเขาถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของอิสราเอล และเป็นเหตุการณ์สำคัญในความขัดแย้งที่กินเวลานานหนึ่งปี ผู้นำชาติตะวันตกกล่าวว่าการเสียชีวิตของเขาเป็นโอกาสให้สงครามยุติลง แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวว่าสงครามจะดำเนินต่อไป

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าได้สังหารซินวาร์ในปฏิบัติการทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเมื่อวันพุธ

“หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการระบุตัวตนของศพแล้ว สามารถยืนยันได้ว่ายาห์ยา ซินวาร์ถูกกำจัดแล้ว” กองทัพอิสราเอลระบุ

ขณะนี้ยังไม่มีความเห็นใด ๆ จากกลุ่มฮามาส แต่แหล่งข่าวในกลุ่มก่อการร้ายกล่าวว่าสัญญาณจากฉนวนกาซาบ่งชี้ว่าซินวาร์ถูกสังหารในปฏิบัติการของอิสราเอล ในอิสราเอล ครอบครัวของตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวในฉนวนกาซา กล่าวว่าพวกเขาหวังว่าจะมีการหยุดยิงเพื่อนำตัวประกันกลับบ้าน แต่ก็กลัวว่าคนที่พวกเขารักจะตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงกว่า

ในฉนวนกาซา ซึ่งถูกกองกำลังอิสราเอลโจมตีอย่างไม่ลดละเป็นเวลาหนึ่งปี ชาวเมืองกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าสงครามจะดำเนินต่อไป แต่พวกเขายังคงยึดมั่นในความหวังที่จะกำหนดชะตากรรมของตัวเอง

ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับเนทันยาฮู รวมถึงประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส กล่าวว่าการเสียชีวิตของซินวาร์เป็นโอกาสให้ความขัดแย้งในฉนวนกาซาที่กินเวลานานกว่าหนึ่งปีสิ้นสุดลงในที่สุด และเพื่อให้ตัวประกันชาวอิสราเอลได้กลับบ้าน

แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะบรรลุการหยุดยิงและการปล่อยตัวตัวประกัน โดยเรียกซินวาร์ว่าเป็น "อุปสรรคหลัก" ต่อการยุติสงคราม “อุปสรรคนั้นได้ถูกขจัดออกไปอย่างชัดเจน ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครก็ตามที่เข้ามาแทนที่ (ซินวาร์) จะตกลงหยุดยิง แต่การหยุดยิงนั้นได้ขจัดอุปสรรคสำคัญในการหยุดยิงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา” เขากล่าว มิลเลอร์กล่าวว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซินวาร์ปฏิเสธที่จะเจรจาเลย

เนทันยาฮูกล่าวที่กรุงเยรูซาเล็มทันทีหลังจากการเสียชีวิตได้รับการยืนยันว่า การเสียชีวิตของซินวาร์เป็นโอกาสให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลาง แต่เขาเตือนว่าสงครามในฉนวนกาซายังไม่สิ้นสุด และอิสราเอลจะดำเนินต่อไปจนกว่าตัวประกันจะถูกส่งตัวกลับ

เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์ที่บันทึกวิดีโอไว้ว่า “วันนี้เราได้สะสางเรื่องทั้งหมดแล้ว วันนี้ความชั่วร้ายได้รับการโจมตี แต่ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสิ้น” “ถึงครอบครัวตัวประกันที่รัก ฉันขอกล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของสงคราม เราจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าคนที่คุณรัก คนที่เรารัก จะกลับบ้าน”

อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลกล่าวว่า “นี่คือความสำเร็จทางทหารและศีลธรรมอันยิ่งใหญ่สำหรับอิสราเอล” เขาเรียกซินวาร์ว่าเป็น "ฆาตกรหมู่ที่รับผิดชอบต่อการสังหารหมู่และความโหดร้ายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม" - การโจมตีอิสราเอลที่นำโดยกลุ่มฮามาสที่จุดชนวนให้เกิดการโจมตีในฉนวนกาซา

พลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี ผู้บัญชาการทหารอิสราเอล กล่าวว่า การที่อิสราเอลไล่ล่าซินวาร์ในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้เขา "ทำตัวเหมือนผู้หลบหนี ทำให้เขาต้องเปลี่ยนสถานที่หลายครั้ง"

เขากล่าวว่า ทหารพบซินวาร์ระหว่างปฏิบัติการปกติโดยไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นั่น ซึ่งแตกต่างจากปฏิบัติการอื่น ๆ ที่ต่อต้านผู้นำกลุ่มก่อการร้ายโดยอาศัยข้อมูลข่าวกรองที่ครอบคลุม

การสังหารดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งกองทัพอิสราเอลสังหารนักรบ 3 คนและนำศพของพวกเขาไป สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอลรายงาน

ซินวาร์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำโดยรวมของกลุ่มฮามาสหลังจากการลอบสังหารอิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำทางการเมืองในกรุงเตหะรานเมื่อเดือนกรกฎาคม เชื่อกันว่าซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ที่กลุ่มฮามาสสร้างขึ้นภายใต้ฉนวนกาซาในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าชาติตะวันตกต่างหวังว่าจะมีการหยุดยิง แต่การเสียชีวิตของเขาอาจทำให้เกิดการสู้รบในตะวันออกกลาง ซึ่งมีแนวโน้มว่าความขัดแย้งจะขยายวงกว้างขึ้น อิสราเอลได้เริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในเลบานอนเมื่อเดือนที่แล้ว และขณะนี้กำลังวางแผนตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮามาสและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แห่งเลบานอนเป็นผู้ลงมือ

แต่การเสียชีวิตของชายผู้วางแผนการโจมตีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนักรบได้สังหารผู้คนในอิสราเอลไป 1,200 คน และจับตัวประกันไปมากกว่า 250 คน ตามการนับของอิสราเอล อาจช่วยผลักดันความพยายามในการยุติสงครามที่หยุดชะงักซึ่งอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 42,000 คน ตามข้อมูลของทางการด้านสาธารณสุขของกาซา

ซินวาร์ ซึ่งเกิดเมื่อปี 2505 เคยได้รับมอบหมายให้ลงโทษชาวปาเลสไตน์ที่ต้องสงสัยว่าให้ข้อมูลแก่อิสราเอล ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะหัวหน้าเรือนจำ เขากลายเป็นฮีโร่บนท้องถนนในฉนวนกาซาหลังจากรับโทษจำคุกในเรือนจำของอิสราเอลนานกว่า 20 ปีในข้อหาวางแผนการลักพาตัวและสังหารทหารอิสราเอล 2 นายและชาวปาเลสไตน์ 4 นาย

เขาได้รับการปล่อยตัวในปี 2011 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษกว่า 1,000 คนกับทหารอิสราเอล 1 นายที่ถูกลักพาตัวไปซึ่งถูกคุมขังในฉนวนกาซา จากนั้น Sinwar ก็ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มฮามาสอย่างรวดเร็ว เขาอุทิศตนเพื่อกำจัดอิสราเอล

อิสราเอลสังหารผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาสหลายคนในฉนวนกาซา รวมถึงบุคคลสำคัญของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิหร่านในเลบานอน ส่งผลให้ศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอลต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายชะตากรรมของตัวประกัน

การสังหารครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของตัวประกัน และอนาคตของความขัดแย้งในพื้นที่ตะวันออกกลาง

จวก 'บลินเคน' กลางวงแถลงลั่นควรขึ้นศาลโลก ปมหนุนยิวฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์

(17 ม.ค.68) เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะหมดวาระจากตำแหน่ง หลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมทั้งข้อตกลงเรื่องตัวประกัน

ในระหว่างการแถลงข่าว นายแซม ฮัสเซนี นักข่าวอเมริกันเชื้อสายจอร์แดน-ปาเลสไตน์ ผู้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสถาบันเพื่อความถูกต้องของสาธารณะ และคอลัมนิสต์ในสื่อหลายแห่ง เช่น CounterPunch, The Nation, The Washington Post, USA Today และ Salon ได้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกระทรวงต่างประเทศลากออกจากห้องแถลงข่าว หลังจากที่เขาพยายามถามเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ซึ่งบลิงเคนอ้างว่าเป็นความสำเร็จทางการทูตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

ฮัสเซนีถามบลิงเคนด้วยความไม่พอใจว่า ทำไมเขาถึงยอมให้ฝ่ายอิสราเอลจบสงครามในกาซา ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 15 เดือนและคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนอย่างง่ายดาย และกล่าวว่า กระบวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปาเลสไตน์ยังไม่สิ้นสุด

ในขณะนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามนำตัวฮัสเซนี ออกจากห้องประชุม โดยฮัสเซนีตะโกนว่า "อย่าแตะต้องผม!" พร้อมทั้งร้องเสียงดังว่า "กรุณาตอบคำถามของผมก่อน"

ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่พยายามพาตัวเขาออกจากห้อง เขายังตะโกนว่า "อาชญากร! ทำไมคุณไม่อยู่ที่กรุงเฮก!" โดยกล่าวถึงกรุงเฮก ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลอาญาระหว่างประเทศ

ฮัสเซนีกล่าวว่าเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพียงแค่พยายามถามคำถามเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ยินยอมตอบคำถาม โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับระเบียบฮันนิบาล ไดเร็กทีฟ (Hannibal Directive) ซึ่งอนุญาตให้ทหารอิสราเอลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของพลเรือนและทหารของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันตกไปอยู่ในมือศัตรู

บลิงเคนตอบกลับว่า ผู้สื่อข่าวต้องเคารพขั้นตอนการแถลงข่าว และเขาจะเปิดให้สอบถามหลังจากแถลงเสร็จสิ้นแล้ว ฮัสเซนีตะโกนสวนกลับไปว่า "ทุกคนจากองค์การนิรโทษกรรมสากลจนถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศบอกว่าอิสราเอลกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วคุณมาบอกให้ผมเคารพขั้นตอนงั้นหรือ"

หลังจากถูกนำตัวออกจากห้องแถลงข่าว ฮัสเซนีเขียนในโพสต์ของเขาว่า การกระทำนี้เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพียงเพราะเขาพยายามถามคำถามที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องการตอบ

นอกจากนี้ แม็กซ์ บลูเมนทาล บรรณาธิการของสำนักข่าว Grayzone News ได้กล่าวหาบลิงเคนว่าเขากำลังทำลายศาสนายูดาห์โดยการร่วมมือกับฟาสซิสต์ พร้อมกับชี้ว่า ครอบครัวของบลิงเคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อบบี้ยิสต์ให้กับอิสราเอล

บลูเมนทาลยังได้ถามบลิงเคนว่า "ทำไมคุณยังคงส่งอาวุธไปในขณะที่เรามีข้อตกลงในเดือนพฤษภาคม?" พร้อมกับถามว่า "ทำไมคุณให้บ้านของเพื่อนผมในกาซาถูกทำลาย?" ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศพยายามพาตัวเขาออกจากห้องแถลงข่าวเช่นเดียวกับนายฮัสเซนี 

ทั้งฮัสเซนีและบลูเมนทาลต่างไม่พอใจที่สงครามของอิสราเอลในกาซายังไม่ยุติลง แม้ว่าการโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จะผ่านมาเป็นเวลา 15 เดือนและทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน

วิจารณ์ก้องโลก! ทรัมป์ผุดไอเดียยึดฉนวนกาซา ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ไปอยู่ที่อื่น

(5 ก.พ. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยแผนการที่น่าตกตะลึงว่า สหรัฐฯ ควรเข้าไปยึดครองฉนวนกาซาและให้ชาวปาเลสไตน์ย้ายไปอยู่ที่อื่น โดยในการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ที่เดินทางมาเยือนสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่า หากจำเป็น สหรัฐฯ อาจจะส่งทหารเข้าไปเพื่อจัดการพื้นที่และเคลียร์อาวุธที่ยังคงหลงเหลืออยู่ พร้อมทั้งเสนอให้ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยในฉนวนกาซาอพยพไปยังที่ดินในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

แผนดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากจากทั่วโลก โดยบางฝ่ายมองว่าอาจเปลี่ยนแปลงทิศทางของความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และก่อให้เกิดการวิจารณ์จากหลายด้าน ทรัมป์กล่าวว่า เขามองว่าการเป็นเจ้าของและพัฒนาแผ่นดินฉนวนกาซาจะนำมาซึ่งเสถียรภาพในภูมิภาคและอาจจะสร้างงานหลายพันตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม การย้ายถิ่นฐานของชาวปาเลสไตน์หลายล้านคนอาจเป็นปัญหาที่ไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ และอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางกฎหมายและการเมือง

ทรัมป์ยังกล่าวต่อว่า ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาควรย้ายไปยังสถานที่ใหม่ที่มีสภาพที่ดีและอุดมสมบูรณ์ และไม่ควรกลับไปที่ฉนวนกาซาอีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่นั้นไม่เหมาะสมและเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจากสงคราม นอกจากนี้ เขายังเสริมว่าผู้ที่ต้องการอาศัยในพื้นที่ดังกล่าวเพียงเพราะไม่มีทางเลือกอื่น

คำแถลงของทรัมป์ได้สร้างความไม่พอใจในกลุ่มเจ้าหน้าที่อาหรับ รวมถึงความกังวลจากสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ หลายคน โดยเฉพาะจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการทำตามแผนดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปกครองฉนวนกาซา ได้ประณามคำกล่าวของทรัมป์ว่าเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งและความตึงเครียดในภูมิภาค

คำพูดของทรัมป์ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศและนักวิจัยต่างประเทศหลายคน ซึ่งมองว่าแผนนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งในด้านการเมืองและกฎหมาย และอาจไม่สามารถดำเนินการได้จริงในทางปฏิบัติ

'ทรัมป์' เสนอฮุบกาซาเปลี่ยนเป็น 'ริเวียร่าอาหรับ' นักวิชาการชี้แนวคิดอันตรายสุดโต่งของพวกล่าอาณานิคม

(6 ก.พ.68) กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางสำหรับแนวคิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เสนอให้สหรัฐเข้าควบคุมฉนวนกาซาที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม และเปลี่ยนให้กลายเป็น 'ริเวียร่าของตะวันออกกลาง' โดยให้ชาวปาเลสไตน์ย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด 

ดร.ทาเมอร์ คาร์มูท ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากสถาบัน Doha Institute for Graduate Studies กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik ว่าแนวคิดของทรัมป์เป็นเรื่อง "ขาดความรับผิดชอบและไร้มนุษยธรรม" พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาชาวกาซาคาดหวังให้สหรัฐฯ กำหนดแนวทางทางการเมืองเพื่อยุติความขัดแย้งและช่วยฟื้นฟูฉนวนกาซาหลังจากเผชิญกับความโหดร้ายจากสงคราม  

"นี่เป็นการรื้อฟื้นมรดกของลัทธิล่าอาณานิคมและจักรวรรดินิยมขั้นสูง ที่ประเทศหนึ่งสามารถตัดสินชะตากรรมของอีกประเทศหรือประชาชนกลุ่มหนึ่งได้" คาร์มูทเตือน "นี่เป็นเรื่องน่าตกใจ และอันตรายอย่างยิ่ง"  

ขณะเดียวกันด้าน ดร.อัยมัน ยูซุฟ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอาหรับ-อเมริกันในปาเลสไตน์ กล่าวว่าชาวปาเลสไตน์ปฏิเสธแผนของทรัมป์ที่ต้องการย้ายพวกเขาออกจากฉนวนกาซาไปยังจอร์แดนและอียิปต์ ซึ่งไม่สามารถรองรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากได้

ศาสตราจารย์ยูซุฟยังระบุว่า วอชิงตันและเทลอาวีฟกำลังใช้ความแตกแยกระหว่างกลุ่มฟาตาห์และฮามาสเพื่อผลักดันวาระซ่อนเร้นของตนเอง พร้อมเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ลดความขัดแย้งภายในและมุ่งสู่การปรองดองในระดับชาติ  

นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากทรัมป์ต้องการช่วยเหลือจริง ควรใช้มาตรการควบคุมอิสราเอลอย่างเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งปฏิบัติการทางทหารในกาซาในอนาคตมากกว่าที่จะเปลี่ยนฉนวนกาซาซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งมานาน กลายเป็นสถานตากอากาศในฝันของเขา 

ทรัมป์สั่งอายัดทรัพย์-แบนวีซ่าเจ้าหน้าที่ ICC ตอบโต้สหรัฐและอิสราเอลถูกสอบสวน

(7 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) โดยกล่าวหาว่าศาลดำเนินการอย่างไม่ชอบธรรมและไร้มูลความจริงต่อสหรัฐและอิสราเอล

ตามรายงานของบีบีซี (BBC) และเอพี (AP) ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตร ICC ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเฮก โดยให้เหตุผลว่าศาลได้ดำเนินการสอบสวนอิสราเอลและสหรัฐโดยไม่มีความชอบธรรม คำสั่งดังกล่าวลงนามเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น

คำสั่งของทรัมป์ระบุว่า "ศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินการอย่างมิชอบและปราศจากมูลความจริง โดยมุ่งเป้าไปที่สหรัฐและอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของเรา" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังวิพากษ์วิจารณ์ ICC ว่าใช้อำนาจโดยมิชอบในการออกหมายจับต่อเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล

คำสั่งดังกล่าวยังเน้นว่า 'ICC ไม่มีอำนาจเหนือสหรัฐหรืออิสราเอล' และระบุว่ามาตรการคว่ำบาตรจะรวมถึงการจำกัดการทำธุรกรรมทางการเงินและการออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ICC ซึ่งมีส่วนช่วยในการสอบสวนพลเมืองของสหรัฐและชาติพันธมิตร

การแซงก์ชั่นอาจรวมถึงการอายัดทรัพย์สินและการห้ามเจ้าหน้าที่ของ ICC และครอบครัวของพวกเขาเข้าประเทศสหรัฐ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาที่เนทันยาฮูเดินทางเยือนสหรัฐเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์

การตอบโต้ของสหรัฐเกิดขึ้นหลังจาก ICC ออกหมายจับเนทันยาฮูเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ในข้อกล่าวหาการก่ออาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งเนทันยาฮูปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด นอกจากนี้ ICC ยังออกหมายจับต่อผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาสด้วย

ทำเนียบขาวกล่าวหาว่า ICC กำลังสร้างมาตรฐานที่เป็นอันตราย โดยทำให้สหรัฐและเจ้าหน้าที่ของตนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงจากการคุกคาม การล่วงละเมิด และการจับกุมอย่างไม่เป็นธรรม

“การกระทำของ ICC เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของสหรัฐ และเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของเรา รวมถึงนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของสหรัฐและพันธมิตร เช่น อิสราเอล” คำสั่งดังกล่าวระบุ

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังกล่าวหา ICC ว่าจำกัดสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ขณะเดียวกันก็มองข้ามบทบาทของอิหร่านและกลุ่มต่อต้านอิสราเอลในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ สหรัฐไม่ใช่สมาชิกของ ICC และปฏิเสธอำนาจศาลของ ICC มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ในสมัยแรกของทรัมป์ รัฐบาลสหรัฐเคยใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ของ ICC ที่กำลังสืบสวนกรณีที่กองทัพสหรัฐอาจก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวถูกยกเลิกไปในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ทรัมป์สนใจซื้อฉนวนกาซาเป็นของสหรัฐ ให้ทุนต่างชาติบริหาร ยุติขัดแย้งในดินแดน

(10 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ว่า เขามีความตั้งใจที่จะเข้าควบคุมฉนวนกาซา โดยเสนอให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าของดินแดนดังกล่าว และให้ประเทศในตะวันออกกลางเข้ามามีบทบาทในการฟื้นฟูพื้นที่

ทรัมป์กล่าวระหว่างเดินทางบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน (Air Force One) มุ่งหน้าสู่นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา เพื่อเข้าชมการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ (Super Bowl) ว่า “สหรัฐฯ ตั้งใจจะเข้าควบคุมฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับมามีอำนาจอีก ส่วนเรื่องการพัฒนา เราอาจให้ประเทศในภูมิภาคเข้ามามีส่วนร่วม หรือให้หน่วยงานอื่นดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของเรา”

รายงานจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่า แนวคิดของทรัมป์เกี่ยวกับ “การเป็นเจ้าของระยะยาว” ฉนวนกาซา ถูกหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยหลายประเทศอาหรับ รวมถึงชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป แสดงท่าทีคัดค้าน เนื่องจากมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของภูมิภาคและกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง

‘อียิปต์’ แสดงเจตนารมณ์!! นำเสนอ ฟื้นฟู ‘ฉนวนกาซา’ เพื่อให้!! ‘ชาวปาเลสไตน์’ ยังคงอยู่ในบ้านเกิดของตน

(12 ก.พ. 68) เฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ โพสต์ข้อความระบุว่า ....

แถลงการณ์ที่เบาโหวงจาก #รัฐบาลอียิปต์ ในเรื่อง #ฉนวนกาซา 

ล่าสุด: คำชี้แจงจากกระทรวงการต่างประเทศของอียิปต์

อียิปต์แสดงเจตนารมณ์ที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์การฟื้นฟูฉนวนกาซาเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ยังคงอยู่ในบ้านเกิดของตน

อียิปต์แสดงความปรารถนาที่จะร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อบรรลุสันติภาพที่ครอบคลุมและยุติธรรมในภูมิภาคโดยบรรลุ
ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับชาวปาเลสไตน์ที่ยึดมั่นในสิทธิของประชาชนในภูมิภาค

ในบริบทนี้ อียิปต์ยืนยันความตั้งใจที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมสำหรับการก่อสร้างฉนวนกาซาขึ้นใหม่ในลักษณะที่จะรับรองว่าชาวปาเลสไตน์ยังคงอยู่ในบ้านเกิดของตน และสอดคล้องกับสิทธิอันชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมายของพวกเขา

อียิปต์เน้นย้ำว่าวิสัยทัศน์ใดๆ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ จะต้องคำนึงถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดอันตรายต่อสันติภาพในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ไขที่สาเหตุหลักของความขัดแย้งด้วยการยุติการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลและดำเนินการตามแนวทางสองรัฐซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่เสถียรภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างประชาชนในภูมิภาค

ทรัมป์ใช้ AI สร้างภาพ 'กาซาในฝัน' เมืองตากอากาศหรูภายใต้อิทธิพลอเมริกา

(28 ก.พ. 68) ทีมงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างภาพอนาคตของฉนวนกาซา ตามแนวคิดของทรัมป์ที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ขัดแย้งแห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดหรูริมทะเล  

ในวิดีโอ 'กาซาในฝัน' ฉนวนกาซาปรากฏเป็นเมืองตากอากาศที่เต็มไปด้วยรีสอร์ตหรู ตึกระฟ้า และชายหาดสวยงาม พร้อมด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่ของทรัมป์ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง ภาพยังแสดงให้เห็นอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ โปรยธนบัตรไปทั่ว เพื่อสื่อถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของฉนวนกาซาในอนาคต  

หนึ่งในภาพที่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับชาวปาเลสไตน์ คือภาพของทรัมป์นอนอาบแดดข้างนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองผู้นำ  

อย่างไรก็ตาม ชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับชมคลิปต่างแสดงความคิดเห็นว่า ฉนวนกาซาสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านเกิดของตน ตามที่ทรัมป์เคยเสนอให้พวกเขาย้ายไปอยู่ในอียิปต์หรือจอร์แดน พวกเขายังมองว่า แม้ฉนวนกาซาในฝันของทรัมป์จะดูหรูหราและทันสมัยคล้ายกับนครดูไบ แต่การพัฒนาเช่นนี้ควรเกิดขึ้นโดยที่ประชากรเจ้าของพื้นที่ยังคงมีสิทธิ์อาศัยอยู่ในดินแดนของตนเอง

สหรัฐฯ เพิกถอนวีซ่านักเรียนต่างชาติกว่า 300 คน กรีนการ์ดก็ไม่รอด หลังตรวจพบโพสต์โซเซียลมีเดียหนุนกลุ่มฮามาส

(8 เม.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ ตรวจสอบกิจกรรมทางโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ และ อิสราเอล เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีทัศนคติเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ เข้าประเทศ

โดยคำสั่งดังกล่าวถูกส่งในโทรเลขถึงคณะผู้แทนทางการทูตเมื่อวันที่ 25 มีนาคม กำหนดให้เจ้าหน้าที่กงสุลส่งผู้สมัครวีซ่า นักเรียนและนักท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนบางราย ไปที่ “หน่วยป้องกันการฉ้อโกง” เพื่อทำการตรวจสอบโซเชียลมีเดียตามข้อบังคับที่กำหนด

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า มีนักเรียนต่างชาติอย่างน้อย 300 คนที่ถูกเพิกถอนวีซ่าในช่วงที่รัฐบาลทรัมป์ใช้มาตรการปราบปรามผู้อพยพเข้าเมือง

“เราทำแบบนั้นทุกวัน ทุกครั้งที่ผมพบคนบ้าพวกนี้ ผมก็จะยึดวีซ่าของพวกเขาไป” เขากล่าวเสริม “ผมหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะหมดวีซ่าไป เพราะเราได้กำจัดพวกเขาทั้งหมดแล้ว แต่เรายังคงตามหาคนบ้าพวกนี้ที่คอยทำลายข้าวของทุกวัน”

นอกเหนือจากผู้ถือวีซ่านักเรียนแล้ว รัฐบาลทรัมป์ยังดำเนินการกับผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย เช่นมะห์มุด คาลิล นักเคลื่อนไหวชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกเพิกถอนกรีนการ์ดจากผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย 

“รัฐมนตรีต่างประเทศตัดสินใจว่ากิจกรรมในต่างประเทศของผู้สมัคร ก่อให้เกิดหรือมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติหรือต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ” รัฐบาลสหรัฐ แถลงการณ์

คำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามนโยบายของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นการเนรเทศชาวต่างชาติที่ถูกมองว่ามี “ทัศนคติเป็นปฏิปักษ์” ต่อสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการปราบปรามสิ่งที่เขาเรียกว่า “การต่อต้านชาวยิว” โดยเฉพาะการประท้วงที่สนับสนุน “ปาเลสไตน์” ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มีการเนรเทศนักศึกษาต่างชาติที่เข้าร่วมการประท้วงดังกล่าว

ทั้งนี้ การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการป้องกันการเข้าประเทศของบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศหรือมีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของสหรัฐฯ รวมถึงการต่อต้านพันธมิตรสำคัญอย่างอิสราเอล โดยกระบวนการตรวจสอบจะรวมถึงนักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นวันที่ฮามาสโจมตีอิสราเอล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top