Saturday, 19 April 2025
นายก

‘เศรษฐา’ ฟิตจัด!! เรียกรัฐมนตรี-หน่วยงาน ถกสางงาน พร้อมเข้ากระทรวงการคลังติดตามงาน บ่ายนี้

(20 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้เชิญสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นหารือต่อ

นายกฯ มอบให้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ) แทน ซึ่งจะมีการประชุม เวลา 11.00 น. เนื่องจากนายกฯ ได้หารือกับสภาพัฒน์ฯ จนได้ข้อสรุปบางเรื่องแล้ว จึงได้มอบหมายให้นายภูมิธรรมประชุมแทน

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ เข้าพบ คาดว่า จะมารายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือ 266 คนไทย กลับจากเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา รวมถึงการเตรียมความพร้อม มอบนโยบายให้กับ3 หน่วยงานหลักได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หลังไปโรดโชว์ระหว่างการประชุมเอเปค สหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปพบนายกฯ ที่บนตึกไทยคู่ฟ้าด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะรายความพร้อม งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย ตามโครงการ ‘Thailand Winter Festivals’ ที่นายกฯ มีกำหนดการจะเดินทางไปร่วมงานในวันที่ 27 พ.ย.นี้

มีรายงานว่า ในช่วงบ่าย นายกฯจะเดินทางไปกระทรวงการคลัง คาดว่าจะไปติดตามงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ร้อยเอ็ด…ชาวร้อยเอ็ดปลื้ม นายกฯ เศรษฐา Kick off นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

วันนี้( 7 มกราคม 2567 ) เวลา 18.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Kick off นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวต้อนรับ ตลอดจนผู้บริหาร บุคลากรสาธารณสุข รองผุ้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน อสม. และประชาชน เข้าร่วม  จำนวน 10,101 คน ที่ ลานหน้าหอโหวด101 บึงพลาญชัย อำเภอเมืองร้อยเอ็ด

โดยนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ เป็นการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ ให้เจริญก้าวหน้า ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน ลดภาระงานของบุคลากร จึงกำหนดให้เรื่องดิจิทัลสุขภาพเป็นหนึ่งในนโยบายการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งมีการ Kick off  ใน 4 จังหวัดนำร่อง เพื่อนำไปขยายผลอีก 8 จังหวัดในระยะที่ 2 และขยายครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการทุกระดับ ทุกสังกัด และยกระดับหน่วยบริการให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้จัดบริการสุขภาพ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดระยะเวลารอคอย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาช

โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด (ห)
087-864-4400  081-377-2689

'นายกฯ' มอบคำขวัญวันครู ปี 2567 "ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์"

(9 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2567 ว่า...

'ครู' คือผู้นำความรู้ทั้งจากทั้งในตำรา และจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาถ่ายทอดให้กับศิษย์ งานของครูในโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ จึงไม่ใช่แค่การสอนหนังสือให้ความรู้ตามตำรา แต่ครูยังต้องใส่ใจสอนวิธีคิด และวิธีจัดการกับข้อมูลที่มีอยู่อย่างหลากหลาย เพื่อให้ศิษย์สามารถจัดระเบียบความคิดได้ รวมถึงเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตัวเองอย่างมีคุณภาพ

คำว่าครูสำหรับผม คือ ผู้สร้าง และ ผู้ให้ ครับ 'สร้าง' คือ สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับสังคม 'ให้' คือ ให้หลักคิดแก่ผู้คนเพื่อนำไปต่อยอดได้ 

ดังคำขวัญวันครูแด่ครูทุกท่านที่เสียสละดังนี้ครับ... “ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์”

‘เอกชน’ หนุน 8 วิสัยทัศน์ ‘นายกฯ’ จุดพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แนะรัฐทำวันสต๊อปเซอร์วิสภาคธุรกิจ ชูฮับท่องเที่ยว-การบิน-อาหาร

(26 ก.พ.67) นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลง 8 วิสัยทัศน์ จุดพลังศักยภาพประเทศไทยเป็นที่ 1 ในภูมิภาค ว่า ถือเป็นการแสดงวิสัยทัศน์อนาคตของประเทศไทยครั้งแรก ที่ประกาศชัดเจนมีทั้งหมด 8 วิสัยทัศน์ การประกาศลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะหลายฝ่ายไม่เพียงเฉพาะภาครัฐบาล แต่มีภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน จะได้เห็นมุมมองและทิศทางที่เป็นแนวนโยบายสำหรับเศรษฐกิจที่จะเดินไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน เพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้เดินหน้าได้ไม่สะดุด หรือติดอุปสรรคสามารถแก้ปัญหาร่วมกันได้

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า จาก 8 วิสัยทัศน์ โดยเฉพาะเรื่องฮับการท่องเที่ยวสามารถทำได้แน่นอน แต่รายละเอียดต่างๆ ที่หลายฝ่ายจะเติมเข้าไปนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เดิมทีอาจจะเน้นปริมาณนักท่องเที่ยว แต่ขณะนี้ต้องเสริมนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศรอบด้าน เพราะการท่องเที่ยวเป็นกลไกลที่เกี่ยวข้องกับประชากรมากกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ

ขณะเดียวกัน ด้านอื่นๆ ก็น่าสนใจ เช่น ศูนย์กลางด้านอาหาร ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านนี้มากพอสมควร ซึ่งสิ่งที่ท่านนายกฯ ได้พูดว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และในกระเป๋ามีเงิน ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้อง เพราะเดิมทีในน้ำมีปลา ในนามีข้าว นี่คือความเพียงพอที่จะบริโภคในประเทศ และทำให้คนในประเทศพึ่งพาอาศัยกัน แต่ปัจจุบันไทยจำเป็นต้องมีเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจด้วย

ดังนั้น การที่จะทำให้กระเป๋ามีเงินต้องมีหลายเรื่องที่ทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เอกชน ประชาชน รวมไปถึงเกษตรกร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำต่อ โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่ท่านนายกฯ เคยพูดถึงไว้ในหลายเรื่อง เช่น เรื่องอาหารแห่งอนาคต จะเป็นการต่อยอดการผลิตอาหารดั้งเดิมของไทยที่ทำตลาดได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะไปถึงอนาคตเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับเกษตรกรให้ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชใหม่ๆ มากกว่าการปลูกพืชชนิดเดียว เพื่อให้พึ่งพาตัวเองได้

“อีกทั้งเรื่องอาหารฮาลาล ไทยต้องมีใบรับรองที่เข้มแข็ง เพื่อการส่งออกไปประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะผลักดันให้ประเทศไทยสามารถส่งอาหารได้เอง แทนที่จะต้องให้ประเทศที่เป็นชาวมุสลิมออกใบรับรองให้ เพื่อส่งสินค้าออกไปประเทศต่างๆ ได้เอง”นายวิศิษฐ์ กล่าว

>> ปั้นฮับการบินโอกาสเมืองรอง
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ฮับการบิน ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรงไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคมนาคมในประเทศเท่านั้น เช่น คนไทยเดินทางในประเทศมีทั้งรถยนต์ และเครื่องบิน ขณะนี้จะเห็นว่าสนามบินมีการใช้งานเต็มที่และสถานการณ์ราคาตั๋วเครื่องบินมีราคาสูง สาเหตุจากสายการบินให้บริการไม่เพียงพอ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ถ้าไปดูสนามบินอินเตอร์ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จะมีหลายเมืองที่เป็นศูนย์การบินระดับอินเตอร์รองรับการท่องเที่ยว โดยไม่จำเป็นต้องไปสนามบินในเมืองหลัก

ดังนั้น ถ้านักท่องเที่ยวมีมากและไม่สามารถไปลงในสนามบินพื้นฐาน หรือที่เป็นเมืองหลวงแล้ว ทำให้เมืองรองเริ่มมีโอกาส เพราะการมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวของไทย หากสามารถทำให้นักท่องเที่ยวลงที่เมืองรอง และจากนั้นเชื่อมต่อโลจิสติกส์ในประเทศได้ เช่น รถยนต์เช่า รถไฟเชื่อมระหว่างเมืองจะเปิดโอกาสให้เมืองรองได้ดี โดยสามารถขายการท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมผ่านซอฟต์พาวเวอร์ได้เช่นกัน ซึ่งรัฐบาลต้องใช้โซเชียลมิเดียต่างๆ ในการโฆษณาให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้าง

>> ขอวันสต๊อปเซอร์วิสภาคธุรกิจ
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า มุมมองนักลงทุนต่างชาติต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งจังหวะ 3-4 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์มีความขัดแย้งต่างๆ เกิดขึ้นทั่วโลก แม้จะเกิดขึ้นในบางภูมิภาค แต่ส่งผลทำให้การค้าขายระหว่างประเทศมีปัญหาค้าขายยากขึ้น มีปัญหาทั้งอาจจะส่งสินค้าไปในทางตรงไม่ได้ รวมถึงการย้ายฐานการผลิตมาผลิตในประเทศที่มีความเป็นกลาง และสามารถส่งของไปในประเทศใดก็ได้ หรือเป็นประเทศที่มีการผลิตและมีต้นทุนไม่สูง หรือเป็นประเทศผู้ผลิตและสามารถกระจายสินค้าไปประเทศอื่นได้ เพราะมีสัญญาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) หรือโลจิสติกส์ที่ดี

สำหรับประเทศไทยภาพที่ชัดเจน เมื่อนักลงทุนมาลงทุนแล้ว ไม่เพียงแต่ขายสินค้าให้กับคนในประเทศ แต่มีการเชื่อมต่อไปยังประเทศอาเซียน ระยะสั้นขายผ่านทางรถยนต์ หรือประเทศที่อยู่ไกลจะส่งสินค้าไปทางเรือได้ เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกันหมดทั้งโลจิสติกส์ การดึงคนมาลงทุน และที่สำคัญในภาวะที่หลายประเทศกำลังหาแหล่งลงทุนใหม่ หรือย้ายฐานการผลิตก็ต้องหาประเทศอื่นเพื่อการทำธุรกิจ

“ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น ดังนั้น จะต้องทำอย่างไรให้ประเทศเรามีเสน่ห์และมีเสน่ห์มากขึ้น“นายวิศิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ มีเรื่องที่นายกฯ เคยพูดไว้ และเป็นเรื่องที่เอกชนเคยร้องขอมานานแล้ว คือ วันสต๊อปเซอร์วิสต่างๆ การเชื่อมโยงเอกสาร ข้อมูลเพื่อการทำธุรกิจต่างๆ หรือการจัดตั้งธุรกิจใหม่ และต้องทำอย่างไรให้สามารถจัดการได้ในที่เดียวแทนที่จะต้องวิ่งไปใน 10-20 หน่วยงานเพื่อยื่นเอกสาร หากสามารถทำจบได้บนสมาร์ทโฟนและสามารถทำได้ในที่เดียวทุกเอกสารวิ่งไปได้ในหลายหน่วยงาน และมีการตอบรับผ่านอิเล็กทรอนิกส์สามารถลดต้นทุน ลดความยุ่งยาก และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น

นราธิวาส-นายกฯ ประทับใจการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวนราธิวาส ย้ำรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหา หวังให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขโดยเร็ว

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 11.30 น. ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน
 
โดยนายกฯ ได้แวะทักทายชาวบ้าน ที่สวมใส่ชุดไทยชุดพื้นบ้านรำให้การต้อนรับ และเยี่ยมชมกิจกรรม “นวัต .. วัฒนธรรม” ภายในแนวคิด Culture, Creative and Innovation โดยอำเภอสุไหงปาดี นำการแสดงพื้นบ้าน กลองบานอ กรือโต๊ะ ซึ่งจะเป็นการละเล่นตีกลองเพื่อต้อนรับบุคคลในโอกาสสำคัญ การรำซิละ ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรวมถึงชมผลิตภัณฑ์ของชุมชน อาทิ กระเป๋ากระฉูด กาแฟ ริต้ายี่งอ โดยใช้น้ำผึ้งชาญณรงค์
 
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหารือยกระดับการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยว ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
นายกฯ กล่าวมอบนโยบายด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ประทับใจ ซึ่งดูได้จากแววตาของประชาชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับ มองเห็นโอกาสที่รัฐบาลนำมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานที่รัฐบาลจะพยายามทำ ไม่ว่าเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม รวมถึงของดี ๆ และอาหารภาคใต้ ที่ยังไม่ได้การมีการเผยแพร่และนำเสนอให้คนจังหวัดอื่นรู้ รวมถึงต่างประเทศยังรับรู้ไม่ทั่วถึง
 
นายกฯ กล่าวว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มีปัญหาเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตมาอย่างยาวนาน รัฐบาลชุดนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องของด่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านศุลกากร ด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ได้มีการสั่งการให้เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างทันที รวมถึงเรื่องของถนนทางหลวง ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ได้มีการหารือกันตลอด โดยจะเริ่มทำภายในสิ้นปีนี้ ในส่วนเรื่องของสนามบินขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย  ถ้าเกิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดี ๆ มีสิ่งดี ๆ ตนเองเชื่อว่าจะเกิดดีมานด์ มีความต้องการที่จะมาลงทุนสนามบินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงถึงการใช้สนามบินร่วมกันแล้ว
 
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า  หลาย ๆ เรื่องตนเองเชื่อว่ารัฐบาลเข้าใจถึงปัญหาการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลนำคณะมาครบทุกกระทรวง รวมถึงฝ่ายความมั่นคง และ สส.ในพื้นที่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้พูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ ด้วยแล้ว ถือว่าการลงพื้นที่สามวันนี้ เป็นสามวันที่มีคุณค่า ซึ่งรัฐบาลจะมามาเยี่ยมเยียนอีกในปีหน้า เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาในพื้นที่ พร้อมกล่าวย้ำว่า หน้าที่ของรัฐบาลจะพยายามทำและแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขในระยะเวลาใกล้นี้

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมานุ จ.นราธิวาส

“ตรีชฎา” เผย นายกฯ - รมว.สาธารณสุข เร่งระดมสรรพกำลังช่วยปชช.ไม่ทิ้งประชาชน เร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน สั่ง สสจ.ระดมทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนในพื้นที่ ตั้งหน่วยแพทย์ สนับสนุนยาและเวชภัณฑ์

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า จากวิกฤตการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่พร้อมกับสส.ในพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่จังหวัดน่าน แสดงความห่วงใยและพร้อมจะสั่งการให้ความช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ จากข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม มี 7 จังหวัดที่ประสบวิกฤตน้ำท่วม 21,971 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ โดยภาพรวมระดับน้ำค่อยๆลดลงแล้ว  ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. นอกจากเป็นประธานจัดประชุมวีดิโอ คอลล์ทั่วประเทศร่วมกับผู้บริหาร สธ.และผู้เกี่ยวข้องและ ได้ลงพื้นจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง ประชุมร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัด ชลประทานจังหวัดสุโขทัย และผู้เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการแก้ไขวิกฤตน้ำท่วม

น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ซึ่งเกิดจากฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก สร้างความเดือดร้อนและสูญเสียให้พี่น้องประชาชนอย่างมาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงสธ.และสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมหาทางแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ทุกฝ่ายของ สธ.จะต้องร่วมมือกัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

โฆษก สธ.ฝ่ายการเมืองกล่าวต่อไปว่า บุคลากรของ สธ. ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติที่เปิดสาย หมายเลข 1669 เพื่อรับแจ้งปัญหาขอความช่วยเหลือจากประชาชน ในส่วนของสาธารณสุขจังหวัด, สาธารณสุขอำเภอ, โรงพยาบาลระดับอำเภอ, อสม. ในพื้นที่ การบริหารจัดการ การตั้งหน่วยแพทย์ การสนับสนุยยาและเวชภัณฑ์  อย่างไรก็ตาม หากมีสิ่งใดจะขอความช่วยเหลือก็ให้ติดต่อแจ้งเข้ามายังผู้บริหารที่ สธ. เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน “กลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้หรือแม้แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ถือเป็นเป้าหมายที่ สธ.จะต้องดูแลใจใส่เป็นพิเศษ ได้แก่ คนพิการ เด็ก สตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเรื้อรัง พร้อมกันนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเตรียมการป้องกันโรค และดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม” น.ส.ตรีชฎากล่าว

นายกฯ แพทองธาร แถลงนโยบาย “โอกาสที่เป็นไปได้ เพื่อคนไทยทุกคน” ย้ำรูปธรรม “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ทุกนโยบายทำจริง ทำเป็น

นายกฯ แถลงนโยบาย “โอกาสที่เป็นไปได้ เพื่อคนไทยทุกคน” แจง 10 นโยบายเร่งด่วนต่อรัฐสภา “ดิจิทัลวอลเล็ต-เกษตรทันสมัย-รถไฟฟ้าราคาเดียวตลอดสาย-กำจัดอาชญากรรมออนไลน์-กำจัดยาเสพติดทั้งระบบ-ทำรัฐธรรมนูญใหม่-ปรับปรุงระบบภาษีครั้งใหญ่-ปฏิรูประบบราชการ ลดขนาดกองทัพ เดินหน้าสู่ Digital Government” ย้ำรูปธรรม “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”

(12 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม มี ครม. ส.ส. และ ส.ว. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า คณะรัฐมนตรีขอแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงเจตนารมณ์ ยุทธศาสตร์ และนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคี ปรองดองให้เกิดข้ึนในสังคมไทย และจะนำไปสู่ความร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาวไทยทุกคน

นายกฯ แพทองธาร แถลงในประเด็นความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญว่า ประเทศไทยเผชิญความท้าทายอยู่หลายประการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่โตน้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมและการเมือง ทั้งหมดนี้รัฐบาลพร้อมจะประสานพลังกับทุกภาคส่วน เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม” ของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม รัฐบาลพร้อมเสริมศักยภาพ สร้างโอกาสให้ประชาชนทั้งบทบาทและสิทธิเพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหาที่รุมเร้าและนำพาให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

โดยนายกรัฐมนตรี ได้ยกความท้าทาย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่โตน้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อม และ สังคมและการเมือง ทั้งหมดนี้คือ “ความท้าทาย” ที่รัฐบาลพร้อมจะประสานพลังกับทุกภาคส่วน เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาค ทางเศรษฐกิจและสังคม” ของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายสำคัญเร่งด่วนเพื่อการเดินหน้าบริหารประเทศ 10 ข้อ ที่จะดําเนินการทันที ดังนี้ 1) ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ 2) ดูแลและส่งเสริมพร้อมกับปกป้องผลประโยชน์ ของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs 3) เร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค อัตราค่าโดยสารร่วมรองรับนโยบาย “ราคาเดียวตลอดสาย” 4) สร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนําเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี และนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา อุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน ฯลฯ 5) เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ให้ความสําคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก ผลักดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” (Digital Wallet) ซึ่งเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ  6) ยกระดับการทําเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ฟื้นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก 7) ส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อการปรับโครงสร้างการตรวจลงตราท้ังหมดของประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า (วีซ่าฟรี) นำเทศกาลระดับโลกมาจัดในประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระจายรายได้ 8) แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร 9) เร่งแก้ปัญหา อาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และ 10) รัฐบาลจะส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ และจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจให้แก่คนทุกกลุ่ม เป็นต้น

นายกรัฐมนตรียังได้แถลงเนื้อหาในนโยบายรัฐบาลซึ่งเป็นแผนระยะยาวเพื่อการวางรากฐานและฟื้นโอกาสให้กับประเทศ อาทิ ยานยนต์แห่งอนาคต ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้มาตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง, ส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์และส่งออก ซอฟท์พาวเวอร์, เศรษฐกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ดึงดูดต่างชาติเพื่อตั้งดาต้าเซนตอร์, โรงงานผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ และวางรากฐานการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI, การสนับสนุนระบบเศรษฐกิจสีเขียว, ศูนย์กลางการเงินระดับโลก, ขยายเศรษฐกิจสุขภาพและการแพทย์, ระบบสาธารณูปโภคคุณภาพ, พัฒนาด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ, การสร้างศูนย์กลางและระบบคมนาคม (Logistics Hub) ผ่านโครงสร้างคมนาคมขนาดใหญ่ และขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์, การแก้ปัญหาที่ดินทำกินด้วย One Map, จัดการคลื่นความถี่และสิทธิในวงโคจรดาวเทียม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ เพื่อนำไปสู่การทำ Negative Income Tax ที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับ “เงินภาษีคืนเป็นขั้นบันได” ตามเกณฑ์ที่กำหนด

นอกจากนี้ ยังมีแผนนโยบายเพื่อฟื้นโอกาสประเทศ อาทิ ส่งเสริมการเกิดและเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพ, OFOS ยกระดับทักษะ ปลดล็อกศักยภาพไทย, 30 บาทรักษาทุกที่ และการฉีดวัคซีนปากมดลูก, ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ, การเร่งทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น, การพื้นฟูหลักนิติธรรมและความโปร่งใส, การปฏิรูประบบราชการและกองทัพ ลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ เปลี่ยนผ่านราชการไทย สู่ Digital Government, การยกระดับการบริการภาครัฐให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน เปลี่ยนรัฐปกครองเป็นรัฐสนับสนุน ลดกฎหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็น

ในด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งแก้ PM2.5  ฟื้นฟูธรรมชาติ อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาสมดุลของระบบนิเวศท้องถิ่น, ฟื้นบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง รวมถึงนำประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ส่วนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง รวมถึงสานต่อการฑูตพาณิชย์เชิงรุก แก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศท้ังระบบทวิภาคี (Bilateral) และพหุภาคี (Multilateral) และเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอกับประเทศคู่ค้าสำคัญ และเตรียมเข้าเป็นสมาชิก OECD เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจท่ีถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเก่ียวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยเฉพาะกฎหมายที่เก่ียวข้องกับผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

“ในนามนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้ความมั่นใจ กับรัฐสภาแห่งน้ีว่า จะตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมท้ังประสานพลังจากทุกภาคส่วน จากทุกช่วงวัย จากทุกความเชี่ยวชาญ ขับเคลื่อนนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเพื่อตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบันให้สำเร็จ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักด์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย เพื่อสร้างความหวังและอนาคตท่ีดีกว่าให้ประเทศไทย จากวันนี้ไปถึงอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว

รมว.กต.เผยนายกฯ เตรียมกล่าวถ้อยแถลงเวทีผู้นำ ACD ครั้งที่ 3 พร้อมหารือทวิภาคีร่วมอิหร่าน-คูเวต-กาตาร์และทาจิกิสถาน - ย้ำยังห่วงคนไทยในตะวันออกกลาง กำชับคอยติดตามข่าวสารทางการ-สอท.

(3 ต.ค. 67) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งร่วมคณะเดินทางกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมประชุม Asia Cooperation Dialogue หรือ ACD ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เปิดเผยกำหนดการสำคัญของนายกรัฐมนตรี ในการร่วมประชุมในวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดหารือทวิภาคี หรือ Bilateral ร่วมกับผู้นำอิหร่าน ในฐานะที่เป็นประธาน ACD ปีนี้ รวมถึง ผู้นำคูเวต, กาตาร์ และประเทศทาจิกิสถาน

นอกจากนั้น ในเวลาประมาณ 14.20 น. ตามเวลาประเทศไทย นายกรัฐมนตรี จะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2559 มาก่อน และในฐานะประธาน ACD ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคมนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ต้องการผลักดันให้ ACD เป็นเวทีการหารือระดับนโยบาย เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปเอเชีย ส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นเวทีที่ประเทศสมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้วยความเข้าใจและไว้เนื้อเชื่อใจ เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลก รวมทั้งความท้าทายจากการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจร่วมกัน 

นายมาริษ ชี้แจงด้วยว่า ACD ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 โดยการริเริ่มของไทย ปัจจุบันมีสมาชิก 35 ประเทศ ซึ่งวัตถุประสงค์ และความสำคัญของ ACD นั้น เป็นเวทีหารือระดับนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปเอเชียที่ประเทศสมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ของโลก ส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นเวทีเดียวในเอเชียที่เชื่อมโยงประเทศในทุกพื้นที่ของทวีปเอเชีย
(Pan-Asian Forum) และกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ BRICS, ASEAN และ CICA เป็นต้น

นายมาริษ ยังย้ำอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยังคงติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง เนื่องจาก มีความห่วงกังวลต่อพลเมือง และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม โดยได้ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุด และยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และยังแสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงในตะวันออกกลาง จึงกำชับให้คนไทยในพื้นที่ทุกคนติดตาม และปฎิบัติตามคำแนะนำของทางการท้องถิ่น และสถานเอกอัครราชทูตไทยอย่างเคร่งครัด

'นายกฯอิ๊งค์' ขอหัวหน้าส่วนราชการเรียกความเชื่อมั่น โวยถูกเกมการเมืองบิดเบือนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยันกาสิโนแค่ในคอมเพล็กซ์ไม่ใช่ทั้งประเทศ

(9 เม.ย.68) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2568 มีปลัดกระทรวงเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจมากที่ได้มาเจอทุกท่าน หนักเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็หนักพอสมควร ขณะนี้อยู่ในช่วงเคลียร์พื้นที่ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมตัวให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ตั้งแต่นาทีแรกที่เกิดเหตุการณ์ ต่อจากนี้คงต้องช่วยกันต่อไป วันนี้มาที่ ททท. ช่วยกันเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา ให้ต่างชาติรู้ว่าเป็นเดือนแห่งความสนุกสนานมีเทศกาลสงกรานต์กระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนอื่นให้ไปต่อ ส่วนการเคลียร์พื้นที่ก็ต้องทำไป การเยียวยารัฐบาลต้องดูแล ส่วนการตรวจสอบขอย้ำให้ทุกภาคส่วนสืบหาข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ แต่ภาคอื่นๆ ต้องลุยแล้วในเรื่องสงกรานต์ การสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เราต้องขายของเดิมของเราก่อนให้เต็มพลัง เอาตัวเลขของนักท่องเที่ยวกลับมาเพื่อบูธทุกภาคส่วนด้วยสิ่งที่เรามีให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น หลังประสบภัยธรรมชาติ ต้องร่วมมือทุกภาคส่วน มีอะไรตนพร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนอยู่แล้ว ตอนนี้ขอให้ทุกท่านนอนให้เต็มที่พอเข้าสงกรานต์แล้วจะหนักนิดหนึ่งให้กำลังใจทุกท่าน

น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีประเด็นหลายอย่างมาก ซึ่งเราถูกบิดเบือนในคำพูดว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือกาสิโน จริงๆแล้วกาสิโนที่จะถูกกฎหมายคือถูกกฎหมายในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แปลว่าประเทศไทยเปิดบ่อนที่ไหนถูกกฎหมายทั้งหมด และในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็มีกาสิโน แค่10% ของพื้นที่ ไม่ใช่ใครก็ได้เปิดกาสิโนได้หมดทุกที่เต็มไปด้วยกาสิโนทั้งหมดไม่จริงนี่เป็นเกมการเมือง เป็นการบิดเบือนความหมายและเจตนา นโยบายนี้อยู่ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หวังเป็นอย่างยิ่งเราจะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ จะเกิดการจ้างงาน จะเกิดการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เข้าไปทำงาน ทุกคนต้องมีสกิลที่สูงขึ้น มีตำแหน่งงานเป็นร้อยเป็นพัน มีการก่อสร้างมีการจ้างงาน ประชาชนก็จะต้องผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นเพราะในนั้นต้องมีการทานอาหาร ต่างชาติที่อยากได้ของไทยมาที่นี้หมดถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก้อนใหญ่ แต่ถูกบิดเบือนพูดว่ากาสิโน ทั้งหมดไม่ได้เปิดได้ทุกที่ มีแต่ในคอมเพล็กซ์เพื่อเอาเงินเหล่านั้นมาหมุนคืนทุนในการก่อสร้างอยากให้หัวหน้าหน่วยราชการทุกท่านช่วยกันสื่อสารว่าเราไม่ได้เปลี่ยนประเทศให้เป็นประเทศกาสิโน ไม่ใช่อยู่แล้ว มันแค่หนึ่งที่หนึ่งคอมเพล็กซ์ต่อใบอนุญาติ วันนี้ใครชอบเล่นการพนันเล่นที่ไหนที่นั่นถูกกฎหมายหรือไม่ จ่ายภาษีให้รัฐหรือไม่ มันไม่ถูกกฎหมาย ไม่ได้รับการดูแลแต่มันก็มีอยู่ดี เราต้องรู้ว่าประเทศของเราจะขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้อย่างไรบ้าง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top