Saturday, 18 May 2024
กฟผ

กฟผ. ปรับดีไซน์ใหม่ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ดึงแน็ก-ชาลี และศิลปิน “พาราด็อกซ์” เป็นพรีเซนเตอร์ หวังปลุกพลังคนรุ่นใหม่ประหยัดไฟ ผ่านเพลง “ฤดูเซฟ”

กรุงเทพมหานคร - เข้าสู่ฤดูร้อน ความต้องการใช้ไฟฟ้าของคนไทย ก็เข้าสู่ช่วงพีคด้วยเช่นกัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หนึ่งในหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รู้คุณค่า ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จึงเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนไทยมากกว่า 30 ปี มีการเปลี่ยนรูปแบบดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จนถึงทุกวันนี้ 

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เผยถึงความเป็นมาของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ว่า “กฟผ. ต้องการให้คนไทยใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพมาตั้งแต่ ปี 2536 ได้เปิดตัว “โครงการประชาร่วมใจ ประหยัดไฟฟ้า” (Together Conservation) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5” กฟผ. ได้ผลักดันให้เกิดมาตรฐานระดับประสิทธิภาพพลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงด้วยการติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงาน ในปี 2538 ได้ดำเนินการรับรองฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานผลิตภัณฑ์แรกและได้ขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และปี 2567 กฟผ.ได้พัฒนารูปแบบฉลากฯ ใหม่ และปรับระดับประสิทธิภาพสูงสุดเป็นเบอร์ 5 ห้าดาว โดยผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อ, การใช้งาน และหมดช่วงอายุการใช้งาน ผ่านการสแกน QR Code ซึ่งเป็นการพัฒนาฉลากฯ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เพื่อสนับสนุนนโยบายและเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพด้านผู้ผลิตและผู้นำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับสร้างทัศนคติการประหยัดไฟฟ้าแก่ประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมเสนอทางเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงแสวงหาเทคโนโลยีการประหยัดไฟฟ้า  การบริหารการใช้ไฟฟ้าเพื่อนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม”

สำหรับการเปลี่ยนดีไซนใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ นอกจากจะมีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์แล้ว ยังดึงเอา Music Marketing เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรุกตลาดด้วย “ กฟผ.เล็งเห็นความสำคัญของการตลาดผ่านเพลง ที่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาจากเพลงที่เป็นที่นิยม ติดหูคนฟังหลายเจนเนอเรชันอยู่แล้ว มาใช้ในการสื่อสารสามารถสร้างการจดจำ และช่วยสร้างภาพจำให้กับแคมเปญได้เป็นอย่างดีในระยะเวลาสั้น เราจึงเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Music Marketing เราทำการคัดเลือกเพลงดังอยู่หลายเพลง จนได้เพลงคุ้นหู ฤดูร้อน ของวงพาราด็อกซ์ (Paradox) ซึ่งตรงกับช่วงหน้าร้อนที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง จึงมองว่าการนำเพลงมาดัดแปลงเนื้อร้อง ให้เป็น ฤดูเซฟ จะสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี พร้อมทำมิวสิควิดีโอ หลังจากที่ปล่อยซิงเกิลนี้ออกไป ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดรับชมทั้งมิวสิค วิดีโอ และหนังโฆษณา รวมแล้วกว่า 10,000,000 ครั้ง และเป็นไวรัล ในโซเชียลได้เป็นอย่างมาก ทำให้ยอดผู้ติดตามโซเชียลมีเดียของ กฟผ. เพิ่มขึ้นและถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้าง 

และอย่างที่ทราบกันแล้วว่า พรีเซนเตอร์คนใหม่ล่าสุด คือ แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ เพราะว่ามีคาแรคเตอร์ชัดเจน คนไทยคุ้นเคย และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่นเดียวกันกับศิลปินนักร้องวงพาราด็อกซ์ ที่มีเพลงติดหูอยู่หลายเพลง ซึ่งทั้งสองศิลปินดังกล่าว รู้จักทุกวัย จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสื่อสารเรื่องฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์แบบใหม่นี้ ให้เข้าถึงคนไทยทั้งประเทศได้ ผ่านแคมเปญการตลาดในรูปแบบ Music Marketing ที่กล่าวมาข้างต้น หลังจากนี้ เราวางแผนประชาสัมพันธ์ในสื่อทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก, ยูทูป, ติ๊กต๊อก และช่องทางออฟไลน์ เช่น สื่อโทรทัศน์ และสื่อนอกบ้าน ป้ายโฆษณา ควบคู่ไปกับแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าถึง ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพราะเรามองว่า เรื่องการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญร่วมกัน สำหรับแคมเปญปรับโฉมใหม่ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เราคาดหวังว่า ประชาชนคนไทย จะใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบบใหม่ 5 ดาว เพื่อช่วยกันประหยัดไฟ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเข้าถึงข้อมูลด้านพลังงานให้มากขึ้น ส่วนภาคผู้ผลิต เราต้องการให้เกิดการแข่งขันด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมกำหนดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม หากทั้งสองส่วนร่วมกัน ก็จะนำไปสู่เป้าหมายในภาพรวม คือ การลดการใช้พลังงานโดยรวมของประเทศ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมพาประเทศ มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของเราด้วย” นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กล่าว

ด้าน 2 พรีเซนเตอร์ นำโดย แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ เล่าถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในแคมเปญนี้ว่า “ผมเป็นคนชอบอยู่บ้าน ไม่ว่าพักผ่อน เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ไลฟ์โซเชียล เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าตลอด เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งบ้านก็จะต้องติดฉลากเบอร์ 5 พอรู้ว่าได้มาทำงานตรงนี้ ผมและพี่ๆ รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เป็นตัวแทนจาก กฟผ. มารณรงค์ให้เพื่อนๆ ใส่ใจในการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า สำหรับฉลากฯใหม่ รู้สึกทันสมัยมากขึ้น เข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น มีความสดใส ไฉไลมากขึ้นครับ ผมอยากให้คนไทยได้ร่วมรักษ์โลกไปกับพวกเรา ผมแน็กชาลี และพี่ๆ พาราด็อกซ์ โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ 5 ดาว รับรองว่า ประสิทธิภาพของการประหยัดไฟพลังงานดีแน่นอนครับ” 

ทางด้านศิลปินนักร้อง วงพาราด็อกซ์ กล่าวเสริมด้วยว่า “พวกเราจะใช้ชีวิตด้วยกันในห้องอัดอยู่บ่อยๆ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จริงๆ ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ข้าวกล้อง เสื้อผ้า และผ้าม่าน ที่ได้รับการติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เช่นกัน พวกเรารู้สึกดีใจมากๆ ครับ ที่ได้มาเป็นพรีเซนเตอร์ แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ อยากฝากถึงคนไทยทุกคน เวลาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า อยากให้มองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับติดฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ 5 ดาว เป็นอันดับแรก เพราะนอกจากจะช่วยชาติประหยัดพลังงานแล้วยังประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยครับ” สองพรีเซนเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย 

ติดตามความเคลื่อนไหวและอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/EGAT.Official

'กฟผ.' ชวนคนไทยประหยัดไฟด้วยอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ห้าดาว ช่วยเซฟเงินในกระเป๋า เซฟสิ่งแวดล้อม และเซฟพลังงาน

(18 มี.ค. 67) นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานรณรงค์ประหยัดพลังงาน ประหยัดไฟใน ‘ฤดูเซฟ’ โดยมีนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วยผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 ดาราศิลปินดัง แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ และวงพาราด็อกซ์ ร่วมสร้างสีสันในงาน ณ ลานกิจกรรมบริเวณลิฟต์แก้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานมีหน้าที่ผลักดันและจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานสะอาด ตลอดจนนำพาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 ผ่านนโยบายต่าง ๆ โดยในช่วงหน้าร้อนนี้ กระทรวงพลังงานได้เชิญชวนให้คนไทยทุกคนร่วมกันประหยัดพลังงาน ผ่านเคล็ดไม่ลับ 5 ป. ได้แก่ 1) ‘ปิด’ ไฟที่ไม่จำเป็น 2) ‘ปรับ’ แอร์อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส 3) ‘ปลด’ ปลั๊กเมื่อเลิกใช้ 4) ‘เปลี่ยน’ มาใช้ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ และหลอดไฟ LED รวมถึง 5) ‘ปลูก’ ต้นไม้บริเวณบ้าน 

โดยฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า หรือ Demand Side Management (DSM) ที่ กฟผ. ดำเนินการ และเป็นส่วนสำคัญที่สร้างการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ห้าดาว ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพด้านพลังงาน และรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เปลี่ยนฤดูร้อนให้เป็นฤดูเซฟ เซฟทั้งเงินในกระเป๋า เซฟสิ่งแวดล้อม และเซฟพลังงานในภาพรวมของประเทศ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กว่าว่า ฤดูร้อนของทุกปีประเทศไทยจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงานจึงเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และช่วยให้ประเทศประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ของ กฟผ. เป็นสัญลักษณ์ของการประหยัดพลังงานที่ได้รับการยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปี ในวันนี้ กฟผ. ได้ทำการปรับปรุงรูปแบบฉลากเบอร์ 5 โฉมใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคสินค้าและบริการของคนรุ่นใหม่ ที่เลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ของฉลากให้เหมาะสมกับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล โดย 1) เพิ่มค่าประสิทธิภาพสูงสุดจาก 3 ดาว เป็น 5 ดาว 2) เพิ่มข้อมูลด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3) ใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 4) เพิ่ม QR Code บนฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวก

สำหรับการปรับดีไซน์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ นับเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ โดยได้รณรงค์ผ่านเพลงดัง ‘ฤดูร้อน’ ของวงพาราด็อกซ์ ที่ได้นำมาดัดแปลงเนื้อร้องเป็น ‘ฤดูเซฟ’ สร้างการจดจำ โดยฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบบใหม่ เริ่มใช้งานแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 24 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานและติดฉลาก ในอนาคตมีแผนติดฉลากให้กับแผงโซลาร์เซลล์ และอินเวอร์เตอร์ที่ใช้กับแผงโซลาร์เซลล์ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ประหยัดพลังงานอื่น ๆ อีก เช่น กิจกรรมเสนอไอเดียประหยัดไฟดับร้อนสุดสร้างสรรค์ของ กฟผ. ‘เล่นปุ๊บ แจกปั๊บ ดับร้อน ในฤดูเซฟ’ ลุ้นรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ได้ตลอดเดือนเมษายน 2567 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ด้าน แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ ได้เล่าถึงการเข้ามามีส่วนร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ในแคมเปญนี้ว่า เนื่องจากเป็นคนชอบอยู่บ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งบ้านจึงต้องมีฉลากเบอร์ 5 เพื่อการประหยัดพลังงานไฟฟ้า อยากให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ จะทำให้ประสิทธิภาพของการประหยัดไฟพลังงานดีขึ้นอย่างแน่นอน

ในขณะที่วงพาราด็อกซ์ กล่าวว่า ฉลากเบอร์ 5 ไม่ได้มีแค่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ข้าวกล้อง เสื้อผ้า และผ้าม่าน ที่ได้รับการติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เช่นกัน ขอฝากถึงคนไทยทุกคน หากซื้อผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้มองหาฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ห้าดาว เป็นอันดับแรก เพราะนอกจากจะช่วยชาติประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย

‘ผู้ว่าฯ กฟผ.’ แนะ!! รัฐฯ ควรเคาะ ‘ค่าไฟ’ ปีละ 1 ครั้ง หวังลดภาระประชาชน - เอื้อเอกชนในการคิดต้นทุน

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.67) ที่สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. คนใหม่ (คนที่ 16) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของ กฟผ. และแนวทางการบริหารงาน ว่า ระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน ในฐานะผู้ว่าการ กฟผ. จะเร่งเดินหน้า 5 ภารกิจสำคัญ คือ 1.รักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้า 2.บริหารจัดการค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ 3.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมาย Carbon Neutrality ของประเทศ 4.ดำเนินการตามนโยบายภาครัฐ และ 5.เป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐ โดย กฟผ. เป็นกลไกของรัฐเพื่อดำเนินนโยบายด้านพลังงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศ ในช่วงที่ประเทศไทยเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ระบบไฟฟ้าต้องมีประสิทธิภาพและความมั่นคงสูง พร้อมส่งต่อไฟฟ้าที่มีคุณภาพไฟไม่ตก ไม่ดับ ควบคู่กับการดูแลค่าไฟฟ้าให้สามารถแข่งขันได้และเป็นธรรม เพื่อเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ

นายเทพรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้อยากให้ภาครัฐพิจารณาปรับรูปแบบการคำนวณค่าไฟของประเทศให้ต่ำและนิ่งกว่านี้ จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) จะคำนวณตามต้นทุนเชื้อเพลิงทุก 4 เดือน ทำให้ค่าไฟขึ้นลงผันผวน กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน การคำนวณต้นทุนของภาคเอกชน ซึ่งปกติเอกชนจะโควทต้นทุนที่สูงที่สุดของปีและเมื่อค่าไฟถูกลงก็ไม่ได้ลดราคาสินค้าลง ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรกำหนดค่าไฟให้ต่ำและนิ่งอาจคำนวณทุก 1 ปี เพื่อให้ทุกภาคส่วนรับรู้ต้นทุนระยะยาว เพราะราคาพลังงานขึ้นลงเป็นปกติ สามารถหักลบกัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้งประเทศแน่นอน

นายเทพรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน กฟผ.รับภาระค่าไฟแทนประชาชนอยู่ที่ 99,689 ล้านบาท คาดว่าค่าไฟงวดใหม่ เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 ที่อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นจากประชาชนจะสรุปตัวเลขที่ 4.18 บาทต่อหน่วย โดย กฟผ.จะได้เงินคืน 7 งวด งวดละ 14,000 ล้านบาท หรือ 20.51 สตางค์ต่อหน่วย คาดหวังอัตราค่าไฟหลังจากนี้ กฟผ.จะได้เงินคืนรูปแบบนี้ทั้ง 7 งวดเพื่อบริหารสภาพคล่อง กฟผ. โดยปี 2567 กฟผ.ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท เน้นลงทุนปรับปรุงระบบสายส่ง และโซลาร์ลอยน้ำ และปัจจุบัน กฟผ.มีสัดส่วนผลิตไฟฟ้าประมาณ 30% ของการผลิตทั้งประเทศ

'กฟผ.' ชี้!! ร้อนปีนี้บิลค่าไฟฟ้าอาจแพงขึ้น แม้รัฐตรึง 4.18 บาทต่อหน่วย หลังหน้าร้อนมาเร็วกว่าเดิม ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม อุปกรณ์ทำงานหนัก

(22 มี.ค. 67) นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ กล่าวว่า ปีนี้หน้าร้อนมาเร็วขึ้น ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จึงมีแนวโน้มว่าหน้าร้อนนี้จะมีปริมาณการใช้ไฟพีกกว่าปีที่แล้ว แต่ยืนยันว่าค่าไฟฟ้าต่อหน่วยยังเท่าเดิม ตามที่รัฐบาลตรึงไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย แต่การที่บิลค่าไฟฟ้าแพงขึ้นในช่วงหน้าร้อน เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น

ส่วนค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค. - ส.ค. 2567 ที่มี 3 แนวทาง โดยค่าไฟฟ้าต่ำสุดอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย และสูงสุดอยู่ที่  5.44 บาทต่อหน่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนนั้น ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า หากค่าไฟฟ้างวดหน้ายังเก็บในอัตราเดิม คือ 4.18 บาทต่อหน่วย ก็ต้องแบ่งจ่ายคืนหนี้คงค้างให้ กฟผ. 7 งวด งวดละ 14,000 ล้านบาท รวมยอดหนี้คงค้าง 99,689 ล้านบาท ซึ่งหากชำระหนี้คืน กฟผ.ได้หมดภายใน 7 งวดจริง  ก็ไม่มีปัญหาต่อสภาพคล่องของ กฟผ. แต่สิ่งที่ต้องการคือความแน่นอน และความมั่นใจว่าการชำระหนี้จะเป็นไปตามเงื่อนไข ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะส่งผลกระทบต่อการวางแผนการดำเนินงานของ กฟผ. ความน่าเชื่อถือ และเครดิตเรทติ้งของกฟผ.ด้วย 

“กฟผ. เป็นกลไกหนึ่งของรัฐซึ่งพร้อมสนับสนุนในการดูแลค่าไฟ ซึ่งเป็นต้นทุนของทุกอุตสาหกรรม และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดย กฟผ. สนับสนุนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เช่น ก๊าซ ลิกไนท์ ถ่านหิน มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อให้ต้นทุนค่าไฟลดลง รวมถึงสนับสนุนนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของ สปป.ลาว เพราะเป็นพลังงานสีเขียวและราคาถูก เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่มได้รับความเป็นธรรม และสามารถเข้าถึงราคาค่าไฟได้” นายเทพรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ นายเทพรัตน์ ยังเปิดตัวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในฐานะ ผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ พร้อมชู 5 ภารกิจสำคัญเร่งด่วน ได้แก่

1. รักษาความมั่นคงทางด้านไฟฟ้า เนื่องจากไฟฟ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ มีส่วนในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ 

2. เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ทำให้ราคาไฟฟ้ามีเสถียรภาพ และอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยนำทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ก๊าซ ลิกไนท์ ถ่านหิน มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมถึงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการปรับปรุงโครงสร้างค่าไฟฟ้า 

3. รักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม
4. ตอบสนองนโยบายรัฐบาล
5. นำส่งรายได้เข้ารัฐ

‘พีระพันธุ์’ มอบนโยบาย กฟผ. ย้ำ!! แม้ไม่ใช่ข้าราชการ 100% แต่ต้องยึดประโยชน์ของชาติและประชาชนสำคัญเหนืออื่นใด

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ณ สำนักงานกลาง กฟผ. และมอบนโยบายแก่คณะกรรมการ กฟผ. และผู้บริหารระดับสูง ในการดูแลระบบพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นสำคัญ

“มันก็จะเป็นประวัติของพวกเราเองว่า เราได้ทําหน้าที่ให้กับพี่น้องประชาชน เราได้ทําหน้าที่ให้กับบ้านเมืองแล้ว เราเป็นรัฐวิสาหกิจ เราไม่ใช่ข้าราชการ 100% แต่ภารกิจหน้าที่ก็ไม่ได้ต่างกัน นั่นคือทําเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ เราเป็นผู้ที่ต้องแบก ผมเข้าใจว่าในการบริหารองค์กรแบบนี้ท่านต้องเอาองค์กรให้รอดด้วย แต่อย่าลืมว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือประโยชน์ของประชาชน ของประเทศชาติ เราต้องแบก” นายพีระพันธุ์กล่าว

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center: REFC) และศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Control Center: DRCC) ก่อนเดินทางด้วยรถบัส EV ไปยังศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (National Control Center : NCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้โรงไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ รวมถึงสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่ตั้งกระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติงานเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

‘กฟผ.’ มอบส่วนลด 5,555 สิทธิ์ ชวนใช้ ‘ตู้เย็นติดฉลากเบอร์ 5’ แบบใหม่ ‘ไร้สี-ไร้กลิ่น-เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ 1 พ.ค. - 30 ก.ย.นี้ ณ ห้างสรรพสินค้า

กฟผ. ชวนใช้ตู้เย็นติดฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ ใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ ช่วยประหยัดไฟฟ้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมมอบ 5,555 สิทธิ์ส่วนลดแก่ประชาชน เริ่ม 1 พ.ค. - 30 ก.ย. 67 นี้ ณ ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ

นายธวัชชัย สำราญวานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประธานกรรมการบริหารกองทุนนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมทำความเย็น เปิดเผยว่า ปีนี้ กฟผ. ครบรอบ 55 ปี กฟผ. ร่วมกับผู้ประกอบการฉลากเบอร์ 5 และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จัดกิจกรรม ‘ร่วมรักษ์โลก ร่วมรักษ์พลังงาน ร่วมใช้ตู้เย็นฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่’ เปลี่ยนจากเบอร์ 5 แบบเก่าประสิทธิภาพสูงสุดที่ 3 ดาว เป็น 5 ดาว มอบสิทธิ์ส่วนลดแก่ประชาชน จำนวน 5,555 สิทธิ์ มูลค่ารวมเกือบ10 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกใช้ตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดไฟฟ้า และใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ หรือ สาร Isobutane (R600a) ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่เป็นพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

>> สำหรับสิทธิ์ส่วนลดดังกล่าว ประกอบด้วย…

1.) ส่วนลดสูงสุด 3,500 บาท จำนวน 1,555 สิทธิ์ สำหรับซื้อตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ห้าดาว ขนาด 7.1 - 14.0 คิวบิกฟุต
2.) ส่วนลด 1,500 บาท จำนวน 2,000 สิทธิ์ สำหรับซื้อตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ห้าดาว ขนาดไม่เกิน 7 คิวบิกฟุต และมากกว่า 14 คิวบิกฟุตขึ้นไป ขนาดละ 1,000 สิทธิ์
และ 3) ส่วนลด 750 บาท จำนวน 2,000 สิทธิ์ สำหรับซื้อตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ถึงฉลากเบอร์ 5 สี่ดาว

โดยเปิดให้รับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 30 กันยายน 2567 หรือจนกว่าผู้ใช้สิทธิ์จะครบตามจำนวน เพียงแสดงบัตรประชาชนเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์ ที่เคาน์เตอร์ชำระเงินของห้างสรรพสินค้าที่ร่วมกิจกรรมทั้ง 12 ราย ได้แก่ โฮมโปร เมกาโฮม ไทวัสดุ บีเอ็นบีโฮม เพาเวอร์บาย เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม สยามพารากอน โกลบอลเฮ้าส์ ดูโฮม ฮาร์ดแวร์เฮาส์ และร้านสหกรณ์ กฟผ.

ทั้งนี้ ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ นอกจากจะเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ประหยัดมากขึ้น และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมี QR Code ให้ตรวจสอบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้ คาดว่ากิจกรรมส่งเสริมการใช้ตู้เย็นเบอร์ 5 แบบใหม่ จะประหยัดพลังงานไฟฟ้าลงได้ประมาณ 1.6 ล้านหน่วยต่อปี หรือคิดเป็นเงิน 8 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน จากการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ R600a ได้เกือบ 100% เมื่อเทียบกับการใช้สารทำความเย็น R134a

‘ปตท.’ ผนึก ‘กฟผ.’ ร่วมทุนโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2 หนุนนโยบายรัฐ ‘เสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ’ สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

เมื่อไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.), นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. ในฐานะประธานกรรมการ PTTLNG, นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด และนายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จการร่วมทุนใน บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) เพื่อดำเนินโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2 (LMPT2) ระหว่าง บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

โดย PTTLNG และ กฟผ. จะถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน (50:50) พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เสริมความมั่นคงทางพลังงานแก่ประเทศ รวมทั้งแสวงหาโอกาสความร่วมมือและการลงทุนร่วมกันต่อไป

‘ธนารักษ์-กฟผ.’ เสริมแกร่งบูรณาการข้อมูลที่ดินร่วมกัน มั่นใจ!! ประชาชนได้ค่าทดแทนถูกต้อง-รวดเร็วขึ้น

(13 พ.ค. 67) นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยน เชื่อมโยง และบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมธนารักษ์กับ กฟผ. ณ ห้องออดิทอเรียม อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี

นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่จะสนับสนุนข้อมูลราคาประเมินที่ดินและข้อมูลที่ดินราชพัสดุ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการดำเนินภารกิจ กฟผ. ในการจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินของเอกชนและค่าตอบแทนการขออนุญาตใช้ที่ดินราชพัสดุที่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าพาดผ่าน ส่วนกรมธนารักษ์สามารถนำข้อมูลแนวเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าแรงสูง และข้อมูลแปลงที่ดินของ กฟผ. ไปใช้ในการประเมินราคาที่ดินของกรมธนารักษ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. มีภารกิจพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องรอนสิทธิที่ดินใต้แนวเขตทั้งที่เป็นที่ดินของเอกชนและที่ดินของรัฐเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดย กฟผ. มีหน้าที่ในการจ่ายเงินค่าทดแทนการรอนสิทธิด้วยความเป็นธรรม ดังนั้นการบูรณาการข้อมูลราคาประเมินที่ดินและข้อมูลที่ดินราชพัสดุจากระบบออนไลน์ของกรมธนารักษ์ กับข้อมูลที่ดินจากระบบจัดการข้อมูลงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน (Land AIMS) ของ กฟผ. จะช่วยให้ กฟผ. สามารถดึงข้อมูลราคาประเมินที่ดินและข้อมูลที่ดินราชพัสดุจากฐานข้อมูลของกรมธนารักษ์ได้โดยตรง ทำให้สามารถจ่ายเงินค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดิน ค่าตอบแทนและค่าเช่าการขออนุญาตใช้ที่ดินราชพัสดุแก่กรมธนารักษ์ รวมถึงใช้ในการวางแผน การจ่ายค่าเช่าและภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top