Friday, 4 July 2025
ญี่ปุ่น

‘ชิเงรุ อิชิบะ’ ชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ เตรียมรับตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่น

(27 ก.ย.67) เอเอฟพีรายงานว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้เปิดลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคฯคนใหม่แทนการวางมือของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ และผลปรากฏว่าตัวเต็งอย่าง ‘ชิเงรุ อิชิบะ’ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม สามารถเบียดเอาชนะคู่แข่งสำคัญไปได้ในการโหวตสองรอบ

หลังจากการประกาศชัยชนะที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯ ในกรุงโตเกียว อิชิบะร่ำไห้และโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่ามกลางความยินดีของบรรดาสมาชิก

“ผมจะทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่น ด้วยการพูดความจริงอย่างกล้าหาญและจริงใจ เพื่อทำให้ประเทศนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับทุกคนที่จะใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกครั้ง” อิชิบะ กล่าวในสุนทรพจน์สั้นๆ

อิชิบะ เคยเกือบได้ตำแหน่งสูงสุดมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงในปี 2555 เมื่อเขาแพ้ให้กับ ชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่นที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดและเสียชีวิตจากการลอบสังหารเมื่อ 2 ปีก่อน

อดีตหัวเรือใหญ่ทางทหารผู้นี้กล่าวว่า ประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหาสังคมที่ยากลำบาก เช่น การปฏิรูปการเกษตร ทำให้เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

ทั้งนี้ อิชิบะ วัย 67 ปี สามารถเอาชนะ ซานาเอะ ทาคาอิจิ รัฐมนตรีความมั่นคงเศรษฐกิจสายอนุรักษนิยม วัย 63 ปีไปได้ ทำให้เป็นการดับฝันของนักการเมืองชาตินิยมสุดโต่งในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศ

โดยในการลงคะแนนเสียงรอบแรก อิชิบะ และ ทาคาอิจิ มีคะแนนนำเป็นสองอันดับแรก แต่ยังไม่มีผู้ใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง เพราะคะแนนเสียงกระจายไปตามผู้สมัครคนอื่นๆ อีก 7 คน ทำให้ต้องมีการลงคะแนนเสียงรอบสองระหว่าง อิชิบะ และ ทาคาอิจิ ซึ่ง อิชิบะ เอาชนะไปได้ในที่สุด

สำหรับพรรคอนุรักษนิยมได้ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานและแทบจะไม่มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นเวลาหลายทศวรรษ ด้วยการครองเสียงข้างมากในปัจจุบันทำให้ อิชิบะ จะได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภาในวันที่ 1 ตุลาคม ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งจีนที่แข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัสเซีย ไปจนถึงการทดสอบขีปนาวุธต้องห้ามของเกาหลีเหนือ

ด้านกิจการภายใน อิชิบะจะได้รับมอบหมายให้ฟื้นคืนชีพเศรษฐกิจและแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางกำลังจะกลับมาเข้มงวดทางการเงินอีกครั้งในรอบหลายทศวรรษเพื่อแก้ปัญหาค่าเงินเยนที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นความเชื่อมั่นของพรรคฯ ที่สูญเสียไปจากเรื่องอื้อฉาวมากมายในสมัยของ ฟูมิโอะ คิชิดะ

‘คณะกรรมการโนเบล’ มอบ ‘รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ’ ให้องค์กรในญี่ปุ่น เพื่อเชิดชูความพยายาม ในการผลักดันโลก ให้ปลอดจาก ‘อาวุธนิวเคลียร์’

(12 ต.ค. 67) คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลมีมติเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ประกาศให้ สมาพันธ์ผู้ประสบภัยจากระเบิดปรมาณูและไฮโดรเจนแห่งญี่ปุ่น หรือ ‘นิฮง ฮิดันเกียว’ (Nihon Hidankyo) ซึ่งเป็นองค์กรของผู้รอดชีวิตในญี่ปุ่นจากระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับ "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" ประจำปีนี้ เพื่อเชิดชูความพยายามในการผลักดันโลกให้ปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์

คณะกรรมการฯ ระบุว่า นิฮง ฮิดันเกียว ซึ่งเป็นองค์กรรากหญ้าที่มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1956 หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิในเดือนส.ค. 1945 ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่ร้ายแรงต่อมนุษยชาติจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์

แม้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามเป็นเวลาเกือบ 80 ปีแล้ว แต่เป็นเรื่องน่าวิตกที่ในปัจจุบัน แนวคิดในการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์กำลังถูกกดดัน

สำหรับพิธีมอบรางวัลโนเบลจะมีขึ้นที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในวันที่ 10 ธ.ค. โดยบุคคลหรือองค์กรที่คว้ารางวัลจะได้รับเงินจำนวน 11 ล้านโครนาสวีเดน (1.06 ล้านดอลลาร์) หรือราว 35 ล้านบาท

สำนักข่าววีโอเอระบุว่า สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกใส่ญี่ปุ่นในปี 1945 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 120,000 คนทันที และมีประชาชนจำนวนเท่าๆ กันเสียชีวิตในเวลาต่อมาจากแผลไหม้และผลกระทบของกัมมันตภาพรังสี ขณะที่มีผู้รอดชีวิตอยู่ราว 650,000 คนที่มีชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า ฮิบากูชะ (Hibakusha)

แถลงการณ์ของคณะกรรมการโนเบลระบุว่า ชะตาชีวิตของผู้รอดชีวิตเหล่านั้นถูกปกปิดไว้หรือไม่สังคมก็ไม่ยอมรับรู้ และในปี 1956 สมาคมฮิบาคุชะหลายแห่งในญี่ปุ่นมารวมตัวกันกับเหยื่อของการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อสร้างกลุ่ม Nihon Hidankyo ขึ้นมา

คณะกรรมการรางวัลโนเบลระบุว่า กลุ่มดังกล่าวได้รับรางวัลสันติภาพจาก ‘ความพยายามที่จะให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ และจากการแสดงให้เห็นผ่านคำให้การของพยานผู้รอดชีวิตว่า จะต้องไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป’

"ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง" โทชิยูกิ มิมากิ ประธานร่วมของนิฮง ฮิดันเกียว กล่าวโดยกลั้นน้ำตาและบีบแก้มตัวเองไว้ ในการแถลงข่าวที่เมืองฮิโรชิม่า ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุระเบิดปรมาณูเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง

มิมากิซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตกล่าวว่า รางวัลนี้จะช่วยผลักดันความพยายามในการแสดงให้เห็นว่า การยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งจำเป็นและเป็นไปได้ และตำหนิรัฐบาลต่างๆ ที่ยังเดินหน้าทำสงครามแม้ว่าประชาชนจะโหยหาสันติภาพก็ตาม

ด้านยอร์เกน วัตเน ฟรีดเนส ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลของนอร์เวย์ กล่าวเตือนโดยไม่ได้ระบุชื่อประเทศใดประเทศหนึ่งว่า ประเทศที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไม่ควรคิดที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์

ขุนแผนญี่ปุ่น อวดชีวิตดี๊ดี!! เมีย 4 กิ๊ก 2 แต่รักปรองดองกันทั้งบ้าน ตั้งเป้ามีลูก 54 คน เพื่อครองตำแหน่ง ‘เทพเจ้าแห่งพ่อบ้านญี่ปุ่น’

(19 ต.ค. 67) พระลอต้องกราบ คาสโนวาต้องซูฮก ให้กับ วาตานาเบะ เรียวตะ ขุนแผนแสนสะท้านชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ชาวฮอกไกโด เมื่อเขาเปิดเผยชีวิตรักสุดสะพรึง ว่าเขามีภรรยาที่เคยอยู่กินด้วยกันถึง 4 คน กับกิ๊กอีก 2 คน และลูก ๆ อีก 10 คน โดยไม่ต้องทำงาน และยึดอาชีพพ่อบ้าน Full-Time มานานถึง 10 ปีแล้ว

แม้จะฟังดูผิดหลักการใช้ชีวิตครอบครัว ที่กล่าวว่า เมีย 2 ต้องห้าม และในญี่ปุ่นไม่สามารถจดทะเบียนสมรสซ้อนได้ ดังนั้น ภรรยาของเขาจึงต้องใช้ชีวิตร่วมกับเรียวตะในสถานะ ‘พาร์ทเนอร์ที่อยู่กินฉันคู่สมรส’ เท่านั้น แต่เรียวตะ กลับมีเป้าหมายสูงกว่านั้นในการเป็นจะเป็นเทพเจ้าแห่งพ่อบ้านญี่ปุ่น ที่มีลูกให้ได้ถึง 54 คน

ชีวิตรักไร้ขีดจำกัดของเรียวตะ มีจุดเริ่มต้นเมื่อราวๆ 6 ปีก่อน ที่เขาต้องเลิกกับแฟนเก่า แถมตกงานมานาน จนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาใหม่ พร้อมกับคติประจำใจว่า ‘สุขกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม’ และเริ่มนัดเดตกับสาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่ติดต่อกันผ่านเว็บไซต์หาคู่ จนท้ายสุดเขาลงเอยกับผู้หญิงถึง 4 คน และยังมีกิ๊กอีก 2 คนที่ยังติดต่อกันทางออนไลน์ 

แต่ตัวเขาไม่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ ตกงานมานานเกือบ 10 ปี จึงไม่สามารถหาเลี้ยงภรรยา และลูก ๆ ถึง 10 คน ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงถึง 9.14 แสนเยน (ประมาณ 2 แสนบาท) ได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพ่อบ้าน Full-Time ที่ต้องทำงานบ้าน เลี้ยงลูก ทำกับข้าว ดูแลภรรยาทุกอย่าง ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ของภรรยาและกิ๊กของเขา ที่ช่วยกันหาร และออกค่าใช้จ่ายร่วมกัน

วิถีชีวิตครอบครัวสุดพิสดารของ วาตานาเบะ เรียวตะ ถูกเปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่น Abema Prime ซึ่งเรียวตะ กล่าวว่า "เขาแค่มีความรักให้กับผู้หญิง และตราบใดที่เขารักพวกเธออย่างเท่าเทียมกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร" 

เมื่อถูกถามว่า เขาทำอย่างไร จึงสามารถอยู่ร่วมชายคากับภรรยาหลายคนได้ เรียวตะ เปิดเผยว่า เขามีห้องส่วนตัวให้ภรรยาทุกคน และจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปหลับนอนกับพวกเธอในแต่ละคืน แถมยังอวดด้วยว่าเขามีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 28 ครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ ภรรยาแต่ละคนต่างก็รักใคร่กันดี ไม่ได้มีปัญหาหึงหวงกันในครอบครัว 

นอกจากนี้ เรียวตะ ยังตั้งเป้าที่จะเป็น ‘เทพเจ้าแห่งพ่อบ้านญี่ปุ่น’ ด้วยการทำลายสถิติ พ่อบ้านที่มีบุตรมากที่สุดในญี่ปุ่น  ซึ่งเจ้าของสถิติที่มีการจดบันทึกไว้คือ โชกุน โทกุกาวะ อิเอนาริ ที่เสียชีวิตในปี 1841 โดยอดีตโชกุนในยุคเอโดะคนนี้ มีลูก 53 คนที่เกิดจาก กับภรรยา และสนมรวมกันถึง 27 คน 

ดังนั้น เขาจึงตั้งเป้าหมายจะมีลูกให้ได้ 54 คน และยังไม่หยุดที่จะมองหาภรรยาเพิ่ม

การเปิดเผยชีวิตครอบครัวแบบหมดเปลือก ของ วาตานาเบะ เรียวตะ ผ่านสื่อโทรทัศน์ ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ของญี่ปุ่น ทั้งในแง่ของศีลธรรม และ สิทธิในการใช้ชีวิต

หลายคนเป็นห่วงความรู้สึกของลูกๆของครอบครัววาตานาเบะ ที่ต้องเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ยากจะอธิบายให้สังคมทั่วไปเข้าใจได้ง่าย และ พวกเด็กๆจะได้รับความรักที่สมบูรณ์แบบครอบครัวปกติทั่วไปหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกัน บางคนก็มองว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ทุกคนมีสิทธิ์เลือกใช้ชีวิต และรับผิดชอบกับทางเลือกของตัวเอง ตราบใดที่เขาสามารถบริหารครอบครัวได้อย่างมีความสุข คนนอกก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปวิพากษ์ วิจารณ์ได้

และไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ชีวิตได้อย่าง วาตานาเบะ เรียวตะ เพราะเฮียอาจจะรักทุกคนได้ แต่ถ้าวันหนึ่ง ทุกคนเกิดไม่รักเฮียขึ้นมา ชีวิตก็จบเหมือนกัน 

‘โตเกียว เมโทร’ ทำ IPO สูงที่สุดในรอบ 6 ปี ระดมทุนกอบกู้ภัยพิบัติจากสึนามิของ ‘ญี่ปุ่น’

(25 ต.ค. 67) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Tokyo Metro ได้เริ่มต้นเส้นทางการเปลี่ยนแปลงจากผู้ให้บริการสาธารณะไปสู่ตั๋วร้อนสำหรับนักลงทุน โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้น 45% ในวันแรกที่เปิดตัวบนส่วน Prime ของตลาดหลักทรัพย์หลักของญี่ปุ่น

ผู้ให้บริการระบบรถไฟใต้ดินที่มีอายุเก่าแก่ถึง 104 ปีของกรุงโตเกียวแห่งนี้ ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของตนในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับเมืองที่มีประชากร 14 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางสำคัญของการท่องเที่ยวขาเข้า ศูนย์กลางการเงินระดับโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เฟื่องฟู

หุ้นปิดการซื้อขายวันแรกที่ 1,739 เยน สูงขึ้น 45% จากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 1,200 เยน หลังจากเปิดที่ 1,630 เยนบนส่วน Prime ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว
ราคาเสนอขายทำให้มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 697,200 ล้านเยน (4,600 ล้านดอลลาร์) แต่การพุ่งขึ้นในวันพุธทำให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.01 ล้านล้านเยน ในช่วงหนึ่งวัน ราคาหุ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,768 เยน

ราคาหุ้นครั้งแรก 'สูงกว่าที่คาดไว้' นายชินโง อิเดะ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ด้านหุ้นของสถาบันวิจัยเอ็นแอลไอกล่าวหลังจากเปิดการซื้อขาย "ราคาหุ้นอ่อนตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้ความต้องการหุ้นเมโทรเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรที่มั่นคง"

ราคาหุ้นโตเกียวเมโทรอาจร่วงลงมาเหลือประมาณ 1,500 เยนในที่สุด เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 2% นายอิเดะกล่าว อัตราผลตอบแทนที่ราคาเสนอขายครั้งแรกจะอยู่ที่ 3.3%

การซื้อขายในช่วงเช้า "เริ่มต้นได้ดี เนื่องจากเราเห็นความต้องการซื้อในระดับหนึ่ง" นายโทโมอิจิโร คูโบตะ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจากบริษัท Matsui Securities กล่าว บริษัท Tokyo Metro เป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในกลุ่ม Prime ในวันนี้ โดยมี "นักลงทุนรายย่อยหลากหลายกลุ่ม" ที่ลงทุนทั้งในระยะยาวและระยะสั้นเข้าร่วมด้วย เขากล่าว

IPO ดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ โดยการเปิดบัญชีกับบริษัท Matsui Securities เพิ่มขึ้นในเดือนกันยายนและตุลาคม ในขณะที่นักลงทุนที่มีประสบการณ์มากขึ้นระมัดระวังในการใช้เงินของตนในขณะที่รอผลการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่น แต่ความสนใจจากนักลงทุนรายใหม่ "เป็นหนึ่งในปัจจัยบวกไม่กี่ประการ" สำหรับตลาดหุ้น คูโบตะกล่าว

ไม่มีการระดมทุนใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรกมีขึ้นเพื่อให้รัฐบาลสามารถขายหุ้นที่ถืออยู่ 53% ในบริษัทผู้ให้บริการรถไฟใต้ดินได้ครึ่งหนึ่ง และชำระหนี้คืนสำหรับการก่อสร้างบางส่วนของประเทศหลังจากภัยพิบัติสึนามิในปี 2011

รัฐบาลกรุงโตเกียวเป็นเจ้าของหุ้น 47% ที่เหลือ การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรกได้ลดหุ้นที่รัฐบาลกลางและกรุงโตเกียวถืออยู่เหลือ 50% และหุ้นที่เหลืออีก 50% จะถูกขายออกไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรกนี้ "สร้างรากฐานสำหรับการปฏิรูปองค์กรต่อไป" นายอาคิโยชิ ยามามูระ ประธานบริษัทโตเกียวเมโทรกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังตลาดปิด "การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรกนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นอิสระและความโปร่งใสในการบริหารจัดการบริษัท และเร่งความเร็วในการตัดสินใจ"

เมื่อถูกถามว่าราคาเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรกต่ำเกินไปหรือไม่ ยามามูระปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ครั้งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่การจดทะเบียนของ SoftBank Corp. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมภายในประเทศของ SoftBank Group ในปี 2018 และเป็นโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ของ Japan Post ในปี 2015

เดิมทีมีกำหนดเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในช่วงฤดูร้อน ตามรายงานของ Nikkei ในเดือนพฤษภาคม แต่ดูเหมือนว่าจะถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากตลาดเกิดความปั่นป่วนหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ในเดือนสิงหาคม Nikkei รายงานว่า IPO จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยวันที่จดทะเบียนในวันที่ 23 ตุลาคมได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 21 กันยายน

แต่ความผันผวนของตลาดกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ Shigeru Ishiba ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ตลาดได้รับผลกระทบจากความกลัวว่าพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของ Ishiba จะประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำหนดไว้ในวันที่ 27 ตุลาคม

Tokyo Metro ยังคงดึงดูดความสนใจของนักลงทุนในฐานะผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง

"Tokyo Metro มีฐานรายได้ที่มั่นคงซึ่งสามารถต้านทานภาวะเศรษฐกิจได้" Yusuke Maeyama นักวิเคราะห์จาก NLI Research Institute กล่าว "ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่มีเสถียรภาพจะน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ"

ในปีงบประมาณ 2020 บริษัทประสบภาวะขาดทุนเนื่องจากภาวะฉุกเฉินที่เกิดจาก COVID และการปิดทำการทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นับจากนั้นมา การที่พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศในญี่ปุ่นได้ดำเนินไปพร้อมๆ กับที่การท่องเที่ยวขาเข้าเติบโตจนเกินระดับก่อนเกิดโรคระบาด โดยปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารโดยรวมอยู่ที่ 95% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19

โตเกียวเมโทรกำลังขยายขอบเขตการดำเนินงานไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกโดยใช้ทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทเป็นเจ้าของตามเส้นทางรถไฟใต้ดิน บริษัทมีอัตรากำไรสูงสำหรับผู้ประกอบการรถไฟ

สำหรับปีสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2025 บริษัทคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 21.6% โดยมีกำไรสุทธิ 52,300 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน และรายได้ 407,500 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 4.7%

“อารมณ์ของตลาดไม่เอื้ออำนวยต่อการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรกในขณะนี้ เนื่องจากความผันผวนของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นและความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ” Maeyama กล่าว“

“แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการรับเงินปันผลเป็นประจำ Tokyo Metro ถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ”

Tokyo Metro ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 แต่บริษัท Tokyo Underground Railway Company ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าก่อตั้งขึ้นในปี 1920 ปัจจุบัน บริษัทผู้ให้บริการรถไฟใต้ดินแห่งนี้มีเส้นทางทั้งหมด 9 สาย รวมระยะทาง 195 กิโลเมตร ขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 6.5 ล้านคน

ทั่วโลกรับมือภัยพิบัติธรรมชาติถ้วนหน้า สเปนอ่วม!! ภาวะน้ำท่วมทำตาย 95

(31 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้ทั่วโลกอยู่ระหว่างการเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดย THE STATES TIMES รวบรวมมานำเสนอ ดังนี้

>>>ประเทศญี่ปุ่น
สื่อในประเทศญี่ปุ่นอย่าง Asahi ได้รายงานว่า ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ไม่มีหิมะปกคลุมเมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 130 ปีที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น 

>>>ประเทศสเปน
สื่อดังประเทศเยอรมันอย่าง DW ได้รายงานว่า แคว้นบาเลนเซีย(Valencia) ประเทศสเปน ได้ประสบอุทกภัยอย่างหนัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 92 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม 95 รายในประเทศสเปน ล่าสุดทางสหภาพยุโรป(EU) ได้เสนอความช่วยเหลือแล้ว 

>>>ไต้หวัน
สำนักข่าว CNN รายงานว่า เกาะไต้หวันกำลังเผชิญหน้ากับพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงระดับสูง โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย นอกจากนี้ทางรัฐบาลไต้หวันได้เตรียมความพร้อมกำลังพลถึง 36,000 นายเพื่อให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูเกาะ

‘ผู้นำพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่น’ ถูกชาวเน็ตถล่มยับ หลังผุดไอเดียจับผู้หญิงตัดมดลูกทิ้ง ถ้าไม่ยอมมีลูกก่อนอายุ 30

(14 พ.ย. 67) ชาวเน็ตญี่ปุ่นจัดทัวร์กฐิน ผ้าป่า ทัวร์สารทิศไปจอดลงที่บ้านนายฮายากุตะ นาโอกิ ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งญี่ปุ่น หนึ่งในพรรคฝ่ายค้านโดยพร้อมเพรียง เมื่อเขานำเสนอไอเดียสุดพิสดารผ่านรายการ News Asahi 8 o'clock! ทาง Youtube เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยในญี่ปุ่นด้วยการกดดันให้ผู้หญิงรีบแต่งงาน และมีลูกให้ได้ก่อนอายุ 30 ไม่เช่นนั้น ก็จับไปตัดมดลูกทิ้งซะ 

ฮายากุตะ ได้กล่าวถึงสมมติฐานที่ว่าทำไมญี่ปุ่นถึงประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยมาก อาจเป็นเพราะ ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่คิดว่าพวกเธอมีเวลาเหลือเฟือจะมีลูกเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่คิดที่จะรีบมีในขณะที่ยังอยู่ในวัยสาว ดังนั้นเขามีแนวคิดที่จะกดดันให้ผู้หญิงควรรีบมีลูก ก่อนที่จะไม่มีโอกาส ด้วยการจำกัดช่วงเวลาที่จะให้ผู้หญิงสามารถแต่งงาน หรือตั้งครรภ์ได้ 

อาทิเช่น หากเราแบนผู้หญิงที่อายุเกิน 18 ปี เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ห้ามผู้หญิงอายุเกิน 25 ปี มีสิทธิ์แต่งงาน หรือ หากผู้หญิงไม่มีลูกก่อนอายุ 30 ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง จะทำให้ผู้หญิงเริ่มตระหนักถึงช่วงเวลาจำกัดของตนในการวางแผนครอบครัว ที่จะเป็นตัวเร่งให้พวกเธอต้องรีบเรียน รีบแต่งงาน และมีลูกไวขึ้น ซึ่งฮายากุตะเชื่อว่า จะทำให้มีเด็กเกิดใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นได้ 

แต่เขายอมรับว่า ไอเดียเหล่านี้ เป็นเพียงจินตนาการในโลกนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ 

เป็นการแสดงความเห็นแบบสุดโต่งที่ แม้แต่ อาริโมโตะ คาโอริ สมาชิกพรรคอาวุโส ที่ร่วมรายการด้วยกันยังท้วงติงว่าไม่เหมาะสม แม้จะอ้างว่าเป็นแค่เรื่องสมมติในนิยายก็ตาม แต่ทั้งนี้เขายืนยันว่าเป็นเพียงยกตัวอย่างเพื่ออธิบายให้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่จำกัดของผู้หญิงในการมีลูกนั้นสั้นเพียงใด  

แต่คำแก้ตัวของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ไม่อาจยับยั้งคณะทัวร์จากสาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ ที่ต่างออกมาตำหนิอย่างรุนแรงถึงการแสดงความเห็นผ่านสื่อออนไลน์เช่นนี้ เข้าข่ายเหยียดเพศ มีทัศนคติเชิงลบกับสตรี ไม่เข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบัน แม้นาย ฮายากุตะ จะอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องจินตนาการในนิยาย และตัวเขาเองก็เคยมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายมาก่อนที่จะมาเล่นการเมืองก็ตาม 

และล่าสุด นาย ฮายากุตะ นาโอกิ ต้องยอมออกมากล่าวขอโทษออกสื่อ จากความเห็นสาธารณะที่ได้กล่าวออกไปด้วยความคิดน้อยของเขา จนสร้างความไม่สบายใจในสังคม 

ฮายากุตะ นาโอกิ ถือเป็นนักการเมืองสายชาตินิยมขวาจัด โดยได้ตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งญี่ปุ่น เพื่อต่อต้านพระราชบัญญัติส่งเสริมความหลากหลายทางเพศที่ได้ผ่านสภาในญี่ปุ่นเมื่อปี 2023  โดยพรรคมีนโยบายต่อต้านการเรียกร้องสิทธิ์ของกลุ่ม LGBT ในญี่ปุ่น หรือการรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นเข้าประเทศ แล้วมักแสดงความเห็นเชิงเหยียดสตรี และ ชนกลุ่มน้อยทางเพศ ออกสื่ออยู่เสมอ นอกจากนี้ ฮายากุตะ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการสังหารหมู่ของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามนานกิงเมื่อปี 1937 อีกด้วย  

‘นายกฯ อิชิบะ’ ของประเทศญี่ปุ่น อ้างรถติด!! มาไม่ทันถ่ายรูป ชาวเน็ต!! ตำหนิอย่างแรง ขึ้นอันดับ 2 ของ Yahoo Japan

(17 พ.ย. 67) ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘นายกฯ อิชิบะ’ โดยมีใจความว่า ...

นายกฯ #อิชิบะ ของ #ญี่ปุ่น พลาดการถ่ายรูปหมู่ผู้นำ #เอเปค2024 ที่ #เปรู เนื่องจากมาร่วมถ่ายภาพไม่ทัน เพราะรถติดหนัก หลังจากเดินทางไปเยี่ยมหลุมศพของอดีต ปธน.เปรู “อัลแบร์โต ฟูจิโมริ” ที่สร้างความขัดแย้งในเปรู จากนั้นได้หลบหนีมายังญี่ปุ่นหลายปีในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและละเมิดสิทธิมนุษยชน 

นายกฯ #อิชิบะ อาจจะคิดว่านี่เป็นเพียงการถ่ายรูปหมู่ในกลุ่มผู้นำเท่านั้น ไม่ใช่การประชุมสำคัญ แต่ที่จริงการที่อิชิบะไม่มาร่วมถ่ายภาพนั้นถือเป็นความผิดพลาดทางการทูต

แม้ว่าการจราจรติดขัดนั่นเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งอิชิบะไม่สามารถคาดเดาได้ อย่างไรก็ตาม การที่เขาพาดการถ่ายรูปหมู่ผู้นำเอเปค ได้กลายเป็นที่ชาวเน็ตญี่ปุ่นพากันกล่าวถึงมากติดอันดับ 2 ในการจัดอันดับความคิดเห็นของผู้ใช้มากที่สุดของ Yahoo Japan 

โดยชาวเน็ตญี่ปุ่นจำนวนมากพากันตำหนิอิชิบะสำหรับความผิดพลาดครั้งนี้

ปี 2025 ราคาสินค้า-อาหารพุ่งสูงขึ้น ช่วง ม.ค.-เม.ย. ปรับราคากว่า 3,900 รายการ

(2 ธ.ค. 67) เตโกกุ ดาต้าแบงก์ (Teikoku Databank) บริษัทวิจัยของญี่ปุ่น รายงานว่าราคาอาหารในญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปในปี 2025 เนื่องจากอาหารมากกว่า 3,900 รายการ จะถูกปรับราคาขึ้นระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2025

รายงานระบุว่ากลุ่มผู้ผลิตอาหารในญี่ปุ่น 195 ราย ประกาศแผนการขึ้นราคาอาหาร จำนวน 3,933 รายการแล้ว เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแบ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม 1,251 รายการ ตามด้วยขนมปัง 1,227 รายการ และอาหารแปรรูป อาทิ อาหารแช่แข็งและเค้กข้าว 1,040 รายการ

สาเหตุหลักของการปรับขึ้นราคายังคงเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่สูง กอปรกับต้นทุนเกี่ยวกับโลจิสติกส์และแรงงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีแนวโน้มว่าปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี 2025

อนึ่ง ข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2 ของธนาคารกลางญี่ปุ่นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2022

ญี่ปุ่นเจอไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก ป่วยทะลุ 300,000 ราย สูงสุดรอบ 25 ปี

(10 ม.ค.68) ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นประสบกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการระบาดที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลเทียบเคียงกันตามรายงานจากหน่วยงานสาธารณสุขเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

การวิเคราะห์ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ที่เก็บจากคลินิกการแพทย์กว่า 5,000 แห่ง แสดงให้เห็นว่าในช่วงระหว่างวันที่ 23-29 ธันวาคม มีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 317,812 คน

ตัวเลขนี้สูงกว่าสามเท่าของ 104,612 คนที่พบในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 และเป็นจำนวนสูงสุดในรอบสัปดาห์ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 1999 กระทรวงฯ กล่าว

การระบาดของไข้หวัดใหญ่มักจะเพิ่มขึ้นในฤดูหนาวในญี่ปุ่นและในประเทศอื่น ๆ แต่บางประเทศได้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยอย่างรวดเร็วในช่วงหลัง รวมถึงฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร

ออสเตรเลียรายงานว่ามีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับการยืนยันจากห้องปฏิบัติการมากกว่า 350,000 คนในปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าค่าสูงสุดเดิมที่ 313,615 คนในปี 2019 ตามข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคของประเทศนั้น

‘ญี่ปุ่น’ มีความเสี่ยง!! เกิดแผ่นดินไหวมหึมา ‘เมกะเควก’ เพิ่มมากถึง 82% ในอีก 30 ปีข้างหน้า

(18 ม.ค. 68) คณะกรรมธิการวิจัยแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นเพิ่มระดับความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากเป็นร้อยละ 75-82 จากเดิมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 74-81 และประเมินว่าความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากเมกะเควกขนาด 8-9 แม็กนิจูดจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิคร่าชีวิตผู้คนหลายแสนรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แผ่นดินไหวระดับมหาวิปโยคที่อาจเกิดขึ้นเป็นผลจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน ‘ร่องลึกนันไก’ ซึ่งมีความยาวประมาณ 800 เมตร ทอดตัวขนานไปกับชายฝั่งแปซิฟิกของญี่ปุ่น

ร่องน้ำลึกก้นสมุทรนันไกอยู่บนแผ่นเปลือกโลกฟิลิปปินส์และกำลังมุดตัวหรือค่อยๆ เคลื่อนตัวอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ หลังจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวแล้วจะหยุดชะงัก กักเก็บพลังงานมหาศาล ก่อนปล่อยออกมาและเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดมหึมา

สำนักงานส่งเสริมการวิจัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลระบุว่าในช่วง 1,400 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวในร่องลึกนันไกทุกๆ 100-200 ปี โดยแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 2489 หรือ 79 ปีก่อนและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวจะเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราร้อยละ 1

รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้เมื่อปี 2555 ว่าหากเกิดแผ่นดินไหวเมกะเควกขึ้นมาจะทำให้เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของเกาะหลักอาจทำให้เกิดสึนามิสูงกว่า 30 เมตร พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นบนเกาะหลัก ทั้งเกาะฮอนชูและชิโกกุจะถูกคลื่นยักษ์ถล่มภายในไม่กี่นาที

เมื่อเดือนส.ค.2567 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยแผ่นดินไหวขนาดมหึมาเป็นครั้งแรกตามกฎระเบียบที่ร่างไว้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ภูมิภาคโทโฮคุเมื่อปี 2554 และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แถบร่องลึกนันไก หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ความรุนแรงขนาด 7.1 แม็กนิจูด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน

แม้ประกาศยกเลิกคำเตือนหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ระทึกขวัญไปได้ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและพากันกักตุนข้าวสารและสิ่งของจำเป็นอื่นๆ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2250 หรือเมื่อ 318 ปีก่อน ทุกส่วนของร่องลึกนันไกเคยแตกออกมาพร้อมกันทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่และยังเป็นแผ่นดินไหวที่ทรงพลังเป็นอันดับ 2 ของประเทศจนถึงทุกวันนี้

แผ่นดินไหวครั้งนั้นส่งผลให้ภูเขาไฟฟูจิปะทุเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในร่องลึกนันไก 2 ครั้งในปี 2397 และอีก 2 ครั้ง ในปี 2487 และ 2489


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top