Tuesday, 3 June 2025
ช่วยเหลือประชาชน

'กองทัพเรือ' โดยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ช่วยเหลือประชาชน จากอุทกภัย

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) พลเรือโทสมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ สั่งการให้ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน จัดกำลังพล เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ณ บริเวณ ตลาดเจริญสุข ต.ท่าช้าง อ.เมือง จว.จันทบุรี 

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ได้กำหนดเป็น "มอตโต้" แนวทางในการปฏิบัติงานของกำลังพลทุกระดับไว้คือ "เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง" Fit for the Future

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการตำรวจทุกหน่วยตั้งศูนย์ปฏิบัติการ บูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เข้มงวดการรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้คนร้ายฉวยโอกาสซ้ำเติมผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเปิดสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อวานนี้ (24 สิงหาคม 2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการด่วนที่สุด ให้ตำรวจทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทุกภัย ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และจัดระบบจราจรในพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนสนับสนุนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ต่างๆ นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีมาตรการให้ทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดน่าน แพร่ เชียงราย และพะเยา รวมทั้งพื้นที่ที่ยังคงมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น และให้ทุกหน่วยในพื้นที่นำกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ (รถยนต์/เรือ) อุปกรณ์อื่นๆ ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่โดยด่วน และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นดูแลเอาใจใส่บำรุงขวัญ และช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพิ่มกำลังสายตรวจทั้งทางบกและทางน้ำ วางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อป้องกันมิให้ถูกคนร้ายฉวยโอกาสซ้ำเติมผู้ประสบภัย พร้อมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) เพื่อบูรณาการกับทุกภาคส่วน รวมทั้งจิตอาสาในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด และจัดชุดช่วยเหลือประชาชนพร้อมออกปฏิบัติการในพื้นที่ประสบภัยอย่างทันที

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดสายด่วนให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งหมายเลขสายด่วน 191 , 1599 , สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 , สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘อนุทิน’ เผย!! นายกฯ ให้ผู้ว่าฯ จังหวัดขยายวงเงินช่วยเหลือน้ำท่วมได้ทันที ยัน!! ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ องคาพยพแห่งการช่วยเหลือมุ่งสู่พื้นที่หมดแล้ว

(13 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ถึง กรณีที่มีการอ้างว่าจังหวัดเชียงรายยังไม่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติทั้งที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ว่า ได้ประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ภัยพิบัตินานแล้ว ยิ่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหนักขนาดนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติอยู่แล้วเป็นสิ่งแรก ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ตนขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบราชการว่าไม่พลาดเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และถ้าไม่มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ จะนำเงินทดลองจ่ายมาใช้ได้อย่างไร นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับในการประชุมเมื่อวานนี้ว่าถ้าเงินทดลองจ่ายดังกล่าวไม่เพียงพอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถขยายวงเงินได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มวลน้ำจากภาคเหนือตอนบนดูเหมือนว่าจะมุ่งหน้าไปยังภาคอีสาน เช่นจังหวัดหนองคายและนครพนม? นายอนุทิน กล่าวว่า "เราต้องเร่งระบายให้ลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รายงานว่า น้ำที่ท่วมในจังหวัดเชียงใหม่จะต้องไหลผ่านอำเภอแม่อาย ที่กำลังเกิดปัญหาดินถล่ม ซึ่งน้ำดังกล่าวจะไหลผ่านจังหวัดเชียงราย และลงสู่แม่น้ำโขง เราจึงต้องพยายามเร่งระบายน้ำให้ลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด"

เมื่อถามว่า ขณะนี้ประเทศจีนจะมีการปล่อยน้ำลงมาในแม่น้ำโขง จะส่งผลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในไทยหรือไม่อย่างไร? นายอนุทิน กล่าวว่า "เราก็ต้องติดตามสถานการณ์ตรงนั้น ขณะเดียวกันเราต้องแก้ไขปัญหาในส่วนของเรา"

เมื่อถามอีกว่า จะดำเนินการรับมือน้ำที่จะท่วมภาคอีสานโดยเฉพาะบริเวณตะเข็บชายแดนอย่างไร? นายอนุทิน กล่าวว่า "ตนมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดน้ำหลาก ก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุรองรับไว้อยู่แล้ว ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมความพร้อม เรื่องการส่งความช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความปลอดภัยการอพยพประชาชน รวมถึงเรื่องการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคอาหารข้าวสาร และศูนย์พักพิง ซึ่งตนเห็นว่ากรณีของจังหวัดเชียงรายจะใช้เป็นโมเดลได้ดี เพราะที่นั่งประชาชนมีน้ำใจซึ่งกันและกัน มีเจ้าของโรงแรมหลายแห่งในอำเภอแม่สาย เปิดให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเข้ามาพักพิงในโรงแรม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปจัดทำบัญชีและชดเชยให้กับโรงแรมเหล่านั้น อย่างไรก็ตามการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายในวันนี้ ก็จะมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นตัวแทนกระทรวงมหาดไทยเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรีด้วย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ในอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายกำลังจะเข้าสู่ระยะฟื้นฟู แต่พบว่าร้านค้าต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่างมาก จำนวนเงินเยียวยาที่รัฐบาลจะจ่ายให้ จะเป็นเงินประมาณเท่าไหร่? นายอนุทิน กล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีจะของบกลางลงไปเอง ขณะที่ของกระทรวงมหาดไทยก็จะมีทั้ง น.ส.ธีรรัตน์ ร่วมลงพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยังมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สายอยู่แล้ว ดังนั้นทุกฝ่ายก็จะเร่งหาวิธีช่วยเหลือเยียวยาอยู่แล้ว และยิ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงไปเห็นหน้างานด้วยตัวเอง ท่านก็ต้องตัดสินใจได้ทันทีอยู่แล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้จะต้องส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษให้กับพื้นที่ภาคเหนือตอนบนหรือไม่? นายทิน กล่าวว่า "องคาพยพทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัยและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยได้ถูกนำส่งไปแล้ว ขณะที่ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยในทุกพื้นที่ ก็ยังมีการสแตนด์บายพร้อมเข้าช่วยเหลือหากมีการร้องขอเข้ามา และเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ ถ้ามีการร้องขอเข้ามาก็พร้อมจะส่งช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่ตนเห็นในขณะนี้คิดว่าทุกอย่างยังมีเพียงพอ โดยเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวนสองลำก็ถูกส่งไปแล้ว ได้ไปช่วยนำตัวประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านออกมาจากพื้นที่"

เมื่อถามถึงกรณีที่มีเสียงจากประชาชนในพื้นที่บางส่วนระบุว่า ยังขาดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ในพื้นที่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม? นายอนุทิน กล่าวว่า "ขอยืนยันว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำงานกันทุกคน เมื่อวานนี้ก็มีการประชุมกันอย่างที่ทุกคนได้เห็น จึงขออย่าถามคำถามแบบนี้ เพราะจะทำให้คนที่ทำงานเสียกำลังใจ วันนี้ไม่ควรมาบอกว่าใครถูกหรือใครผิด เพราะทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ อย่างในวันนี้นายกรัฐมนตรีก็รีบลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ทั้งที่วันนี้ก็ยังมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอยู่ แต่นายกฯ ก็ยังเดินทางไปลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชน"

‘บิ๊กป้อม-พปชร.’ ลุยหนองคาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ 3,000 ชุด พร้อมสั่ง สส.ในพื้นที่ช่วยเหลือใกล้ชิด

(19 ก.ย. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค, นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค, นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค อาทินาย สุธรรม สุจริตงาม พร้อมด้วยสมาชิกพรรค น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต1 และนายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร เขต 1 ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.หนองคาย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลของพายุที่เกิดขึ้นในหลายระลอก รวมทั้งปริมาณน้ำจากลำน้ำโขง ที่เพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ

โดย พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับคณะทีมผู้บริหารพรรคไปพบปะประชาชน และติดตามสถานการณ์ ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมเสนอผ่านระบบสภาฯ โดยระหว่างการลงพื้นที่วันนี้ ได้มีประชาชนฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ก็ขอเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้รัฐบาลใส่ใจในความเดือดร้อนและเร่งหามาตรการที่จะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย

ทั้งนี้ จากสภาพอากาศ พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทั้งภัยแล้งและอุทกภัย เป็นนโยบายหลักของ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จากที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประชาชน และเกษตร มีน้ำกินน้ำใช้ ลดภัยพิบัติอย่างเห็นผลมาแล้วในอดีต สะท้อนภาพจำของ ‘ลุงป้อม’ ที่มีต่อประชาชน เป็นผู้ที่แก้ปัญหาน้ำ และสามารถเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง) ชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง เพื่อให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตินี้ไปได้ พร้อมทั้งกำชับให้ สส. ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ การแจ้งเตือน การอพยพ หาแหล่งที่พักพิงให้เพียงพอ และให้นำข้อมูลมาเสนอต่อสภาฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในการเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนรับมือในการพัฒนาโครงการ เพื่อป้องกันอุทกภัยในอนาคต

‘ภูมิธรรม’ เผย!! งบเยียวยาน้ำท่วม 3 พันล้าน ใช้ได้ทันที พร้อมชื่นชมกำลังพลดูแลประชาชนก่อนนึกถึงตัวเอง

(19 ก.ย. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเยียวยาน้ำท่วม ว่า ขณะนี้ได้อนุมัติ 3,000 ล้านบาทแล้ว ใช้ได้เลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนให้มาก แต่ดูให้รอบคอบ แจกจ่ายได้ตามมติและกฎเกณฑ์เดิม ส่วนสิ่งที่จะทำใหม่ได้มอบหมายปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กฤษฎีกา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปคิดภายใน 1 สัปดาห์ หากมีมติชัดเจนจะเป็นส่วนที่จ่ายเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้โดยปกติ และจะได้ใช้มาตรฐานนี้ในอนาคตข้างหน้า เพราะมาตรฐานเดิมที่วางไว้มาด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ตรงนี้ต้องไปดูอีกอย่างหนึ่ง เรื่องการเงิน ทำได้เท่าไร เราทำก่อน หากทำได้หมด ก็พร้อมทำ ย้ำว่าเร่งให้เร็วที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ แต่ต้องขอดูรายละเอียด 

เมื่อถามว่าอยากพูดอะไรถึงกำลังพลที่ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมหรือไม่ เพราะมีบางนายที่ได้รับผลกระทบ? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อผู้บัญชาการทหารบกได้ไปเยี่ยมแล้ว ส่วนตัวคิดว่าผู้บังคับบัญชาและส่วนต่าง ๆ เห็นใจ เข้าใจกำลังพลที่บ้านตัวเองต้องไปดูแลยังไม่ได้ทำ แต่ต้องไปดูแลประชาชนก่อน อันนี้เป็นน้ำใจอันสูงส่งของกำลังพล ไปทำหน้าที่ของประเทศก่อนจะคิดถึงตนเอง ขอบคุณและให้กำลังพลทุกฝ่าย ขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ช่วยชาติ บ้านเมือง และประชาชน ส่วนรายละเอียดของกำลังพลแม้ว่าจะขาดตกบกพร่อง ยืนยันว่าจะพิจารณาดูแลหาทางออก ซึ่งเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) ได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยฯ ว่ากำลังพลส่วนนี้จะทำอย่างไร ซึ่งจะต้องมาหารือกัน มีแนวทางใดบ้าง ต้องมาหารือรายละเอียดและข้อกฎหมายต่อไป” 

'มท.4' ชี้!! รัฐเร่งช่วย 'ชาวแม่สาย' พร้อมเยียวยาเงินน้ำท่วมพรุ่งนี้ เหน็บ!! 'ปชน.' เอาแต่แซะคนทำงาน-ไล่สอยกระแสโซเชียล

(26 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม นายฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการเยียวยาและความช่วยเหลือจากรัฐบาล อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยและดินโคลนถล่มภาคเหนือ

นายฐากูร กล่าวว่า อยากทราบว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนภาคเหนือที่ประสบอุทกภัยอย่างไร จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยร้ายสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อใด และเห็นว่ารัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ รวมถึงมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง จึงของฝากเป็นการบ้านให้รัฐบาลดูแลด้วย

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย (มท.4) ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีงบประมาณ 3 ก้อนใหญ่ ๆ ในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ประกอบด้วย

1.งบประมาณ 3,045 ล้านบาท ครอบคลุม 57 จังหวัดพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง เบื้องต้นจะได้ที่ประมาณ 5,000-9,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งทางรัฐบาลทราบดีว่าไม่เพียงพอ แต่เราจำเป็นต้องดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ฉะนั้นเบื้องต้นจะได้แบบปูพรม 5,000 บาทในสัปดาห์นี้ 

หลังจากนั้นมีแนวโน้มเราจะสามารถของดเว้นให้เป็นอัตรา 9,000 บาทในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า สำหรับขั้นตอนการรับเงินจะเริ่มจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำจังหวัดประเมินแล้วส่งมายังส่วนกลาง จากนั้นจะอนุมัติเงินจากกรมบัญชีกลางไปยังธนาคารออมสิน ขอให้ลืมกรอบการเยียวยาตามระเบียบราชการกำหนดว่าจะได้รับภายใน 90 วันไป เพราะในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) ประชาชนจะได้รับเงินเยียวยากลุ่มแรกคือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

2.กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากบ้านเสียหายทั้งหลังช่วยเหลือ 230,000 บาทต่อหลัง กรณีเสียชีวิต 50,000 บาท

3.เงินทดรองราชการที่ทุกจังหวัดมีอยู่ 20 ล้านบาท สามารถใช้จ่ายได้ทันที ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมแก่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย อีกจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อเบิกจ่ายนำไปใช้ซ่อมแซมบ้านเรือนและเหตุฉุกเฉิน และมีแนวโน้มจะเพิ่มเติมให้ที่จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง จังหวัดสุโขทัยที่มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มอบเงินให้แก่กลุ่มเปราะบางด้วย

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่าสำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร เยียวยาข้าวไร่ละ 1,340 บาทนั้นเป็นเกณฑ์ปัจจุบัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการระหว่างกรมบัญชีกลางกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับเป็นไร่ละ 2,200 บาท เป็นต้น จึงอยากฝากไปยังเกษตรกรช่วยปรับปรุงบัญชีการประกอบการด้วย เพื่อความรวดเร็วในการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป

“เรามีมาตรการที่ครบและรอบด้านทั้งเรื่องฟื้นฟูสถานที่พื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นหมุนเวียนเศรษฐกิจ เช่น การปล่อยเงินดิจิทัลวอลเล็ต และการจ่ายเงินของเราเป็นการจ่ายเงินแบบทั่วประเทศ เราเองไม่สามารถทำงานแบบพูด พูด พูด แต่ไม่ได้ทำ เราลงมือทำในพื้นที่จริง ๆ ถ้าพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำสถานการณ์คงไม่กลับมาได้โดยเร็ว ดิฉันอยากเห็นประชาชนมีกำลังใจที่ดี อยากเห็นข้าราชการทำงานโดยไม่มีแรงกดดันจากโซเชียล ทำงานหนักมากแต่โซเชียลไม่ได้เอาไปออกให้คนอื่นเห็นเลย แต่ขณะที่บางคนไม่ได้ทำอะไรเยอะ แต่โซเชียลเยอะทั่วประเทศไปหมด อันนี้เป็นการบั่นทอนจิตใจของผู้ทำงานหน้างานจริง ๆ จึงอยากให้ท่านปรับแนวความคิดเสียใหม่ ว่าขณะนี้ทุก ๆ หน่วยงานลงไปในพื้นที่จริง ๆ” รมช.มหาดไทย กล่าว

รรท.ผบ.ตร.กำชับตำรวจภูธรภาค 5 ดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ พร้อมเพิ่มความเข้มงวดดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

(5 ต.ค.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)เปิดเผยว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อำนวยความสะดวกการจราจรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งประสานบูรณาการกับหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบโดยตรง ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ รวมทั้งดูแลข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเดือดร้อนจากความเสียหาย โดยจะมีแนวทางให้ความช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัวต่อไป

ล่าสุดยังมีสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) ว่า ยังมีพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนในหลายจุด ซึ่งได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง 

วันนี้ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นำกำลังข้าราชการตำรวจเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหมู่บ้านสัมมากร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และร่วมวางแผนการฟื้นฟูในโอกาสที่น้ำลดลงต่อไป ซึ่งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่เข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ต่างๆ ตำรวจทุกพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือในทุกมิติ เช่น พื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลังสายตรวจออกไปช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่อุทกภัย , พื้นที่ อ.จอมทอง พ.ต.อ.สิโณทัย ลิลิตธรรม ผกก.สภ.จอมทอง พร้อมกับชุดปฏิบัติการจิตอาสา ชุดชุมชนสัมพันธ์ และสายตรวจจราจร ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมพื้นที่หมู่บ้านแม่กลางบ้านลุ่ม หมู่ 4 ต.บ้านหลวง , อ.แม่ปิง สภ.แม่ปิง ร่วมกับ ตชด. ช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว ถ.ทุ่งโฮเต็ล ในการเดินทาง และแจกอาหารพร้อมน้ำดื่ม , ที่ อ.แม่ริม สภ.แม่ริม ร่วมกับ กก.ตชด.33 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และได้เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่บ้านดวงดี บ้านต้นแก้ว บ้านท้องฝาย พร้อมทั้งจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหาร และนำส่งอาหารพร้อมน้ำดื่มให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ , ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ ต.กื๊ดช้าง อ.แม่แตง เป็นเหตุให้น้ำท่วมในพื้นที่ศูนย์บริบาลช้างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชน นักท่องเที่ยว และช้างจำนวน 126 เชือก และสัตว์ต่าง ๆ โดยช่วยเคลื่อนย้ายไปสู่พื้นที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ ได้ส่งความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนและข้าราชการตำรวจในพื้นที่ โดยมอบหมายให้ ผบช.ภ.5 ดูแลในเรื่องการให้ความช่วยเหลือ การอำนวยความสะดวกการจราจร และการจัดกำลังสายตรวจต่างๆ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง และให้รายงานมายัง ศปก.ตร. ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการติดตามสถานการณ์อุทกภัย เพื่อผู้บังคับบัญชาจะได้สั่งการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

โรงรับจำนำ กทม. คึกคักยอดจำนำทะลุ 8,700 ล้านบาท เตรียม เปิดสาขาใหม่ 'ศรีนครินทร์,ภาษีเจริญ,หนองแขม' สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน

นายชนาธิป ล.วีระพรรค ผู้อำนวยการสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าภาพรวมของโรงรับจำนำทั่วประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ขยายตัวพอสมควร โดยดูจากมีการเพิ่มขึ้นของโรงรับจำนำของรัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ. 2568 ยอดการรับจำนำมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่ในปัจจุบัน ประชาชนยังมีรายได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่ธนาคารและnonBank มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ จึงส่งผลให้ความต้องการใช้บริการโรงรับจำนำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

นายชนาธิป กล่าวว่า ในส่วนของโรงรับจำนำ กทม. ซึ่งเป็นโรงรับจำนำของกรุงเทพมหานคร ได้รับนโยบาย จากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้โรงรับจำนำ กทม. เป็นหน่วยงานที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างคุณภาพชีวิตของคนกทม. ให้ดีขึ้น โดยเป็นแหล่งเงินทุนให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำเงินไปประกอบอาชีพหรือใช้จ่ายในครัวเรือน ลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบหรือสภาพคล่องทางการเงินแต่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารพาณิชย์ได้ 

ปัจจุบัน โรงรับจำนำ กทม. มีอัตราดอกเบี้ยรับจำนำที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับโรงรับจำนำเอกชน และผู้ให้บริการทางด้านการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non Bank) เนื่องจากเป็นหน่วยงานภาครัฐ จึงไม่มุ่งแสวงหากำไร แต่เน้นช่วยเหลือประชาชนให้พ้นวิกฤตทางการเงินมากกว่า ส่วนกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะเป็นประชาชนทั่วไปแล้ว ยังมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น พร้อมกับเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ โดยเฉพาะการพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ และใช้เวลานานในการอนุมัติจากธนาคาร มาใช้บริการที่โรงรับจำนำ จะได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็ว ได้เงินง่ายภายใน 5 นาที ทำให้ปัจจุบันกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เข้ามาใช้บริการที่โรงรับจำนำ กทม. เพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ โรงรับจำนำ กทม. ยังมีโครงการต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับประชาชน เช่น โครงการลดดอกเบี้ยเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในช่วงเปิดภาคเรียน หรือ โครงการของขวัญให้เพื่อน ลดดอกเบี้ยในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ประชาชนจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จากการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ของโรงรับจำนำ กทม. ทุกช่องทาง และมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ข้อมูลกับประชาชนโดยตรง 

สำหรับผลการดำเนินงานปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2566 ทั้งในแง่ของการรับจำนำ และจำนวนรายผู้ใช้บริการ โดยในปี พ.ศ. 2567 มีการรับจำนำ จำนวน 8,740 ล้านบาท เติบโต 24 %เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2566 ที่มีการรับจำนำจำนวน 7,095 ล้านบาท ส่วนจำนวนรายผู้ใช้บริการ ในปี พ.ศ. 2567 มีจำนวน 428,061 ราย เติบโต 13 % เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2566 มีจำนวนรายผู้ใช้บริการ จำนวน 379,421 ราย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาทรัพย์สินที่นำมาจำนำมีมูลค่าสูง โดยเฉพาะราคาทองคำซึ่งปรับตัวสูงขึ้น ส่วนในปีพ.ศ. 2568 ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 5 %

ส่วนความท้าทายต่อไปของโรงรับจำนำ กทม. นายชนาธิป กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันประชาชนมีทางเลือกในการใช้บริการสินเชื่อประเภท NonBank เพิ่มขึ้น โจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรให้ประชาชนเลือกใช้บริการกับเราแนวทางหนึ่งก็คือการขยายสาขาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงโรงรับจำนำ กทม. ได้สะดวกมากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2568 จะเปิดให้บริการสาขาใหม่ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขาศรีนครินทร์ สาขาภาษีเจริญ และสาขาหนองแขม โดยการเลือกสถานที่เพื่อเปิดสาขาใหม่นั้น พิจารณาจากความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ และตามความต้องการของประชาชน เป็นสำคัญ 

ท้ายสุด นายชนาธิป กล่าวย้ำว่า “โรงรับจำนำ กทม. ถือเป็นแหล่งเงินทุนให้ประชาชนกู้ยืมเงินของกรุงเทพมหานคร ที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางการเงินให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก และพร้อมให้บริการด้วยความรวดเร็ว สะดวก ซึ่งเป็นจุดเด่นในการใช้บริการ เพราะไม่ต้องยื่นเอกสาร ไม่ต้องค้ำประกัน ไม่ต้องรอพิจารณาผล ไม่ตรวจเครดิตบูโร เพียงมีทรัพย์สินมีค่าและบัตรประชาชนเข้ามาใช้บริการ ภายใน 5 นาที ก็สามารถรับเงินสดได้เลย ดังสโลแกน โรงรับจำนำ กทม. ทรัพย์ปลอดภัย ได้เงินง่าย จ่ายดอกเบี้ยต่ำ” 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top