Saturday, 24 May 2025
คนละครึ่ง

เทียบกันชัดๆ!!

เทียบกันชัดๆ!! ระหว่างโครงการคนละครึ่ง และเงินดิจิทัลเพื่อไทย

‘อ.อุ๋ย ปชป.’ แนะ!! นายกฯ สานต่อ ‘คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน’  แทนการผลักดันเงินดิจิทัล ที่ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไรและเสี่ยงผิดกม. 

(8 ก.พ.67) จากกรณีที่ ป.ป.ช. ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลของรัฐบาลนายกเศรษฐา ว่าต้องระมัดระวังด้านข้อกฎหมายหลายประการ ซึ่งมีโอกาสจะทำให้โครงการเงินดิจิทัลต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด นั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย อดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นว่า ตนเพิ่งได้ลงพื้นที่สำรวจกิจกรรมทางเศรษฐกิจระดับฐานรากในพื้นที่เขตบางกะปิ เช่น บริเวณตลาดนัดการกีฬาแห่งประเทศไทย ซอยมหาดไทย (รามคำแหง 65) และย่านการค้าหน้าและหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ของประชาชนคือ การขาดเงินหมุนเวียนระยะสั้นเพื่อนำมาจับจ่ายใช้สอย บวกกับหนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้นสูง ทำให้ต้องจำกัดการใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เช่น อาหารการกินราคาประหยัด ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ทำให้สินค้าและบริการอย่างอื่นขายแทบไม่ได้เลย ต้องทยอยปิดตัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการว่างงานเพิ่มมากขึ้น 

ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากโดยเร็ว หากจะรอให้โครงการเงินดิจิทัล ซึ่งยังติดขัดข้อกฎหมายอีกหลายประการ ยังขาดความชัดเจนว่าจะเริ่มได้เมื่อไหร่ ก็อาจจะไม่ทันการกับความต้องการของประชาชน ตนจึงเสนอให้รัฐบาลสานต่อโครงการคนละครึ่ง ซึ่งทำให้เกิดภาระทางการคลังน้อยกว่าเพราะรัฐบาลออกเงินเพียงครึ่งเดียวของราคาสินค้าและบริการ นำเม็ดเงินเข้าสู่ผู้ประกอบการโดยตรงและพุ่งเป้าไปที่คนที่ต้องการใช้เงินจริงๆ นอกจากนี้ระบบต่างๆ ของโครงการคนละครึ่งได้ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ปรากฏข้อติดขัดทางกฎหมาย พร้อมใช้งานได้ทันที ดีกว่าที่จะรอโครงการเงินดิจิทัล ซึ่งไม่รู้จะได้ใช้เมื่อไหร่ และต้องเสียเวลากับการออกแบบโครงสร้างระบบอีก 

นอกจากนี้อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งรัฐบาลคิดจะฉลองยาวถึง 21 วัน ตนก็คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะสานต่อโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริม Soft Power ที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่เช่นกัน 

ทั้งนี้ตนเชื่อว่าหากนายกเศรษฐาและรัฐบาลสานต่อทั้งสองโครงการของรัฐบาลชุดที่แล้ว จะได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยึดถือประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเป็นสำคัญอยู่เหนือสิ่งอื่นใด

เทียบฟอร์ม 'คนละครึ่ง-ดิจิทัลวอลเล็ต' โครงการไหนตอบโจทย์ ไม่ซับซ้อน

(17 เม.ย.67) จากเพจ 'เชียร์ลุง' ได้โพสต์ภาพกราฟิกพร้อมเนื้อหาในหัวข้อ 'เทียบกันชัด ๆ คนละครึ่ง กับ ดิจิทัลวอลเล็ต คุณชอบโครงการไหนครับ' ไว้ดังนี้...

>> คนละครึ่ง
- รัฐออกให้ครึ่งนึง ใช้งบประมาณครั้งละ 3-4 หมื่นล้านบาท
- ใช้ได้ทุกที่
- ป้องกันทุนใหญ่
- ใช้แอปฯ เป๋าตัง ใช้ง่าย สะดวก
- ช่วยค่าใช้จ่ายปากท้อง เพิ่มปริมาณการใช้จ่ายให้มากขึ้น
- ถูกกฎหมายทำได้ทันที

>> ดิจิทัลวอลเล็ต
- รัฐออกให้ทั้งหมด ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท
- จำกัดระยะทาง
- ไม่ป้องกันทุนใหญ่
- ลงทุนสร้างแอปฯ ใหม่ เงื่อนไขซับซ้อน
- หวังกระตุ้น GDP
- รอตีความทางกฎหมาย มีผู้คัดค้านมากมาย

'สื่อมวลชนอาวุโส' แนะ!! รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ต่อยอด 'คนละครี่ง' กระตุ้น ศก. ชี้!! อย่ากังวลเป็นนโยบายพรรคอื่น หากนโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

(19 ส.ค. 67) เถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ตื่นเช้ามา…เจอคุณกนกอ่านข่าว เอกชนเสนอรัฐบาลรีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในแต่ละเรื่องต้องใช้เวลามาก

เงินดิจิทัลก็ยังรอความพร้อมรอทบทวน ยิ่งเป็น แพทองธาร มารับงานนายกฯ ครอบครัวต้องพิถีพิถันเพราะถ้าไม่รอบคอบก็คือยุ่งยากทั้งชีวิต

จริง ๆ แล้ว ถ้าจะแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ >> ลองหยิบ คนละครึ่ง มาพิจารณาก็ดีนะครับ  

1. เป็นนโยบายที่ทุกคนคุ้นเคย

2. ทุกฝ่ายยอมรับว่า มันได้ผล รั่วไหลน้อยมาก

3. ทำได้เร็วเพราะมีระบบรองรับ

4. นำมา Upgrade ให้ทันสมัย 

5. ใส่เงินมากขึ้นอีกนิดหน่อยก็ได้

6. ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะถูกว่า เอานโยบายรัฐบาลประยุทธ์มาใช้ เพราะตอนนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน

7. และนโยบายเพื่อไทย สมัยเป็น ไทยรักไทย มีคนเอามาใช้จนถึงวันนี้มากมาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP

8. นโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

9. ถ้าสำเร็จก็ได้มิตร ได้มวลชน ได้เยียวยาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า  

#วันนี้ขอเขียนแบบเป็นคนฝันดีโลกสวยอีกวัน

'ธนกร' หนุน!! 'สรวงศ์' ฟื้น 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' ยุคลุงตู่ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ สร้างเงินสะพัดช่วงปลายปี

(18 ก.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่ทั้งจังหวัดสงขลาภูเก็ตและนครศรีธรรมราช รวมถึงจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ พบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศโดยเฉพาะมาเลเซียเดินทางเข้ามาพักผ่อนท่องเที่ยวในพื้นที่จำนวนมาก ส่วนพี่น้องประชาชนคนไทยต่างก็ฝากถึงรัฐบาล ให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการคนละครึ่งที่ประสบความสำเร็จ ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพี่น้องประชาชนต่างชื่นชอบ ให้การตอบรับและใช้สิทธิ์ในโครงการดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงอยากให้มีการรื้อฟื้นโครงการนี้กลับมาใช้ในรัฐบาลปัจจุบันอีก 

ทั้งนี้เมื่อตนได้ติดตามการมอบนโยบายของนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็พบว่ามีแนวทางที่จะใช้มาตรการส่งเสริมไทยเที่ยวไทย โครงการ 'เราเที่ยวด้วยกัน' หรือ 'คนละครึ่ง' กลับมาอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งตนเห็นด้วยและขอสนับสนุนให้เป็นแคมเปญที่ช่วยดึงนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการทุกระดับ ตั้งแต่ร้านค้าขายขนาดเล็ก ร้านส้มตำ ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่ร่วมโครงการ ก็จะรับอานิสงส์ไปด้วย จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่รากฐานชุมชนไปจนถึงภูมิภาคและระดับประเทศ 

“เมื่อรัฐบาลไฟเขียวโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการจ่ายเงินสด 10,000 บาท ช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคนในช่วงปลายเดือนนี้ เชื่อว่าจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับที่น่าพอใจ เมื่อมาประกอบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง ที่รัฐบาลมีแนวคิดกำลังจะรื้อฟื้นกลับมาใช้อีกครั้ง มั่นใจว่า เศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีหรือไฮซีซั่นปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวในภาคใต้ จะมีเงินสะพัดจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่คนไทยจะเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน“ นายธนกร กล่าว

'สรวงศ์' เล็งดึง 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' กระตุ้น ศก.โลว์ซีซั่นปีหน้า ลั่น!! นโยบายของรัฐบาลใดที่ทำไว้แล้วดี เอากลับมาใช้แน่นอน

เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.67) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวปี 68 ว่า ขณะนี้กำลังไล่รื้อแผนในช่วงโลซีซันในปีหน้า โดยจะฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพราะแอปพลิเคชันเองก็ยังอยู่ และจากตัวเลขการเดินทางเข้ามาก็ค่อนข้างมาก ซึ่งชัดเจนว่าช่วยได้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค

ขณะที่การกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 67 นายสรวงศ์ ยอมรับว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์อุทกภัยทำให้สายการบินยกเลิกเที่ยวบินมากพอสมควร แต่เชื่อไตรมาสสุดท้ายของปีนี้การจองจะยังเหมือนเดิมยังไม่มีการยกเลิกเข้ามา เป็นเครื่องยืนยันได้ว่านักท่องเที่ยวยังมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายอยู่ และตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จะพยายามให้เต็มที่ โดยจะอัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุน พร้อมกับหวังว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบอุทกภัยเกิดขึ้นอีก และยืนยันว่าจะพยายามอย่างยิ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมยอมรับว่าตัวเลขด้านรายได้การท่องเที่ยวยังขาดอีก 8 แสนล้านบาท เป็นเรื่องที่เหนื่อย แต่จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ในส่วนของประเทศญี่ปุ่น จีน และอินเดีย พบว่านักท่องเที่ยวอินเดียใช้จ่ายเยอะพอสมควร จึงอาจจะมีการเพิ่มไฟลต์บินตรงให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย ขณะที่จีนก็อาจจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการไปเปิดเชิญชวนยังมณฑลต่าง ๆในประเทศจีน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพให้กลับมามากขึ้น

ส่วนช่วงโกลเด้นวีคของประเทศจีนคือวันที่ 1 ตุลาคม จะมีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างไร? นายสรวงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ดูจากตัวเลขไฟลต์บินที่มาจากจีนยังเยอะเหมือนเดิม และหากดูจากจำนวนก็ไม่น่าห่วง แต่เรามุ่งจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวให้มากขึ้น พร้อมยืนยันว่าไม่ห่วงเรื่องจำนวนแล้ว แต่การใช้จ่ายต่อหัวต้องกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จีนมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจทำให้การใช้จ่ายน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อถามว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในไทยจะมีการนำโครงการนำคนละครึ่งกลับมาด้วยหรือไม่? นายสรวงศ์ กล่าวว่า พยายามอยู่ เพราะนโยบายไหนที่เป็นของรัฐบาลใดก็ตามที่ทำไว้แล้วดี เราเอากลับมาใช้แน่นอน แต่ต้องปัดฝุ่นให้ดีว่าตรงไหนเป็นข้อเสียก็เรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโลว์ซีซั่นอาจจะออกราวเดือนมีนาคมหรือเมษายน และใช้ในช่วงหน้าฝน

ขณะที่แผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้า นายสรวงศ์ กล่าวว่า จะมีการจัดอีเวนต์กระตุ้นการท่องเที่ยว แต่จะต้องมีหลายส่วนที่เข้าไปเสริม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามา และเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ ซึ่งจะเป็นแผนที่ค่อย ๆ ประกาศออกมา ขณะที่นายกฯเองจะมีแผนภาพใหญ่ของประเทศในปีหน้า และในส่วนของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะทำตามแนวนโยบาย

ทั้งนี้ จะมีการประเมินผลกระทบจากอุทกภัย และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบตอนนี้ถึงปลายปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่กระทบ แต่จะกระทบในส่วนของการใช้จ่ายรายหัวของนักท่องเที่ยว แต่จะไม่กระทบเรื่องของจำนวน และเราต้องมีมาตรการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วย อาทิ การคืนภาษีให้ สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมยืนยันว่าเป้าของรายได้ยังอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท ขณะที่การประชุมบอร์ดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก ยังไม่มีการเรียกประชุม

‘แพทองธาร’ ไม่กล้าพูดฟื้น ‘คนละครึ่ง’ กระตุ้นเศรษฐกิจ แง้ม รออีกนิดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรออยู่อีกเพียบ

(7 ต.ค. 67) ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสบวกสนับสนุนรัฐบาล หลังแจกเงินหมื่น และก่อนจะแจกเฟส2 เป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำโครงการคนละครึ่งมากระตุ้นเศรษฐกิจ นายกฯ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนยกมือป้องปากและกล่าวว่า ไม่กล้าพูดเลย แล้วหันไปหัวเราะกับนายสรวงค์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จากนั้นจึงระบุว่า จริง ๆ แล้วเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีในกระเป๋าเยอะมากเลย แต่ค่อยๆ ออกมา เพราะต้องดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย 

นายกฯ กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่า หลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราทำแน่นอน เพราะฉะนั้นก็ขอให้รออีกนิดนึง อย่าเพิ่งรีบ กระทรวงไหนที่เกี่ยวข้อง ตนพยายามจะให้กระทรวงด้านนั้นมาเล่าว่าผลงานที่ตัวเองทำคืออะไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในสมัยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีการจัดรวมกันถึง 5 เฟส มีประชาชนใช้จ่ายจริงไม่น้อยกว่า 27 ล้านคน รวมถึงมีธุรกรรมที่เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท

เช็กรายละเอียดรับส่วนลดจากโครงการ ‘แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง’ ที่นี่ รับส่วนลด 400 บาทหมื่นสิทธิ์ จาก ททท. หนุนกอบกู้ภาคเหนือ

(31 ต.ค. 67) ททท. จัดแคมเปญ 'แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง' เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้ มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท 10,000 สิทธิ์ แบบ First Come First Served ลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ์ก่อน ณ โรงแรมในโครงการที่นักท่องเที่ยวเข้าพัก

แคมเปญแอ่วเหนือ...คนละครึ่ง กิจกรรมภายใต้ โครงการเหนือพร้อม…เที่ยว เป็นแคมเปญกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวระยะเร่งด่วนในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2567 เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ ภายหลังสถานการณ์อุทกภัย มุ่งสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือ ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและกระจายรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้าย ปี 2567 คาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กว่า 550 ราย มอบส่วนลด 50% ของการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์ ให้แก่นักท่องเที่ยว (1 คน/1 สิทธิ์) 

โดยผู้ที่ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ ณ โรงแรมที่เข้าพักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด โดยสแกน QR Code และกรอกข้อมูล ชื่อ-สกุล ภูมิลำเนา เบอร์โทรศัพท์ เพื่อรับ SMS ยืนยันการเข้าร่วม (ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้) 

สำหรับการใช้สิทธิ์ส่วนลด นักท่องเที่ยวสามารถใช้สิทธิ์ เมื่อใช้จ่ายกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สปา ผ่านการสแกน QR code ณ สถานประกอบการที่ต้องการใช้สิทธิ์ จากนั้นกรอกเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียน และยอดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้สามารถใช้สิทธิ์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในวงเงินไม่เกิน 400 บาท แต่จะต้องไม่ซ้ำกับสถานประกอบการเดิมที่เคยใช้สิทธิ์ส่วนลดไปแล้ว และจำกัดระยะเวลาการใช้สิทธิ์ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) นับจากเวลาที่ได้รับ SMS ยืนยันการเข้าร่วมแคมเปญ

สำหรับสถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญแอ่วเหนือ...คนละครึ่ง 554 แห่ง แบ่งสัดส่วนออกเป็น โรงแรมที่พัก 59% (326 แห่ง) ร้านอาหาร/ร้านคาเฟ่ 29% (160 แห่ง) ร้านของฝากของที่ระลึก 7% (38 แห่ง) และอื่นๆ อาทิ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 5% (30 แห่ง) ทั้งนี้ เนื่องจากสิทธิ์ส่วนลดมีจำนวนจำกัด ททท. จึงขอสงวนสิทธิ์ดำเนินการในรูปแบบลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) 

โดยนักท่องเที่ยวสามารถเริ่มลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ ณ โรงแรมที่เข้าพักที่ร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 หรือเมื่อครบจำนวนการใช้สิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดแคมเปญ สิทธิ์คงเหลือ และรายชื่อสถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญได้ที่เว็บไซต์ https://www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center โทร. 1672

เชียงใหม่-ททท. ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกาศศักยภาพความพร้อมภาคเหนือจัดงาน "เหนือพร้อม...เที่ยว" 

ททท. ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกาศศักยภาพความพร้อมภาคเหนือ จัดงาน “เหนือพร้อม...เที่ยว” Kick off แคมเปญ “แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง” ดีเดย์ 1 พ.ย. นี้

(3 พ.ย. 67) เวลา 18.00 น. ศูนย์วัฒนธรรม โอลด์เชียงใหม่  อำเภอเมืองเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “เหนือพร้อม...เที่ยว” ประกาศศักยภาพความพร้อม เร่งสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง” รับนักท่องเที่ยวช่วง High Season หวังกระตุ้นรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมพิธีเปิดงานและกล่าวแสดงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมด้วย นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. และคณะผู้ประกอบการจาก 5 ภูมิภาค เข้าร่วมงาน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ ได้พบปะแลกเปลี่ยนเจรจาธุรกิจ กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากทั้ง 5 ภูมิภาค 

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่  ทั้งในแง่ของการคมนาคมเดินทางเข้าสู่พื้นที่และความเสียหายต่อแหล่งท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์ในจังหวัดภาคเหนือได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว และตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป แหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการต่าง ๆ ในภาคเหนือพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้กลับมาเดินทางชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่งดงามและทรงคุณค่าของทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงฤดูแห่งการท่องเที่ยวภาคเหนือ ดังนั้นเพื่อสร้างกระแสให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ฟื้นฟูความเชื่อมั่นในการเดินทาง ตลอดจนแสดงถึงความพร้อมและศักยภาพของภาคเหนือ ททท. ได้จัดงาน “เหนือพร้อม...เที่ยว” ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ สู่ภาคเหนือ 17 จังหวัด 

โดยในวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 ททท. ได้นำผู้ประกอบการและสื่อมวลชนจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศกว่า 200 คน ร่วมอัปเดทสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ พร้อมร่วมพิธีสืบชะตาหลวงล้านนาเพื่อความเป็นสิริมงคล ตลอดจนกิจกรรม CSR พร้อมกันนี้ถือเป็นการคิกออฟเปิดตัวแคมเปญ “แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ภูมิภาคภาคเหนือกว่า 22.13 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 164,106 ล้านบาท

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้ผนึกความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่และช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2567 โดยได้เตรียมเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยหลากหลายกิจกรรม เทศกาล งานประเพณีที่มีการผสมผสานทั้งกิจกรรมท่องเที่ยว กีฬา ผลิตภัณฑ์ชุมชน วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น งานประเพณีลอยกระทงยี่เป็งนครเชียงราย กิจกรรม Mae Salong Trail งานมหกรรมดอกไม้อาเซียน งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม งานเคาท์ดาวน์เชียงราย 2025 ฯลฯ ซึ่งจะช่วยสร้างสีสันรับฤดูท่องเที่ยวของภาคเหนือ และสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง และการกระจายรายได้หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจภายในจังหวัดได้เป็นอย่างดี
 
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 50 ปี ของจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่นับว่าเป็นรายได้หลักของจังหวัด ภายหลังจากเหตุการณ์คลี่คลายลง จังหวัดเชียงใหม่ได้ระดมกำลังทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ประชาชน และจิตอาสา เร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และในวันนี้จังหวัดเชียงใหม่พร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season ที่กำลังจะมาถึง

 โดยในช่วงปลายปี จังหวัดเชียงใหม่จะมีการจัดกิจกรรม เทศกาล งานประเพณี ที่น่าสนใจ เช่น งานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ มหกรรมดนตรีเชียงใหญ่เฟส เทศกาลงานออกแบบ Chiang Mai Design Week งานวิ่งเมืองไทยเชียงใหม่มาราธอน และงาน Amazing Chiang Mai Countdown 2025 และอีกมากมาย ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ให้ฟื้นตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแคมเปญ “แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง” เริ่มต้นวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ททท. ได้ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ อาทิ โรงแรม/ที่พัก ร้านกาแฟ ร้านอาหาร กิจกรรม DIY แหล่งท่องเที่ยว ร้านของที่ระลึก มอบส่วนลด 50% ของการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์ (1 คน/1 สิทธิ์) ให้แก่นักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR code เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ ณ โรงแรมที่เข้าพักที่ร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด 

โดยเมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว จะได้รับ SMS ยืนยันการเข้าร่วมแคมเปญ ซึ่งจะมีระยะเวลาการใช้งานสิทธิ์ที่ได้รับภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) นับจากเวลาที่ได้รับ SMS ยืนยัน ทั้งนี้สำหรับการใช้สิทธิ์ส่วนลด นักท่องเที่ยวสามารถใช้สิทธิ์โดยสแกน QR code ณ สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการโดยสังเกตป้ายที่มีโลโก้แอ่วเหนือคนละครึ่ง ทั้งนี้สิทธิ์ในการใช้ส่วนลดมีจำนวนจำกัด ททท. ขอสงวนสิทธิ์ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนก่อนจะได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) โดยสามารถเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 หรือเมื่อครบจำนวนการใช้สิทธิ์

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดการสมัครเข้าร่วมแคมเปญ “แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง” และตรวจสอบรายชื่อสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center โทร. 1672

นภาพร/เชียงใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top