‘ปชป.’ ลุยหาเสียงสุโขทัย ชู แนวคิดสร้างเม็ดเงินให้คนไทย เน้นส่งออก-ท่องเที่ยว โว!! เป็นพรรคเดียวที่คิดหาเงินให้ประเทศ

(8 เม.ย.66) เวลา 13.30 น.ที่ โรงเรียนเมืองเชลียง อำเภอศรีสัชนาลัยจ.สุโขทัย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำทีมประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ออนทัวร์ภาคเหนือ พร้อมด้วยผู้สมัครส.ส.จ.สุโขทัย ประกอบด้วย น.ส.ประภาภรณ์ เชยวัดเกาะ เขต 1 เบอร์ 9 ,-นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล เขต 2 เบอร์ 2 ,นายนราธิป ภูมิถาวร เขต 3 เบอร์ 1 และนายรวม ล้นเหลือ เขต 4 เบอร์ 1 พบปะ พี่น้องประชาชนชาวสุโขทัย

โดยนายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ ว่า มีความมั่นใจ เพราะกระแสเสียงตอบรับในภาพรวมของจ.สุโขทัยดีขึ้นมาก และพี่น้องชาวสุโขทัยต้องการจะเห็นคนใหม่ๆ ได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวสุโขทัยมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นโอกาสสำคัญของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะผู้สมัครของพรรคฯเป็นผู้ที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพทุกเขต หลายคนได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงเหตุผลที่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นแนวนโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ แตกต่างจากพรรคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นแนวประชานิยมอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความแตกต่างอันหนึ่งคือประชาธิปัตย์ ไม่ได้เน้นเรื่องนโยบายแจกฟรี แต่เราเน้นนโยบายในการหาเงินให้กับประเทศ นอกจากการหาเงินให้กับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหาเงินให้ประเทศ หรือการสร้างเงิน ก็ชัดเจนว่า เราจะมุ่งเน้นในการนำเงินเข้าประเทศจากการส่งออก และจากการท่องเที่ยว ซึ่งอย่างน้อยที่สุดตนมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เพราะได้ทำเรื่องการส่งออก และมีตัวเลขชัดเจนว่ารายได้จากการส่งออกเข้าประเทศเกือบ 10 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 30 ปี ส่วนเรื่องท่องเที่ยว ตนก็เคยเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวมาแล้ว และเป็นคนทำแคมเปญ อะเมซิ่งไทยแลนด์ ในยุคต้นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นหลักประกันที่มั่นใจว่า ถ้าเราเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะสามารถสร้างเงินให้ประเทศได้อย่างน้อย 85 ล้านล้านบาท เพื่อจะได้นำเงินนี้มาสร้างเงินให้คนไทย และสร้างคน สร้างอนาคตให้กับประเทศต่อไปได้

“นโยบายแจกเงินมันไม่ยั่งยืน หลายพรรคอาจจะเน้นนโยบายเรื่องของการแจกเงิน บางพรรคอาจจะเน้นถึงขั้นแจก แล้วสุดท้ายก็ยอมรับว่าเอาเงินมาจากการไปขึ้นภาษีจากประชาชน ถ้าเป็นอย่างนั้นสุดท้ายประชาชนก็กลายเป็นห่าน ที่จะโดนถอนขนจนเกลี้ยงในที่สุด เพื่อมาสนองนโยบายพรรคการเมือง อันนี้ก็คือสิ่งที่เราต้องรู้เท่าทัน และต้องระมัดระวังว่าสุดท้ายแล้วกรรมจะตกอยู่กับใคร ถ้ามีนโยบายฉาบฉวยในลักษณะนี้ แต่สำหรับนโยบายของประชาธิปัตย์ เราต้องการสร้างเงินให้ประเทศจริงๆ และมีแนวทางที่ชัดเจน ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะต้องไปขูดรีดภาษีเพิ่มเติมจากประชาชน” นายจุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคปชป.จะทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องตัวเลขที่เกี่ยวพันกับนโยบายอย่างไรนายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายที่เป็นรายละเอียดนั้น ตนมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจได้ และเป็นนโยบายที่โดนใจประชาชน เพราะมีรายละเอียดชัดเจน รวมทั้งรายละเอียดไม่ยาว จากนโยบาย 16 ข้อ ของประชาธิปัตย์ที่ได้ประกาศออกไปแล้ว ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคฯทุกคนก็ยืนยันตรงกันว่า เมื่อนำไปบอกกับชาวบ้านแล้ว ก็โดนใจชาวบ้านและชาวบ้านก็ชอบ เข้าใจง่าย เช่น ประกันรายได้ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด จ่ายเงินส่วนต่าง นโยบายนี้ชาวบ้านมีประสบการณ์อยู่แล้ว รู้ว่าเป็นนโยบายของประชาธิปัตย์ หากต้องการให้นโยบายนี้เดินต่อ ก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์ ส่วนนโยบาย “ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน” ก็ตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ มี 2 ข้อ

1.คนที่มีที่ดินเป็นของตัวเองแต่ออกโฉนดไม่ได้ ปัญหายืดเยื้อมายาวนาน ถ้าประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ เราจะขับเคลื่อนการออกโฉนดที่ดินให้ได้ 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี เพราะที่ผ่านมาเราพิสูจน์แล้วว่า เราทำได้ 3 แสนกว่าแปลง และ 2. คนที่ทำกินในที่ดินของรัฐ เราจะออกกรรมสิทธิ์ทำกิน ให้คนที่ทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐ

“เท่านี้ชาวบ้านก็เข้าใจ เพราะชาวบ้านจำนวนมากทำกินอยู่ในป่าสงวน หรืออยู่ในที่ดินของรัฐ แต่ไม่ได้หมายความว่าชาวบ้านบุกลุกป่า บางครั้งพวกเขาอยู่มานาน พอตื่นเช้ามามีเจ้าหน้าที่ไปขีดวง ทำให้บ้านของเขากลายเป็นป่าสงวนไปแล้ว แต่ประชาธิปัตย์จะมาช่วยปลดล็อคเรื่องนี้ให้หากเราได้เป็นนายกฯ รวมไปถึงเรื่องการศึกษา ประชาธิปัตย์เป็นคนเริ่มต้นนโยบายเรียนฟรี อย่างมีคุณภาพ มีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่ตั้งขึ้นสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถเรียนต่อจนจบปริญญาตรี พอมาถึงยุคนี้หากแคนดิเดตของประชาธิปัตย์ได้เป็นนายกฯ เราจะต่อยอดไปอีกว่า หากใครเรียนปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ ก็จะให้เรียนฟรี เพื่อไปสนองความต้องการของตลาดแรงงาน และพัฒนาประเทศ เพราะเราต้องการส่งเสริมให้คนเรียนในสาขาที่ตลาดต้องการ ซึ่งชัดเจนว่านโยบายของประชาธิปัตย์ทั้งหมดสามารถจับต้องได้ ทำได้ไว ทำได้จริง และยืนยันว่าทำได้เลย โดยเฉพาะเรื่องนี้ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี” นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่า การที่เบอร์ของผู้สมัคร และเบอร์พรรค เป็นคนละเบอร์กัน อาจทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสนได้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง ทุกพรรคประสบปัญหาเดียวกัน เพราะกฎหมายไม่ยอมทำตามสิ่งที่พวกเราเสนอว่า ไม่ว่าใครจะลงสมัครเขตไหน ถ้าพรรคเดียวกันก็ขอให้ได้เบอร์เดียวกัน และบัญชีรายชื่อก็ขอให้ได้เบอร์เดียวกันทั่วทั้งประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนจดจำง่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมกัน แล้วทำให้เกิดความสับสน เพราะผู้สมัครเขตก็จะคนละเบอร์กันหมด เพราะฉะนั้นใครอยู่เขตไหนก็ต้องจำว่าผู้สมัครประชาธิปัตย์เขตตัวเองนั้นเบอร์อะไร และอีกเบอร์ที่ต้องจำคือเบอร์พรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คือเบอร์ 26