Thursday, 9 May 2024
นายก

‘พีระพันธุ์’ ประกาศชัด ไม่มีวันทิ้งคนดีๆ แบบ ‘ลุงตู่’ ลั่น!! ขอทำหน้าที่เลขาฯ นายกฯ จนวินาทีสุดท้าย

(22 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายวานยากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีกระแสข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เตรียมยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ก่อนเข้ารายงานตัวเป็น ส.ส. ต่อสภาผู้แทนราษฎร

ล่าสุด เวลา 09.05 น. นายพีระพันธุ์ โพสต์ข้อความ บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่า จะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จนวินาทีสุดท้ายในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า…

“เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 มีการรายงานข่าวทางสื่อมวลชนบางฉบับว่าผม ‘ทิ้งลุงตู่’ หรือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ก็ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และมีการสอบถามผมมาอย่างเข้าใจผิดมากมายว่าผม ‘ทิ้ง’ ท่านนายกรัฐมนตรีทำไม

ผมขออนุญาตเรียนให้ทราบกันครับว่าคนอย่างผมไม่มีวันที่จะทิ้งคนดีๆ อย่างท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  โดยเด็ดขาด

วันนี้ผมยังอยู่กับท่านและยังคงทำงานให้ท่าน ในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามปกติทุกวัน

ผมพูดอยู่เสมอว่า ผมมีความสุขที่ได้ทำงานกับท่านและมันก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น การได้เจอคนดีนับเป็นโชคดีของชีวิต การได้เจอและได้ทำงานกับคนดีๆ ยิ่งต้องถือว่าทั้งโชคดีและเป็นกำไรของชีวิต ที่ได้ซึมซับและได้เรียนรู้เรื่องดีๆ จากคนดีๆ ยิ่งเป็นคนดีที่รักชาติบ้านเมืองรักสถาบันยิ่งชีวิต ก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นโชคมหาศาลของชีวิต

ผมขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ ว่าผมเลือกที่จะอยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายในการทำงานของท่าน และการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของคนไทยและประเทศไทย

ตามนี้นะครับ”

‘ป้อม-สุชาติ’ เต็งหามสองผู้นำ ‘อภิสิทธิ์’ รอสัญญาณฉันทามติ คัมแบ็ค ปชป..

เลียบการเมือง สุดสัปดาห์..”เล็ก  เลียบด่วน”  รายงานตัว ณ วันที่ 24 มิ.ย.2566  ตรงกับวันครบรอบ 91 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...จริงๆแล้วคณะราษฎรอยู่ในอำนาจในห้วงปี 2475 -2500 รวม 25 ปี..ข้อดีก็มีไม่น้อย แต่ข้อด้อยข้อผิดพลาดก็มีมาก..อย่างน้อยก็เป็นต้นตำรับของการรัฐประหารชิงอำนาจ...แต่ข้อไม่ดีของคณะราษฎรไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนักในยุคนี้เพราะกลัวรถทัวร์สามนิ้วมาจอดหน้าบ้าน...

เลี้ยวมาสู่การเมืองเรื่อง...ไทม์ไลน์การชิงอำนาจผ่านตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี..คาดว่าวันที่ 3 ก.ค.จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา  จากนั้นวันที่ 4หรือ5ไม่เกินวันที่ 6 ก.ค.ก็จะโหวตลับเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร  ก่อนที่ประมาณวันที่ 13 ก.ค.ก็จะประฃุมรัฐสภา  โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี...

ตำแหน่งประธานสภาหากว่ากันในนาทีนี้ก็พอจะเห็นเค้าชัดเจนว่า...ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คว้าไปครอง โดยชื่อของสุชาติ  ตันเจริญ   ยังเป็นเต็งหนึ่ง...การหักเหลี่ยมโหดตำแหน่งประธานสภา จะ เป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ทางแยกของพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล...แม้หลังจากเลือกประธานสภาแล้วพรรคเพื่อไทยจะทนุถนอมประคับประคองโหวตหนุนพิธาเป็นนายกฯแบบเต็มแม็กซ์  แต่เชื่อว่า”พิธา”ก็ไม่ผ่านโหวตอยู่ดี...

ถึงนาทีนั้นพรรคก้าวไกลเจอกับโจทย์ใหญ่ว่าจะเดินหน้ายังไงต่อไป  เกาะขาพรรคเพื่อไทยขอเข้าร่วมรัฐบาล  หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน...ถ้าให้”เล็ก เลียบด่วน” ฟันธงก็ต้องเปรี้ยงว่า คงเลือกหนทางเป็นฝ่ายค้าน...บางกระแสข่าวบอกว่าดีไม่ดีพรรคก้าวไกลอาจประกาศแยกทางชักธงรบเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่ถูกหักเหลี่ยมเก้าอี้ประธานสภาสภาฯแล้วก็ได้...

สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...นาทีนี้เต็งจ๋ายังเป็น “บิ๊กป้อม”  พล.อ.ประวิตร  วงศ์สุวรรณ    ที่จะมากอบกู้เผชิญหน้าสถานการณ์การชุมนุมการต่อต้านรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ยังตั้งรัฐบาลไม่แล้วเสร็จ

โดยรัฐบาลใหม่พรรคเพื่อไทยในฐานะมีเสียงสูงสุดก็คงจะได้กระทรวงสำคัญไปบริหารสร้างผลงานเพื่อขับเคี่ยวกับพรรคก้าวไกลในสมัยหน้า...ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า..พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะเจรจาต่อรองขอ “นายกฯคนละครึ่ง” หรือคนละ2ปีกับพล.อ.ประวิตรด้วย...

ปืดท้ายกันที่พรรคเก่าแก่ที่สุด อายุ 77 ปี 2เดือนเศษ อย่างประชาธิปัตย์..นับถอยหลังวันที่ 9 ก.ค.ก็จะเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แทนชุดรักษาการที่ จุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์   แสดงสปิริตลาออกหลังนำทัพพ่ายศึกเลือกตั้ง  จาก 52 เสียงเหลือ 25 เสียง...สาละวันเตี้ยลง สาละวันตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ....ซึ่งเมื่อไปดูกติกามารยาทการเลือกหัวหน้าพรรคของพรรคนี้แล้ว  จากบรรดาโหวตเตอร์10กว่ากลุ่มนั้น  พบว่ากลุ่มส.ส.ในปัจจุบัน 25 คนมีน้ำหนักโหวตสูงสุด  70 %  อีกสิบกว่ากลุ่มโหวตยังไงก็ได้ไม่เกิน 30 %...แน่ชัดตามกติกานี้อิทธิพลและอำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่สองผู้ยิ่งใหญ่ เฉลิมชัย  ศรีอ่อน  รักษาการเลขาธิการพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งอะไรอีกนอกจากผู้มีบารมีในพรรค  กับอีกคนคือ เดชอิศม์  ขาวทอง   หรือ”นายกฯชาย” รองหัวหน้าพรรคภาคใต้  ที่หุ้นกำลังพุ่งกระฉูดเป็นหนึ่งในตัวเต็งหัวหน้าพรรค และเป็นคนประกาศว่า..ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนแปลง 360 องศา..

ต้องบอกว่านาทีนี้เป็นยุคที่ประชาธิปัตย์หาวีรบุรุษหรือวีรสตรียากมากถึงยากที่สุด...”ดร.เอ้” หรือ “มาดามเดียร์” ที่พูดๆถึงกันนั้นก็ยังขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค  ถึงจะมีข้อยกเว้นแต่ส่วนใหญ่ก็ยังเห็นว่า สองคนนี้ต้องเป็นคิวต่อไป...ดังนั้น...กระแสในพรรคประชาธิปัตย์อีกด้านหนึ่งขณะนี้เรียกร้องให้ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรี  ออกมากอบกู้พรรค  แต่อภิสิทธิ์ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ  กระนั้นก็เดาได้ไม่ยากว่า..อภิสิทธิ์คงพร้อมมาช่วยพรรคแต่ต้องเป็นแบบกึ่งฉันทามติ...ไม่ต้องมาแข่งกันแบบเลือดเดือดเหมือนครั้งก่อนๆ..ซึ่งหลายฝ่ายก็น่าจะเห็นด้วยกับสูตรนี้...
0 ถ้าที่สุดหวยงวดวันที่ 9 ก.ค.ออกมาว่า..อภิสิทธิ์ –หัวหน้า , เดชอิศม์ –เลขาฯ  ก็น่าจะทำให้ลูกพระแม่ธรณีสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย..!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

นับถอยหลัง ‘สุชาติ’ คว้าเก้าอี้ประธานสภาฯ ‘ทิม  พิธา’ เต็งหาม ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ

28 มิ.ย. เห็นนสพ.(ไทยโพสต์  รายวัน)พาดหัวตัวเป้ง..”14+1 หักก้าวไกล” พร้อมคำขยายว่า..เพื่อไทย ล็อกเก้าอี้ประธานสภา  ก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น..”เล็ก  เลียบด่วน” ไม่ได้โม้...ประเด็นนี้ได้ฟันธงมานานแล้ว  และไม่แต่เก้าอี้ประธานสภาฯเท่านั้น ยังได้ฟันธงว่า..ที่สุดของที่สุด คุณพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์   ก็จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่างหาก..

งานนี้พรรคก้าวไกลก็คงได้ลิ้มรสชีวิตจริงทางการเมืองมากขึ้น...ความฮึกเหิมทางการเมืองที่คิดจะกินรวบประเภท 14+2  คือ  กวาด 14 รัฐมนตรีว่าการ  กับอีกสองเก้าอี้ใหญ่คือ นายกรัฐมนตรีและเก้าอี้ประธานสภาฯ ในขณะที่คะแนนต่างกับเพื่อไทยแค่ 10 เสียงนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะอ่านออกมาแต่ต้นว่าพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะยอมได้...

ท่าที ท่วงทำนองฮึกเหิมห้าวหาญของพรรค”ด้อมส้ม” ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากมองว่า..พวกเขาเชื่อมั่นใน 14 ล้านเสียงจนมากเกินไป และเบื้องลึกผู้ทรงอิทธิพลในพรรคหรือโปลิตบูโรพรรคอาจจะกดปุ่มให้เดินเกมได้เสีย   คือถ้าได้ต้องได้ทั้งสองเก้าอี้ใหญ่  ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นฝ่ายค้านสร้างความเชื่อมั่นรอส้มทั้งแผ่นดินในการเลือกตั้งครั้งหน้า...

อย่างไรก็ตาม..สงครามยังไม่จบ “เล็ก  เลียบด่วน” ก็ยังไม่อยากนับศพทหาร..ฟังมาว่าวงเจรจาเก้าอี้ประธานสภาวันสองวันนี้ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน    จะเปิดอกคุยกันอีกครั้งในวันที่ 30 มิ.ย.  คุณหมอชลน่าน  ศรีแก้ว  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าแม้พรรคจะยืนยันในหลักการ 14+1  แต่ยังไม่ใช่มติพรรค...ต่อเมื่อไปคุยกับพรรคก้าวไกลอีกครั้งถ้ายังตกลงกันไม่ได้ก็จะใช้มติพรรคว่าเดินหน้าต่ออย่างไร...

นั่นคือท่าทีเชิงเทคนิคของคุณหมอชลน่าน...

ในส่วนของพรรคก้าวไกลนั้นยังไม่มีอะไรแหลมคมออกมามากไปกว่าตอนทุ่มเศษที่มีการเปิดตัว “หมออ๋อง”  ปดิภัทธ์  สันติภาดา   ส.ส.สมัยที่สองจากพิษณุโลก   ซึ่งหลายคนบอกว่าเขาคือสัตวแพทย์ปากจัด..  เป็นตัวชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ หลังจากพรรคเพื่อไทยเปิดเกมแถลงยืนยันสูตร 14+1 ตอน5โมงเย็น...เรียกว่าสองพรรคเริ่มเปิดฉากออกอาวุธชิงไหวชิงพริบกันแล้ว    ทั้งนี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนาทีนี้หวยล็อกเก้าอี้ประธานสภาฯยังไม่เปลี่ยนไปจาก “พ่อมดดำ” สุชาติ  ตันเจริญ   ส.ส.9 สมัย  เป็นรัฐมนตรีมา 2 สมัย  รองประธานสภาฯมา 2 สมัย..

ครับ..สุดท้ายถ้าสองพรรคใหญ่เจรจาตำแหน่งประธานสภาฯกันไม่ได้ก็ต้องนำไปสู่การฟรีโหวตโดยที่ประชุมสภา  ซึ่งก็เดาไม่ยากว่าพรรคก้าวไกลจะแพ้หลุดลุ่ย...และหลังจากนั้นก็แทบจะพูดได้ว่าจบเกม..หรือที่คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์  หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยบอกกว่า “จบเห่” นั่นเอง...หรือแม้แต่คุณหมอชลน่านก็ยอมรับว่าถ้าสถานการณ์ลากไปถึงขั้นฟรีโหวตมันจะไม่เป็นผลดีกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล  ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยประการทั้งปวง...

สุด..ไม่ว่าจะฟรีโหวตไม่ฟรีโหวตก็ฟันธงว่า เพื่อไทยจะคว้าเก้าอีกประธานสภาฯมาครอง...คำถามใหญ่กว่าที่รอยู่เบื้องหน้ามีอยู่สองประการคือ...หนึ่ง) รัฐบาลใหม่จะยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลหรือไม่   สอง)ใครจะเป็นนายกฯ ซึ่งในชั้นนี้เขียนชื่อแปะไว้ข้างฝาเป็นครั้งที่สิบว่า..ถ้าไม่ใช่ชื่อ ป้อม  ประวิตร ก็ จะเป็น  นิด  เศรษฐา  หรืออุ๊งอิ๊ง  แพทองธาร...

ส่วน ทิม  พิธา  นั้น  เป็นเต็งจ๋าเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  -เอวัง

‘เอกนัฏ’ ปัด รทสช. ส่งชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งโหวตนายกฯ ย้ำ!! ไม่หนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดคนปล่อยข่าวเท็จ

‘เอกนัฏ’ ยืนยันพรรคไม่เสนอชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งนายกฯ กับ ‘พิธา’ ระบุ รทสช. มีเพียง 36 เสียงไม่เคยมีแนวคิดและสนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดมีความพยายามสร้างข่าวเท็จให้เข้าใจผิด ย้ำจุดยืนไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112

(6 ก.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรค โดยระบุว่า…

“ขอยืนยันว่าการที่ #รทสช ส่งคุณวิทยาฯ สู้กับก้าวไกลในการโหวตรองปธ.สภา เป็นการสู้เพื่อแสดงจุดยืน ไม่นำมาสู่การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างแน่นอน

การโหวตประธานสภาและนายกรัฐมนตรีมีกลไกที่แตกต่างกันครับ

การโหวตประธานสภาฯ จะใช้ ‘เสียงส่วนมาก’ ในที่ประชุม ใครที่ถูกเสนอชื่อแล้วได้คะแนนมากสุดจะได้เป็น หรือหากไม่มีคู่แข่งก็ได้เป็นเลยโดยที่ไม่ต้องโหวตแข่ง

ต่างจากการโหวตนายกฯ ที่ต้องได้ ‘คะแนนเสียงไม่ตํ่ากว่ากึ่งหนึ่ง’ (หรือ 375) ของรัฐสภา หากเสนอชื่อมาคนเดียว ก็ไม่ได้เป็น จะได้เป็นก็ต่อเมื่อข้ามรั้ว 375 เสียงไปได้เท่านั้น

ดังนั้น ในการโหวตรองประธานสภาฯ หากเราไม่ส่งคุณวิทยาไปแข่ง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาโดยอัตโนมัติ เราจึงส่งแข่ง เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัด ถึงแม้ทราบดีอยู่แล้วว่าแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีกระแสข่าวว่า รทสช.จะส่งคุณพีระพันธุ์แข่งกับคุณพิธานั้น ไม่เป็นความจริงครับ

ผมเองอยากเห็นคุณพีระพันธุ์เป็นนายกฯ และเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯ ที่ดีเพราะท่านเป็นนักการเมืองนํ้าดี สุจริต เที่ยงธรรม แต่ต้องยอมรับว่าพรรคเรามีเพียง 36 เสียง ไม่พอที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

และคุณพีระพันธุ์กับผม ก็ไม่เคยมีความคิด และไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ อย่างเด็ดขาด ถึงจะตั้งไปก็อยู่ไม่ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนว่า เราไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112 สามารถทำได้ด้วยวิธีไม่โหวต โหวตไม่รับ หรืองดออกเสียงครับ ไม่ต้องส่งแข่งก็สู้ได้ (ต่างจากรองประธานสภาฯ)

การไม่ส่ง ไม่โหวต หรืองดออกเสียง ด้วยกลไกการโหวตที่ไม่เหมือนกัน จึงมีผลไม่เหมือนกัน

มีคนพยายามกุข่าวลือ สร้างข่าวเพื่อให้การต่อสู้ของเรานั้นสูญเสียความชอบธรรม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ผมขอปฏิเสธชัดๆไปเลย ว่า “เราไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย” หากจะต้องเป็นฝ่ายค้านก็เป็นครับ คุณพีระพันธุ์ ผม และเพื่อน ส.ส.ของ #พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ติดใจ

การจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่สำคัญไปกว่าการรักษาจุดยืนของเราครับ

เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความมั่นคงให้ชาติ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ผดุงความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม

แต่จะ #ไม่แก้112 #ไม่เปลี่ยนวันชาติ #ไม่แบ่งแยกดินแดน เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสริมเติมต่อจากสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้วในประเทศของเราครับ
#รวมไทยสร้างชาติ #เลขาขิง

‘ก้าวไกล’ ยืนยันเจตนารมณ์!! ไม่ลดเพดานแก้ ม.112 เชื่อ ส.ว.หนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ให้โอกาสประเทศเดินหน้า

‘ชัยธวัช’ ชี้แค่ ส.ว.บางราย ไม่เอา ‘พิธา’ ลั่นสิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น มองบวก ‘สภาสูง’ ส่วนใหญ่ให้โอกาสเดินหน้าประเทศ เมินลดเพดานแก้ 112 ไม่ห้ามม็อบเคลื่อนไหว

(7 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เริ่มชัดเจนไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเงื่อนไขการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ยังเป็นแค่ความเห็นของ ส.ว.เพียงบางราย ส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่ได้แสดงออกอะไร คิดว่าจะแสดงออกทีเดียวในวันโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ดังนั้น อย่าเพิ่งประเมินสถานการณ์จากที่เห็น สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้ ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และมั่นใจในวิจารณญาณของ ส.ว.ว่าอยากจะเห็นประเทศชาติเดินหน้าอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนได้แสดงออกต้องการคืนความเป็นปกติของระบอบประชาธิปไตยไทย ยังเชื่อมั่นใน ส.ว.จำนวนมากว่าจะให้โอกาสนี้กับประเทศไทย

เมื่อถามว่า แสดงว่าอีก 60 กว่าเสียง ที่เหลือจะมาจาก ส.ว. ทั้งหมด หรือจะมีการเจรจากับฝ่าย ส.ส. ด้วย นายชัยธวัช กล่าวว่า ทาง ส.ส. โดยเฉพาะพรรคที่เราไม่ได้ชวนมาร่วมรัฐบาลก็คงเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่เชื่อว่าจะมี ส.ส.หลาย ๆ คน ใช้จุดยืนตัวเอง หรือใช้สถานะความเป็น ส.ส. ปกป้องรักษาระบบไว้ให้ได้ในสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ส่วนจะมีการเจรจาถอยบางเรื่องเพื่อให้ ส.ว. เห็นใจมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ นั้น คงเป็นการเน้นพูดคุยทำความเข้าใจมากกว่า ส.ว.ส่วนใหญ่อาจรับรู้ข้อมูลจากสื่อมวลชนซึ่งบางครั้งอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่ลดเพดานมาตรา 112 ตามที่ ส.ว.ให้คำแนะนำมาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าลดเพดานหมายถึงอะไร ที่ผ่านมาเราพยายามอธิบายว่าเจตนารมณ์ของเราเป็นอย่างไร เรามองเห็นปัญหาอย่างไร เราคิดว่าแนวทางแบบนี้ดีต่อระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า

เมื่อถามย้ำว่า ยังยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 แม้จะมีคำทักท้วงจาก ส.ว.เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าถ้าได้อธิบายเหตุผล จะมีความเข้าใจมากขึ้น เราต้องอธิบายเหตุผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาที่เหลือ เวทีสำหรับสื่อมวลชนในสัปดาห์หน้าจะมีความสำคัญกับประชาชน และสังคมในการสะท้อนไปยัง ส.ว. ซึ่งในวันนี้จะมีการหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร เกี่ยวกับกระบวนการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอก่อนโหวต จะมีเวลาแสดงวิสัยทัศน์อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่นอกจากการแสดงวิสัยทัศน์แล้ว จะมีการเปิดให้ ส.ส.-ส.ว.อภิปรายซักถามแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอชื่ออย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่สุดก่อนลงมติ แต่คงรอต้องหารือกับประธานสภาฯ ก่อนว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร

ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าถ้าฟังจากเสียง ส.ว.การโหวตเลือกนายพิธาครั้งแรกอาจจะไม่ผ่านนั้น นายชัยธวัช กล่าวย้ำว่า อย่างที่บอกไป สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น ยืนยันว่าหากโหวตนายพิธาไม่ผ่านในวันที่ 13 ก.ค. จะเสนอชื่อนายพิธาเพื่อโหวตอีกในวันที่ 19 ก.ค. แน่นอน แต่ยังเชื่อว่าจะโหวตจบในครั้งเดียว และไม่กังวลหากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ มาแข่ง เพราะเป็นปกติในระบบรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เชื่อว่า ส.ว.จะไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนจะต้องโหวตกี่ครั้งนั้น อย่าเพิ่งไปสรุปเป็นตัวเลข ต้องดูสถานการณ์ที่เป็นจริง และอย่าเพิ่งตัดว่าจะต้องโหวตจบในครั้งเดียวออกไป

“ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีเสียง ส.ว.สนับสนุนเท่าไร ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่ได้ออกมาบอกว่าคิดเห็นอย่างไรกันแน่ มีเพียง ส.ว.เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ออกมาให้ความเห็น ผมยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ยังเงียบอยู่จะเป็นสิ่งที่เปิดโอกาสให้ประเทศได้คืนความเป็นประชาธิปไตยให้ระบบการเมืองไทย และเดินหน้าไปตามกระบวนการ” นายชัยธวัช ระบุ

เมื่อถามว่าเสียงที่เงียบอย่าง ส.ว.สายทหาร ที่มีแนวโน้มแน่นอนว่าจะไม่สนับสนุนนายพิธา นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งดูถูกอาชีพทหาร ตนคิดว่าทหารจำนวนมาก มีความหวังดีกับประเทศชาติ ซึ่งก็ได้มีโอกาสพูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ว.สายทหาร เราทำทุกวันทั้ง ส.ว.สายทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการ ทำเต็มที่ที่สุดจนถึงวันสุดท้าย เชื่อว่ามีสิทธิ์ที่จะได้เห็นแสงสว่าง ชีวิตต้องมีความหวัง

ส่วนกังวลหรือไม่ หากมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ จากฝ่ายประชาธิปไตย อย่างพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแข่งนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้มีแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว อย่าเพิ่งพูดไปขนาดนั้น

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลเตรียมออกมาเคลื่อนไหว จะมีการส่งสัญญาณใดหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งบอกว่ามาสนับสนุนพรรคก้าวไกล ตนก็เห็นว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมเปิดให้มีการโหวตแสดงเจตจำนงของประชาชนที่ลงคะแนนเสียงว่าให้เคารพผลการเลือกตั้งเป็นสำคัญ ประเด็นคือต้องการให้ทุกฝ่ายปกป้องระบบ ไม่ใช่ตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ส่วนจะแสดงออกอย่างไร ตนไม่ทราบ หวังว่าจะแสดงออกอย่างสงบไม่ว่าจะฝ่ายไหน เพราะเราไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ทางประธานสภาฯ ก็ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

“แน่นอนว่าหากกระบวนการเลือกนายกฯ ล่าช้า การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปีในช่วงเดือน ต.ค. การพิจารณางบประมาณประจำปี และนโยบายเร่งด่วนต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุนจะชะลอ และเกิดผลกระทบไปหมด ดังนั้นจบเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี และจบแบบเคารพผลการเลือกตั้งเร็วที่สุด ให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ” นายชัยธวัช ระบุ

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบจริยธรรม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯหรือไม่ว่า ตนอยู่ในแถวเดียวกับ น.ส.ศิริกัญญา ซึ่ง น.ส.ศิริกัญญาก็ปฏิญาณตนตามปกติ เพียงแต่อาจจะหันมาบ้าง เข้าใจว่า น.ส.ศิริกัญญาคิดว่าสมาชิกทุกคนจะพูดตามประธานทีละประโยค แต่พอพูดชื่อตัวเองแล้วก็พูดยาวไปเลย โดยไม่ได้รอประธาน จึงคิดว่าทำไมไม่รอ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าเป็นสาระสำคัญอะไร และไม่เป็นประเด็นทางข้อกฎหมาย จริงๆ การปฏิญาณตนของนายกฯ ที่ไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญสำคัญกว่า อย่างที่เกิดขึ้นในปี 2562 เรื่องใหญ่กว่า ไม่ทราบว่านักร้องหายไปไหน และเรื่องนี้คงไม่ถูกนำไปเป็นไปเด็นเชื่อมโยงเรื่องสถาบันฯ ให้กระทบกับการโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ เพราะไม่เกี่ยวกัน เป็นการปฏิญาณตนของ ส.ส.ต่อสภาฯ

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา112 ส.ว.น่าจะมีข้ออ้างอื่นที่จะไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แน่นอน คนไม่เลือกก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ถามย้ำว่า ส.ว.มีธงในการโหวตอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มี ส.ว.บางคนเท่านั้นที่มีธงอยู่แล้ว

‘มัลลิกา’ ลั่น!! ‘ปชป.’ไม่โหวต ‘พิธา’ แม้ยังไม่มีมติจากพรรค ชี้ การใช้มวลชนกดดัน ส.ว.ผ่านสื่อ ถือเป็นวิธีบีบบังคับแบบเผด็จการ

(11 ก.ค. 66) นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคณะก้าวหน้ากับพรรคก้าวไกล ใช้วิธีนำมวลชนไปกดดันสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ทั้งที่แกนนำพรรคก้าวไกลได้ประกาศต่อประชาชนแล้วว่าเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีของนายพิธาครบแล้ว โดยเฉพาะได้เจรจากับสมาชิกวุฒิสภาจนได้เสียงครบมั่นใจแล้ว

“ดังนั้น ก็ไม่มีเหตุอันใดสมควรในการที่จะระดมมวลชนมากดดัน หรือใช้วิธีให้ด้อมส้มหรือผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลบนโซเชียลมีเดีย เที่ยวไปทัวร์ลงหรือระรานกดดันผู้อื่นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของสมาชิกวุฒิสภา กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้สนับสนุนของพรรคการเมืองอื่น เพราะแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับความคิดเห็นต่างและไม่ใช่วิถีแห่งเสรีประชาธิปไตย แต่ชัดเจนว่าเป็นวิถีของเผด็จการ” นางมัลลิกา กล่าว

นางมัลลิกา กล่าวด้วยว่า โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์แม้ว่ายังไม่มีมติ เพราะยังไม่มีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่ด้วยธรรมนูญและอุดมการณ์ของพรรคเรา มีรากเหง้าที่มาต้องดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้นเชื่อว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคล้วนมีดุลพินิจเองได้ และทุกคนทราบถึงอุดมการณ์และธรรมนูญของพรรคดี ความมั่นคงต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึงคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธำรงไว้ซึ่งความเป็นชาติ ศรัทธายึดมั่นในศาสนาและเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

ดังนั้น ช่วงเลือกตั้งเราตอบคำถามสื่อต่อหน้าประชาชนว่าพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่า เราจะไม่แก้ไขและยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นมาตราแห่งความมั่นคงและปกป้องรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสถาบันสำคัญของชาติ

'ติ่งก้าวไกล' ฟาดเดือด!! ปม ‘พิธา’ รั้นแก้ ม.112  ถามแรง!! ควรแก้ปัญหาปากท้องให้ปชช.ก่อนไหม? 

เมื่อวานนี้ (15 ก.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี ‘@_breakingnews24’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอชายหนุ่มคนหนึ่ง ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนยันจะแก้ ม.112 ในสภาฯ พร้อมบอกว่า ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนควรถูกแก้ไขก่อนเป็นอันดับแรก โดยในคลิปได้ระบุว่า…

“ตกลงพี่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องการมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อมาแก้ ม.112 อย่างนั้นหรืออย่างไร? ผมจะบอกไว้ให้นะคุณทิมพิธา ที่ผมและพี่น้องอีกหลายสิบล้านคนไปเลือกคุณเนี่ย ไม่ได้หวังเพื่อให้คุณไปแก้ ม.112 แต่หวังให้คุณมาแก้เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ให้แก้เรื่องข้าราชการท้องถิ่นคอร์รัปชัน แค่ปัญหาเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่ได้หวังให้ไปแก้ ม.112 เลย นี่คือเสียงของผม ที่ผมได้ออกไปเลือกคุณ”

“ปัญหาบ้านเมือง หรือปัญหาความยากลำบากของประชาชนควรมาก่อนเรื่องอื่น ทำไมถึงไม่ยอมเปลี่ยน Mindset ของตัวเอง จะเอาอกเอาใจติ่งส้มมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ? กลัวขนาดนั้นเลยหรือ? คุณพิธา วันนี้คุณมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสภาฯ ทำไมถึงไม่ประกาศว่าตัวเองและพรรคก้าวไกลจะไม่ไปยุ่ง ไม่แก้ ม.112 ทำไมถึงไม่พูดแบบนี้ ทั้งๆ ที่ ส.ว.ได้พูดออกมาแล้วว่าหากยังยืนยันจะดื้อด้านเพื่อแก้ ม.112 อยู่ ส.ว.นั้นจะไม่โหวตให้ ซึ่งเขาจะไม่โหวตให้ก็รู้กันอยู่ แล้วเพราะอะไรคุณถึงยังดึงดันจะทำอยู่ ทำไมคุณถึงมาทำลายความหวังของประชาชน คุณต้องการเข้าไปเป็นนายกฯ เพื่อไปแก้ ม.112 อย่างเดียวหรือ? ไม่ต้องไปพูดอะไรมากหรอก ผมจะพูดประเด็นนี้ ทัวร์จะลงผมก็ช่าง ผมไม่สน”

“คุณเห็นไหม? สมัยก่อนที่ ‘คุณทักษิณ’ เขาได้เป็นรัฐบาล ได้เป็นนายกฯ เขาไปพูดเรื่องนี้หรือเปล่า แน่นอนว่าเขาไม่เคยไปพูดหรือเข้าไปยุ่ง ทำให้เขาได้คะแนนท่วมท้นจนแลนด์สไลด์ และที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่จะมีนโยบายไปแก้ ม.112 แม้แต่รัฐบาลเดียวเลย แล้วคุณเป็นใคร? ประชาชน 14 ล้านเสียง เขาบอกคุณหรือ ว่าให้เข้าไปแก้ ม.112 แล้วทุกคนจะรวยขึ้น จะมีความสุขขึ้น ใครบอกคุณ?”  

‘เศรษฐา’ ย้ำตรวจคุณสมบัติ รมต.เสร็จ จะนำยื่นทูลเกล้าฯ ทันที กำชับ สส.รับผิดชอบองค์ประชุม ยัน!! พร้อมตอบกระทู้ด้วยตัวเอง

(1 ก.ย. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบกลับคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรีแล้วหรือยังว่า “ยังครับ เข้าใจว่าวันนี้น่าจะตอบกลับมา” โดยตนพยายามเร่ง โดยจะตามไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตอนนี้รอเพียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเท่านั้น และตนไม่อยากให้ไปเน้นที่นายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะดูคนอื่นด้วยเหมือนกันรอให้แน่นอนดีกว่า 

เมื่อถามย้ำว่า หากทุกอย่างเรียบร้อยจะสามารถยื่นทูลเกล้าฯ ได้ในวันนี้เลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ครับ นั่นคือความตั้งใจครับ” เมื่อถามถึงความคืบหน้าการร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาตอนนี้เรียบร้อยแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ยังเหลืออีกนิด โดยวันนี้จะมีการพูดคุยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งน่าจะจบได้ด้วยดี”

เมื่อถามถึงกรณีสภาฯ ล่มเมื่อวันที่ 31 ส.ค. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำเสียงข้างมาก จะกำชับพรรคร่วมในการให้ความสำคัญกับสภาฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ความรับผิดชอบต่อสภาฯ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด และในการประชุม สส.สัปดาห์หน้า จะพูดคุยเรื่องนี้กัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิด”

เมื่อถามว่า เมื่อเป็นนายกฯ แล้วจะเข้าไปตอบกระทู้ถามสดด้วยตัวเองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าติดภารกิจอะไรหรือไม่ เพราะอยู่ฝ่ายบริหาร แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อฝ่ายนิติบัญญัติด้วย หากฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อกังวลหรือข้อเป็นห่วง เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่จะต้องเข้าไปตอบ หรือมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยตอบ

เมื่อถามถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาระบุได้รับหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า “ยังไม่ทราบเรื่อง”

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลรักษาการดำเนินการตามขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น รัฐบาลต่อไปจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ยังไม่ทราบเรื่อง และเรื่องของนายทักษิณถือเป็นเรื่องส่วนตัว ท่านก็บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางพรรค”

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่อำลาตำแหน่ง นายเศรษฐาจะมีอะไรฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์บ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า วันที่ตนไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ถามว่าท่านจะไปทำอะไร เพราะเข้าใจว่าท่านชอบตีกอล์ฟ ซึ่งตนได้แนะนำว่าท่านควรไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ซึ่งท่านได้บอกว่า ลูกสาวของท่านทั้งสองคนไปเที่ยวต่างประเทศก็สนุกดี ตนจึงบอกให้ท่านลองให้ลูกสาวพาไปเที่ยวต่างประเทศ ขอให้รักษาสุขภาพให้ดี ไปเที่ยวต่างประเทศก็ขอให้สนุก

‘นิด้าโพล’ เผย ปชช.ค่อนข้างพอใจผลงาน 2 เดือน ‘นายกฯ เศรษฐา’ แม้บางส่วนไม่ค่อยได้ติดตามข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศ

(29 ต.ค. 66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘สนใจเรื่องนายกฯ เศรษฐา เยือนต่างประเทศหรือไม่?’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับประเด็นที่สนใจจากข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบ หลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจ เมื่อถามประชาชนถึงประเด็นที่สนใจจากข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วง 2 เดือนของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.01 ระบุว่า ไม่ได้ติดตามข่าว การเยือนต่างประเทศของนายกฯ เลย
รองลงมา ร้อยละ 24.43 ระบุว่า การเข้าพบผู้นำ หรือบุคคลสำคัญในต่างประเทศ ร้อยละ 24.35 ระบุว่า บทบาทและผลการเยือนต่างประเทศของนายกฯ ร้อยละ 21.83 ระบุว่า การแต่งกาย/เสื้อผ้าของนายกฯ ระหว่างเยือนต่างประเทศ ร้อยละ 19.69 ระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ระหว่างเยือนต่างประเทศ
รองลงมา ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ลักษณะท่าทาง และ/หรือ ภาษากายของนายกฯ ระหว่างเยือนต่างประเทศ ร้อยละ 10.31 ระบุว่า การจัดการต้อนรับของประเทศเจ้าภาพ และร้อยละ 1.98 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามผู้ที่ติดตามข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกฯ (จำนวน 799 หน่วยตัวอย่าง) ถึงความพอใจต่อบทบาทของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.31 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 23.40 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 20.27 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 9.39 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.63 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพอใจในบทบาท/ผลงานของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในช่วง 2 เดือนที่ดำรงตำแหน่ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.87 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.87 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.40 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 13.74 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 4.12 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.55 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 18.01 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.44 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.74 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.71 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.93 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.74 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.41 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.14 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.45 นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอื่น ๆ

ตัวอย่าง ร้อยละ 34.43 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.98 สมรส และร้อยละ 2.59 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 23.89 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 38.02 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.01 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 25.42 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.66 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

ตัวอย่าง ร้อยละ 10.23 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.11 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.75 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.83 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.74 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.00 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 6.34 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 23.28 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 20.61 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.09 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 4.35 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.16 ไม่ระบุรายได้

‘นายกฯ แคนาดา’ ถูกนักเคลื่อนไหวบุกปิดล้อมร้านอาหาร ประท้วงเรียกร้องให้หยุดยิงในกาซา ก่อนรุดหนีอย่างรวดเร็ว

มีผู้ถูกจับ 2 คน หลังพวกผู้ประท้วงฝักใฝ่ปาเลสไตน์ราว 250 คน ปิดล้อมร้านอาหารแห่งหนึ่งในแวนคูเวอร์ ที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด กำลังรับประทานอาหารค่ำในเย็นวันอังคาร (14 พ.ย.) พร้อมตะโกนเรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซา

(16 พ.ย.66) โดย สตีฟ แอดดินสัน โฆษกตำรวจแวนคูเวอร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ 100 นายถูกส่งเข้าไปสลายการชุมนุม ขณะเดียวกัน เข้าอารักขาพาตัว ทรูโด ออกจากร้านอาหารซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ในย่านไชน่าทาวน์

เจ้าหน้าที่หญิงรายหนึ่งถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล หลังโดนผู้ประท้วงรายหนึ่งชกต่อยและเล็บมือขีดข่วนบริเวณดวงตา จากการเปิดเผยของโฆษกตำรวจแวนคูเวอร์ พร้อมเผยว่าตำรวจใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าสยบผู้ต้องสงสัยวัย 27 ปีรายหนึ่ง ฐานพยายามก่อความวุ่นวาย ส่วนชายอีกคนถูกจับกรณีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยเวลานี้ชายคนแรกยังอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของตำรวจ แต่คนหลังได้รับการปล่อยตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (14 พ.ย.) ทรูโด ถูกพวกผู้ประท้วงบุกเข้าหาที่ร้านอาหารอินเดียแห่งหนึ่ง ในอีกฟากหนึ่งของเมือง ขณะที่วิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพพวกนักเคลื่อนไหวบุกไปเผชิญหน้ากับ ทรูโด ระหว่างที่เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะ พวกเขาส่งเสียงเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์ ‘ฮามาส’ ในฉนวนกาซา พร้อมตะโกน "คุณมันน่าอดสู" และ "จัสติน ทรูโด คุณให้เงินสนับสนุนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแคนาดา รุดออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ตอบโต้พวกนักเคลื่อนไหวใดแต่อย่างใด

ชาร์ลอตต์ เคท ซึ่งเป็นแกนนำร่วมกับกลุ่ม Samidoun Palestinian Prisoner Solidarity Network ที่เข้าร่วมกับการชุมนุมทั้ง 2 แห่ง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้แคนาดา ‘แสดงจุดยืนอย่างจริงจัง’ ต่อปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา

ทรูโด กล่าวในวันอังคาร (14 พ.ย.) เรียกร้อง เบนจามิน เนทันยาฮู แสดงออกถึงความอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุดในปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มกาซา ซึ่งคร่าชีวิตปาเลสไตน์แล้วมากกว่า 11,000 คน หลังอิสราเอลประกาศสงครามกับฮามาส ในวันที่ 7 ตุลาคม แก้แค้นกรณีที่นักรบกลุ่มนี้บุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเล่นงานอิสราเอล สังหารผู้คนไป 1,200 ราย และจับเป็นตัวประกันราว 240 คน

เนทันยาฮู ปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรูโด ยืนยันว่ากองทัพอิสราเอลไม่ได้ตั้งใจเล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน และยืนกรานว่า ฮามาสต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุเสียชีวิตทั้งหมดในกาซา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top