Sunday, 6 July 2025
ประชาธิปัตย์

‘ชวน’ ประเดิมปราศรัยใหญ่ ลานคนเมืองเย็นนี้ ก่อนเดินหน้าลุยช่วย ‘ปชป.’ หาเสียงทั่วประเทศ

(7 เม.ย.66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การปราศรัยใหญ่ของพรรคฯ ที่ลานคนเมือง กทม.ในวันนี้ (7 เม.ย. 66) ตั้งแต่เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป นอกจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ จะนำทัพผู้สมัคร ส.ส. กทม. ปชป. และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พบปะประชาชนแล้ว นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ประเดิมเป็นครั้งแรกด้วย ก่อนที่จะเดินสายรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั่วประเทศ โดยนายชวน พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวนหนึ่งจะร่วมคณะเดินสายช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส. ปชป. ทั่วประเทศจนเสร็จสิ้นการหาเสียงในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พ.ค. ตามกฎหมายกำหนด ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566

เปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในศึกเลือกตั้ง 2566

เปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในศึกเลือกตั้ง 2566

 

พรรครวมไทยสร้างชาติ
1.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
2.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

พรรคพลังประชารัฐ
1.พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พรรคก้าวไกล
1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พรรคประชาธิปัตย์
1.จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
.
พรรคภูมิใจไทย
1.อนุทิน ชาญวีรกูล

‘ผู้การแต้ม’ โวย!! ป้ายหาเสียงถูกปลด พบป้าย ‘ทสท.’ เสียบแทน เตรียมร้อง กกต.-แจ้งความเอาผิด วอน ทุกพรรคทำตามกติกา

(7 เม.ย. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่  พรรคปชป.แถลงว่า พบว่าป้ายหาเสียงของตนและผู้สมัครของพรรค ปชป.หลายเขตใน กทม.รวมไปถึงป้ายหาเสียงของพรรคอื่น ๆ อาทิ พรรคก้าวไกล (กก.), พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ถูกปลดออกเช่นกัน แล้วกองไว้ในตำแหน่งที่ป้ายดังกล่าวเคยถูกติดตั้ง ซึ่งป้ายที่ถูกนำมาติดตั้งแทนที่นั้น เป็นป้ายหาเสียงของพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)

“ผมมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย และผิดกฎหมายอาญาด้วย เพราะป้ายหาเสียงเป็นทรัพย์สินของผู้สมัคร การมาปลดป้ายหาเสียงไปทิ้งทำลาย ถือว่าเป็นการทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทางพรรค ปชป.จะดำเนินการแจ้งความ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพจากวงจรปิดมาตรวจสอบหาผู้กระทำผิดต่อไป” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า ขอวิงวอนให้ทุกพรรคการเมืองหาเสียงภายใต้กฎกติกา มารยาท และตามกฎหมาย เพราะผู้ที่จะอาสามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน เมื่อขณะเป็นผู้สมัครยังหาเสียงอย่างไม่สุจริต หากได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. แล้ว ตนก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่า ผู้นั้นจะสามารถทำงานได้อย่างซื่อสัตย์สุจริต สำหรับกรณีนี้ตนได้เตรียมหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะนำไปยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

นิพนธ์ ยัน คุณสมบัติครบถ้วน พร้อมแจง กกต.เรียบร้อย เตือน เรืองไกร เป็นผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ ส่อเจตนาใส่ร้ายป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

 วันที่ 7 เมษายน 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการร้องให้กกต.ตรวจสอบเรื่องการขาดคุณสมบัติของตนว่า เรื่องดังกล่าวนั้น ตนได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการอีก 5 ท่านแล้วเมื่อที่ 4 เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงกกต.


  1. กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งที่ 1524/ 2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 
นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 


 2. เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ข้าพเจ้าได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1314/2565 โดยมีคำร้องขอทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งข้าพเจ้าได้ระบุในคำขอทุเลาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าให้คำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในข้อ 1 มีผลบังคับใช้ต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากแม้ปัจจุบันผู้ฟ้องคดีได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว 


  3.เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 เรื่อง ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พ้นจากตำแหน่งในวาระการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น อันมีผลเป็นการชะลอหรือระงับการบังคับตามผลของคำสั่งทางปกครองไว้เป็นการชั่วคราวตามข้อ 72 วรรคสาม และข้อ 69 วรรคสอง ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ทั้งนี้ ศาลได้วินิจฉัยถึงเงื่อนไขในการที่ศาลปกครองจะมีอำนาจออกคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของข้าพเจ้า (ผู้ฟ้องคดี)สรุปความได้ว่า เงื่อนไขประการที่หนึ่ง คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในเงื่อนไขประการที่สองว่า คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การที่ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นกรณีที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้ ดังนั้น การให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง


   4.การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ทำให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวสิ้นผลลงโดยเหตุอื่น ตามมาตรา 42 วรรคสอง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และมีผลทำให้ข้าพเจ้ามิใช่บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกต่อไป


  5.เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 กระทรวงมหาดไทย(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้ทำคำชี้แจงกรณีที่ข้าพเจ้าได้ยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง (ครั้งที่ สาม ต่อศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 1314/2564 รายละเอียดสรุปความได้ว่าการออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาฯ น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายตามแนวคำวินิจฉัยคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 581/2565 จึงยอมรับและไม่คัดค้านคำขอทุเลาตามคำสั่งทางปกครองของข้าพเจ้า

‘ดร.เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ ลุยเขตประเวศ ช่วย ‘กิตพล’ หาเสียง ชู ‘Delta Works Thailand’ สานต่อนโยบายแก้ปัญหาน้ำท่วม

(8 เม.ย. 66) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 1 เขตประเวศ-บึงกุ่ม ลงพื้นที่ตั้งแต่เช้าที่ตลาดพัฒนาการ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และมีพี่น้องประชาชนเข้าทักทายคณะเป็นจำนวนมาก

โดยนายสุชัชวีร์ กล่าวขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครของพรรคได้เข้าไปทำงาน เพื่อผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่ผ่านการตกผลึก และผ่านการคิดนโยบายมาอย่างรอบคอบ ให้ได้นำไปใช้เพื่อพี่น้องประชาชนได้รับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกด้าน ด้วยการ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ส่วนปัญหาน้ำท่วม ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยวิธีแบบเดิม ๆ พิสูจน์มาแล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ น้ำยังคงท่วมอยู่ ตนขอสานต่อนโยบายที่เคยหาเสียงมาตั้งแต่สมัยลงสมัครผู้ว่า กทม.เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม กรุงเทพต้องไม่จมน้ำ ด้วยนโยบาย ‘Delta Works Thailand’ ที่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ด้านนายกิตพลกล่าวว่า ปัญหาสำคัญในพื้นที่ประเวศ คือปัญหาน้ำท่วม ถนนมีสภาพทรุดต่ำในบางช่วง ทำให้น้ำในคลองสายหลักที่มีระดับสูงไหลเข้าท่วมผิวจราจรโดยแนวทางการแก้ไขจุดเสี่ยงน้ำท่วม 8 จุด และจุดเฝ้าระวังน้ำท่วม 3 จุดในพื้นที่ ดำเนินการขุดลอกคูคลองเปิดทางน้ำไหล ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ทำการปรับปรุงถนนและท่อระบายน้ำใหม่แทนของเดิมที่มีการชำรุด ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำให้ดีขึ้น ก่อสร้าง subgate แทนการบล็อกด้วยกระสอบทราย ก่อสร้างเขื่อนป้องกันดินริมคลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ แนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้ ตนได้ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน

‘ชวน’ นำทีมผู้สมัคร บุก 3 ตลาดใหญ่ กลางเมืองชลบุรี อ้อน ปชช. ขอคะแนน หนุน ‘ปชป.’ ทั้งคน ทั้งพรรค

(8 เม.ย. 66) นายชวน หลีกภัย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคฯ ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่ตลาดบ้านโรงโป๊ะ ตลาดพระวัดกระทิงลาย เเละตลาดเก่านาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง ทั้ง 10 เขตเลือกตั้ง พร้อมขอคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.เบอร์ 26 จากประชาชน ก่อนจะขึ้นรถกระจายเสียง เพื่อเดินทางไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วจังหวัดชลบุรี ขอคะแนนสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคฯ และรณรงค์การเลือกตั้ง เชิญชวนให้ประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคน ทั้งพรรค ทั้งบัตร 2 ใบ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

‘ปชป.’ ลุยหาเสียงสุโขทัย ชู แนวคิดสร้างเม็ดเงินให้คนไทย เน้นส่งออก-ท่องเที่ยว โว!! เป็นพรรคเดียวที่คิดหาเงินให้ประเทศ

(8 เม.ย.66) เวลา 13.30 น.ที่ โรงเรียนเมืองเชลียง อำเภอศรีสัชนาลัยจ.สุโขทัย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำทีมประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ออนทัวร์ภาคเหนือ พร้อมด้วยผู้สมัครส.ส.จ.สุโขทัย ประกอบด้วย น.ส.ประภาภรณ์ เชยวัดเกาะ เขต 1 เบอร์ 9 ,-นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล เขต 2 เบอร์ 2 ,นายนราธิป ภูมิถาวร เขต 3 เบอร์ 1 และนายรวม ล้นเหลือ เขต 4 เบอร์ 1 พบปะ พี่น้องประชาชนชาวสุโขทัย

โดยนายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ ว่า มีความมั่นใจ เพราะกระแสเสียงตอบรับในภาพรวมของจ.สุโขทัยดีขึ้นมาก และพี่น้องชาวสุโขทัยต้องการจะเห็นคนใหม่ๆ ได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวสุโขทัยมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นโอกาสสำคัญของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะผู้สมัครของพรรคฯเป็นผู้ที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพทุกเขต หลายคนได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงเหตุผลที่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นแนวนโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ แตกต่างจากพรรคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นแนวประชานิยมอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความแตกต่างอันหนึ่งคือประชาธิปัตย์ ไม่ได้เน้นเรื่องนโยบายแจกฟรี แต่เราเน้นนโยบายในการหาเงินให้กับประเทศ นอกจากการหาเงินให้กับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหาเงินให้ประเทศ หรือการสร้างเงิน ก็ชัดเจนว่า เราจะมุ่งเน้นในการนำเงินเข้าประเทศจากการส่งออก และจากการท่องเที่ยว ซึ่งอย่างน้อยที่สุดตนมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เพราะได้ทำเรื่องการส่งออก และมีตัวเลขชัดเจนว่ารายได้จากการส่งออกเข้าประเทศเกือบ 10 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 30 ปี ส่วนเรื่องท่องเที่ยว ตนก็เคยเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวมาแล้ว และเป็นคนทำแคมเปญ อะเมซิ่งไทยแลนด์ ในยุคต้นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นหลักประกันที่มั่นใจว่า ถ้าเราเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะสามารถสร้างเงินให้ประเทศได้อย่างน้อย 85 ล้านล้านบาท เพื่อจะได้นำเงินนี้มาสร้างเงินให้คนไทย และสร้างคน สร้างอนาคตให้กับประเทศต่อไปได้

“นโยบายแจกเงินมันไม่ยั่งยืน หลายพรรคอาจจะเน้นนโยบายเรื่องของการแจกเงิน บางพรรคอาจจะเน้นถึงขั้นแจก แล้วสุดท้ายก็ยอมรับว่าเอาเงินมาจากการไปขึ้นภาษีจากประชาชน ถ้าเป็นอย่างนั้นสุดท้ายประชาชนก็กลายเป็นห่าน ที่จะโดนถอนขนจนเกลี้ยงในที่สุด เพื่อมาสนองนโยบายพรรคการเมือง อันนี้ก็คือสิ่งที่เราต้องรู้เท่าทัน และต้องระมัดระวังว่าสุดท้ายแล้วกรรมจะตกอยู่กับใคร ถ้ามีนโยบายฉาบฉวยในลักษณะนี้ แต่สำหรับนโยบายของประชาธิปัตย์ เราต้องการสร้างเงินให้ประเทศจริงๆ และมีแนวทางที่ชัดเจน ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะต้องไปขูดรีดภาษีเพิ่มเติมจากประชาชน” นายจุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคปชป.จะทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องตัวเลขที่เกี่ยวพันกับนโยบายอย่างไรนายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายที่เป็นรายละเอียดนั้น ตนมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจได้ และเป็นนโยบายที่โดนใจประชาชน เพราะมีรายละเอียดชัดเจน รวมทั้งรายละเอียดไม่ยาว จากนโยบาย 16 ข้อ ของประชาธิปัตย์ที่ได้ประกาศออกไปแล้ว ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคฯทุกคนก็ยืนยันตรงกันว่า เมื่อนำไปบอกกับชาวบ้านแล้ว ก็โดนใจชาวบ้านและชาวบ้านก็ชอบ เข้าใจง่าย เช่น ประกันรายได้ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด จ่ายเงินส่วนต่าง นโยบายนี้ชาวบ้านมีประสบการณ์อยู่แล้ว รู้ว่าเป็นนโยบายของประชาธิปัตย์ หากต้องการให้นโยบายนี้เดินต่อ ก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์ ส่วนนโยบาย “ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน” ก็ตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ มี 2 ข้อ

‘ประชาธิปัตย์ยุคใหม่’ มั่นใจ!! ปักธงฟ้าเข้าสภาฯ ยกทีม ชู ยกระดับพัทลุง 5 มิติ เสริมจุดแข็งครอบคลุมทั้งจังหวัด

(9 เม.ย. 66) นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 อำเภอกงหรา (ยกเว้น ตำบลชะรัด และตำบลสมหวัง) อำเภอตะโหมด, อำเภอป่าบอน, อำเภอปากพะยูน และอำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงนโยบายการพัฒนา จังหวัดพัทลุง ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ของทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จังหวัดพัทลุง ว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนและศึกษาข้อมูลในพื้นที่อย่างเป็นระบบ ทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จังหวัดพัทลุง ซึ่งประกอบไปด้วย น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, น.ส.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และตน ได้ตกผลึกร่วมกันถึงนโยบายที่จะยกระดับ จังหวัดพัทลุง 5 มิติ ซึ่งถือว่าบ้านของเราเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาต่อยอด แต่ยังขาดการบูรณาการร่วมกันและประสานงานกันอย่างเป็นรูปธรรมของ ส.ส.ทั้ง 3 เขต จึงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับโอกาสที่สูญเสียไปในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ ทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่จะใช้จุดแข็งของความเป็นทีมคนรุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกันและลงพื้นที่คลุกคลีกับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มาขอโอกาสทำงานเพื่อคนพัทลุง เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนจะไว้วางใจและร่วมกันปักธงฟ้าทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ทั้ง 3 เขต

นายร่มธรรม กล่าวว่า สำหรับนโยบายยกระดับจังหวัด 5 มิติ ของทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่นั้น มีวิสัยทัศน์ว่า ‘พัทลุงหรอยดี’ คือส่งเสริมของดีของเด่นใน จ.พัทลุง ทำให้ประชาชนมีความสุข เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและดีกว่าเดิม ดังนี้

มิติที่ 1 การเดินทางดี โดยการผลักดันและประสานงานการทำถนนเลี่ยงเมือง รอบเมืองครบ 4 สาย และผลักดันการสร้างสนามบินพัทลุง เพื่อเสริมศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ จ.พัทลุง อย่างเต็มรูปแบบ

มิติที่ 2 การท่องเที่ยวดี โดยจะผลักดันและพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.พัทลุง ทั้งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเชิงวัฒนธรรม โดยมีรัฐทำหน้าที่สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน, Free wifi, sky walk และกระเช้า ตามศักยภาพของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง เพิ่มที่จอดรถชมวิวบนสะพานเฉลิมพระเกียรติทะเลน้อย-ระโนด ส่งเสริมกีฬาทางน้ำในทะเลสาบสงขลา และสร้างการรับรู้ รวมถึงพัฒนาให้ จ.พัทลุงเป็นเมืองท่องเที่ยวและจุดมุ่งหมายของการพักผ่อนหลังเกษียณ

มิติที่ 3 สินค้าดี โดยการผลักดันและประสานงานการทำเกษตรพรีเมี่ยม เกษตรอินทรีย์ เกษตรแปรรูป เกษตรหลากหลาย พร้อมส่งเสริมการจดทะเบียน GI ข้าวเหนียวดำหมอ, เล็บนก, ดีปรีชี, จำปาดะ และอื่น ๆ ผลักดันการก่อสร้างศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประมงน้ำกร่อย สร้างสะพานปลา ท่าเทียบเรือ ตลาดนัดปลา ริมทะเลสาบ เร่งดำเนินการให้พัทลุงเป็นเมืองหลวงด้านปศุสัตว์ภาคใต้ โดยการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมโคนมและโคเนื้อ นอกจากนี้จะมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ งานทำมือ ศิลปะ วัฒนธรรม สินค้าแปรรูป สินค้าของคนพัทลุง พร้อมจัดตั้งตลาดศูนย์กลางการเกษตรเพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าที่สำคัญของจังหวัดไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

ทีมเศรษฐกิจ ปชป. โชว์แนวทางขับเคลื่อน ศก.ไทย ชูใช้เงิน กบข.-กองทุนสำรองฯ 3 แสนล้าน ให้เกิดสภาพคล่อง

(10 เม.ย.66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลง ‘อัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ใครได้อะไร’ โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงินทั่วไป ๆ ประชาธิปัตย์มองภาพรวมว่าเศรษฐกิจจะมีทิศทางและต้องเดินต่อไปอย่างไร โดยการดูแลเศรษฐกิจมหาภาค ซึ่งสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอ ต้องการจะให้เศรษฐกิจโตถึง 5 เปอร์เซนต์ ให้ขยายตัวตามศักยภาพที่เรามีอยู่ ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจภาพรวมโตอย่างน้อย 5 เปอร์เซนต์ หากโตไม่ถึงก็จะไม่เป็นแรงจงใจนักลงทุน และไม่มีเงินมาดูแลคนในประเทศ ดังนั้นการให้เศรฐกิจโตอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาเรามาผิดทางเพราะเราไปกระตุ้นให้คนใช้จ่ายโดยที่ใช้จ่ายหมดเปลือง ดังนั้นเราจึงต้องกระตุ้นโดยการนำเงินเก่าที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ ให้ได้ถึง 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน ไม่ใช่ไปกู้หรือไปก่อหนี้ ดังนั้นสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอจะต่างจากสิ่งที่รัฐบาลทำมา 

นายพิสิฐ กล่าวต่อว่า หลายพรรคการเมืองมีการพูดเศรษฐกิจโต 5 เปอร์เซนต์ แต่ไม่บอกว่าโตอย่างไร ได้แต่บอกว่าเอาเงินใส่เข้าไปเพื่อใช้จ่าย แต่บอกว่าว่าใช้จ่ายแล้วจะเกิดอย่างไร แต่ประชาธิปัตย์ มีกลไกลที่ทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างปัญหาในอนาคต และพยายามให้หนี้อยู่ในกรอบ เพราะหลายพรรคเสนอวิธีการแก้ปัญหาหนี้โดยการการพักหนี้ บายพลาสระบบเครดิตบูโร ทั้งหมดทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลง หากทำแบบนี้ใครจะกล้าเอาเงินใหม่เข้ามา ถ้าเราใส่ทุนเข้าไปเศรษฐกิจจะมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยเงิน 1 ล้านล้านบาท จะมีทั้งระดับรากหญ้าโดยผ่านธนาคารหมู่บ้าน ชนชั้นกลางโดยการปลดล็อก กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เอ็สเอ็มอีและสตาร์ทอัพ โดยเงินก้อนแรกธนาคารหมู่บ้าน ชุมชนละ 2 ล้านบาท ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) มีเงินอยู่แล้ว และเวลานี้รัฐบาลเป็นหนี้ ธกส. อยู่ 8 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลต้องคืนหนี้ธกส. แล้ว ธกส. จะเอาเงินนี้มาใช้เรื่องนี้ได้ และถ้าทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน มีเงินเข้าไปในระบบ โดยมีออมสิน และ ธกส. เข้าไปช่วยกำกับเรื่องบัญชี เราก็จะมีระบบสถาบันการเงินที่ให้ประโยชน์อ่างแท้จริงในระดับรากหญ้า 

‘ชวน’ ฟิต!! ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ช่วย ‘แนน ศิริภา’ หาเสียงย่านคลองสาน ขอโอกาส ปชช. เลือกทั้งคนทั้งพรรค

(11 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ตลาดสมเด็จฯ ย่านคลองสาน นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ลงพื้นที่ ช่วยหาเสียงให้ กับ น.ส. ศิริภา อินทวิเชียร ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ หมายเลข 11 พรรคปชป.

โดยนายชวน เดินแจกเอกสารแนะนำตัวด้วยตัวเอง และใช้ไมโครโฟนขอคะแนนเสียงไปตามชุมชน และตามตลาด พร้อมพบปะพ่อค้าแม่ค้า โดยมีประชาชนมาให้กำลังใจและขอถ่ายรูปจำนวนมาก ก่อนขึ้นรถปราศรัยหาเสียงไปตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อขอคะแนนเสียงให้ กับ น.ส.ศิริภา ซึ่ง นายชวน ฝากให้ทุกคนช่วยกันเลือก น.ส. ศิริภา หรือ แนน เข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ เพราะเป็นบุคคลที่ตนเองสนับสนุนให้ลงเลือกตั้งครั้งนี้ เรื่องจากเป็นคนดี เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ เคยทำหน้าที่เป็นเลขาฯของตนระหว่างเป็นประธานสภาฯด้วย เชื่อว่าจะสามารถนำความรู้ ประสบการณ์มาทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top