Tuesday, 8 April 2025
บิ๊กป้อม

‘บิ๊กป้อม’ ประกาศ ‘พลังประชารัฐ’ เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย อุดมการณ์แน่วแน่ ‘ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส’

(26 เม.ย. 67) พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตัวแทนภาค และตัวแทนสาขา และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพปชร., ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์, นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดการประชุมว่า สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน วันนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังประชารัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 43 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องจัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองเพื่ออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขา พรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด สมาชิกพรรค จำนวนทั้งหมด เกินกว่า 250 คนครบองค์ประชุม ตามที่กฎหมายกำหนด

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามอุดมการณ์และเจตจำนงของพรรคทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีสวัสดิการที่ดี มีรายได้ มีความสุข ทุกครอบครัว และเพื่อเร่ง พัฒนาประเทศ ให้เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พรรคฯ เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น พรรคจึงได้เตรียมปรับตัวเองให้สอดรับกับสถานการณ์ และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับ ของพี่น้องประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ ให้มากยิ่งขึ้น

”วันนี้พรรคพลังประชารัฐจึงขอประกาศตัวเองว่า เราขอเป็นพรรค ‘อนุรักษ์นิยมทันสมัย’ ที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ ในการปกป้องสถาบันและบริหารเศรษฐกิจ ที่ทันสมัยเพื่อสร้างชีวิตที่สดใส ให้กับคนไทย ทั้งประเทศ 66 ล้านคน ด้วยสโลแกนใหม่ ที่เห็นอยู่บนเวทีนี้ คือ ‘ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส’ โดยเมื่อถึงเวลา ที่เหมาะสมซึ่งอีกไม่นานนัก พรรคจะได้ประกาศรายละเอียดทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง”

สำหรับการประชุมดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดให้พรรคการเมืองมีการจัดประชุมเพื่อรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีและงบการเงินของพรรคการเมือง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาในหลายประเด็น โดยเฉพาะการแก้ไขข้อบังคับเรื่องระเบียบการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขับเคลื่อนพรรคให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันตามแนวทาง ‘อนุรักษ์นิยมทันสมัย’

จากนั้น นายไพบูลย์ ได้แถลงผลการประชุม ซึ่งในการประชุมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีวาระการพิจารณาที่สำคัญ เรื่องการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย แก้ไขข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2566 มีการแก้ไข 9 ข้อ และจากการพิจารณาตรวจสอบงบการเงินประจำปี 2566  ผลการดำเนินงานได้ดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานการดำเนินงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ซึ่งพรรคพปชร. มีรายได้ทั้งสิ้น 321.875 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 328 ล้านบาท ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 60,970 ราย

'ลุงป้อม-พปชร.' ค้านสุดตัว นิรโทษฯ เหมาเข่งคดี 112 ยัน!! จุดยืนสำคัญของพรรค คือ การปกป้องสถาบันฯ

(31 พ.ค. 67) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ในการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่นั้น ว่า “จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ตั้งแต่ต้นคือเราไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้มีการนำมาตรา 112 มาอยู่ในการนิรโทษกรรม เพราะหลักการที่สำคัญที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร คือ การปกป้องสถาบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

‘บิ๊กป้อม’ ต่อสาย ‘โค้ชเช’ ขอบคุณพาไทยคว้าเหรียญทองเทควันโด พร้อมอวยพรวันเกิด ‘น้องเทนนิส’ ขอให้มีความสุข สมหวังทุกประการ

(8 ส.ค. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังนายชัชชัย เช หรือโค้ชเช หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย โดยขอเป็นตัวแทนของคนไทยขอบคุณและแสดงความยินดีกับ เรืออากาศโทพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือน้องเทนนิส โค้ชเช และสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ที่สามารถคว้าเหรียญทองเทควันโด ประเภทหญิงเดี่ยวรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ให้กับประเทศไทย และยังเป็นการป้องกันแชมป์ได้อีกหนึ่งสมัยด้วย 

โดยพลเอกประวิตร ได้ฝากสุขสันต์วันเกิดน้องเทนนิส และขอให้มีความสุข สมหวังทุกประการ และขอต้อนรับการเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยความชื่นชมยินดีและภาคภูมิใจที่ทีมเทควันโดได้สร้างความสุขให้กับประชาชนคนไทย

'ลุงป้อม' ปลื้ม!! นักกีฬาโอลิมปิก ครั้งนี้ทำดีที่สุดแล้ว ขอให้มุ่งมั่นต่อไป พร้อมบ่นสื่อ "ถามอะไรก็ไม่รู้' หลังถูกซักเรื่อง 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกฯ

(16 ส.ค.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนศรีอยุธยา กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เปิดห้องรับรองสำนักงานคณะกรรมการฯ เลี้ยงต้อนรับและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคม เข้าร่วม

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พล.อ.ประวิตร ได้ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกกับบรรดานักกีฬา รวมถึงเซลฟี่กับ น้องเทนนิส น.ส.พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่ได้เหรียญทองในครั้งนี้ รวมถึงทำท่าซารางเฮโย กับโค้ช ชัชชัย เช อย่างอารมณ์ดี

จากนั้นเวลา 12.15 น. พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังงานเลี้ยงรับรองนักกีฬาโอลิมปิกถึงการพูดคุยกับนักกีฬา ว่า ให้กำลังใจเขา แล้วสื่อให้กำลังใจเขาหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องพัฒนานักกีฬาเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเข้าร่วมโอลิมปิกในครั้งหน้าอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องทำให้ได้เหรียญมากขึ้น ครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดแล้ว แต่ต่อไปต้องมากกว่านี้อีก ต้องให้กำลังใจและชักชวนเด็ก ๆ คนไทยทุกคนมาเล่นกีฬาอะไรก็ได้ เพื่อทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติและคนไทยมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ติดตามเรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน ก่อนจะเดินขึ้นรถยนต์และเปิดกระจกลงมาถามผู้สื่อข่าวว่า อยากจะถามอะไร ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า มองอย่างไรที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 พล.อ.ประวิตร อุทานว่า "หูย ! ถามอะไรก็ไม่รู้" ก่อนเดินทางกลับทันที

🔎คาดการณ์ 18 รายชื่อ สส.ในสังกัด ‘ร.อ.ธรรมนัส’ หลังแยกทาง ‘บิ๊กป้อม-พลังประชารัฐ’

(20 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค หลุดจากตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ และไม่ได้ร่วมในครม. ‘แพทองธาร 1’ โดยร.อ.ธรรมนัส นัด สส. พรรคพปชร.ในสังกัด ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจะแถลงจุดยืนของ ‘สส.กลุ่มธรรมนัส’ 

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ร.อ.ธรรมนัส และสส.ในสังกัด จะย้ายไปอยู่ ‘พรรคกล้าธรรม’ ที่มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค

สำหรับ สส.พลังประชารัฐ ในสังกัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มีดังนี้

1.นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7
2.นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2 
3.นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2
4.นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3
5.นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5

6.นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2
7.นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3
8.นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา เขต 2
9.นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4
10.นายทวี สุระบาล สส.ตรัง เขต 2

11.นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9
12.นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1
13.นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1
14.นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2
15.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3

16.นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2
17.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3
18.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2

🔎คาดการณ์ 25 รายชื่อ ในสังกัด ‘บิ๊กป้อม’ หลังข่าวสะพัดแยกทาง ‘ร.อ.ธรรมนัส’

20 (ส.ค. 67) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศอิสรภาพของตนเองและสส.ในสังกัดอีก 18 รายชื่อ โดยระบุว่า ขออิสรภาพคืน หลังชื่อหลุดจาก ครม.แพทองธาร พร้อมยอมรับเสียใจรับใช้คน ๆ หนึ่ง และพรรคพลังประชารัฐมาเป็นปี ชี้สั่งให้ไปตายก็ไป ไม่มีอะไรต้องคุยกับ พล.อ.ประวิตร

ขณะที่ สส.ฝั่งของ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เช็กรายชื่อแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 25 คน พบว่ามี 5 คน ที่รายชื่อซ้ำกับทางร.อ.ธรรมนัส โดยทั้ง 5 คนได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ โดยไม่ได้เดินทางไปร่วมแถลงข่าวกับร.อ.ธรรมนัส 

สำหรับรายชื่อ สส. ที่อยู่ในสังกัด พล.อ.ประวิตรมีดังนี้ 

1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ 
2. นายสถิระ เผือกประพันธ์ สส.ชลบุรี เขต 10
3. นางขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 1
4. นางตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 2
5. นางสาวกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4

6. นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3
7. นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1
8. นายไชยมงคล ชัยรบ สส.สกลนคร เขต 5
9. นายวิริยะ ทองผา สส. มุกดาหาร เขต 1
10. นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1

11. นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ เขต 2
12. นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 3
13. นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4
14. นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6
15. นายเพชรภูมิ อาภรณ์นวรัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2

16. นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร เขต 3
17. นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร เขต 4
18. นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6
19. นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา เขต 2
20. นายทวี สุระบาล สส.ตรัง เขต 2

21. นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2
22. นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2
23. นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3
24. นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี เขต 1
25. นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4

‘บิ๊กป้อม’ เซ็นมอบ ‘วัน อยู่บำรุง’ คุม ‘พลังประชารัฐ กทม.’ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามอุดมการณ์-นโยบายพรรคฯ

(28 ส.ค. 67) มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรค พปชร.ที่ 7/2567 เรื่อง มอบหมายผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาว่า เพื่อให้การบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1) (จ) จึงขอมอบหมายให้นายวัน อยู่บำรุง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานและการประสานงาน งานกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

'ชัยวุฒิ' มั่นใจ!! 'ลุงป้อม' ยังมุ่งมั่นในอุดมการณ์ คนไทยต้องอยู่ดีกินดี แต่จากนี้ พปชร. คงไม่เกรงใจใคร พร้อมเล่นบทฝ่ายค้านใน-นอกสภา

(6 ก.ย.67) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมใหญ่สามัญ กรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ประกาศรีแบรนด์พรรคใหม่ ว่า "ไม่ถึงกับรีแบรนด์ ยังคงเป็นพรรค พปชร.เหมือนเดิม เพียงแต่เน้นอุดมการณ์ให้ชัดเจน และแนวทางการทำงานต่อไปที่เราจะต่อสู้ในอนาคต ทุกอย่างยังเหมือนเดิม"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สมาชิกพร้อมรับกับการรีแบรนด์พรรคใหม่ครั้งนี้หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "คนที่อยู่สู้กับพรรคมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานการเมืองต่อกับเรา มีอุดมการณ์ร่วมกัน ส่วนคนที่ไม่อยู่ถือว่าออกไปแล้ว ซึ่งมีความชัดเจน และตนไม่อยากจะพูดถึง ส่วนคนที่อยู่คือรักกัน ทำงานร่วมกันแน่นอน"

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคย้ำเรื่องของการไม่แตกแยก แต่ภาพที่ปรากฏออกมามันสวนทางกัน? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "เป็นธรรมดาของพรรคการเมือง มีคนหลายกลุ่มหลายฝ่ายอยู่ด้วยกันก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง ตนว่าอย่ามองที่พรรคพลังประชารัฐเลย ทุกพรรคมีปัญหาแบบนี้ เพียงแต่ว่าแต่ละพรรคจะบริหารจัดการภายในพรรคอย่างไร ซึ่งของพรรคพลังประชารัฐที่เกิดปัญหาในครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากภายในพรรคอย่างเดียว แต่เกิดจากบุคคลภายนอกพรรคที่เข้ามาครอบงำ เข้ามาสั่งการด้วย จึงทำให้เกิดปัญหา"

เมื่อถามว่า คนที่ครอบงำเป็นคนจากพรรคอื่นใช่หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ดูจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาสั่งการ ครอบงำ มีการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยกในพรรค ถ้าภาษาการเมืองเขาเรียกว่าดูด หรืองูเห่า แบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย มันไม่ใช่กระบวนการทางการเมืองแบบตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับพรรคพลังประชารัฐ แต่เรื่องนี้ผ่านไปแล้วไม่อยากพูดถึง ตอนนี้เราเดินหน้าทำงานต่อไป"

เมื่อถามว่า กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ได้โหวตสวนในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2568 ไม่ได้เป็นพฤติการณ์ให้ขับออกจากพรรคได้ใช่หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้าถึงจุดนั้นค่อยว่ากันอีกที และในพรรคเรายังไม่มีการพูดคุยถึงการขับ ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ"

เมื่อถามย้ำว่า ท่าทีขึงขังของ พล.อ.ประวิตร ในที่ประชุมใหญ่สามัญ เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ทราบ"

เมื่อถามว่า กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส อยากให้พรรคขับออกเพื่อจะไปร่วมงานกับพรรคอื่น แต่ดูเหมือน พรรค พปชร.พยายามดึงรั้งไว้? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการพูดคุยกัน ตนว่าเรื่อง สส.ที่แยกตัวออกไป คงต้องดูสถานการณ์อีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ตอนนี้พรรคยังไม่มีท่าที เรื่องนี้ปล่อยให้ฝ่ายต่าง ๆ ทำหน้าที่กันต่อไป ยังไม่ถึงเวลาที่จะมาแตกหักกัน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้น มองว่าเป็นลักษณะการแก้แค้นของนายทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ประวิตร หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ทราบ ต้องไปถามท่าน ตนตอบแทนไม่ได้ แต่การเมืองอย่าพูดเรื่องแค้นหรือความโกรธเคืองอะไรกันเลย เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ และสถานการณ์การเมืองมันเปลี่ยนไปตลอด อย่างวันหนึ่งเห็นหรือไม่ว่าคนที่ไม่ถูกกันยังกลับมารักกันเลย ผลประโยชน์ลงตัวก็ทำงานด้วยกันได้"

เมื่อถามว่า แสดงว่าถ้ามีโอกาสเคลียร์ใจคงจะสามารถกลับมาทำงานร่วมกันได้ใช่หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ทราบ"

เมื่อถามอีกว่าที่พรรคพปชร.เป็นแบบนี้ เป็นเพราะ พล.อ.ประวิตร เสื่อมการปกครองใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ทราบ ดูกันเองแล้วกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ตนว่า พล.อ.ประวิตร ยังเป็น คนเดิม มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีพลังที่จะทำงานขับเคลื่อนการเมืองต่อไป ใครจะอยู่ใครจะไปเป็นเรื่องของคนภายนอก ไปบังคับเขาไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่าอุดมการณ์หลักของพรรคในการที่จะทำงานเพื่อประชาชนให้อยู่ดีกินดี เศรษฐกิจทันสมัยขึ้น ปกป้องสถาบัน ทำให้บ้านเมืองมั่นคง เป็นแนวทางหลักของพรรคที่จะทำงานต่อไปแน่นอน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สมาชิกพรรคพร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านหรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "รอดูต่อไปแล้วกัน การที่เราประชุมพรรควันนี้แสดงว่าเราพร้อม มีการตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และยืนยันกับสมาชิกพรรคว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนการตรวจสอบรัฐบาลมีหลายช่องทางอยู่แล้ว ทั้งในสภาผ่านการอภิปราย เราจะทำให้เต็มที่ และการตรวจสอบด้านกฎหมาย ใครทำผิด ใครทำทุจริต เราก็ว่าไป เราจะทำเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว เพราะไม่ได้อยู่ร่วมกัน ก็ไม่ต้องเกรงใจกัน ทำให้เต็มที่ เมื่อก่อนเกรงใจกัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว" 

เมื่อถามว่า พร้อมทำงานร่วมกับพรรคประชาชน ใช่หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การจะทำงานร่วมกันในส่วนของพรรคฝ่ายค้านก็เป็นไปตามกติกาประชาธิปไตย ส่วนจะทำงานร่วมกันแบบไหนต้องมีการพูดคุยกัน อย่างน้อย ๆ การอภิปรายในสภาต้องมาคุยเรื่องเวลาที่ต้องมาแบ่งเวลากัน ส่วนการลงมติก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่มีทิศทางอยู่แล้วว่าจะอย่างไร คงไม่จำเป็นต้องตามกันทุกเรื่อง"

'สามารถ' แจง!! คลิปหลุด บ้านป่าฯ ไม่ใช่ของจริง ชี้!! เทคโนโลยี AI ไปไกลมาก ยกตัวอย่างใช้ AI ทำคลิปเสียง 'ลุงป้อม' ร้องเพลงข้ามกำแพง ก็มีมาแล้ว

(11 ก.ย. 67) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาคล้ายเสียงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลุดออกมาเผยแพร่ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลมาก ทั้งในเรื่องจัดทำคลิปเสียง หรือปลอมคลิปเสียง พร้อมเปิดคลิปตัวอย่างที่มีการใช้ AI ทำคลิปเสียง พล.อ.ประวิตร ร้องเพลงข้ามกำแพงกับนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 

แต่ข้อเท็จจริง พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ไปร้องเพลง และคนก็ไม่เชื่อว่าเป็น พล.อ.ประวิตร ทั้งที่มีภาพเงารูปร่างคล้าย พล.อ.ประวิตรมาก แล้วคลิปเสียงที่หลุดออกมาจะไปเชื่อว่าเป็นเสียง พล.อ.ประวิตรจริงได้อย่างไร แต่คนที่ปล่อยคลิปมีเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้คนเข้าใจผิด ซึ่งส่วนตัวมองว่า ไม่เป็นธรรมกับ พล.อ.ประวิตร และกระบวนการตรวจสอบมีอยู่แล้ว 

ส่วนจะเป็นการดิสเครดิต พล.อ.ประวิตรหรือไม่นั้น นายสามารถ ยอมรับว่า การดิสเครดิตทางการเมืองมีทุกวันอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงนี้ แต่การโจมตี ให้ร้าย ใส่ร้าย สะท้อนว่า พล.อ.ประวิตรสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ใช่หรือไม่ จึงมีกระบวนการนี้ออกมา แต่ส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรคงจะไม่ได้ใส่ใจ เพราะไม่ใช่เรื่องจริง 

ส่วนความเป็นไปได้ที่คนอัดคลิปเสียงจะเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรหรือไม่นั้น นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบ แต่โดยปกติ พล.อ.ประวิตรเป็นคนเปิดกว้างต้อนรับทุกคนที่ต้องการจะเข้าหาอยู่แล้ว ไม่ได้ปิดกั้นใคร แต่สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำ คือจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคลิปเสียงนั้นเป็นของจริง 

ส่วนกรณีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยอมรับว่า เป็นเสียงของตัวเองจริงนั้น นายสามารถ บอกว่า ส่วนตัวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่ทราบ และคงต้องไปถามนายสุทธิพงษ์เองว่า ท่านคุยเรื่องอะไร แต่ในส่วน พล.อ.ประวิตร เชื่อว่า ไม่ได้รับความเสียหายจากคลิปดังกล่าว เพราะไม่ใช่คลิปจริง จะไปถือเป็นสาระได้อย่างไร คงต้องไปพิสูจน์ก่อน ทางที่ดีต้องให้สื่อที่นำคลิปมาเปิดเผย บอกถึงกระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐานเหล่านี้ได้มาจากใคร และได้มาอย่างไร 

“ส่วนตัวเชื่อว่า บ้านจันทร์ฯ น่าจะมีคลิปมากกว่า ไม่น่าจะเป็นที่บ้านป่าฯ แต่กระบวนถ้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก็คงต้องมีการไต่สวนหาข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และมองว่าประชาชนน่าจะสนใจคลิปที่บ้านจันทร์ฯ มากกว่า”

นายสามารถ กล่าวย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มองว่า พล.อ.ประวิตรเป็นคนดี ที่ไม่ได้สกรีนอะไรเลย อย่าไปมองว่าคนรอบข้าง พล.อ.ประวิตรจะไว้ใจไม่ได้ เพราะท่านมองทุกคนเหมือนลูกเหมือนหลาน และเป็นจิตใจดีเหมือนท่าน ไม่ได้ระแวดระวังใครเลย จึงควรนับถือหัวใจ พล.อ.ประวิตร และทุกครั้งที่ พล.อ.ประวิตรโดนกระทำ รังแก ก็ไม่เคยออกมาตอบโต้ แต่อาศัยความเป็นชายชาติทหาร เป็นนักรบ เป็น ผบ.ทบ. ใช้เกียรติของท่านรับเองทั้งหมด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้รอบตัวของ พล.อ.ประวิตร อาจจะเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้นั้น นายสามารถ กล่าวว่า ขอให้มองว่าท่านเป็นคนดี ไม่ได้มีการคัดกรองอะไร ท่านเป็นบุคคลที่ควรนับถือหัวใจ ทุกครั้งที่โดนกระทำก็ไม่เคยออกมาตอบโต้ ใช้ความเป็นชายชาติทหารนักรบ โดยที่ไม่ได้ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนจะไปตรวจสอบอะไรหรือไม่ คิดว่าพล.อ.ประวิตรคงไม่ได้รู้สึก เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนอนาคตถ้าเป็นคลิปเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ขอให้ค่อยว่ากัน อย่าคาดเดาเหตุที่ยังไม่เกิด 

นายสามารถ ยังมองการลาออกของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่าเหมือนกับนักฟุตบอล เพราะนักการเมืองก็เป็นอาชีพที่ไม่ใช่ว่าใครก็จะจับต้องไม่ได้ อาชีพที่มีเข้าออก ฟุตบอลเมื่อมีการเปิดฤดูกาลก็จะเห็นว่านักเตะหลายทีมไปเข้ากับทีมที่มีเงื่อนไขดีกว่า เราจึงควรเคารพการตัดสินใจ อย่างตระกูลรัตนเศรษฐ์ ที่ขอลาออกไปแบบนั้น ส่วนจะออกไปกันไปด้วยดีหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ไม่อยากให้มาเป็นประเด็นทางการเมือง 

ส่วนการลาออกของสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ แม้ว่ายังจะไม่ถึงระยะเวลาเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะพรรคจะได้เริ่มใหม่ ไม่ใช่มีแต่คนตระกูลใหญ่บ้านใหญ่ จะได้มีบุคคลใหม่ใหม่มาทำเพื่อชาติบ้านเมือง หากจะเอาแต่คนรุ่นเก่าไว้ก็จะการเมืองไม่ได้ ส่วนเหตุผลที่หลายคนลาออก เพราะไม่ชอบนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นั้น นายสามารถคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าเอามาตัดสินภาพรวม ในฐานะที่ตนอยู่ในพรรคมาตั้งแต่ปี 2561 เลขาธิการพรรคก็มีมาหลายคน ส่วนตัวก็เห็นว่านายไพบูลย์มีความเหมาะสมสำหรับช่วงนี้ที่พรรคต้องการจะปรับรูปแบบการดำเนินการ และย้ำว่าต้องเคารพความคิดเห็นของทุกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top