Monday, 20 May 2024
นราธิวาส

นราธิวาส-ผบ.ฉก.นราธิวาส ส่งมอบบ้านตามโครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข'เสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ เพิ่มพูนความสุขให้กับพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้ในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ส่งมอบบ้าน ตามโครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข' ให้กับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดี และ พื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จำนวน 2 รายได้แก่ 1. นางมีเน๊าะ กายอหม๊ะ ณ บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 5 ตำบลสากอ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส และ 2. นางเจ๊ะโมง  แยนา ณ บ้านเลขที่ 52/5 หมู่ที่ 5 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้ง 2 ครอบครัว มีฐานะยากจน เป็นผู้ยากไร้ และมีความเดือดร้อนในเรื่องที่พักอาศัย ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยรัฐเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตสร้างขวัญและกำลังใจเพิ่มพูนความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ช่อมสร้าง ปันสุข  โดยมี ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อิหม่ามประจำตำบล หัวหน้าส่วนราชการ และพี่น้องประชาชน เข้าร่วมในพิธี

โดยจากสถานการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลกระทบในด้านความปลอดภัย และทำให้พี่น้องประชาชน ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ในการประกอบอาชีพ ขาดแคลนรายได้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีดำริให้ หน่วยเฉพาะกิจประจำจังหวัด ที่ได้รับงบประมาณ ตามแผนงานโครงการพิทักษ์ประชาชนและทรัพยากร โครงการประสานสัมพันธ์กับชุมชน ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้ความเดือดร้อนด้านที่พักอาศัย โดยการสร้างบ้านมอบให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จึงจัดให้มีโครงการ "หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข" โดยให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ลงไปดำเนินการสร้างบ้านให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนในด้านที่พักอาศัย และเสริมสร้างทัศนะติที่ดีของประชาชนในพื้นที่ ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งการคัดเลือก พี่น้องประชาชนที่มีฐานะยากจนนั้น จะคัดเลือกผ่านสภาประชาธิปไตยตำบล ซึ่งการดำเนินการ ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือ จากส่วนราชการ  ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ บริจาควัสดุก่อสร้าง แรงกาย และความคิดในการก่อสร้าง จนแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า โครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข' จะบรรลุผลสำเร็จได้นั้น ล้วนเกิดจากความมือร่วมใจ จากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ส่วนราชการต่างๆ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง ที่มีส่วนร่วมในการ ช่วยเหลือสังคม ดั้งนั้น เมื่อสังคมให้ความช่วยเหลือเราแล้ว เราควรตอบแทนช่วยเหลือสังคม และเป็นคนดีมุ่งสร้างประโยชน์ต่อไป

ผบ.ฉก.นราธิวาส ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมกำลังพล และมอบนโยบายแนวทางการปฎิบัติงาน กองร้อยทหารราบที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ความมั่นใจเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง พร้อมที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนในทุกเมื่อ 

ที่ ฐานปฎิบัติการบ้านน้อมเกล้า หมู่ 12 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม พบปะ กำลังพลที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะต่างๆ ตลอดจนมอบ นโยบายแนวทางการปฏิบัติงาน ประจำปีงบประมาณ 2567 ในการนี้ ได้ พบปะ พูดคุยกำกับดูแล และแนะนำแนวทางในการปฏิบัติงานให้กับกำลังพล พร้อมกำชับให้กำลังพลปฏิบัติตามนโยบายทและข้อสั่งการของ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4

เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน โดยได้เน้นย้ำให้ กำลังพลต้องมีความพร้อม ทั้งเครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ทางทหาร อยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถให้กับกำลังพล ให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ เพื่อนำไปสู่การแก้ไข พัฒนา ต่อไป 

ตามนโยบายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ากองพลทหารราบที่ 15 ได้จัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2  (ฉก.พัน.ร.2) เพื่อควบคุมพื้นที่ และจัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธีตาม สถานการณ์ โดยแบ่งมอบกำลังควบคุมพื้นที " ระดับ กองร้อยทหารราบ จังหวัดละ 1 กองร้อย เป็นลำดับแรก จำนวน 648 อัตรา เพื่อเสริมการปฏิบัติการควบคุมพื้นที่ จากการปรับลดกำลังของทหารพรานนอกพื้นที่ กองทัพภาคที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 10, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 20 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 30 กรมละ 3 กองร้อย รวม 9 กองร้อย จำนวน 810 อัตรา ซึ่งกำลังพลที่เหลือให้อยู่ในความควบคุมของกองพัน พร้อมปฏิบัติตามสถานการณ์ 

โดยหน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2  (ฉก.พัน.ร.2) มีจำนวน 4 กองร้อยทหารราบ ประกอบด้วย 

กองร้อยทหารราบที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 153 ควบคุมพื้นที่ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา  มีที่ตั้งฐานปฎิบัติการ จำนวน 2 ฐาน ได้แก่ ฐานปฎิบัติการบ้านกาโสด หมู่ 5 ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และ ฐานปฏิบัติการบ้านตลาดล่าง หมู่ 2 ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา กองร้อยทหารราบที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 153 ควบคุมพื้นที่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี มีที่ตั้งฐานปฎิบัติการ จำนวน 3 ฐาน ได้แก่ ฐานปฎิบัติการบ้านโต๊ะทูวอ หมู่4 ตำบลปิตูมุดี อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี , ฐานปฎิบัติการวัดโคกหญ้าคา หมู่ 6 ตำบลคลองใหม่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และฐานปฎิบัติการบ้านคลองใหม่ ตำบลคลองใหม่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี

กองร้อยทหารราบที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 153 ควบคุมพื้นที่ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส  มีที่ตั้งฐานปฎิบัติการ จำนวน 2 ฐาน ได้แก่ ฐานปฎิบัติการบ้านน้อมเกล้า หมู่ 12 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และ ฐานปฎิบัติการสำนักสงฆ์อีสานสามัคคีใต้ หมู่5 บ้านน้ำตก ฐานปฎิบัติการ กองร้อยทหารราบที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 152 ปฎิบัติเชิงรุก สนับสนุนทางยุทธวิธี ที่ตั้ง ค่ายพระยาเดชานุชิต ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

บินด่วน ‘ทวี’ รมต.กระทรวงยุติธรรม เร่งมอบเงิน หลังชาวบ้านโวย รับเงินเยียวยาล่าช้า

วันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลา 10.30 น. พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ นาย กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส เขต 5 นราธิวาส ประธานกรรมาธิการกฎหมายฯ นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บินด่วน ออกเดินทางจากสนามบิน ดอนเมือง ไฟลท์บินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3130 ไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส เพื่อมอบเงินเยียวยาให้กับผู้ประสบเหตุ กรณีโกดังพลุระเบิด ที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หลังมีชาวบ้านออกมา ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะเดือนพฤศจิกายน –มกราคมจะเป็นฤดูฝน และ ตำบลมูโนะก็เป็นจุดที่เกิดอุทกภัย น้ำท่วมหนักทุกปี

การมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา กรณีโกดังพลุระเบิด ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 389 ราย และอนุภาพยังทำลายอาคารบ้านเรือนในเขตพื้นที่โดยรอบรัศมีประมาณ 3 กิโลเมตร จนทำให้ทั้งครัวเรือนและร้านค้า เสียหายกว่า 683 หลังคาเรือนและได้รับผลกระทบ 2,513 คน โรงเรียนเสียหาย 3 แห่ง รถยนต์เสียหาย 41 คัน รถจักรยานยนต์ 25 คัน รวมถึงทรัพย์สินอีกจำนวนมาก ( ข้อมูล 3 ส.ค 2566 )

วันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลา 13.45 -14.30 น. พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะ นาย กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส นราธิวาส ประธานกรรมาธิการกฎหมายฯ นาย กูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม (คณะรัฐมนตรีมีมติดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) นาย ยู่สิน จินตภากรผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โดย นาย ปรีชา นวลน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้รอต้อนรับ รัฐมนตรี และคณะ พร้อม ชาวบ้าน กว่า 300 รายที่ได้รับความเดือดร้อน ต่างมานั่งรอ เพื่ออยากบอกถึงสิ่งที่ได้รับความเดือดร้อนมากในขณะนี้  ทันทีที่มาถึง พ.ต.ท. ทวี ได้ทักทายแบบภาษามลายู (สลามัตดาตัง)ยินดี.. จนทำให้ชาวบ้านชื่นชม และมีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า จากนั้นก็ได้เข้าไป พบปะชาวบ้าน และพูดคุย อย่างเป็นกันเอง พร้อมมอบเงินเยียวยา จำนวน 345 ราย เสียชีวิต 11 รายรวม 356 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,241,888 ( สองล้านสองแสนสี่หมื่นหนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบแปดบาท) พร้อมทำความเข้าใจถึงความคืบหน้า ในการช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรับเรื่องร้องทุกข์กับประชาชน กรณีโกดังพลุระเบิด ณ. โรงเรียน บ้านมูโนะ ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส

กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ได้ดำเนินการลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเยียวยา กรณีโกดังพลุระเบิดในบริเวณบ้านมูโนะ ภายใต้กิจกรรม “ คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ “ เพี่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2567 เพื่อเป็นการชี้แนะช่องทางให้บริการภารกิจคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของกระทรวงยุติธรรม และให้ความช่วยเหลือ ไปทั้ง 76 จังหวัด ให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่าง สะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม

นราธิวาส-ผบ.พล.ร.15 เยี่ยมน้องทหารใหม่ หน่วยฝึกทหารใหม่ เน้นย้ำต้องดูทหารใหม่เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกรมนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบล มะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเพื่อตรวจเยี่ยมดูความพร้อมของหน่วยฝึกทหารใหม่ เมื่อทหารกองประจำการ หรือน้องทหารใหม่ เข้าไปอยู่ในหน่วยฝึกทหารจะต้องได้รับการดูแลทั้งในเรื่องของหลักสูตรการฝึก และเรื่องของคุณภาพชีวิต ซึ่งต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีเริ่มตั้งแต่การเข้านอนยันตื่นนอน การรับประทานอาหาร และการฝึก และยังรวมไปถึงการส่งเสริมในเรื่องของการต่อยอดด้านการศึกษา น้องทหารใหม่จะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้านเมื่อก้าวเข้าสู่รั้วทหาร พร้อมเน้นย้ำผู้บังคับหน่วยฝึก ผู้ฝึก รวมถึงครูทหารใหม่ ให้ยึดรูปแบบการฝึกตามระเบียบจากกรมยุทธศึกษาทหารบก และมาตรการการควบคุมโรคจากกระทรวงสาธารณสุข ต้องดูแลเอาใจใส่ทหารใหม่ในทุกนาย เสมือนดูแลคนในครอบครัว เพราะทหารกองประจำการ เมื่อเข้ามาอยู่ในรั้วทหาร เปรียบเสมือนเป็นน้องคนเล็ก ของกองทัพบก พร้อมทั้งเน้นย้ำในเรื่องมาตรการป้องกันโรคลมร้อน (Heat Stroke) โดยให้ครูฝึกต้องเป็นตัวอย่างที่ดี รวมถึงเรื่องสิทธิกำลังพลที่น้องทหารใหม่พึงได้ พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์การเข้าสู่การเป็นทหารอาชีพ 

โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 15 กล่าวว่า "การฝึกทหารใหม่ ต้องคิดว่าน้องๆ ที่เข้ามาเป็นพลทหารกองประจำการ เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา เปรียบเสมือนเป็นน้องคนเล็ก เรามีหน้าที่ดูแล บ่มเพาะ และปลูกฝังให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบในความเป็นทหาร และสุภาพบุรุษ เปลี่ยนทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นในจิตใจของน้องๆ เปลี่ยนความคิดจากการเป็นพลเรือน ให้มีจิตใจเป็นทหารอย่างเต็มภาคภูมิ รักในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สำหรับวิธีการฝึกนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานบนความถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบการฝึก ทั้งนี้ขอให้ผู้ปกครองได้มีความมั่นใจในกระบวนการฝึกของกองทัพบก ว่าจะทำให้บุตรหลานของทุกท่านเป็นผู้ที่มีศักยภาพ เป็นบุคลากรที่ดีของกองทัพบก และประเทศชาติต่อไป

แม่ทัพภาค 4 สั่งเร่งระดมกำลังพลช่วยผู้ประสบอุทกภัยนราธิวาส  หลังน้ำป่าไหลหลากมวลมาไม่ทันตั้งตัว รับ!! หนักสุดในรอบ 30 ปี 

(26 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากสถานการณ์ ที่ได้เกิดฝนตกหนักและหนักมากในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 23-24 ธันวาคม 2566 ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทางจังหวัดนราธิวาสได้เปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ขึ้น เพื่อร่วมปฏิบัติการบริหารจัดการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นประธานประชุมติดตามการบริหารจัดการอุทกภัย และ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมรายงานผลการปฏิบัติงานจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส

โดยสรุปวันที่ 25 สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสตามที่ได้เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 22-24 ธันวาคม 2566 เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยได้รับผลกระทบ เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยได้รับผลกระทบแล้ว 9 อำเภอ 44 ตำบล 196 หมู่บ้าน 9,558 ครัวเรือน 37,901 คน 4 ชุมชน โรงเรียน 11 แห่ง ปศุสัตว์ (แพะ) 2 ตัว

แนวโน้มสถานการณ์ ลุ่มน้ำหลัก 3 ลุ่มน้ำ 1.ลุ่มน้ำโก-ลก ระดับน้ำยังปกติ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2.ลุ่มน้ำบางนรา ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง (เฝ้าระวัง) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.ลุ่มน้ำสายบุรี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง (เฝ้าระวัง) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเตือนประชาชนไม่ประมาทต่อมวลน้ำ เพราะยังคมมีฟ้าฝนตกอยู่ต่อเนื่องในหลายพื้นที่

ด้านนายจิรัส ศิริวัลลภ นายอำเภอเมือง จ.นราธิวาส ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์อุทกภัยวาตภัย ในพื้นที่ ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งมีราษฎร์เดือดร้อนและบ้านจมน้ำจำนวนมาก โดยประสานหน่วยทหารหน่วยนาวิกโยธิน ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นำเรือท้องแบน รถทหารยี่เอ็มซี่ พร้อมกำลังพลอพยพช่วยเหลือชาวบ้าน คนชรา เด็กและคนไข้ติดเตียงให้มาพักพิงที่ ของทางการจัดให้ในที่ศูนย์ซึ่งพบว่ามวลน้ำยังคงกำลังสูง และเชี่ยวกราดให้สิ่งของในบ้าน เสียหายอีกจำนวนมาก ทั้งนี้นายอำเภอเมืองกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำป่าไหลหลากมวลน้ำมาก ประชาชนไม่ได้ตั้งตัวมา เร็วท่วมเต็มพื้นที่ ถือว่าท่วมสูงสุดมากในรอบ 30 ปี

ขณะที่ชาวบ้าน ผู้ประสบภัยน้ำท่วม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำท่วมรอบนี้หนักมาก น้ำมากลางคืนขณะนอนหลับในบ้าน เมื่อน้ำมาช่วยได้เฉพาะคนในครอบครัวขึ้นที่สูง ส่วนอุปกรณ์ในบ้าน รถเครื่อง ตู้เย็น ทีวี และอื่นเสียหายหมด ไม่ทันขนย้ายไปเก็บในที่สูงเสียหายหมดตัว ยากเรียกร้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เข้ามาดูแลเร่งด่วนด้วย

ด้านพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งหน่วยทหารในพื้นที่ทุกหน่วยเร่งดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เกิดอุทกภัยในพื้นที่โดยด่วนที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ผู้หญิง และคนชราออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด และเน้นย้ำให้การเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีความระมัดระวังรักษาความปลอดภัยตนเองและทุกคนที่ลงไปจะต้องใส่เสื้อชูชีพ ซึ่งประชาชนที่ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 46 โทร.073-340141-4 ต่อ 43011 #ศูนย์ประชาสัมพันธ์ #กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

'รมว.ปุ้ย' มอบ 'กนอ.' เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัยในนราธิวาส สนับสนุนงบฯ ฉุกเฉิน ตั้งครัวกลางแจกอาหารให้พี่น้องประชาชน

(28 ธ.ค.66) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดนราธิวาส หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้น้ำล้นตลิ่งและมีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะที่อำเภอระแงะ อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอแว้ง และอำเภอสุไหงโก-ลก ที่ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ ประชาชนบางส่วนต้องสร้างที่พักอยู่แนวริมตลิ่งริมแม่น้ำโก-ลก และบางส่วนต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 4 บ้านทรายทองนั้น นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างมาก จึงมอบหมายให้ กนอ. ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมสงขลา (สะเดา) อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เร่งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

เบื้องต้น กนอ.ได้ประสานไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัย พบว่า ขณะนี้มีการอพยพประชาชนมาอยู่รวมกันในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว ดังนั้น กนอ.จึงสนับสนุนเงินฉุกเฉินเร่งด่วน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นครัวกลาง เพื่อจัดหาและทำอาหารแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อน

"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่จังหวัดยะลา และที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงกำชับให้ กนอ. เร่งประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว เบื้องต้นเราช่วยสนับสนุนในพื้นที่ให้สามารถจัดหาอาหารและน้ำดื่มให้กับประชาชนได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ และช่วยประสานงานต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กนอ. จะติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามความจำเป็นต่อไป" นายวีริศ กล่าว

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุด (26 ธ.ค.66) ยังมีฝนตกลงมาประปรายทั้ง 13 อำเภอ ขณะที่แม่น้ำสายหลัก 3 สายยังคงมีปริมาณน้ำล้นตลิ่ง แม้ระดับน้ำลดลงจากเดิม แต่ในพื้นที่ราบลุ่มของ อ.สุไหงโก-ลก อ.ระแงะ และ อ.ตากใบบางส่วน ยังมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีฝนตกลงมาระลอกใหม่นั้น คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ราบลุ่มของทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส จะเริ่มคลี่คลายและกลับคืน สู่สภาวะปกติได้

กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ร่วมส่งมอบกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัย พร้อมลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อวันที่ 2 - 5 มกราคม 2566,พันเอก ธนวัฒน์ สายสกุลรัตน์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 พร้อมด้วยกำลังพลของหน่วย และสมาชิกสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ผ้าอนามัย ของใช้เด็กอ่อน อุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็น ฯลฯ จากกำลังพลและครอบครัวภายในหน่วย ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ รวมทั้งประชาชนชุมชนรอบค่ายได้ร่วมบริจาคสิ่งของสมทบรวม 1 คันรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อนำไปส่งมอบให้กับพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่มบ้านพังเสียหาย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ในห้วงที่ผ่านมา 

โดยเมื่อวันที่ 6 - 7 มกราคม 2566,พ.อ.ธนวัฒน์ สายสกุลรัตน์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ร่วมกับเข้าหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ได้นำสิ่งของที่รับบริจาคไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านไอกาบู และพื้นที่ หมู่ 6 บ้านลีนานนท์ ต.สุคีริน อ.สุคีริน จ.นราธิวาส โดยคุณชฎาภรณ์ แจ่มแจ้ง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพลทหารราบที่ 5 ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นในพื้นที่ต่อไป

ข้อมูลข่าว / ภาพ 
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

นราธิวาส-กำลังใจคนสู้ชีวิต เสียขา..แต่เข้มแข็ง เหยื่อกับระเบิด 'ปาดี'

มาตามสัญญา... 'พ.ต.อ.ทวี' ไม่ทอดทิ้ง 'ป้านิ่ม' เหยื่อกับระเบิดสุไหงปาดี คนร้ายใจเหี้ยมวางดักในสวนยาง เจ้าตัวกำลังใจดี แม้เสียขาแต่ยังยิ้มได้ ใช้ชีวิตไม่ต่างคนปกติ ทั้งกวาดบ้าน ถูกบ้าน ซื้ออาหาร ทำกับข้าวกินเอง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ไปที่บ้านของ “ป้านิ่ม” นางประทุม นักทอง ที่บ้านโคกโก ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมอาการคุณป้าวัย 55 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเหยียบกับระเบิด ต้องถูกตัดขาทั้งสองข้าง 

เรื่องราวสุดเลวร้ายไม่ต่างจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในชีวิต เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2565 ป้านิ่มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การออกไปทำงานที่สวนยางพาราตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งเธอทำเป็นปกติทุกเมื่อเชื่อวัน จะทำให้เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป 

06.35 น.วันนั้น ป้านิ่มเหยียบกับระเบิดที่คนใจร้ายนำไปวางดักไว้ในสวนยางพารา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าช่วยเหลือและตรวจพื้นที่ คนร้ายที่ซุ่มรออยู่ได้กดระเบิดลูกที่ 2 จนเกิดระเบิดขึ้่นอย่างรุนแรง แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่อีโอดีเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย

ป้านิ่มเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.ทวี เคยไปเยี่ยมให้กำลังใจเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 ซึ่งในวันนั้นแทบจะไม่มีบุคคลสำคัญคนใดเคยแวะเวียนไปหา ทำให้ป้านิ่มและครอบครัวมีใจ พ.ต.อ.ทวี รับปากว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง...

“เราไม่ทิ้งกัน ทางหน่วยราชการก็มาเยี่ยมและดูแลทุกหน่วย ก็เป็นห่วงทุกคน ขอเป็นกำลังใจ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว ณ เวลานั้น ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สส.ฝ่ายค้าน และเลขาธิการพรรคประชาชาติ 

ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน วันนี้ พ.ต.อ.ทวี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ก็ไม่ลืมคำสัญญา กลับมาเยี่ยมป้านิ่มอีกครั้งจริงๆ 

ปัจจุบัน ป้านิ่มกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านโคกโกแล้ว แม้ตนเองจะถูกตัดขาทั้งสองข้าง ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น ไม่สามารถออกไปกรีดยางได้เหมือนเดิม แต่ป้านิ่มก็ยังสู้ชีวิต ท่ามกลางกำลังใจเต็มเปี่ยมจากครอบครัวและญาติพี่น้อง 

ทันทีที่ พ.ต.อ.ทวี ไปถึงบ้าน ทั้งป้านิ่มและคนในบ้านได้พากันออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข โดยเฉพาะป้านิ่มที่นั่งรถเข็นออกมาหาด้วยตัวเอง ทำให้ พ.ต.อ.ทวี อาสาเข็นรถเข็นให้ป้านิ่มพาชมรอบบ้าน 

ป้านิ่มเล่าชีวิตประจำวันของเธอให้ฟังว่า การนั่งรถเข็นไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เธอยังทำกิจวัตรต่างๆ ทุกอย่างได้เหมือนเดิม โดยป้านิ่มเล่าไปยิ้มไป หัวเราะไป แสดงให้เห็นถึงหัวใจอันเข้มแข็งของหญิงวัย 55 ปี แม้สูญเสียขาทั้งสองข้าง แต่กำลังใจไม่เคยเสียไป

“ป้าไปซื้อกับข้าวเอง เวลาไปก็จะนั่งรถเข็นสามล้อไฟฟ้า อยู่ในบ้านก็จะนั่งรถเข็น ใช้ชีวิตประจำวันบนรถเข็นตลอด ครอบครัวได้ปรับพื้นบ้านและอุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านให้เหมาะกับการนั่งรถเข็น ป้าก็จะพยายามหาอุปกรณ์หรือตัวช่วยพิเศษเพื่อให้สามารถช่วยตัวเองได้ ทำอะไรเองได้หมด เช่น เวลาจะเปิดน้ำ ก็จะมีท่อพีวีซียาวๆ ไว้ใช้ดันหัวก๊อกน้ำ เพื่อเปิดก๊อก น้ำก็จะไหล ก็สามารถล้างจานเองได้ ในห้องครัวจะปรับเตาแก๊สให้ทำกับข้าวสะดวกขึ้น ทำอะไรเองได้หมดทุกอย่าง” 

คุณป้าวัย 55 ปี บอกอีกว่า ตอนกลางวันจะอยู่บ้านคนเดียวเกือบตลอด เพราะทุกคนจะเข้าสวนยาง ตั้งแต่เช้าประมาณ 6 โมงจะลงไปกวาดขยะ ถูพื้นข้างล้างก่อน แล้วค่อยขึ้นมาทำความสะอาดข้างบน เวลาอาบน้ำก็จะเข็นรถไปห้องน้ำ อาบน้ำเอง หิวก็จะทำอาหารกินเอง

“เราอยู่แบบไหนก็ได้ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ที่สำคัญจะไปวัดตลอด วันนี้ก็ไปวัดโบราณฯ (วัดโบราณสถิตย์) เมื่อวานก็ไปช่วยที่วัดประชุมชลธารา (ใน อ.สุไหงปาดี)” ป้านิ่มเล่าด้วยรอยยิ้ม 

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับป้านิ่มว่า “ยังเป็นห่วงตลอด คิดถึงตลอด วันนี้จึงถือโอกาสมาเยี่ยมและมาให้กำลังใจ ได้มาเห็นการใช้ชีวิตแล้ว สามารถทำงานบ้านเหมือนเดิม ทำครัวได้เองทั้งหมดเลย ก็ขอให้มีความสุข สมหวัง และโชคดีตลอดไป” 

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ท่ามกลางสถานการณ์ร้ายที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งใครได้เห็นและรับรู้เรื่องราว ก็จะมีแต่รอยยิ้มเฉกเช่นเดียวกันทุกคน

นราธิวาส-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บินลงใต้ สำรวจความเสียหายอุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป พร้อมมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่

วันนี้ ( 12 มกราคม 2567 ) เวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะฯ ลงใต้ปฏิบัติภารกิจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมอุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป ตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมพบปะมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยน้ำท่วม โดยมี พลโท ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส,ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ,นายฉัตรชัย อุตสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ,กำลังพล และประชาชนผู้ประสบภัยร่วมให้การต้อนรับ

โดยสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วม สืบเนื่องจากฝนตกหนักมากช่วงวันที่ 23-25 ธันวาคม 2566 ทำให้เกิดอุทกภัยครอบคลุมทั้ง 13 อำเภอ โดยพื้นที่เกิดอุทกภัยมีปริมาณฝนสูงสุด คือ อำเภอระแงะ 631.2 มิลลิเมตร//สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 13 อำเภอ 569 หมู่บ้าน 58 ชุมชน ผู้ได้รับผลกระทบ 82,448 ครัวเรือน 326,370 คน ผู้เสียชีวิต 14 คน ผู้สูญหาย 1 คน ถนนเสียหาย 63 สาย สะพาน 8 แห่ง โรงเรียน 343 แห่ง วัด/ที่พักสงฆ์ 20 แห่ง มัสยิด 26 แห่ง ด้านการเกษตร สัตว์ 4,818 ตัว ด้านพืช 11,267 ไร่ ด้านประมง 505.31 ไร่ 2,548 ตารางเมตร ปัจจุบันสถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติทุกพื้นที่ 

ทั้งนี้ จังหวัดนราธิวาส ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็นค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต 14 คน 594,000 บาท //จัดสรรเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดให้อำเภอ 13 อำเภอ 5,900,000 บาท //ค่าถุงยังชีพ 18,060 ชุด 12,642,000 บาท //ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นถุงยังชีพ 53,810 ชุด 37,667,000 บาท และขณะนี้จังหวัดได้มีแผนฟื้นฟูสถานการณ์อุทกภัยและเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป

โอกาสนี้ นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวพบปะผู้ประสบภัยทุกคนว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อมาให้กำลังใจทุกคน ซึ่งด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเองเมื่อมีเหตุภัยพิบัติต่างๆ ได้รับมอบอำนาจให้เร่งช่วยเหลือดูแลเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วนและขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลประชาชน ซึ่งภัยพิบัติจากธรรมชาติเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น หน้าที่ของเราต้องช่วยกันป้องกัน และเมื่อเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนก็พร้อมจะฟื้นฟูเยียวยา บำบัด แก้ไขสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ทุกส่วนพร้อมที่จะลงมาช่วยเหลือให้มากที่สุด ทั้งนี้ ในเรื่องของปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึง 4 อำเภอของจังหวัดสงขลานั้น ทางรัฐบาลได้เร่งระดมให้ความช่วยเหลือในการเยียวยาและการฟื้นฟูบ้านเรือน ถนนหนทาง และสาธารณูปโภค โดยจังหวัดนราธิวาสได้ใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและดูแลเบื้องต้น  ทางรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดสรรงบประมาณฟื้นฟูซ่อมแซมและช่วยเหลือชาวบ้าน 100 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเพราะเป็นจังหวัดที่มีความเสียหายมากที่สุด ในส่วนของจังหวัดอื่นๆ การช่วยเหลือในส่วนของงบประมาณทุกจังหวัดมีงบประมาณที่จะช่วยเหลืออยู่แล้ว ทั้งการเยียวยา การฟื้นฟู ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ และพื้นที่ไหนที่เสียหายมากก็จัดสรรตามความเหมาะสม ไม่มีคำว่าเลือกปฏิบัติและขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ

นราธิวาส-'เดิน-วิ่ง เพื่อลูกรัก' ส่งเสริมการศึกษาแก่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดสถาบันศึกษาปอเนาะชายแดนใต้

วันนี้ (21 มกราคม 2567) เวลา 06.30 น. ที่ลานหน้าโรงพยาบาลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานเปิดพร้อมปล่อยตัวนักกีฬา “กิจกรรมการกุศล เดิน-วิ่ง เพื่อลูกรัก” ซึ่งจัดโดยสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอศรีสาคร ร่วมกับชมรมตาดีกาอำเภอศรีสาครและหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่งเสริมการศึกษาแก่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดสถาบันศึกษาปอเนาะ โดยมี พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมเป็นประธานการส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมด้วย นายกิตตินันท์ เซ็งกะซรี นายอำเภอศรีสาคร , พันเอก ภาณุวัฒน์ สุคชเดช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ตลอดจนเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรม

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า “วันนี้รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธาน ในพิธีเปิดกิจกรรมการกุศลเดิน-วิ่ง เพื่อลูกรักอำเภอศรีสาคร ในวันนี้ ซึ่งกิจกรรมนี้ถือเป็นการพัฒนาการศึกษา การพัฒนาคน ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม รวมถึงการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สมบูรณ์ห่างไกลจากโรค ที่สำคัญเป็นการร่วมมือของทุกภาคส่วนให้เกิดความรัก ความสามัคคี และเสียสละตนเอง เพื่อส่วนรวม ขอขอบคุณคณะทำงาน ผู้สนับสนุน หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ส่งเสริมกิจกรรมดีๆ ให้กับสังคมบ้านเรา ให้เกิดความรัก ความสามัคคี ร่วมมือจัดกิจกรรมสำเร็จตามจุดประสงค์ที่ตั้งใจ ในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ก็มุ่งเน้นในการส่งเสริมการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของเยาวชน ที่ผ่านมาได้มีการส่งเสริมในเรื่องต่างๆ รวมทั้งด้านการใช้ภาษาไทย เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง และต่อยอดการศึกษาต่อไปได้ในอนาคต“

สำหรับกิจกรรมกิจกรรมการกุศล เดิน-วิ่ง เพื่อลูกรัก จัดขึ้นโดยสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอศรีสาคร ร่วมกับชมรมตาดีกาอำเภอศรีสาครและหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดหารายได้ในการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กจำนวนเจ็ดเครื่องให้กับศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดสถาบันศึกษาปอเนาะและสถานศึกษาเอกชน เพื่อให้การจัดทำข้อมูลโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์มีความทันสมัยรวดเร็วพร้อมทั้งสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพรวมทั้งส่งเสริมทางด้านสุขภาพที่ดีด้านร่างกายจิตใจอารมณ์สังคมและสร้างความสัมพันธ์ความร่วมมือความรักความสามัคคีก่อให้เกิดสังคมสันติสุข


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top