Monday, 6 May 2024
ญี่ปุ่น

เผยเบื้องหลัง เหตุใด ‘นักบอลเกาหลีเหนือ’ วิ่ง 90 นาที ไม่มีหมดแรง ขนาดคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น ยังงง

ทำไมนักเตะเกาหลีเหนือถึง วิ่งเต็มที่ไม่มีแรงหมด และ มีพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่ ไม่ได้เล่นลีกนอกประเทศเท่าไหร่

(2 มี.ค.67) ทางสำนักข่าวญี่ปุ่นก็สงสัยแบบที่หลายๆ คนสงสัยที่ว่า นักเตะเกาหลีเหนือ เวลาลงแข่งรายการใหญ่ถึงวิ่งไม่มีแรงหมด และ ดูบ้าเลือดมาก จึงได้สอบถามไปทางผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งได้บอกว่า 

" ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ยอดนิยมมากในเกาหลีเหนือ แม้แต่ท่านผู้นำเกาหลีเหนือ มาดูเกมแข่งขันที่จัดขึ้นในประเทศ ทุกครั้ง รวมทั้ง ในเกาหลีเหนือก็มีลีก และ บอลถ้วย แต่ละสโมสรจะมีหน่วยงานดูแล เรียกได้ว่า แต่ละทีมเป็นตัวแทนของกระทรวงนั้นๆ ถ้าคุณได้แชมป์คุณจะได้สิทธิพิเศษ ต่างๆ เช่น ได้รถขับ มีห้องที่หรูหรา มีสวัสดิการเพิ่ม และ อื่นๆ นี้คือระบบลีกเกาหลีเหนือ ไม่แปลกที่นักเตะจะเก่ง และ วิ่งเต็มที่ เพราะใครๆ ก็อยากได้ สวัสดิการในประเทศคอมมิวนิสต์แบบนั้น "

ส่วนเกาหลีเหนือแข่งรายการระดับเอเชียหรือโลก ทำไมวิ่งไม่มีแรงหมด ฮึดสู้เหมือนกินยาม้ามา เอาแรงมาจากไหน?

ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า " หากเวทีระดับโลก และเอเชีย ถ้าได้แชมป์ หรือ เข้ารอบลึกๆ กลับประเทศไปคุณจะได้ ห้องพักอาศัยหรู ได้มีหน้าที่การงานดีขึ้น มีรถหรูขับ นาฬิกาหรูจากท่านผู้นำ ดังนั้น เขาถึงทุ่มเต็มที่ "

เมื่อวาน ญี่ปุ่น ชนะ เกาหลีเหนือไปได้ 2 - 1 ปฏิกิริยาของนักเตะเกาหลีเหนือเสียใจ จนร้องไห้ไม่หยุด ตอนแถลงข่าว โค้ชเกาหลีเหนือมีท่าทีเสียใจ อย่างชัดเจนมาก

ปล.นักบอลเกาหลีเหนือ เป็นชนชั้นแรงงาน หากได้ทำผลงานได้ ก็ได้รางวัลเป็นบ้านหลวง มีเงินเดือนเพิ่มขึ้น และ สวัสดิการดีขึ้น อาจจะได้เลื่อนขั้นในที่ทำงานด้วย ไม่แปลกที่วิ่งไม่หยุดในการแข่งขัน

‘ญี่ปุ่น’ ประกาศเก็บค่าผ่านทางเข้าชม ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ เกือบ 500 บ. ผ่านเส้นทางยอดฮิต ‘โยชิดะ’ หวังคุมจำนวน นทท.ล้น เริ่ม!! 1 ก.ค.นี้

(6 มี.ค. 67) รัฐบาลท้องถิ่น ‘ญี่ปุ่น’ เตรียมเก็บค่าผ่านทางเข้าชม ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ เกือบ 500 บาท เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.67 นี้ เฉพาะเส้นทางโยชิดะ หวังลดจำนวนนักท่องเที่ยว หลังจากมีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวมากเกินไป และทิ้งขยะเกลื่อนกลาด บางคนแต่งกายไม่เหมาะสมอีกด้วย

สำนักข่าว Japan Times รายงานว่า โคทาโร นางาซากิ ผู้ว่าการจังหวัดยามานาชิ ได้ออกประกาศเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเส้นทางการเดินเขาโยชิดะ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้มากที่สุดในการขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟฟูจิ ราคา 2,000 เยน หรือประมาณ 475 บาท โดยนักท่องเที่ยวจะต้องชำระเงินที่สถานีที่ห้าของเส้นทาง ซึ่งอยู่บนภูเขา ใกล้กับพื้นที่จังหวัดยามานาชิ จะเริ่มเก็บเงินตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.67 เป็นต้นไป

รัฐบาลท้องถิ่นหวังว่า การเก็บค่าเข้าในครั้งนี้จะช่วยควบคุมจำนวนผู้เข้าชมภูเขาไฟฟูจิ และใช้เป็นเงินทุนสำหรับมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การก่อสร้างที่พักพิงในกรณีที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ 

ในเดือนธ.ค.2566 มีประกาศการปิดเส้นทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิตั้งแต่เวลา 16.00 - 02.00 น. ในช่วงฤดูปีนเขาปี 2024 (1 ก.ค.-10 ก.ย.67) เพื่อไม่ให้นักปีนเขาเดินทางลงมาในช่วงยามวิกาล และจะมีการจำกัดจำนวนนักเดินป่าที่ 4,000 คนต่อวัน

ภูเขาไฟฟูจิถือเป็นหนึ่งในเส้นทางที่นักปีนเขา และนักท่องเที่ยวจะรีบเดินทางอย่างรวดเร็ว ไม่มีการพักระหว่างทาง หรือ ‘Bullet Climbing’ โดยนักปีนเขามักจะพยายามปีนยอดเขาที่สูงที่สุด 3,776 เมตร แบบรวดเดียวจบ เพื่อจะได้ชมพระอาทิตย์ และกลับลงมาข้างล่างภายในวันเดียว ไม่ต้องนอนค้างคืนบนภูเขา ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมการปีนเขาที่ไม่ปลอดภัย โดยในแต่ละปีมักมีรายงานถึงนักท่องเที่ยวที่มาปีนเขาทั้งที่มีอุปกรณ์ไม่ครบ บางคนนอนบนเส้นทาง หรือจุดไฟเพื่อความร้อน ซึ่งอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ

“นักท่องเที่ยวล้นเกิน และผลที่ตามมาทั้งหมด เช่น ขยะ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น และนักเดินป่าที่ประมาท เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ภูเขาไฟฟูจิกำลังเผชิญ” มาซาตาเกะ อิซุมิ เจ้าหน้าที่รัฐบาลจังหวัดยามานาชิ กล่าวกับสำนักข่าว CNN 

ช่วงฤดูปีนเขา มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังภูเขาไฟฟูจิมากกว่า 220,000 คน โดยเส้นทางโยชิดะเป็นเส้นทางที่นักปีนเขาประมาณ 60% เลือกเส้นใช้ เพราะเดินทางได้สะดวกจากกรุงโตเกียว ส่วนอีก 3 เส้นทางที่เหลือ ได้แก่ ซูบาชิริ, โกเท็มบะ และฟูจิโนะมิยะ ยังเปิดให้เข้าฟรี

‘ญี่ปุ่น’ ทำแบบสำรวจ ใครจะเป็นนายกฯ คนต่อไปที่ดีที่สุดจาก ‘8 ตัวเต็ง’  ผลปรากฏ!! ไม่มีผู้สมัครคนไหนได้รับคะแนนสนับสนุนมากกว่า 1 ใน 3


ไม่มีสิ่งใดที่กล่าวมาจะส่งผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่น เพราะมีโอกาสน้อยมากที่พรรคอื่น ๆ ของญี่ปุ่นจะสามารถเอาชนะพรรคเสรีประชาธิปไตย (พรรค LDP) ได้

โดยผลการเลือกตั้งของญี่ปุ่นและสิงคโปร์ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา มีพรรคที่ชนะการเลือกตั้งและมีอำนาจทางการเมืองเพียงพรรคเดียวโดยตลอด ช่วงเวลานี้แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่การจัดอันดับในค่าดัชนีความเป็นประชาธิปไตยนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยญี่ปุ่นอยู่ลำดับที่ 26 และสิงคโปร์อยู่ลำดับที่ 86 ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของการคำนวณในการจัดลำดับของค่าดัชนีความเป็นประชาธิปไตย

ทั้งนี้ แบบสำรวจของ Mainichi Shimbun ในคำถามที่ว่า “ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไปได้ดีที่สุด” มีชาวญี่ปุ่นผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 1% เท่านั้นที่เลือก Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดยตัว Kishida นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของญี่ปุ่นกำลังดิ้นรนอย่างหนัก จากการสำรวจล่าสุดจาก Mainichi Shimbun สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นได้ถามคำถามกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจว่า ใครสมควรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปที่ดีที่สุดในบรรดาผู้สมัคร 8 คนจากพรรครัฐบาล (พรรค LDP) 

ซึ่งคำตอบก็คือ…

- Shigeru Ishiba อดีตเลขาธิการพรรค LDP ได้ 25%
- Yoko Kamikawa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้ 12%
- Sanae Takaichi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ได้ 9%
- Shinjiro Koizumi อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ได้ 9%
- Taro Kono รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ได้ 7%
- Seiko Noda อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร ได้ 2%
- Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้ 1%
- Toshimitsu Motegi เลขาธิการพรรค LDP ได้ 1% 

และไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนสนับสนุนมากกว่า 1 ใน 3 หรือ 34%

สะพัด!! 'นิสสัน' เล็งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับ 'ฮอนด้า' ผนึกกำลังสู้ EV จีน หลังผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

(14 มี.ค.67) นิสสัน กำลังพิจารณาแสวงหาความเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับฮอนด้า ตามรายงานของสำนักข่าวทีวี โตเกียว เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ในขณะที่นิกเกอิ เอเชีย คาดว่าทั้ง 2 บริษัทอาจร่วมมือกันในด้านรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อต่อกรกับคู่แข่งสัญชาติจีน ที่ผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ทีวี โตเกียว รายงานว่าบอร์ดบริหารของนิสสัน ตัดสินใจเมื่อวันอังคาร (12 มี.ค.) จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการจับมือเป็นพันธมิตรกับ ฮอนด้า คู่แข่งร่วมชาติที่ขนาดใหญ่กว่า ส่วนรายงานข่าวของนิกเกอิ เอเชีย รายงานถึงขั้นว่า นิสสัน และ ฮอนด้า อาจทำงานร่วมกันในด้านรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อยกระดับการแข่งขันกับบรรดาคู่แข่งจากจีน

โฆษกของนิสสัน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว และไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าบอร์ดบริหารมีการประชุมกันในวันอังคาร (12 มี.ค.) จริงหรือไม่ ส่วนโฆษกของฮอนด้า บอกเช่นกันว่าทางบริษัทไม่มีความเห็นใดๆ ต่อรายงานข่าวดังกล่าว

ทีวี โตเกียว ระบุว่า นิสสัน ซึ่งเป็นพันธมิตรมาช้านานกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส แสดงความตั้งใจจะลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) แบบไม่มีพันธะ กับฮอนด้า พร้อมบอกว่าแต่ในเรื่องของขอบเขตการหารือนั้นยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ

ส่วน นิกเกอิ เอเชีย อ้างแหล่งข่าวในนิสสันหลายคน ระบุว่าในบรรดาก้าวย่างอย่างเฉพาะเจาะจงนั้น อาจรวมไปถึงการเปิดตัวระบบส่งกำลังรถยนต์ร่วม การจัดหาร่วม และพัฒนาแพลตฟอร์มหนึ่งๆร่วมกัน ขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ว่า ความร่วมมืออาจครอบคลุมถึงการจัดหาแบตเตอรีและพัฒนารถไฟฟ้าร่วมกัน

ที่ผ่านมา นิสสัน ได้ร่วมมือกับ เรโนลต์ ในด้านรถอีวี อยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่ในยุโรป ขณะที่รถไฟฟ้าล้วนตัวถัดไปของนิสสัน ‘Micra’ จะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกับ เรโนลต์ ไฟว์ และจะประกอบในโรงงานเดียวกัน ในทางเหนือของฝรั่งเศส

นอกจากนี้แล้ว นิสสัน ยังประกาศว่าจะลงทุนสูงสุด 600 ล้านเยน (ราว 656.64 ล้านดอลลาร์) ใน Ampere บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ของ เรโนลต์

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว ทั้ง 2 บริษัทลดขอบเขตความเป็นพันธมิตร เปิดทางสำหรับการมีหุ้นส่วนที่มีความคล่องตัวกว่าเดิม และนับตั้งแต่นั้น เรโนลต์ ก็ได้ลงนามในข้อตกลงต่างๆ นานา ในการจับมือเป็นพันธมิตรกับคู่หูใหม่ๆ อย่างเช่น Geely ของจีน

"ภายใต้กรอบข้อตกลงใหม่ในความเป็นพันธมิตร ทั้ง 2 หุ้นส่วนจะมีอิสระในการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ต่างๆ นอกเหนือจากโครงการร่วมต่างๆ ที่จับมือร่วมกัน" โฆษกของเรโนลต์ระบุ

เมื่อปีที่แล้ว นิสสัน และ ฮอนด้า ต่างสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีน ตลาดยานยนต์หมายเลข 1 ของโลก ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดจาก บีวายดีและบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ และทางนิกกิอิ รายงานว่า นิสสัน และ ฮอนด้า อาจตัดสินใจลดกำลังผลิตในประเทศแห่งนี้

‘กองทัพสหรัฐฯ’ เตรียมย้ายกำลัง ‘นาวิกโยธิน’ กว่า 4,000 นาย หลังตั้งฐานทัพบน ‘เกาะโอกินาวา’ ไปยัง ‘เกาะกวม’ ภายในปี 2024

สำนักข่าว KYODO รายงานว่า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าการย้ายกำลังนาวิกโยธินที่ประจำการในฐานทัพบนเกาะโอกินาวากว่า 4,000 นาย ไปยังเกาะกวมสามารถเริ่มได้ในปี 2024 ตามที่วางแผนไว้ โดยระบุถึงความคืบหน้าที่สำคัญในการก่อสร้างฐานทัพดังกล่าวในดินแดนแปซิฟิกของสหรัฐฯ เพื่อรองรับทหารนาวิกโยธินดังกล่าว หลังจากการชะลอตัวของโครงการก่อสร้างฐานทัพบนเกาะกวน อันเนื่องจากข้อจำกัดจากการระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างแรงงานจากประเทศต่าง ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พล.ร.ต. Benjamin Nicholson ผู้บัญชาการร่วมภูมิภาค Marianas กล่าวว่าการก่อสร้างฐาน ‘เต็มรูปแบบอีกครั้ง’

พล.ร.ต. Benjamin Nicholson ผู้บัญชาการกองกำลังร่วมภูมิภาค Marianas ของกองทัพสหรัฐฯ ขณะให้สัมภาษณ์ที่เกาะกวมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2022

การก่อสร้างค่าย Blaz ได้รับงบประมาณร่วมจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นภายใต้แผนการจัดกำลังพลปี 2006 ซึ่งส่วนหนึ่งพยายามลดกำลังทหารสหรัฐฯ ในฐานทัพบนเกาะโอกินาวา จังหวัดทางตอนใต้ของญี่ปุ่นอันเป็นที่ตั้งของกองกำลังทหารสหรัฐฯ จำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น ในปี 2012 ทั้งสองประเทศกล่าวว่ากำลังนาวิกโยธินประมาณ 9,000 นาย จากทั้งหมดประมาณ 19,000 นาย ฐานทัพบนเกาะโอกินาวาจะถูกย้ายออกจากญี่ปุ่นไปยังเกาะกวมและมลรัฐฮาวาย

พลจัตวา Vicente ‘Ben’ Blaz

ทั้งนี้ พ.อ. Christopher Bopp ผู้บัญชาการฐานนาวิกโยธินบนเกาะกวม กล่าวว่า สิ่งอำนวยความสะดวกแรก ๆ ที่จะแล้วเสร็จ ได้แก่ ฐานทัพ ค่ายทหาร และห้องครัว หลังจากนั้นก็จะเริ่มการโยกย้ายบุคลากรมาจากฐานทัพบนเกาะโอกินาวา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้พูดคุยในขณะที่สำนักข่าว Kyodo และสำนักข่าวอื่น ๆ มีโอกาสได้เห็นโครงการเหล่านี้โดยตรง ซึ่งดำเนินการไปได้ครึ่งทางแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สื่อญี่ปุ่นได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฐานทัพบนเกาะกวมนับตั้งแต่กองกำลังนาวิกโยธินเปิดใช้งานฐานทัพบางส่วนในเดือนตุลาคม 2020 โดยเรียกฐานทัพดังกล่าวว่า ‘ค่าย Blaz’ ได้มีพิธีซึ่งตั้งชื่อค่ายอย่างเป็นทางการ มีการเชิญตัวแทนของกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ได้มีขึ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมาตามชื่อของ พลจัตวา Vicente ‘Ben’ Blaz ชาวเกาะกวมผู้ซึ่งเคยเป็นสส.ของดินแดนในสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาด้วย

พ.อ. Christopher Bopp ผู้บัญชาการค่าย Blaz กำลังแก้ไขป้ายต้อนรับ
หลังจากไต้ฝุ่น Mawar ถล่มเกาะกวมในเดือนพฤษภาคม 2023

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้จัดสรรงบประมาณ 8.7 พันล้านดอลลาร์สำหรับการก่อสร้าง โดยญี่ปุ่นให้การสนับสนุนมากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีดับเพลิง และสถานบำบัดภายในฐานทัพดังกล่าว ชาวเกาะกวมบางส่วนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับกองกำลังนาวิกโยธินขนาดใหญ่ โดยอ้างถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมบนเกาะแห่งนี้ แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่ามีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับผู้ว่าการเกาะกวมและตัวแทนชุมชน 

พล.ร.ต. Nicholson กล่าวว่า นาวิกโยธินที่ย้ายเข้ามาใหม่อาจพบว่า วัฒนธรรม ภาษา และสกุลเงินของกวมมีความใกล้เคียงสหรัฐฯ บ้านเกิดมากกว่าในญี่ปุ่น และจะเป็นการง่ายกว่าสำหรับทหารเหล่านั้นในการติดต่อกับผู้คนในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเดินทางออกจากฐานทัพในช่วงวันหยุด คาดว่า กำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ ชุดแรกจะย้ายจากญี่ปุ่นไปยังฐานทัพนาวิกโยธินที่เพิ่งเปิดใช้งานใหม่บนเกาะกวมในช่วงปลายปี 2024 นี้

สิ้น!! 'ชิเกอิจิ เนกิชิ' ผู้สร้าง 'Sparko Box' ต้นแบบ 'คาราโอเกะ' เครื่องแรกของโลก

(18 มี.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'อัตสึมิ ทาคาโนะ' ลูกสาวของ 'ชิเกอิจิ เนกิชิ' ได้ออกมาแจ้งข่าวร้ายว่า 'ชิเกอิจิ เนกิชิ' ผู้สร้างเครื่องคาราโอเกะเครื่องแรกของโลกได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 100 ปี โดย 'ชิเกอิจิ เนกิชิ' สร้างเครื่องคาราโอเกะมาตั้งแต่ปี 1967 โดยตั้งชื่อให้มันว่า 'Sparko Box' เป็นอุปกรณ์ลักษณะเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมบรรจุเทปคาสเส็ต 8 แทร็ก สามารถบรรเลงเสียงเพลงจากเทปให้ผู้คนได้ร้องตามแบบอัตโนมัติ โดยที่คนร้องต้องอ่านเนื้อเพลงจากสมุดเล่มเล็กที่แถมมาให้

'Sparko Box' จะมีกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้ที่ได้ลองใช้งานตามคลับและบาร์ แต่บรรดาเจ้าของบาร์ต่างพากันตีกลับเครื่องร้องคาราโอเกะดังกล่าวกลับไปยังโรงงานภายในเวลาไม่นาน เพราะเกิดกระแสความหวาดกลัวขึ้นในหมู่นักร้อง-นักดนตรีสมัยนั้น โดยกลัวว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่คน นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ 

ต่อมาปี 1970 'ไดสุเกะ อิโนะอุเอะ' นักดนตรีชาวญี่ปุ่นได้สร้างเครื่องร้องคาราโอเกะชื่อว่า '8 Juke' ขึ้นพร้อมทั้งมีการปรับแต่งคีย์เพลงต่างๆ ให้คนทั่วไปสามารถร้องตามได้ง่ายขึ้น ก่อนจะกลายเป็นต้นแบบของเครื่องร้องคาราโอเกะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ 'ชิเกอิจิ เนกิชิ' ก็ยังได้รับการจดจำในฐานะบุคคลผู้ประดิษฐ์เครื่องคาราโอเกะเป็นเครื่องแรกของโลก

'รัฐบาลญี่ปุ่น' ดีเดย์!! เพิ่มทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติ ดึงดูดบุตรธิดาแรงงานที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร

เมื่อวันที่ (18​ มี.ค.67)​ รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะขยายทุน​การศึกษา​ของนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างชาติตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่บุตรธิดาของแรงงานต่างชาติในประเทศ​ ที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร​

กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ร่วมผู้รับทุนเป้าหมายที่พำนักอยู่ในประเทศกับผู้ปกครอง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมปลายในญี่ปุ่น และตั้งใจที่จะทำงานและพักอาศัยในญี่ปุ่น หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว

ทุนการศึกษาที่จัดสรรโดย Japan Student Services Organization ปัจจุบันมีให้เฉพาะพลเมืองญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มีวีซ่าในฐานะผู้อยู่อาศัยถาวรพิเศษ ผู้อยู่อาศัยถาวร หรือผู้อยู่อาศัยระยะยาวที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร

กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีคาดว่านักเรียนประมาณ 500 ถึง 1,000 คนจะมีสิทธิได้รับทุนการศึกษาใหม่ ซึ่งมาในรูปแบบของเงินช่วยเหลือหรือเงินกู้

สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลขยายการสนับสนุนด้านวิชาการสำหรับเด็กต่างชาติ ในขณะที่ประเทศมองหาแรงงานต่างชาติท่ามกลางจำนวนประชากรที่ลดลง

กลุ่มภาคประชาสังคม รวมถึงเครือข่าย Solidarity Network with Migrants Japan ขององค์กรพัฒนาเอกชน ยังได้เรียกร้องให้มีการขยายทุน​ โดยเห็นว่าลูกๆ ของแรงงานต่างชาติมักจะประสบปัญหาทางการเงิน

โทรุ ทาคาฮาชิ สมาชิกแกนนำของกลุ่มกล่าวว่า เขายินดีกับแผนการของรัฐบาลที่จะขยายทุนการศึกษา แต่การกำหนดให้นักเรียนต้องสำเร็จการศึกษา 12 ปีในญี่ปุ่น มีแนวโน้มว่าจะเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดเกินไป เนื่องจากหมายความว่าเด็กๆ จะต้องอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก่อนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จึงจะมีสิทธิ

“เราจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะเคลื่อนไหวเพื่อผ่อนคลายกฎเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่” ทาคาฮาชิ กล่าว

ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงาน​ จำนวนแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนตุลาคมปีที่แล้วพุ่งสูงถึง 2 ล้านคนเป็นครั้งแรก ทำลายสถิติแรงงานต่างชาติ 2,048,675 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากปีก่อนหน้า

สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นที่เปิดเผยการเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างชาติ ผู้ที่เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วย ‘วีซ่าติดตามครอบครัว’ มีจำนวน 244,890 คน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนหน้า

Pizza Hut ออกเมนู ‘พิซซ่าผักชี’ ที่ญี่ปุ่น พร้อมใส่ภาษาไทย ลงไปในโปสเตอร์โปรโมต

(23 มี.ค.67) พิซซ่าในตำนาน! Pizza Hut ญี่ปุ่น ออกเมนูสูตรพิเศษ โรยหน้าผักชีแบบจุก ๆ เขียวขจีไปทั้งถาด แถมมีภาษาไทยอยู่ในโปสเตอร์

หากพูดถึง 'ผัก' ที่มีทั้งคนชื่นชอบและไม่ชอบนั้น หลายคนคงนึกถึง 'ผักชี' เป็นอย่างแรก สำหรับคนที่ไม่ชอบ แค่โรยหน้านิดเดียวก็ไม่ชอบ ส่วนคนที่ชอบนั้นก็ยิ่งกว่าคลั่งไคล้ กินคู่แทบทุกเมนูอาหาร

โดยเมื่อเดือนมีนาคมของปีก่อน ทาง Pizza Hut ของญี่ปุ่นได้ออกเมนู 'พิซซ่าผักชี' จนสร้างความฮือฮาไปทั่วโซเชียล เนื่องจากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม ทั้งยอดขายเกินคาดและคำเรียกร้องของลูกค้า ในปีนี้ทาง Pizza Hut จึงนำเมนูพิซซ่าในตำนานกลับมาอีกครั้ง

ทั้งนี้ นอกจากเมนูพิซซ่าผักชีจะเป็นที่พูดถึงแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ มีภาษาไทยปรากฏอยู่ในโปสเตอร์โฆษณาด้วย โดยเขียนกำกับว่า “ผักชีมากเกินไป มากกว่าหญ้า มากกว่าป่าไม้”

โดยพิซซ่าผักชีแบ่งเป็นสองแบบคือ 'พิซซ่าผักชีมากเกินไป' ที่เป็นสูตรดั้งเดิม ใช้ผักชี 3 ต้น และ 'พิซซ่าผักชีมากกว่าหญ้า มากกว่าป่า' ที่ได้เพิ่มปริมาณผักชีเป็นสองเท่า ซึ่งใช้ผักชีไปมากกว่า 6 ต้น โรยหน้าแบบจุใจเลยทีเดียว

สำหรับการจัดจำหน่าย มีขายเฉพาะขนาดกลาง หรือไซซ์ M เท่านั้น โดยพิซซ่าผักชีมากเกินไป มีราคาอยู่ที่ 2,480 เยน (ราว 594 บาท) ส่วนพิซซ่าผักชีมากกว่าหญ้า มากกว่าป่าไม้ มีราคาอยู่ที่ 2,980 เยน (ราว 713 บาท)

โดยพิซซ่าหน้าสุดพิเศษครั้งนี้จะวางขายตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 67- 14 เม.ย. 67 และมีจำหน่ายเฉพาะ Pizza Hut ญี่ปุ่นบางสาขาเท่านั้น ใครที่เป็นผักชีเลิฟเวอร์ และได้ไปเยือนญี่ปุ่น บอกเลยว่าห้ามพลาด!

‘น้องสาวคิมจองอึน’ เปรย!! หลัง ‘นายกฯ คิชิดะ’ อยากพบพี่ชาย ลั่น!! ไม่ง่าย เพราะขึ้นอยู่กับจุดยืนทางการเมืองของญี่ปุ่น

(25 มี.ค.67) สื่อรัฐบาล KCNA รายงานว่า ‘คิม โยจอง’ น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ ‘คิม จองอึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือ เผยว่า ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แสดงเจตนารมย์ว่าต้องการเข้าพบผู้นำเกาหลีเหนือเร็ว ๆ นี้ ผ่านช่องทางหนึ่ง

ซึ่ง คิม โยจอง บอกว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศขึ้นอยู่กับว่าญี่ปุ่นสามารถตัดสินใจทางการเมืองที่เป็นไปได้จริงหรือไม่

“นายกรัฐมนตรีควรรู้ว่า แค่เพียงเพราะเขาต้องการและได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพบผู้นำของเราได้” คิม โยจอง กล่าว และเสริมว่า

“สิ่งที่ชัดเจนคือ ญี่ปุ่นเป็นปฏิปักษ์กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี และละเมิดสิทธิอธิปไตยของประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นศัตรูของเรา และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายเรา”

ทั้งนี้ คิชิดะ เคยกล่าวไว้ว่า เขาต้องการหารือกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยปราศจากเงื่อนไขเบื้องต้นใด ๆ และมีความพยายามส่วนตัวที่ต้องการบรรลุการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

นอกจากนี้ น้องสาวคิม จองอึน ผู้นำพรรคแรงงาน เผยเมื่อเดือนก่อนว่า อาจมีวันหนึ่งที่คิชิดะได้เยือนเปียงยาง

“ในมุมมองของฉัน ถ้าญี่ปุ่นตัดสินใจทางการเมืองเพื่อเปิดทางเส้นทางใหม่สำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน สองประเทศอาจเปิดโอกาสสู่อนาคตใหม่ได้” คิม โยจอง กล่าว

‘บริษัทญี่ปุ่น’ รับ!! สังคมสูงวัย เลิกผลิตไลน์สินค้า ‘ผ้าอ้อมเด็ก’ พร้อมหันมาจับตลาด ‘ผ้าอ้อมผู้ใหญ่’ หลังอัตราการเกิดทรุดฮวบ

(27 มี.ค. 67) บีบีซีรายงานว่า บริษัทผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติการผลิตผ้าอ้อมสำหรับเด็กทารกในประเทศ โดยหันไปจับตลาดผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่แทน

โดย โอจิ โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทล่าสุดที่ต้องปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงในยุคสังคมสูงวัยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราการเกิดต่ำเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ ยอดขายผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในญี่ปุ่นแซงหน้าผ้าอ้อมเด็กมานานกว่าทศวรรษแล้ว โดยจำนวนทารกแรกเกิดในญี่ปุ่นในปี 2566 อยู่ที่ 758,631 คน หรือลดลง 5.1% จากปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ จำนวนการเกิดของเด็กในปี 2566 ยังถือว่าต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในญี่ปุ่นนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยในปี 1970 อัตราการเกิดของเด็กทารกในญี่ปุ่นอยู่ที่มากกว่า 2 ล้านคน

ซึ่ง โอจิ โฮลดิ้งส์ ระบุว่า บริษัทโอจิ เนเปีย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปัจจุบันผลิตผ้าอ้อมเด็กราว 400 ล้านชิ้นต่อปี แต่การผลิตลดลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งบริษัทเคยมียอดผลิตผ้าอ้อมเด็กสูงสุดที่ 700 ล้านชิ้นต่อปี

ย้อนไปในปี 2554 ยูนิชาร์ม บริษัทผู้ผลิตผ้าอ้อมรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นบอกว่า ยอดขายผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ของบริษัทแซงหน้าผ้าอ้อมเด็กทารกแล้ว

ปัจจุบัน ตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในญี่ปุ่นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 72,800 ล้านบาท

ขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประชากรสูงวัยมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยชาวญี่ปุ่นเกือบ 30% มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และในปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่สัดส่วนของผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีในญี่ปุ่น มีสัดส่วนเกิน 10%

โอจิ โฮลดิ้งส์ บอกด้วยว่า แม้บริษัทจะยุติการผลิตผ้าอ้อมเด็กในญี่ปุ่น แต่ก็จะยังคงผลิตผ้าอ้อมเด็กในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าความต้องการจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top