Wednesday, 1 May 2024
คนละครึ่ง

‘ทิพานัน’ เตือนอย่าแลกสิทธิคนละครึ่งเป็นเงินสด ชี้ ผิดกฎหมาย-ถูกตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการอื่น

‘ทิพานัน’ เตือน ร้านค้า-ประชาชน อย่าแลกสิทธิคนละครึ่งเป็นเงินสด ชี้ ผิดกฎหมาย-ถูกตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการอื่น 

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ข้าวราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 โดยเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 30 เม.ย. นี้ จำนวน 1,200 บาทต่อคน ให้กับประชาชนที่รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ 29 ล้านคน คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 7-8 หมื่นล้านบาท โดยภาพรวมการใช้จ่ายในวันแรกคึกคัก มีผู้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการ 16.93 ล้านคน ใช้สิทธิสแกนจ่าย 2.4 ล้านราย ยอดใช้จ่าย 253.43 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 247.81 ล้านบาท มียอดใช้จ่ายรวมในวันแรก 501.24 ล้านบาท 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จากการมอนิเตอร์โซเชียลเน็ตเวิร์ก พบว่ามีบุคคลจำนวนมาก ประกาศรับแลกสิทธิโครงการคนละครึ่ง เช่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ทวีตข้อความว่า “รับแลกคนละครึ่งนะคะ สแกนเสร็จโอนทันที สนใจแอดไลน์ … ค่ะ เจ้าเก่าเจ้าเดิม…” เป็นต้น ข้อความดังกล่าวสะท้อนว่าทำมาหลายครั้ง และผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ การแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด ถือว่ากระทำทุจริตผิดกฎหมายเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง มีเจตนาหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงที่ควรแจ้ง ทำให้ได้ประโยชน์ทางทรัพย์สินไปจากผู้ถูกหลอกคือรัฐ มีโทษจำคุกถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 341

รีบใช้คนละครึ่งภายในจันทร์นี้ หากพ้นถูกต้นสิทธิ

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วนั้น กระทรวงการคลังขอแจ้งให้ประชาชนกลุ่มเดิม รีบเริ่มใช้สิทธิภายในวันจันทร์ที่ 28 ก.พ.นี้ ภายในเวลา 22.59 น. เพราะขณะนี้มีประชาชนกลุ่มเดิม ยังไม่ได้เริ่มใช้สิทธิจำนวน 2.9 ล้านราย หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และหากเริ่มต้นใช้แล้ว ก็สามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 30 เม.ย.65

ส่วนความคืบหน้ามาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศปี 2565 ซึ่งประกอบด้วยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 พบว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ณ เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 39.76 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 45,392.86 ล้านบาท 

ทั้งนี้ในปัจจุบันมีประชาชนที่กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 25.72 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย สำหรับผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วจำนวน 1.35 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.38 หมื่นราย

"โฆษกรัฐบาล" เผย ยอดค่าใช้จ่าย จากโครงการลดค่าครองชีพของรัฐ “พุ่งแล้วกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท"  เตือนผู้มีสิทธิคนละครึ่งเดิม รีบใช้จ่ายก่อนเวลา 22.59 น.  ภายใน 28 ก.พ. 65 เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิ ขณะที่ "คนละครึ่ง เฟส 4" สามารถใช้จ่ายได้ถึง 30 เม.ย. นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายในการขับเคลื่อนทุกกลไกเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยุคที่ต้องเผชิญกับผลกระทบของสถานการณ์โควิด -19 โดยรัฐบาลได้มีมาตรการลดภาระค่าครองชีพของรัฐเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน เป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งความคืบหน้ายอดค่าใช้จ่ายในรอบปีใหม่นี้ 2565 ประกอบด้วยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่รัฐบาลเพิ่มวงเงินสนับสนุนในการช่วยลดภาระการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้ใช้สิทธิ สะสมรวม  40.12 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 47,708.21 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 25.91 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 44,872.9 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 22,781.2 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 22,091.7 ล้านบาท 2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.06 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,606.01 ล้านบาท  และ 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.15 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 229.30 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการเปิดลงทะเบียน คนละครึ่งเฟส 4 รอบนี้ ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก กดลงทะเบียนอย่างรวดเร็วทำให้เต็มสิทธิ 29 ล้านสิทธิเพียงไม่มีวันที่เปิดให้ลงทะเบียนได้ โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนกลุ่มเดิมฯ (คนละครึ่งเฟส 3) รีบสแกน “เป๋าตัง” และใช้จ่ายภายในวันนี้ (28 ก.พ. 65) เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ ซึ่งขณะนี้มีประชาชนกลุ่มเดิมฯ ที่ยังไม่ได้เริ่มใช้สิทธิประมาณ 2.9 ล้านราย

พิษเศรษฐกิจพา คนละครึ่ง เฟส 4 ใช้จ่ายสะพัด 5.2 หมื่นล้าน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ว่า ข้อมูลสะสม ณ วันที่ 8 มี.ค.2565 ณ เวลา 23.00 น. พบว่า มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนกลุ่มเดิมฯ จำนวน 25.46 ล้านราย ซึ่งมียอดใช้จ่าย 51,153.1 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนทั่วไปกลุ่มใหม่ จำนวน 7.82 แสนราย ซึ่งมียอดใช้จ่าย 1,223.3 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 26.24 ล้านราย และยอดการใช้จ่ายรวม 52,376.4 ล้านบาท 

ทั้งนี้แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 26,620.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 25,756.1 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 21,774.6 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 9,004.4 ล้านบาท ร้าน OTOP 2,342.0 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 18,236.4 ล้านบาท ร้านบริการ 923.4 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 95.6 ล้านบาท 

โดยมีประชาชนที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 26.38 ล้านราย ซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มเดิมฯ ที่กดยืนยันสิทธิและมีการใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 25.46 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย สำหรับผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วจำนวน 1.35 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.66 หมื่นราย

‘ทิพานัน’ โว!! รัฐใช้จ่ายเงินกู้ มีประสิทธิภาพสูง ยก ‘คนละครึ่ง’ สุดยอดการแก้ปัญหาตรงจุด

‘ทิพานัน’ ยกกระแสคนละครึ่ง ตอกย้ำความสำเร็จรัฐใช้จ่ายเงินกู้ ยกสารพัดโครงการเยียวยา และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สะท้อนใช้เงินอย่างมีแบบแผน มีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจไทย เชื่อเปิดประเทศบูมท่องเที่ยวเงินสะพัดเข้ากระเป๋าคนไทยอีกมาก เหน็บเพื่อไทยด้อยค่าก่อหนี้หวังดิสเครดิตรัฐบาล

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในวันที่ 30 เมษายนนี้ จะสิ้นสุดโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนอย่าลืมใช้จ่ายผ่านโครงการก่อนครบกำหนดในวันดังกล่าว และจากกระแสความนิยมของโครงการ ทำให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินโครงการคนละครึ่งต่อไป และกระทรวงการคลังยืนยันว่ายังไม่มีการหารือถึงจะมีการปรับสูตร คนละครึ่ง เฟส 5 ลดสัดส่วนการสนับสนุนจากภาครัฐ 25% และประชาชนจ่ายเงิน 75% แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กระแสเรียกร้องของพี่น้องประชาชน สะท้อนถึงประสิทธิภาพของโครงการ ในการประคับประคองปัญหาค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกว่าแก้ปัญหาตรงจุด 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อ เราจำเป็นต้องออก พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 2 ฉบับ รวม 1.5ล้านล้านบาท นำไปใช้ประโยชน์คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ไม่ว่าจะเป็นเยียวยาประชาชนทั่วไป อย่าง โครงการคนละครึ่ง, ลดค่าน้ำค่าไฟ, เงินเยียวยาผู้ประกันตน, งบอุดหนุนนายจ้างให้จ้างงานต่อ, เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เอสเอ็มอี, เงินช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากโควิด, สินเชื่อเพื่อคนมีรายได้น้อย หาบเร่ แผงลอย โอทอป, อุดหนุนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 

'ธนกร' เชื่อ!! 'คนละครึ่งเฟส 5' ช่วย ปชช. ได้จริง ปลื้ม!! ผลตอบรับดี 2.3 แสนสิทธิเต็มตั้งแต่วันแรก

'ธนกร' ปลื้ม ประชาชนตอบรับ 'คนละครึ่งเฟส 5' แห่ยืนยันสิทธิ พร้อมลงทะเบียนรายใหม่ 2.3 แสนสิทธิเต็มจำนวนแล้วตั้งแต่วันแรก ขณะที่ร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯ แล้วกว่า 2.1 แสนร้านค้า คลังพร้อมโอนเงิน 800 เข้าแอปฯ เป๋าตังเริ่มใช้ 1 กันยายน นี้ ชม 'บิ๊กตู่' เดินมาถูกทาง

(20 ส.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ติดตามโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ที่วานนี้ (19 สิงหาคม ) กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ประชาชนเคยใช้สิทธิโครงการฯ จำนวน 26.27 ล้านสิทธิ ลงทะเบียนยืนยันสิทธิ และประชาชนที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ลงทะเบียนรับสิทธิวันนี้เป็นวันแรก ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งประชาชนตอบรับโครงการฯ ให้ความสนใจเข้าไปยืนยันตัวตนจำนวนมาก ทำให้ในช่วงเช้าแอปฯ เป๋าตังขัดข้อง ซึ่งธนาคารกรุงไทยก็ได้รีบประสานแก้ไขจนใช้งานได้ในที่สุด ถือเป็นโครงการฯ ที่ประชาชนทุกคนรอคอย สามารถบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนในช่วงนี้ที่ราคาสินค้าสูงขึ้นเนื่องจากสถานการณ์พลังงานและปัจจัยอื่น ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ทุกระดับ ทั้งเจ้าของร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็น กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก สร้างเม็ดเงินสะพัดในชุมชน 

นายธนกร กล่าวถึงความคืบหน้าของจำนวนผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2565) ว่า มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 217,261 ร้านค้า แบ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้ารายเดิมจากโครงการฯ เฟส 4 จำนวน 215,735 ร้านค้า และผู้ประกอบการร้านค้ารายใหม่จำนวน 1,526 ร้านค้า ซึ่งในส่วนของร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัคร 

รัฐชวนคนไทยใช้สิทธิ 'คนละครึ่งเฟส 5' ระยะเวลา 2 เดือน ย้ำ!! ต้องเริ่มใช้ก่อน 14 ก.ย. มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ

(1 ก.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิในโครงการ 'คนละครึ่ง เฟส 5' เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค. 65 โดยรัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน ไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ

สำหรับประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิ์หรือไม่เคยยืนยันตัวตน ขอให้เร่งยืนยันตัวตนก่อนใช้สิทธิ์ครั้งแรก โดยใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตันตน ณ ตู้เอทีเอ็ม สีเทา ของธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงไทยฯ ทุกสาขา หรือผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT โดยผู้มีสิทธิรายใหม่และรายเดิมจะต้องใช้สิทธิครั้งแรกผ่านเป๋าตังภายในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. เพื่อมิให้ถูกตัดสิทธิ์

'ทิพานัน' เตือน อย่าแลก 'คนละครึ่งเฟส 5' เป็นเงินสด ชี้!! ระบบตรวจสอบได้หมด แถมมีโทษหนักถึงขั้นติดคุก

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าระหว่างวันที่ 1-4 ก.ย. มีผู้ใช้สิทธิสะสม 14.24 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,885.1 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 2,981.8 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 2,903.3 ล้านบาท 

ทั้งนี้รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบอย่างใกลชิด ไม่ให้เกิดการทำธุรกรรมและพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต ให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม แต่พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่ใช้วิธีการเดิม คือการแลกสิทธิจากโครงการคนละครึ่งเป็นเงินสด โดยพบว่ามีรายงานการโฆษณาในช่องทางทวิตเตอร์ ช่องทางกลุ่มเฟซบุ๊ก เชิญชวนให้ผู้สนใจนำสิทธิมาแลกรับเป็นเงินสด โดยจะมีการหักค่าหัวคิว ในอัตรา 20-40 บาท จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนและร้านค้าอย่าแลกสิทธิเด็ดขาด เพราะระบบตรวจสอบย้อนหลังได้ทั้งหมด และที่สำคัญการแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด ถือเป็นการกระทำที่ทุจริตผิดกฎหมาย เข้าข่ายความผิดฐาน 'ฉ้อโกง' เพราะมีเจตนาหลอกลวงผู้อื่น ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยทุจริต ทำให้ได้ประโยชน์ทางทรัพย์สินไปจากผู้ถูกหลอกคือรัฐ มีโทษจำคุกถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 341

“รัฐบาลใช้ระบบตรวจจับและตรวจสอบการโอนที่ผิดปกติของเงินคนละครึ่ง เพื่อป้องกันและมีมาตรการลงโทษแน่นอน ทั้งนี้รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อย่างซื่อสัตย์สุจริต ฉะนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนและร้านค้าระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นอาจได้ไม่คุ้มเสีย” น.ส.ทิพานัน กล่าว

‘ทิพานัน’ ยกยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง3.4หมื่นล้าน ตอก ‘เพื่อไทย’ หลังขวางไม่เกิดประโยชน์ต่อศก.

‘ทิพานัน’ ยกยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง3.4หมื่นล้าน ตอกเพื่อไทยขวางคนละครึ่ง ชี้ไม่เห็นแก่ประโยชน์ประชาชนกว่า25ล้านคน แต่กลับมีพฤติกรรมคล้ายหนุนนโยบายพานักโทษหนีคดีเพียง 2 คนกลับบ้าน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการคนละครึ่งว่า ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจว่า โครงการคนละครึ่งที่เฉพาะเฟส 5 ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้มีประชาชนกว่า 26.5 ล้านคนและร้านค้ารายย่อยเกือบ 1 ล้านรายได้ประโยชน์ และผลประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เมื่อเอาตัวเลขข้อมูลมาพิจารณา พบว่าตัวเลขผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วม 9.67 แสนราย เป็นผู้ประกอบการรายใหม่เฟส 5 ถึง 2.28 หมื่นราย แสดงถึงร้านค้ารายย่อยเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง และมีจากข้อมูลล่าสุดคนละครึ่งเฟส 5 ที่มียอดใช้จ่ายสะสมถึง 34,310.23 ล้านบาท (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 ต.ค. 65) 

เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จจริงในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบและยั่งยืนได้ จึงไม่ใช่โครงการที่เป็นการเสียเงินไปฟรี ๆ ตามที่นายพิชัยแสดงความเห็นแบบไร้ข้อมูล

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การที่นายพิชัยเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สินมากกว่าโครงการคนละครึ่งนั้น ต้องถามว่า นายพิชัยไปอยู่ดูไบมาหรืออย่างไร ถึงไม่รู้ว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้าเจาะรายบุคคล และประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลังและเจ้าหนี้ 65 ราย ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล จัดกิจกรรม 'มหกรรมร่วมใจแก้หนี้' ขึ้น เปิดให้ลงทะเบียนทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 65 เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้จากผลกระทบวิกฤติโควิด-19 ปัญหาค่าครองชีพ สามารถแก้ไขหนี้และเริ่มต้นใหม่ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีโครงการสัญจรด้วย ซึ่งทางธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารออมสิน / ธ.อ.ส. / ธ.ก.ส. และธนาคารกรุงไทย จะจัด 'มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร' ใน 5 อีกจังหวัด  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนในกรณีลูกหนี้ไม่สามารถเข้าร่วมมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ได้ ก็ยังมีช่องทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ เช่นกรณีหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน สามารถเข้าร่วมโครงการ 'คลินิกแก้หนี้' และมีโครงการ 'ทางด่วนแก้หนี้' เป็นช่องทางเสริมเพื่อขอรับความช่วยเหลือด้านการชำระหนี้ ในขณะที่ลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจสามรถขอรับคำปรึกษาแก้ไขหนี้ผ่านทางโครงการ ‘หมอหนี้เพื่อประชาชนได้’

ทีมเศรษฐกิจ รทสช.เตรียมดันนโยบายมุ่งเป้า ไม่ขอเล่นเกมหว่านแห ลั่น!! ‘คนละครึ่ง’ ทำต่อแน่

(23 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ รทสช. ถึงกรณีสมัครเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช.ว่า ถ้าเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อก็เป็นไปได้ ตามกติกาของพรรค เพราะตนลงมาตรงนี้แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด ซึ่งนโยบายด้านเศรษฐกิจของตนนั้น จะไม่เน้นที่การให้แบบเหวี่ยงแห แต่เป็นการมุ่งเป้า และการส่งเสริมการดำเนินการอะไรต่าง ๆ จะได้มีอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นความร่วมมือกับประชาชน และทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียว เราใช้หลักที่เราฟันฝ่าอุปสรรคโควิด-19 มาได้อย่างไร เราจะใช้หลักนั้น เพราะเราเชื่อว่าหลักนั้นเป็นความสำเร็จที่ดี ทุกอย่างต้องร่วมมือด้วยกัน

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ หลายพรรคการเมืองออกนโยบายเรื่องตัวเลขมาเกทับกัน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เดี๋ยวรอดูของพรรค รทสช.เราจะมุ่งเป้าสำหรับคนที่จำเป็น มีที่ไหนบ้างในอดีตที่ช่วยเหลือแต่ละกลุ่มอย่างเป็นระบบ เมื่อก่อนเหวี่ยงแหแจกทุกคน แต่ในยามวิกฤต ยามเดือดร้อน เราใช้เงินเหมาะสม คนล่างสุดรับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหมือนเบาะรองรับเมื่อตกตึกสองชั้น ซึ่งเขาพออยู่ได้ มีโอกาสดำรงชีวิตได้ในระดับหนึ่ง คนที่ระดับสูงกว่านั้นก็เป็นโครงการคนละครึ่ง ที่ต้องไปช่วยคนตัวเล็กอีกทีหนึ่ง ส่วนช็อปดีมีคืน ก็เป็นคนมีฐานะก็ไปช่วยกันใช้เงิน การแบ่งเป็น 3 ชั้นอย่างนี้ไม่เคยมี

ถามต่อว่า แสดงว่าโครงการคนละครึ่งเหล่านี้ จะมีการทำต่อ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทำต่ออยู๋แล้ว ถือว่าเป็นนโยบายของพรรคเลย ก็มันเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งครั้งนี้จะต่างจากช่วงวิกฤติ แต่เราจะเน้นผู้ที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ผู้ที่ถือแอพพิเคชั่นเป๋าตังค์ รอบหน้าเราเพิ่มเรื่องถุงเงินที่เน้นเอสเอ็มอี เน้นคนตัวเล็ก ซึ่งในถุงเงินภายใต้โครงการคนละครึ่งมีผู้มีสิทธิ์ 1 ล้านราย เราอยากให้มีมากขึ้นถึง 5 ล้านราย


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/719396


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top