Saturday, 7 June 2025
ทหารเรือ

กำลังพลที่เหลวไหล จะไม่มีโอกาสได้เจริญเติบโต

ทหารเรือ มีไว้ทำไม?...‘พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม’ ผบ.ทร.คนที่ 57 จะมาเผยถึงภารกิจกองทัพเรือ ที่สังคม ‘ไม่ค่อยได้เห็น’ เพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนผืนน้ำ

“ทหารเรือต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา“

“ป้องกันประเทศ / เฝ้าระวังคนหลบหนีเข้าเมือง / สกัดลักลอบขนยาเสพติด สินค้าเถื่อน / ป้องปราบการทำประมงผิดกฎหมาย ขบวนการทำลายทรัพยากรใต้น้ำ / ป้องกันฐานขุดเจาะพลังงาน / ช่วยเหลือภัยพิบัติ ฯลฯ.”

รับชมภารกิจส่วนหนึ่งของทหารเรือ จากคำบอกเล่า ผบ.ทร. ได้ที่: https://youtu.be/ci6kC3rjTjU?si=ulLRjwUGryy5bM6X 

ความท้าทายของทหารในยุคปัจจุบัน คือการทำให้สังคมรู้ว่า “เมื่อไรที่ต้องรบ เราต้องไม่แพ้”

‘กองทัพเรือ’ ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อชาติ ภายใต้กรอบการลดกำลังพล ตามที่สังคมอยากเห็น

ทหารเรือ มีไว้ทำไม?...‘พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม’ ผบ.ทร.คนที่ 57 จะมาเผยถึงภารกิจกองทัพเรือ ที่สังคม ‘ไม่ค่อยได้เห็น’ เพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนผืนน้ำ

“ทหารเรือต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา“

“ป้องกันประเทศ / เฝ้าระวังคนหลบหนีเข้าเมือง / สกัดลักลอบขนยาเสพติด สินค้าเถื่อน / ป้องปราบการทำประมงผิดกฎหมาย ขบวนการทำลายทรัพยากรใต้น้ำ / ป้องกันฐานขุดเจาะพลังงาน / ช่วยเหลือภัยพิบัติ ฯลฯ.”

รับชมภารกิจส่วนหนึ่งของทหารเรือ จากคำบอกเล่า ผบ.ทร. ได้ที่: https://youtu.be/ci6kC3rjTjU?si=ulLRjwUGryy5bM6X 

‘กองทัพเรือ’ ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อชาติ ภายใต้กรอบการลดกำลังพล ตามที่สังคมอยากเห็น

ทหารเรือ มีไว้ทำไม?...‘พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม’ ผบ.ทร.คนที่ 57 จะมาเผยถึงภารกิจกองทัพเรือ ที่สังคม ‘ไม่ค่อยได้เห็น’ เพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนผืนน้ำ

“ทหารเรือต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา“

“ป้องกันประเทศ / เฝ้าระวังคนหลบหนีเข้าเมือง / สกัดลักลอบขนยาเสพติด สินค้าเถื่อน / ป้องปราบการทำประมงผิดกฎหมาย ขบวนการทำลายทรัพยากรใต้น้ำ / ป้องกันฐานขุดเจาะพลังงาน / ช่วยเหลือภัยพิบัติ ฯลฯ.”

รับชมภารกิจส่วนหนึ่งของทหารเรือ จากคำบอกเล่า ผบ.ทร. ได้ที่: https://youtu.be/ci6kC3rjTjU?si=ulLRjwUGryy5bM6X 

คณะทำงาน ‘ไทย-จีน’ ได้ข้อสรุป!! ไม่ยกเลิกสัญญา จ่อขยายสัญญา 1,200 วัน พร้อมติดเครื่องยนต์จีน

(16 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเจรจาแก้ปัญหาเรือดำน้ำ ระหว่าง พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับตัวแทนหน่วยงานด้านยุทโธปกรณ์ ของกระทรวงกลาโหมจีน และตัวแทนบริษัท CSOC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิต ที่กระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 14-15 พฤษภาคม 2567 ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และมีข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำจีนต่อ 

โดย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมรับฟังการประชุม ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ด้วย ทั้งนี้การเจรจาแก้ปัญหาเรือดำน้ำ ระหว่างไทยจีนดำเนินการมาแล้วหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาการเจรจาอาจจะล่าช้า เพราะทางฝ่ายจีน อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างกองทัพ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลายหน่วยงาน แต่ขณะนี้ได้รวมศูนย์หน่วยงานด้านยุทโธปกรณ์ เป็นหน่วยงานเดียวขึ้นกับกระทรวงกลาโหมจีน ซึ่งได้เดินทางมาร่วมพูดคุย หาทางออกในครั้งนี้ด้วย

โดยหน่วยงานของจีนที่ส่งมาคือ The Bureau of Military Equipment and Technology Cooperation (BOMETEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองการขายอาวุธที่มีใช้ในกองทัพจีนให้กับต่างประเทศ และ ‘The State administration of Science, Technology and Industry for national Defense (SASTIND)’ ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองบริษัทที่ขายอาวุธให้ต่างประเทศ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทางออกในการแก้ปัญหาโครงการเรือดำน้ำ มีเพียง 2 ทาง คือ 1. เดินหน้าต่อ หรือ 2. ยกเลิก ซึ่งหากการเปลี่ยนจากโครงการเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต หรือเรือ OPV ก็เท่ากับการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการหารือ และประเมินข้อดี-ข้อเสียแล้วพบว่า การยกเลิกโครงการจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยฝ่ายไทย อาจต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเรื่องเงินค่างวดที่จ่ายไปล่วงหน้า และอาจได้คืนเพียงบางส่วน ไม่ครบตามจำนวนที่จ่ายไปทั้งหมด ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเลือกเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำต่อ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ไทย-จีนที่มีมาอย่างยาวนาน

โดยทางฝ่ายจีนยินดีที่จะสนับสนุนทางการทหาร เช่น การสนับสนุนยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำ ทั้งเครื่องช่วยฝึก หรือ Simulator และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมถึงเรื่องระบบประกัน / การฝึกศึกษา ซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่ทางจีนยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เพราะต้องการให้ โครงการเรือดำน้ำเดินหน้าอย่างชัดเจนก่อน

สำหรับขั้นตอนต่อไป คือ กระทรวงกลาโหมจะสรุปผลการเจรจานำเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พิจารณา เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะจะต้องมีการแก้สัญญา 2 ส่วน ได้แก่ การขยายเวลาสัญญาต่อเรือดำน้ำออกไปอีกราว 1,200 วัน และ การเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมัน MTU 396 เป็นเครื่องยนต์จีน CHD620 เพื่อให้ ครม. เห็นชอบต่อไป

ทั้งนี้มีข้อมูลว่าเครื่องยนต์ CHD 620 ได้ผ่านมาตรฐานจากสมาคมจัดชั้นเรือของประเทศอังกฤษ และประเทศปากีสถาน ได้จัดซื้อเรือ ดำน้ำจีนที่ติดตั้งเครื่องยนต์ CHD 620 ซึ่งน่าจะได้เห็นประสิทธิภาพของเรือดำน้ำในอีกไม่นานนี้

แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในการเจรจาครั้งนี้ หน่วยงานทางการจีนได้รับข้อเสนอของไทยในการเพิ่มเติมการสนับสนุน โดยไม่ได้ใช้คำว่าชดเชย และจะนำกลับไปพูดคุยกับคณะกรรมาธิการกลางทหารของจีนอีกครั้ง เช่นเดียวกับข้อแลกเปลี่ยนสินค้าทางด้านการเกษตรฯ แต่ที่สำคัญคือการจะเดินหน้าต่อ รัฐบาลไทยต้องมีมติในเรื่องการเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำ และการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ทำให้ทางไทยยังไม่เปิดเผยรายการที่ทางจีนจะให้กับไทยอย่างละเอียด

ขณะที่มี รายงานข่าวในกระทรวงกลาโหมว่า การเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีนยังไม่จบทั้งหมด แต่ช่วงนี้คณะพูดคุยคงยังไม่เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน และอาจจะไม่ไป เพราะจะคุยกันผ่านทางวิดีโอคอล คาดว่าน่าจะจบเร็ว ๆ นี้ และคงต้องไปหานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กำกับดูแล เพราะต้องไปรายงานเรื่องเรือดำน้ำ เมื่อมีความคืบหน้าในระดับหนึ่งเมื่อได้ทิศทางที่ชัดเจน

ผบ.ทร./รอง ผอ.ศรชล. เยี่ยมให้กำลังใจ ศรชล.ภาค 1

พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (รอง ผอ.ศรชล.) พร้อมด้วยคณะติดตาม เดินทางตรวจเยี่ยม ศรชล.ภาค 1 พื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมี น.อ.ชลทัย รัตนเรือง รองผอ.ศรชล.จว.พบ. ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยพล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร/รอง.ผอ.ศรชล ได้กล่าวให้กำลังใจ จนท.กำลังพล ศรชล.จว.พบ.ในการปฏิบัติงาน 

จากนั้นเวลา 10.10 น. พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร/รอง​ ผอ.ศรชล. ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี โดย นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี/ผอ.ศรชล.จว.พบ. ได้มอบหมายให้ นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีให้การต้อนรับและหารือข้อราชการที่สำคัญ ณ ห้องรับรอง​ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี​ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

‘ผบ.ทร.’ ลั่น!! เจรจาจีน ปม ‘เรือดำน้ำ’ เรียบร้อย จ่อเสนอ ครม.เคาะ พร้อมเป็นเขี้ยวเล็บให้คนไทย

(30 พ.ค.67) ที่สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงความคืบหน้าจัดหาเรือดำน้ำ ว่า เป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะนำเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี พิจารณาเป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นอันว่าสิ้นสุด ว่าจะเดินหน้าหรืออย่างไร และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้เดินหน้าต่อ เราก็มาแก้ไขสัญญา มาถึงขั้นตอนนี้แล้วไม่ยาก และเมื่อแก้สัญญาแล้วก็เดินหน้าต่ออีก 1,217 วัน กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำมาเป็นเขี้ยวเล็บให้กับประชาชนคนไทย 

“หากเราได้เรือดำน้ำลำนี้มา จะเป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัย และเป็นลำแรกของภูมิภาคนี้ ที่มีอาวุธนำวิถีปล่อยจากใต้น้ำ ที่เหมือนกับหนังฝรั่งที่เรือดำน้ำอยู่ใต้น้ำและสามารถปล่อยอาวุธจากใต้น้ำ เป็นเขี้ยวเล็บที่สำคัญที่สุดของกองทัพเรือ ซึ่งอาวุธดังกล่าวอยู่ในสัญญาที่ซื้อเรือดำน้ำอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยจะต้องภูมิใจกับเรือดำน้ำลำนี้” พล.ร.อ.อะดุง กล่าว

เมื่อถามว่าหลังจากได้ลำแรกแล้วเราจะดูลำที่สองลำที่สามต่อเลยหรือไม่ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า เราต้องทำให้ประชาชนสบายใจ และมั่นใจ ซึ่งกองทัพเรือมั่นใจว่าลำที่หนึ่งดี 

"เมื่อเราเดินหน้าเรือดำน้ำแล้วไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วจะเซ็นรับหรือไม่รับ ในปลายปี 2570 หากเป็นไปตามคอนเน็คชั่นส์ที่เราตกลงกันไว้ในตอนนี้ เราก็อาจไม่ต้องเซ็นรับด้วยความสบายใจได้เลย ซึ่งเราไม่ต้องคุยกับทางจีนแล้ว เป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา” ผู้บัญชาการทหารทหารเรือ กล่าว 

รองผู้บัญชาการทหารเรือตรวจที่ดินกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (จ.สงขลา)

เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดิน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

ระหว่างวันที่ 19 - 21 มิ.ย.67 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการที่ดินกองทัพเรือ และคณะ เดินทางไปตรวจที่ดินกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (จ.สงขลา) ประกอบด้วย ที่ดินเกาะแต้ว ต.เกาะแต้ว และ ต.ทุ่งหวัง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา , ที่ดินสวนเก๋ง ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา และร่วมพิจารณาในการดำเนินการที่ดินบริเวณ ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช โดยได้รับฟังการบรรยายสรุป ร่วมพิจารณา และให้คำแนะนำในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินก่อนเข้าตรวจพื้นที่ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา

การตรวจที่ดินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่ภายใต้การปกครองของทัพเรือภาคที่ 2 และรับทราบปัญหา อุปสรรคข้อขัดข้อง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะต้องได้รับการขับเคลื่อนระดับนโยบาย อีกทั้งเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับกองทัพเรือ

ในการนี้รองผู้บัญชาการทหารเรือได้เน้นย้ำว่า “…การตรวจที่ดินในความรับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 2 นอกจากจะมีปัญหาคล้ายกับพื้นที่อื่น ในการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ยังมีงานที่ต่างออกไปคือ การแลกเปลี่ยนที่ดินกับเอกชน และการขอถอนสภาพที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า เพื่อขึ้นทะเบียนและใช้ในราชการต่อไป จำเป็นต้องอาศัยความเอาใจใส่ และกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการมาก ดังนั้น หากมีอุปสรรคข้อขัดข้องที่จะให้คณะกรรมการฯ ช่วยเหลือ สามารถแจ้งผ่านฝ่ายเลขาฯ ได้ตลอดเวลา และเชื่อมั่นว่า หากตั้งใจจริง และมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องแล้ว งานแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินของกองทัพเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี…”

ทั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การใช้ที่ดินของกองทัพเรือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือไปพร้อมกับการได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน และเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือด้านการส่งกำลังบำรุงในการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพเรือที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

รองผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันชาติอเมริกา

เมื่อวันที่ (2 ก.ค.67) พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันชาติอเมริกา ตามคำเชิญของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยมี นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (H.E. Mr.Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และภริยา เป็นเจ้าภาพ ณ Topgolf Megacity อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ไทยกับสหรัฐอเมริกา สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2376 นับเป็นระยะเวลา 190 ปี โดยความสัมพันธ์ทางทหารและความมั่นคงนั้น ไทยได้รับสถานะเป็น Major Non-NATO Ally (MNNA) ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๖ โดยกรอบความร่วมมือทางด้านการทหารและความมั่นคงมีหลายระดับ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเป็นไปด้วยดีในหลายมิติ ดังนี้

1. การเยี่ยมเยือนของผู้บังคับบัญชา กองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐ มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

2. การศึกษา กองทัพเรือสหรัฐ ให้การสนับสนุนที่นั่งการศึกษาหลักสูตรที่สำคัญ ได้แก่ นักเรียนนายเรือสหรัฐ , นักเรียนนายเรือยามฝั่งสหรัฐ , นักทำลายใต้น้ำจู่โจมสหรัฐ , เสนาธิการทหารเรือสหรัฐ , วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ , เสนาธิการนาวิโยธินสหรัฐ และ Basic Officer (Infantry) นาวิกโยธินสหรัฐ เป็นต้น

3. การประชุม แบ่งเป็น
 - การประชุม Maritime Cooperation Talks (MCT) เป็นการประชุมระดับนโยบายของผู้แทนระดับสูงของกองทัพเรือไทยและกองกำลังทางเรือสหรัฐ ภาคพื้นอินโด - แปซิฟิก
- การประชุม MCT Mid-Term Review ซึ่งเป็นการประชุมในระดับ
ผู้ปฏิบัติ

4. การฝึก เช่น การฝึกร่วมผสม COBRA GOLD , การฝึกผสม CARAT โดยจะมีการฝึก CARAT Multilateral 2024 ในพื้นที่อ่าวไทย ระหว่าง 18 - 27 ก.ค.67 , การฝึก GUARDIAN SEA , การฝึก SEACAT , การฝึก SEA SURVEX, UNDERSEAL, MTWS, FLASH TORCH, RIMPAC และการฝึก PASSEX เป็นต้น

5. การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสาร (Intelligence Exchange Conference: IEC) ระหว่างกองทัพเรือไทย – กองทัพเรือสหรัฐ ภาคพื้นแปซิฟิก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง

6. การช่วยเหลือทางทหาร กำหนดเป็นโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเล (Maritime Security Initiative: MSI) จำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับ (ศรชล.) , โครงการเพิ่มขีดความสามารถระบบตรวจการณ์ บ.DO-228 , โครงการจัดหาระบบสื่อสารแบบ CENTRIXS , โครงการฝึก ศึกษาด้านความมั่นคงทางทะเล , โครงการระบบรวบรวมข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ลำน้ำ , โครงการปรับปรุงพื้นผิวทางวิ่งสนามบินอู่ตะเภา และโครงการจัดหาเรือยางท้องแข็ง

จากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมาอย่างยาวนานส่งผลให้กองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐมีความร่วมมือที่ดีในหลายมิติด้านความมั่นคงทางทะเล เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และการมีบทบาทนำด้านความร่วมมือ และความมั่นคงในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้ช่วยทูต กลับถิ่นสานสัมพันธ์ทัพเรือไทยมาเลเซีย แน่นแฟ้น

คณะผู้แทน ทร. โดยมี พล.ร.ต.เทพฤทธิ์ ลาภเหลือ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และกำลังพล กองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ 2 นาย กรมการสื่อสารและสารสนเทศทหารเรือ 1 นาย กรมยุทธการทหารเรือ 2 นาย เดินทางไปร่วมประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้น ณ กองบัญชาการกองเรือดำน้ำ รัฐซาบาร์ ก.บอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย 

ผลการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นสอดคล้องที่จะเสนอเพื่ออนุมัติในการแลกเปลี่ยนการศึกษาและการฝึกตามแผน การเยี่ยมเยือนและจัดกิจกรรมของ ผู้บังคับบัญชา ประจำปี (golf top ten) ตามที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ทร.มาเลเซียยังได้เปิดให้เยี่ยมชม กองเรือดำน้ำ และหน่วยบิน UAV (SCAN EAGLE) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตามโครงการ MSI (Maritime Security Initiative) ที่ได้เคยหารือไว้จากการประชุมครั้งที่ผ่านๆ มา สรุปการดูงาน ประกอบด้วย

การเยี่ยมชมกองเรือดำน้ำ จัดให้ชมทั้งหมดประกอบ อาทิ กองบัญชาการ โรงงานซ่อมเรอดำน้ำ (ด.) และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด อาคารฝึกกำลังพล เครื่องฝึก simulator การดำ ห้องฝึกซ่อมบำรุงเครื่องกล ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ห้องฝึกการนำเรือ ห้องฝึก ศูนย์ยุทธการ อาคารฝึกการช่วยเหลือกำลังพล ด. Submarine escape เครื่องฝึกป้องกันความเสียหาย

โดยมีข้อมูลที่สำคัญคือ ขณะนี้ ทร.มาเลเซีย สามารถฝึกกำลังพล และซ่อมบำรุง ด. ได้เองทั้งหมดเกือบ100% โดยในระยะแรกสร้างอู่ โดยใช้เงินรัฐบาลและจ้างบริษัทฝรั่งเศส ดำเนินการซ่อมบำรุง แล้วค่อยๆ สร้างบริษัท ของมาเลเซียมาทดแทน จนในปัจจุบัน บริษัท ของมาเลเซียทดแทนได้ทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 10 ปี มีเพียงการ refit โปรแกรมทุก 7 ปี ที่ยังต้องมี บริษัท ฝรั่งเศสช่วยบางส่วน โครงสร้างกำลังพลกองเรือ ด. ประมาณ 200 กว่านาย อู่บริษัท เอกชน 200-300 นาย ปัญหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกำลังพล ที่ฝึกไม่ผ่าน หาคนมาอยู่เรือ ด. ยาก ตามนิสัยมีครอบครัวใหญ่และรักครอบครัวของคนมาเลเซีย และต้องมาอยู่ เกาะบอร์เนียว ที่ไกลบ้าน

การเยี่ยมชมหน่วยบิน UAV - scan eagle นั้น ได้จัดให้ชม อุปกรณ์ทั้งหมด การควบคุมและใช้งาน การซ่อมบำรุง ข้อมูลสำคัญ ไม่แตกต่างจาก black jack ใช้จากฐานบินฝั่งเป็นหลัก เพราะอุปกรณ์ปล่อย และเก็บ UAV ใหญ่มาก ไม่สามารถเอาไปกับเรือที่ ทร.มาเลเซีย มีได้ แต่จะพัฒนาหารุ่นใหม่ ที่นำไปกับเรือได้ต่อไป เพื่อใช้ในพื้นที่ เกาะบอร์เนียวและ ทะเลจีนใต้เป็นหลัก

รองผู้บัญชาการทหารเรือร่วมประชุม Navy to Navy Strategy Talks ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือออสเตรเลีย ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 7 - 12 กรกฎาคม 2567 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย

ระหว่างวันที่ 7 - 12 ก.ค.67 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะกองทัพเรือไทยร่วมประชุม Navy to Navy Strategy Talks ครั้งที่ 13 ร่วมกับ กองทัพเรือออสเตรเลีย โดยมี พล.ร.จ. Eric Young รักษาการ รองผู้บัญชาการทหารเรือ กองทัพเรือออสเตรเลีย พร้อมคณะ เข้าร่วมการประชุมฯ  ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย

การประชุม Navy to Navy Strategy Talks เป็นผลจากการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือออสเตรเลียในด้านวิทยาศาสตร์ทางทหารที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดการประชุมทุก 2 ปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ เป็นการพบปะสนทนาของผู้บังคับบัญชาชั้นสูง มีรองผู้บัญชาการทหารเรือของทั้งสองประเทศ (หรือผู้แทน) เป็นหัวหน้าคณะ ทั้งนี้ การประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้แทนกองทัพเรือทั้งสองประเทศประชุมหารือในเรื่องความมั่นคงทางทะเล การแลกเปลี่ยนและขยายความร่วมมือด้านต่างๆ ตลอดจนเรื่องอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

หัวข้อในการประชุมครั้งนี้มีหัวข้อในการหาเรือที่สำคัญ ประกอบด้วย
- การติดตามการดำเนินการตามมติที่ประชุม NTNST ครั้งที่ 12
- การพิจารณาทบทวน Term of Reference (TORs) ของการประชุม Navy to Navy Strategy ให้มีความเป็นปัจจุบัน
- การหารือถึงกำหนดการในการฝึก AUSTHAI 2025 ในเบื้องต้นจะจัดขึ้นประมาณ เดือน มิ.ย.2568
- การหารือในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการฝึกผสม AUSTHAI เช่น การใช้ยานไร้คนขับ และการฝึกเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
- การให้การสนับสนุนของฝ่ายออสเตรเลียในการจัดกำลังทางเรือและกำลังพลเข้าร่วมการฝึกผสม KAKADU 2024 ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดต่อไป
- การขอรับการสนับสนุนหลักสูตรการศึกษาจาก ทร. ออสเตรเลีย และ การสนับสนุนที่นั่งหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ และหลักสูตรวิทยาลัยการทัพเรือให้กับกองทัพเรือออสเตรเลีย รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนหลักสูตรสำหรับนายทหารระดับประทวนจากทางฝ่ายออสเตรเลีย
- การพิจารณากรอบแนวทางและรูปแบบการฝึกของชุดตรวจค้น (Boarding Operations training) ที่เหมาะสม ของกำลังพลประจำเรือของทั้งสองประเทศ

ผลการประชุมบรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี ตามเจตนารมย์ผู้บัญชาการทหารเรือที่มอบไว้ก่อนการเดินทางร่วมประชุม โดยให้ความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานอันจะทำให้มีความสัมพันธ์อันดีนี้ต่อไป
สมนึก เชื้อสนุก รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top