Saturday, 7 June 2025
ทหารเรือ

ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดกิจกรรมรักษ์ทะเลไทย  โครงการในพระราชดำริ ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา'

เมื่อวันที่ (7 ม.ค.68) เวลา 08.30 น. พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นประธานจัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา' เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา วันที่ 8 มกราคม 2568 ณ บริเวณหาดเตยงาม หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีคณะกรรมการโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยฯ ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ จากทุกภาคส่วน นักดำน้ำจิตอาสา ประชาชน และนักเรียน กว่า 500 คน ร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ 

การจัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา' ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงมีเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย และทรงห่วงใยปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรใต้ทะเล และแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่ พระบรมวงศานุวงศ์ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ อันจะเป็นประโยชน์ในการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยกิจกรรมประกอบด้วย พิธีเปิดกรวยถวายความเคารพ ถวายพระพรชัยมงคลและเทิดพระเกียรติ การปลูกปะการังในทะเลบริเวณเกาะไก่เตี้ย การปล่อยพันธุ์ปลากะพง จำนวน 339 ตัว ปล่อยหอยมือเสือ จำนวน 39 ตัว การปล่อยเต่าทะเล จำนวน 39 ตัว การเก็บขยะชายหาด และดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลบริเวณอ่าวนาวิกโยธิน กิจกรรมบริจาคโลหิต และการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริ 

กองทัพเรือ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานสนองพระดำริ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และพระประสงค์ของพระองค์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนการดำเนินโครงการตามพระดำริแล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือร่วมใจในการร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล นำไปสู่ความสมดุลทางธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึก และครูประจำหมวดวิชา ให้มีความพร้อมในการฝึกพลทหารผลัดใหม่

เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.68) น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึกและครูประจำหมวดวิชา ณ อาคารฝึกอบรมรวม ศฝท.ยศ.ทร. ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การฝึกทบทวนฯ ดังกล่าวกำหนดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 24 ม.ค.68 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกฯ ได้ทบทวนความรู้ทำให้มีมาตรฐานในการฝึกอบรมทหารใหม่ทุกผลัด โดยมีหัวข้อประกอบด้วย การฝึกทหารราบ , บุคคลท่ามือเปล่า , ท่าอาวุธ , การฝึกแถวชิด เป็นไปตามแบบฝึก ตลอดจนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคลมร้อน (Heat Stroke) , การให้ความช่วยเหลือฟื้นคืนชีพพื้นฐาน (CPR) , ความรู้เกี่ยวกับจิตเวช และความรู้ในเรื่องกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ

ทั้งนี้กองทัพเรือกำหนดให้เปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 4/67 ตั้งแต่ 1 ก.พ.68 - 3 เม.ย.68 ดังนั้น ศฝท.ยศ.ทร. จึงกำหนดหัวข้อในการทบทวนครูฝึก และครูประจำหมวดวิชา ให้มีความพร้อมในการฝึกอบรม และดูแลทหารใหม่ เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ โดยเฉพาะนโยบายเฉพาะที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ 'Navy-Safety 2025'

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือก่อนออกเดินทางไปฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ

พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์  ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ  บนเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งมอบโอวาทแก่ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 - 4 ที่จะเดินทางไปฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567  

การฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียนนายเรือมีวัตถุประสงค์เพื่อ - เพื่อฝึกอบรม นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1-4 ให้มีความรู้พื้นฐานในวิชาชีพทหารเรือและมีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติงานในเรือหลวงเมื่อสำเร็จการศึกษา รวมถึงเพิ่มพูนความสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่าง ๆ ในโอกาสที่ หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ แวะเยี่ยมเมืองท่าต่างประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ศิลปะและวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
  
สำหรับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ มี เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ประกอบกำลังเป็น หมู่เรือฝึก ฯ มี พลเรือตรี บวร พรมแก้วงาม หัวหน้าฝ่ายศึกษาโรงเรียนนายเรือ เป็น ผู้บังคับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ มีกำลังพล จำนวน 763 นาย ประกอบด้วย
- กองบังคับการหมู่เรือฝึก  จำนวน 76 นาย
- นักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ 1 - 4 จำนวน 338 นาย
-  กำลังพลเรือฝึก (เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา และเรือหลวง
ประจวบคีรีขันธ์) จำนวน 349 นาย

สำหรับการฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 - 4 ประจำปีการศึกษา 2567 ในครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 11 เมษายน 2568 โดยจอดแวะเยี่ยมเมืองท่าต่างประเทศ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือมิตรประเทศ จำนวน 3 เมืองท่า ได้แก่ เมืองท่าซูบิค ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองท่าโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเมืองท่าจ้านเจียง ประเทศจีน มีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ อาทิ การฝึกนำเรือเทียบ-ออกจากเทียบ การฝึกยิงอาวุธประจำกาย การฝึกยิงอาวุธในทะเล การฝึกรับ-ส่งจากเฮลิคอปเตอร์ การฝึกสถานีรบ การฝึกรับ-ส่งสิ่งของในทะเล การฝึกพ่วงจูงเรือ การฝึกเก็บคนตกน้ำด้วยเรือใหญ่ และฝึกการแปรกระบวน เป็นต้น

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกเรือกรรเชียงและการประเมินการฝึกทหารราบ ทหารใหม่ ผลัด 4/67

เมื่อวันที่ (19 มี.ค.68) เวลา 10.00 น. พล.ร.อ.พิจิตต  ศรีรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะฯ ตรวจเยี่ยมการฝึกเรือกรรเชียงและการประเมินการฝึกทหารราบ โดยมี น.อ.ทิวา  อ่อนลออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) และ น.อ.ยุทธนา  ชูธงชัย ผู้บังคับการโรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.) ให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือโรงเรียนชุมพลฯ ยศ.ทร. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวให้โอวาทแก่นักเรียนพลกองประจําการและผู้เข้ารับการฝึกเรือกรรเชียง ณ บริเวณท่าเรือโรงเรียนชุมพลฯ ยศ.ทร. โดยมีใจความสำคัญว่า “…การฝึกความเป็นชาวเรือ ที่ต้องมีความอดทน ความสามัคคี เสมือนการสร้างเหล็กในคน…”  จากนั้น ผช.ผบ.ทร. เดินทางไปตรวจเยี่ยมการประเมินการฝึกทหารราบบริเวณลานสวนสนาม ศฝท.ยศ.ทร. เพื่อตรวจสอบการจัดการฝึกอบรมทหารใหม่ของ ศฝท.ยศ.ทร. ในฐานะหน่วยฝึกทหารกองประจําการสังกัดกองทัพเรือ

พร้อมตรวจดูความเรียบร้อยในการฝึกให้เป็นไปตามมาตรฐานของการฝึกอบรม มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้องและสอดคล้องกับนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2568 ในเรื่องของ Navy-Safety 2025 ซึ่งครอบคลุมการฝึกอบรมที่เป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และผู้เข้ารับการฝึกต้องไม่ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย 

ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ ประจำปีการศึกษา 2567

เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.68) เวลา 14.30 น. พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นักเรียนจ่า (นรจ.) และนักเรียนดุริยางค์ (นดย.) ที่สำเร็จการศึกษาประจำปี 2567 จากโรงเรียนชุมพลทหารเรือ โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน โรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ โรงเรียนพลาธิการ โรงเรียนนาวิกเวชกิจ โรงเรียนการขนส่งทหารเรือ และโรงเรียนดุริยางค์ กองดุริยางค์ทหารเรือ ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้มีผู้เข้ารับการประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตร จำนวน 923 นาย ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนจ่าจำนวน 909 นาย และนักเรียนดุริยางค์จำนวน 14 นาย

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบโอวาทแก่ นักเรียนจ่าและนักเรียนดุริยางค์ทุกนาย โดยมีใจความสำคัญว่า 

"การสำเร็จการศึกษาของนักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ และได้รับการประดับเครื่องหมายยศเป็น จ่าตรี ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ควรค่าแก่การชื่นชม ความสำเร็จของทุกท่านในครั้งนี้ ล้วนเกิดจากความมุ่งมั่นวิริยะอุตสาหะ และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ขอให้มีความพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือ ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ สำนึกในความเป็นทหารเรือ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย มีคุณธรรม และจริยธรรม และจะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของท่าน และกองทัพเรือสืบไป"

สำหรับการศึกษาของนักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ มีการศึกษาในรูปแบบภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยนักเรียนจ่าจะใช้ระยะในการศึกษาเป็นเวลา 2 ปี และนักเรียนดุริยางค์จะใช้เวลา 3 ปี ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย จะได้รับการประดับยศเป็น “จ่าตรี” และจะได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามสาขาวิชาการที่ได้ศึกษาในหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดการสมัครของนักเรียนจ่าได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “นักเรียนจ่าทหารเรือ” หรือสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานนักเรียนจ่าทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 3663 ในส่วนของ รายละเอียดการสมัครของนักเรียนดุริยางค์สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “โรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ” หรือสามารถติดต่อได้ที่ ธุรการโรงเรียนดุริยางค์ กองดุริยางค์ทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 3054

ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมสังเกตการณ์การทดสอบความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามทางอากาศรูปแบบใหม่ 

ภัยคุกคามจากอาวุธปล่อยและอากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งทดสอบระบบการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเรือที่ออกปฏิบัติงานร่วมกันภายในกองเรือ และการปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือ - อากาศยานของกองทัพอากาศ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร
 
เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.68) เวลา 12.30 น. พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ ร่วมสังเกตการณ์การทดสอบขีดความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามทางอากาศรูปแบบใหม่ เช่น ภัยคุกคามจากอาวุธปล่อยนำวิธีและอากาศยานไร้คนขับเป็นต้น การทดสอบระบบการเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีระหว่างเรือที่ออกปฏิบัติงานร่วมกันภายในกองเรือ เพื่อหาข้อขัดข้องข้อจำกัดและแนวทางการพัฒนาในอนาคต รวมทั้งติดตามผลการฝึกปฏิบัติการร่วม ระหว่าง ทร. - ทอ. 

สำหรับการทดสอบความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามทางอากาศรูปแบบใหม่ในครั้งนี้  มีการทดสอบระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานแบบ Mistral จากระบบป้องกันตนเองระยะประชิดแบบ Sadral บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร  โดยครั้งนี้ เป็นการทดสอบอาวุธปล่อยนำวิถีกับเป้า Banshee ซึ่งเป็นเครื่องบินบังคับวิทยุที่ถูกปล่อยขึ้นบินด้วยเครื่องดีดหรือเครื่องปล่อย โดยสมมุติให้เป็นอาวุธปล่อยของข้าศึกที่บินเข้าหากองเรือ โดยเรือหลวงจักรีนฤเบศรจะทำการป้องกันภัยทางอากาศและใช้อาวุธป้องกันตนเอง

อาวุธปล่อยแบบ Mistral เป็นอาวุธป้องกันภัยทางอากาศที่ติดตั้งบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร นำวิถีด้วยระบบ Infrared passive homing โดยการฝึกยิงในวันนี้  จัดกำลังประกอบด้วยเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็นเรือตรวจจับและส่งค่าเป้าผ่าน Link เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือยิงอาวุธปล่อย และเรือหลวงนเรศวรเป็นเรือรักษาความปลอดภัยสนามยิง โดยการทดสอบระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานแบบ Mistral จากระบบป้องกันตนเองระยะประชิดแบบ Sadral ในวันนี้เป็นไปตามแผนและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 

การฝึกปฏิบัติการร่วม ระหว่าง ทร. - ทอ. ได้ดำเนินการระหว่าง 22 - 23 เม.ย.68 ในพื้นที่อ่าวไทย โดยกองทัพอากาศได้บูรณาการการทดสอบใช้กำลังทางอากาศประจำปี 2568 มาเข้าร่วมการฝึก โดยมีหัวข้อการฝึกที่สำคัญประกอบด้วย การฝึกป้องกันภัยทางอากาศของกองเรือ  การฝึกโจมตีกระบวนเรือ การฝึกการควบคุมอากาศยาน ทอ.โจมตีเป้าหมายเรือผิวน้ำข้าศึก และสกัดกั้นอากาศยานของข้าศึก รวมทั้งการฝึกแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเรือและอากาศยาน ผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactacal Data Link : TDL) มีกำลังเข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย เรือรบจำนวน 9 ลำ อากาศยานจำนวน 4 เครื่อง และ กองทัพอากาศได้จัดอากาศยานแบบ F-16 จำนวน 4 เครื่อง อากาศยานแบบ Gripen จำนวน 4 เครื่อง และ อากาศยานควบคุมและแจ้งเตือน แบบ SAAB-340 จำนวน 1 เครื่อง เข้าร่วมการฝึก

การฝึกและการทดสอบฯ ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ทะเล ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2568 ซึ่งถือเป็นการฝึกที่มีความสำคัญสูงสุดของกองทัพเรือ ทั้งยังบูรณาการทางยุทธวิธีร่วมกับกองทัพอากาศ ในการปฏิบัติการทางทะเลและทางอากาศ โดยฝึกตั้งแต่กระบวนการวางแผน การควบคุมสั่งการทางทหาร และการรบทางยุทธวิธี และใช้แนวความคิดในการฝึกว่า “รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น” ซึ่งในปีนี้เป็นการฝึกป้องกันประเทศ โดยกำหนดสถานการณ์ตั้งแต่ในขั้นปกติสถานการณ์วิกฤตไปถึงขั้นป้องกันประเทศ ซึ่งมีการทดสอบและสร้างความคุ้นเคยทางด้านแนวความคิดหลักการ หลักนิยม ไปจนถึงขีดความสามารถของกำลังรบในแต่ละประเภท โดยส่วนต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ทั้งในกองอำนวยการฝึกและหน่วยรับการฝึกทุกหน่วย ได้มีการเตรียมและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอย่างเต็มกำลังความสามารถ อันจะนําพากองทัพเรือไปสู่ความเป็น ”กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ“ และจะทําให้ทะเลไทยมีความมั่นคงตลอดไป

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต้อนรับคณะเจ้ากรมข่าวทหารเรือ พร้อมด้วยคณะผู้ช่วยทูตทหาร 15 ประเทศ ในโอกาสเยี่ยมชมหน่วยเพื่อสร้างการรับรู้การบริหารจัดการในการฝึกทหารกองประจำการ

เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.68) น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) ต้อนรับ พล.ร.ท.พิบูลย์ พีรชัยเดโช เจ้ากรมข่าวทหารเรือ และคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ/กรุงเทพฯ ที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ ในการเข้าเยี่ยมชมหน่วย ณ ศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

กรมข่าวทหารเรือ กำหนดจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือกับผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศฯ ประจำปีงบประมาณ 2568 (MAC-T Tour 2025) ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.68 - 1 พ.ค.68 ในพื้นที่ภาคตะวันออก (จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง) โอกาสนี้เพื่อให้การสร้างการรับรู้ภารกิจในการฝึกทหารกองประจำการของกองทัพเรือถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเรืองที่คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศฯ ให้ความสนใจ เจ้ากรมข่าวทหารเรือ จึงได้นำคณะฯ เข้าเยี่ยมชมศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ 

โดยศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นหน่วยงานหลักของกองทัพเรือที่มีภารกิจดำเนินการฝึกอบรม ให้การศึกษา และปกครองบังคับบัญชาทหารกองประจำการ ปีงบประมาณละ 4 ผลัด ผลัดละ 3,000 นาย โดยมีระยะเวลาในการฝึกอบรม 8 สัปดาห์ต่อผลัด เพื่อเปลี่ยนแปลงทหารใหม่จากพลเรือนให้มีลักษณะทางทหารและฝึกอบรมความรู้ที่สำคัญประกอบด้วย วิชาทหารราบ ตามคู่มือแบบฝึกพระราชทาน โรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (รร.ทม.รอ.), วิชาชีพทหารเรือทั่วไป เช่น การอาวุธ, การผูกเชือก, การตีกระเชียงเรือ และการฝึกป้องกันความเสียหาย เพื่อสร้างความเป็นทหาร ความเป็นชาวเรือ 

นอกจากนี้แล้วยังมีการฝึกอบรมด้านอาชีพเพิ่มเติม เช่น ศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตลอดจนการแนะแนวการมีอาชีพจากคณะกรรมการพัฒนาอาชีพกองประจำการ กองทัพเรือ เพื่อเป็นแนวทางในการอบรมอาชีพที่ทหารใหม่สนใจก่อนปลดประจำการต่อไป

การเยี่ยมชมครั้งนี้เป็นไปตาม นโยบาย ผบ.ทร.ประจำปี งป.68 นโยบายหลัก ด้านยุทธการและการฝึก เสริมสร้างความร่วมมือและริเริ่มการสร้างกลไกการประสานงานร่วมกัน ระหว่าง กองทัพเรือและหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล และ ภาคเอกชน/On Tuesday 29 April 2025, Capt. Tiwa Onlaor, Commanding Officer, Recruit Training Centre, Naval Education Department, greeted Vice Adm. Pibul Peerachaidecho, Director General, Naval Intelligence Department, and Defence Attaches who reside aboard in an occasion of an official visit at the New Theory Learning Centre, Recruit Training Centre, Naval Education Department, Sub District of Bangsarey, District of Sattahip, Chonburi Province.

Naval Intelligence Department hosted a relationship-enhancing activity between the Royal Thai Navy and International Defence Attaches 2025 (MAC-T Tour 2025). The activity will take place during 29 April 2025-1 May 2025 in the eastern part of Thailand (provinces of Chonburi and Rayong). The tour aims to enhance International Defence Attaches’ understanding of Royal Thai Navy Recruit Trainings. Royal Thai Navy Recruit Training Program is considered as one of the various interesting topics in International Defence Attaches’ attention. Thus, the Director General of Naval Intelligence led the International Defence Attaches in this official visit to Recruit Training Centre, Naval Education Department.

The Recruit Training Center, Naval Education Naval Department, is the main institution that is responsible for training, instructing, and administering enlisted soldiers each fiscal year. The Royal Thai Navy receives approximately 12,000 recruits yearly, through 4 intakes of 3,000 each. Recruits will go through an 8-week course which aims to transform them into sailors. The recruits training course encompasses a number of subjects  which includes basic infantry instruction as outlined by the King’s Royal Guard School, and basic naval training such as weapons, knot tying, boat safety and rescue, and damage control trainings. Moreover, the center also provides recruits with multiple apprenticeship training and guidance courses like the Agricultural Learning Center and the Navy’s Board of Apprenticeship Development, which are designed to help recruits find work after completing their national service.

The tour is in accordance with the principal policy of the Commander-in-Chief, Royal Thai Navy 2025 in an aspect of operations and trainings. The policy aims to enhance cooperation and initiate building collaboration mechanism among the Royal Thai Navy, Maritime Security Agencies, and Private Sector

ผบ.ศูนย์ฝึกทหารใหม่ฯ รับเจ้ากรมข่าวทหารเรือ และ 15 ผู้ช่วยทูตทหาร เยี่ยมชมหน่วย 

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต้อนรับคณะ เจ้ากรมข่าวทหารเรือ พร้อมด้วยคณะผู้ช่วยทูตทหาร 15 ประเทศ ในโอกาสเยี่ยมชมหน่วย เพื่อสร้างการรับรู้การบริหารจัดการในการฝึกทหารกองประจำการ น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) ต้อนรับ พล.ร.ท.พิบูลย์ พีรชัยเดโช เจ้ากรมข่าวทหารเรือ และคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ/กรุงเทพฯ ที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ ในการเข้าเยี่ยมชมหน่วย ณ ศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดย กรมข่าวทหารเรือ กำหนดจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือ กับผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศฯ ประจำปี งบประมาณ 2568 (MAC-T Tour 2025) ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.68 - 1 พ.ค.68 ในพื้นที่ภาคตะวันออก (จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง) โอกาสนี้ เพื่อให้การสร้างการรับรู้ภารกิจในการฝึกทหารกองประจำการของ กองทัพเรือ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศฯ ให้ความสนใจ 

เจ้ากรมข่าวทหารเรือ จึงได้นำคณะฯ เข้าเยี่ยมชมศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของกองทัพเรือ ที่มีภารกิจดำเนินการฝึกอบรม ให้การศึกษาและปกครองบังคับบัญชา ทหารกองประจำการ ปีงบประมาณละ 4 ผลัด ผลัดละ 3,000 นาย โดยมีระยะเวลาในการฝึกอบรม 8 สัปดาห์ต่อผลัด เพื่อเปลี่ยนแปลงทหารใหม่ จากพลเรือนให้มีลักษณะทางทหารและฝึกอบรมความรู้ที่สำคัญประกอบด้วย วิชาทหารราบ ตามคู่มือแบบฝึกพระราชทาน โรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (รร.ทม.รอ.) , วิชาชีพทหารเรือทั่วไป เช่น การอาวุธ , การผูกเชือก , การตีกระเชียงเรือ และการฝึกป้องกันความเสียหาย เพื่อสร้างความเป็นทหาร ความเป็นชาวเรือ 

นอกจากนี้ ยังมีการฝึกอบรมด้านอาชีพเพิ่มเติม เช่น ศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตลอดจน การแนะแนวการมีอาชีพจากคณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการ กองทัพเรือ เพื่อเป็นแนวทางในการอบรมอาชีพที่ทหารใหม่สนใจ ก่อนปลดประจำการ

การเยี่ยมชมครั้งนี้ เป็นไปตาม นโยบาย ผบ.ทร. ประจำปี งป.68 นโยบายหลัก ด้านยุทธการและการฝึก เสริมสร้างความร่วมมือและริเริ่มการสร้างกลไกการประสานงานร่วมกัน ระหว่างกองทัพเรือและหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล และ ภาคเอกชน

ผู้บัญชาการทหารเรือ ลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2568

(2 พ.ค.68) เวลา 09.00 น. พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย พลเรือตรีหญิง ดอกเตอร์ ทันตแพทย์หญิง จีระวัฒน์ กฤษณพันธ์ ว่องวิทย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ตลอดจนหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือพร้อมคู่สมรส ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2568 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ โดยภายหลังเข้าร่วมพิธีแล้วผู้บัญชาการทหารเรือได้นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ของกองทัพเรือ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" 

ในส่วนของกองทัพเรือเนื่องในวันฉัตรมงคล ณ วัดบางยี่ขัน ประกอบด้วย การทำความสะอาดและปรับภูมิทัศน์ภายในวัด การพัฒนาพื้นที่ชุมชน และบริเวณใกล้เคียง การจัดตั้งจุดให้บริการประชาชน ได้แก่ การจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน การให้บริการตัดผม การให้บริการซ่อมรถจักรยาน/รถจักรยานยนต์ เบื้องต้น การให้บริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และการให้บริการทางการแพทย์เบื้องต้นจาก กรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมรถทันตกรรมเคลื่อนที่และทันตแพทย์ในการตรวจสุขภาพฟันให้แก่ประชาชน การจัดชุดจักษุแพทย์พร้อมชุดตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเคลื่อนที่ เพื่อตรวจวัดสายตาและ ประกอบแว่นให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งการมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง โดยมีกำลังพลจากหน่วยต่างๆของกองทัพเรือ ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชน ประชาชนจิตอาสา สถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน สำนักงานเขตบางพลัด ร่วมในกิจกรรม โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดี และรำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งดำรงความต่อเนื่องในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกองทัพเรือ

วันฉัตรมงคลเป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งในรัชกาลปัจจุบัน วันฉัตรมงคล ถูกกำหนดวันขึ้นตามวันบรมราชาภิเษก ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีนี้ขึ้น เมื่อวันที่ 4 - 6 พฤษภาคม 2562 โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ดังนั้น วันฉัตรมงคลในปัจจุบัน จึงตรงกับวันที่ 4 พฤษภาคม ของทุกปี

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568

(8 พ.ค.68) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ เดินทางตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมี พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การรับรอง ณ สนามฝึกยิงอาวุธ เขาลำปี - ท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (FTX) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติจริงของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เพื่อทดสอบความพร้อมขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ทดสอบความพร้อมและขีดความสามารถในการฝึกยิงอาวุธประจำหน่วย ในการป้องกันฝั่งและการป้องกันภัยทางอากาศ ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำที่ รวมถึง เป็นการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีด้วยปืนใหญ่รักษาฝั่ง ปืนต่อสู้อากาศยาน และ อาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S สนับสนุนด้วยการตรวจการณ์จากอากาศยานไร้คนขับ (UAS) และการตรวจการทางเรือ ตลอดจนทดสอบขีดความสามารถในการติดตามภาพสถานการณ์ของหน่วยควบคุมบังคับ รวมถึงความพร้อมในการเตรียมการฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศระยะปานกลางแบบ FK - 3 สำหรับการโจมตีเป้าหมายทางอากาศ  ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ โดยจำลองสถานการณ์ฝึก เป็นการรับมือ ป้องกัน และโจมตี ฝ่ายข้าศึกที่เข้ามารุกล้ำอธิปไตยของชาติทางทะเล และน่านฟ้า ผลการฝึกยิงอาวุธ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  

สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาใช้ในการฝึกยิงทางยุทธวิธีนี้ประกอบด้วย ปืนใหญ่กลางกระสุนวิธีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40/70 มิลลิเมตร  อาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S โดยทำการยิงจากรถ จำนวน 2 ลูก จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ATMG จากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

ในส่วนของอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ มีหลักการจับเป้าหมายโดยอาศัยการตรวจจับ และรับรังสีอินฟราเรดที่แพร่ออกมาจากแหล่งความร้อนของตัวอากาศยาน อาวุธจะล็อคเป้าหมาย และพร้อมให้พลยิงปล่อยตัวจรวดออกมา เพื่อติดตามทำลายเป้าหมาย และเมื่อจรวดแล่นออกจากท่อยิง การทำงานจะเป็นไปในลักษณะ Fire and Forget  โดยเป้าที่ใช้ในการยิงอาวุธครั้งนี้เป็นเป้าฝึก Drone แบบปีกนิ่ง ที่พัฒนาโดยสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพเรือ

ด้าน อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศระยะปานกลางแบบ FK-3   เป็นระบบอาวุธป้องกันภัยทางอากาศระยะปานกลาง-ไกล ที่สามารถทำงานได้ทุกสภาพอากาศทั้งกลางวัน และกลางคืน ถูกออกแบบมาให้สกัดกั้นเครื่องบินรบ, เครื่องบินปีกตรึง, อากาศยานปีกหมุน รวมถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ, อากาศยานไร้คนขับ, จรวดร่อน, ขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ รวมไปถึงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น สามารถทำงานเป็นระบบ Stand alone เข้าประจำการในหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง  

ทั้งนึ้การฝึกกองทัพเรือประจำปี ถือเป็นการฝึกที่มีความสำคัญสูงสุดของกองทัพเรือ โดยใช้แนวความคิดในการฝึกว่า “รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น” ซึ่งในปีนี้เป็นการฝึกป้องกันประเทศโดยกำหนดสถานการณ์ตั้งแต่ในขั้นปกติสถานการณ์วิกฤตไปถึงขั้นป้องกันประเทศซึ่งมีการทดสอบและสร้างความคุ้นเคยทางด้านแนวความคิดหลักการหลักนิยมไปจนถึงขีดความสามารถของกำลังรบในแต่ละประเภทโดยส่วนต่างๆของกองทัพเรือทั้งในกองอำนวยการฝึกและหน่วยรับการฝึกทุกหน่วยได้มีการเตรียมการ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอย่างเต็มกำลังความสามารถโดยนำวัตถุประสงค์การฝึกและหัวข้อการทดสอบที่กองทัพเรือกำหนดไปกำหนดเป็นวัตถุประสงค์เฉพาะ ตามภารกิจของหน่วยและนำไปทดสอบในการฝึกปัญหาที่บังคับการ (CPX) และการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (FTX) เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายคำสั่งและวัตถุประสงค์การฝึกที่ได้กำหนดไว้ โดยผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการฝึกในครั้งนี้ นอกจากกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ จะได้ใช้ยุทธวิธีหลักนิยมในการรบร่วม และทดสอบแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือให้เป็นไปตามแผนป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดความรู้ความชำนาญเพิ่มขึ้นจากการฝึกจริงแล้ว ยังทำให้กองทัพเรือได้รับทราบถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของกำลังพลในปัจจุบัน รวมทั้งการปฏิบัติการร่วมกันกับหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาขีดความสามารถสำหรับการปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะในการป้องกันประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top