Saturday, 19 April 2025
บิ๊กป้อม

‘บิ๊กป้อม’ สั่งคุมเข้ม ‘มาตรการทำเหมืองแร่’ ย้ำหลักใช้แร่อย่างยั่งยืน - เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

(15 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับรายงาน แนวทางการดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมเมืองแร่ โดยจะมีการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมรับสมัคร เพื่อรับรางวัลเหมืองแร่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งจัดให้มีกิจกรรมเหมืองแร่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาล ประจำปี พ.ศ.2566 และรับทราบ รมว.ทส. ได้เข้าร่วมการประชุมเสวนาโต๊ะกลม ระดับรัฐมนตรี ณ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ในหัวข้อบทบาทของรัฐบาลในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่สำคัญ และการพัฒนาอุตสาหกรรม อย่างยั่งยืน 

พร้อมทั้งได้กล่าวปาฐกถาแสดงบทบาทของไทย ในเวทีระดับโลกต่อการพัฒนาแร่ โดยใช้หลักการใช้ทรัพยากรแร่อย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยึดหลัก BCG Model และแนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์แร่ อย่างคุ้มค่าเพื่อให้ เป็นสมบัติของคนรุ่นต่อไป โดยเน้นกระบวนการรีไซเคิล และอัปไซเคิล เพื่อลดการใช้ทรัพยากรแร่ และได้มีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความร่วมมือในการสร้างศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านการพัฒนาแร่ธาตุที่สำคัญ ระหว่างภูมิภาค แอฟริกา-เอเชียตะวันตก-เอเชียกลาง

‘บิ๊กป้อม’ ปัดเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ ยัน!! กินข้าวกับ ‘ภูมิใจไทย’ ไร้การเมือง

(15 มี.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงอาการปวดท้องว่าหายหรือยัง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “หายแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อช่วงเที่ยงในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทานข้าวพูดคุยกันปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ส่วนที่กินข้าวกับนายอนุทิน เมื่อกินข้าวด้วยกันก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนย้อนถามสื่อว่า “ทำไม กินไม่ได้หรือ?”

เมื่อถามว่าได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า “คุยกัน กินข้าวอยู่ด้วยกัน”

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการไปพูดคุยกันอาจจะเป็นขั้วการเมืองใหม่ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น”

‘บิ๊กป้อม’ เปิดตัว ‘ธีระชัย-ม.ล.กรกสิวัฒน์’ เสริมทัพ ศก. มั่นใจ!! แก้ปัญหาปากท้อง ปชช. ให้อยู่ดี-มีกินได้แน่นอน

(15 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. เดินทางเข้าที่ทำการพรรค มีขบวนรถของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เดินทางมาด้วย โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวทักนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค ว่า “ทำไม ไม่ไปกินข้าวผม ลืมรึ ที่ไปกินกับภูมิใจไทย” ซึ่งนายสันติ ได้แต่ยิ้มรับ โดยไม่ตอบ

จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ร่วมแถลงเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพปชร.มีความยินดีที่ได้ทีมเศรษฐกิจทั้ง 2 ท่าน ที่มีความสามารถทั้งด้านเศรษฐกิจ และพลังงาน ที่พร้อมทำงานเพื่อพรรค และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนเป็นสำคัญ ต้องขอบคุณที่มาร่วมทำงาน พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า เรามีทีมเศรษฐกิจเพียงพอแล้ว เราพร้อมแก้ปัญหาให้บ้านเมือง ให้ประชาชนให้สามารถอยู่ดีกินได้  และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ฝากสื่อมวลชนช่วยบอกเพื่อนฝูงว่าพรรคเรามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ทั้ง 2 คน เป็นบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว นายธีรชัย เป็นอดีตรมว. คลัง และมล.กรกสิวัฒน์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน และหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยพรรคผลิตนโยบาย และแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อประชาชน เพื่อให้พรรคเป็นที่หวังของประชาชนในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวหน้าพรรคพปชร. ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกนโยบายเราจะทำทันที และเห็นผลทันที 

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ขอบคุณพล.อ.ประวิตร ที่เชิญให้ตนเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคพปชร.และสาเหตุที่ตัดสินใจตอบรับ เพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะเผชิญปัญหาใหญ่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดมาชายฝั่งประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งจากปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลก รวมถึง การบริหารประเทศต้องเพิ่มนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง และต้องเพิ่มได้นโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง และการเปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องคิดออกไปนอกกรอบเดิม ๆ รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้นายทุนเข้ามาใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ส่วนตน ทำให้ภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศตกต่ำ ฟื้นไม่ขึ้น และสังคมขาดความเป็นธรรม
 
"ผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พรรคที่จะแก้ปัญหาได้ ก็คือพรรคพปชร. เพราะจะมีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน สร้างสมดุลระหว่างนายทุนกับประชาชน และเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่สุดกู่ รวมถึงนโยบายขจัดความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้ ก็สอดคล้องกับแนวคิดของผม ดังนั้นผมจึงเข้ามาในพรรคพปชร. เพื่อจะนำเสนอนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะทำได้จริง ที่จะสร้างสมดุลประชาชนกับนายทุน ที่จะปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวเจ้าของ และเป็นนโยบายที่จะมองกว้างไกล เพื่อจะให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน" อดีตรมว.คลัง กล่าว

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน ที่ได้กรุณาเชื้อเชิญให้ตนเข้ามาร่วมงานกับพรรค ตนทราบว่าพรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจไม่ใช่แค่การลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย แต่จะเป็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบอย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อตนได้พูดคุยกับพลเอกประวิตร พบว่า ท่านมีความใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นที่ตนนำเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่ 

"ผมมั่นใจว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่พรรคจะทำให้ประชาชน จะมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการที่ว่า พลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่พรรคมีเจตจำนง " ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว 

'อนุทิน' ปัด!! ร่วมมื้อเที่ยง 'บิ๊กป้อม' ขู่คู่แข่ง ยันคุยได้ทุกพรรค แย้ม!! เงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลครั้งหน้า กม.กัญชาต้องผ่าน

(16 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวานนี้ (15 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์รายการ ‘ลึกจากสนามข่าว’ ทาง FM 96.0 ชี้แจงกรณีปรากฏภาพแกนนำพรรคภูมิใจไทย ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างชื่นมื่นว่า ไม่ได้มีนัยทางการเมือง แต่เป็นการนัดกันล่วงหน้านานแล้ว ตั้งแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค เดินทางไปพบกับ พล.อ.ประวิตร ในช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครสวรรค์ และเห็นว่าไม่ได้กินข้าวกับ พล.อ.ประวิตร นานแล้ว ตนจึงได้โทรศัพท์ไปย้ำนัดกันอีกครั้ง ก่อนพบว่ามีเวลาตรงกัน ตนพร้อมคณะจึงได้เข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร และร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง แลกเปลี่ยนความพร้อมของทั้งสองพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งพล.อ.ประวิตรก็สอบถามถึงการประเมินตัวเลข ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ตนก็แจ้งว่าน่าจะได้ประมาณ 70 คน ซึ่งท่านก็เห็นว่า ตรงกับผลโพลล์ที่ออกมา พร้อมปฏิเสธพูดคุยถึงการจับขั้วการเมืองใหม่ เพราะปัจจุบันทั้งพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐเป็นขั้วเดียวกัน คือ ขั้วรัฐบาลอยู่แล้ว

“ผมไปกินข้าวกับผู้จัดการรัฐบาลมันมหัศจรรย์ตรงไหน ถ้าไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทยค่อยตื่นเต้นกันหน่อย การนัดกินข้าวร่วมกันของนักการเมืองในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการนำภาพที่ผมไปกินข้าวเที่ยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ถูกเว้นวรรคปฏิบัติหน้าที่ ไปวิพากษ์วิจารณ์ แต่ผมเห็นว่าทางการเมืองเราสามารถพบปะพูดคุยกันได้ วันนี้ผมโทรไปนัดใคร หรือใครโทรมานัดผมกินข้าว ผมไปหมด หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลไปกินข้าว ผมคิดว่าก็ต้องไป เพราะการนัดกินข้าวก็ไม่ใช่ว่าจะต้องร่วมหัวจมท้ายกัน” นายอนุทิน ระบุ

‘บิ๊กป้อม’ พอใจ บริหารจัดการน้ำคืบหน้า ย้ำ ทุกฝ่ายต้องตื่นตัว สั่งเร่งพัฒนาแหล่งเก็บน้ำทุกพื้นที่ รองรับสภาพอากาศผกผัน

(16 มี.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 1/66 มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำ หลังจากลงตรวจกำกับในหลายพื้นที่

โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 66 และแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม ปี 66 โดยใช้แนวทางปี 65 ไปพลางก่อน ซึ่งให้ความสำคัญกับหน่วยรับผิดชอบหลัก และหน่วยสนับสนุนการจัดเตรียมและการใช้ประโยชน์ข้อมูล, การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดจากภาวะน้ำท่วม, การจัดทำระบบเตือนภัยและการเผยแพร่ข้อมูลกับประชาชน, วิธีการระบายน้ำที่รวดเร็วและถูกต้องตามหลักวิชาการ, การกักเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ และการประสานงานระหว่างหน่วยงาน

‘บิ๊กป้อม’ นำทีมเศรษฐกิจ พปชร.เยือนหอการค้าไทย-จีน รับฟัง-แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สู่การพัฒนา ศก.อย่างยั่งยืน

(16 มี.ค. 66) ที่หอประชุมใหญ่ ชั้น 9 หอการค้าไทย-จีน ถนนสาทรใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรค, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เหรัญญิกพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายอภิชัย เตชะอุบล และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน ร่วมพบปะหอการค้าไทย-จีน เพื่อร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีน ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนการท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่างสองประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีนให้การต้อนรับและกล่าวขอบคุณคณะของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนหอการค้าไทย-จีน ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและจีน และอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ให้แก่นักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และสานต่อภารกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในทุกมิติ หอการค้าไทย-จีน มีหน้าที่สร้างเวทีใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกหลังยุคโควิด ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ภายใต้วิกฤต และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแบบพหุภาคีและหลากหลายรูปแบบของความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อเปิดยุคใหม่ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในโลกในยุคใหม่

‘ลุงป้อม’ ลงใต้ เยือน ‘ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส’ ดันโครงการ ‘ศูนย์กลางผลิตอาหารฮาลาลของโลกมุสลิม’

(17 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมช.กห. และคณะ ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อไปปฏิบัติราชการในการประชุมสัญจร กพต. และตรวจ ติดตาม โครงการสำคัญตามแผนงาน พื้นที่ 3 จชต.

โดยเมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางถึง หมู่บ้านกำปงบารู ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานพิธี เปิดศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มมาตรฐานการเลี้ยงวัว ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จชต. และมอบพันธุ์กระถิน, หญ้าเนเปียร์ ให้แก่เกษตรกร โดยได้กล่าวเปิดงาน ในฐานะประธาน กพต. ที่ต้องการสร้างอาชีพ เศรษฐกิจ และรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้อยู่ดีกินดี และเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาล ของโลกมุสลิม ต่อไป

จากนั้น ได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมทั้งได้ทำการมอบผ้าละหมาด และอินทผาลัมแก่ผู้แทน หน่วยงาน/องค์กร ในพื้นที่ 5 จชต. บริเวณห้องโถงอาคาร ม.ราชภัฎยะลา ซึ่งได้มีผู้แทนกล่าวขอบคุณ ในโอกาสที่ท่านให้การช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ 

‘ลุงป้อม’ ลุยใต้ ขอบคุณ ปชช.ร่วมช่วยพัฒนาท้องถิ่น พร้อมหนุนค่าอาหารกลางวันเด็ก-ค่าจ้างครูอย่างต่อเนื่อง      

(17 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรีไทย เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไทย พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จังหวัดยะลา) โดยในช่วงบ่ายได้พบปะผู้นำศาสนา และเครือข่ายโรงเรียนตาดีกา รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ณ โรงเรียนประสานวิทยามูลนิธิ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับ และให้ความร่วมมือ ช่วยกันพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้สันติสุข ในการดำรงชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเจตจำนงในการเดินทางมาพบในครั้งนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมการดำรงชีวิตตามหลักการศาสนาของพี่น้องมุสลิม สนับสนุนค่าอาหารกลางวันตาดีกาต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มจำนวนครูผู้สอนให้เหมาะสมกับสัดส่วนนักเรียน และอื่น ๆ รวมทั้งการสนับสนุนครูโรงเรียนเอกชน ให้มีสิทธิ และการเพิ่มค่าตอบแทน/ค่าเสี่ยงภัยครู และผู้บริหารด้วย

‘บิ๊กตู่’ ลุยภูเก็ต ดูความพร้อมไทยเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 ฟาก ‘บิ๊กป้อม’ นำทีมบุกเชียงใหม่ ปราศรัยใหญ่ 19 มี.ค. นี้

(18 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 19 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ. ภูเก็ต โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ โดยจุดแรกตรวจติดตามความพร้อมการเตรียมการของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานภูเก็ต แล้วไปยังสถานที่จัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้โครงการ 'ป่าในเมือง' ที่ชุมชนกิ่งแก้ว เทศบาลต.รัษฎา อ.เมือง และไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง รับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์เรื่อง 'อันดามันพร้อม' โดยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจ.ภูเก็ต จากนั้น นายกฯกล่าวแสดงทรรศนะและมอบทิศทางอนาคตอันดามัน จากนั้น เดินทางกลับกทม.

ทัพใหญ่ 'พปชร.' ปราศรัยหนุนผู้สมัคร ส.ส.กทม.33 เขต ลั่น!! พปชร. เป็นรัฐบาล 'ขจัดฝุ่นพิษ-ปลดหนี้-เพิ่มรายได้' ทันที

(18 มี.ค.66) พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.ภายใต้ชื่อ 'พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ' นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก, นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

โดย พรรคพลังประชารัฐได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย...
เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง
เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์
เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ 
เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ 
เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน 
เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร  
เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช 
เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ 
เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ 
เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล
เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค
เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น 
เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ  
เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล  
เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง 
เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร
เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี 
เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา 
เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี
เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ
เขต 22 สวนหลวง ประเวศ  นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ 
เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน 
เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา 
เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ 
เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล  
เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง 
เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ 
เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์
เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน 
เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ 
และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

จากนั้นเมื่อเวลา 17.20 น.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่ตนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 61 และ คน กทม. ก็ให้ความไว้วางใจกับพรรคของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรผู้สมัครคุณภาพทั้ง 33 เขต มาผสมกับผู้สมัครรุ่นเก๋าที่จะมาร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น ครั้งนี้ถือเป็นเวทีเป็นไม้แรก ของขุนพลพลังประชารัฐ กทม. ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ประกาศเปิดตัวทั้ง 33 เขต มั่นใจถึงความพร้อมทั้งตัวบุคคลและนโยบาย ตนขึ้นเวทีเป็นคนแรกเพื่อบอกว่า พปชร.ในอดีตที่พี่น้องกทม.ให้ความไว้วางใจ มี ส.ส.กทม.12 คน ตนจึงเป็นสัญลักษณ์ว่าในอดีตที่พี่น้องให้กำลังใจนั้น วันนี้มาเชื่อมโยงให้การเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จ ซึ่งพรรคคัดผู้สมัครคุณภาพ 33 เขต ผสมผสานระหว่างผู้สมัครตัวเก๋า และ รุ่นใหม่ที่จะเป็นขวัญใจพี่น้องกทม. 

"แน่นอนว่า ปัญหาของ กทม. ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น คือเรื่องมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับผู้สูงอายุรวมไปถึงเด็ก ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางระบบหายใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคประชารัฐจะนำอากาศบริสุทธิ์ กลับคืนมาให้กับคนไทยทุกคน เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือปัญหาเร่งด่วน เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญของคนทุกชนชั้น ขอให้ทุกคนไว้วางใจผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เลือกพวกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทุกคนทั้ง 33 เขต เพราะพลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคของเรา ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะต้องได้รับการแก้ไขทั้งพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศ" สนธิรัตน์ กล่าว

ต่อมาในเวลา 17.30 น. นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย กล่าวปราศรัยว่า "วันนี้เรามาเพื่อแสดงเจตจำนงว่า เราจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพและทุกจังหวัดของประเทศไทย กทม.ต้องเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นศูนย์กลางของเกือบทุกกิจกรรม ถ้าให้นำไปเทียบกับนานาประเทศแล้ว ต้องบอกว่ากรุงเทพของเราไม่น้อยหน้าประเทศไหน

"ขอพูดถึงนโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา ทั้งนี้ เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้" นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวอีกว่า พรรคพปชร. จะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top