CNN เปิดเทปลับ ‘ทรัมป์’ เคยขู่ ‘ปูติน-สี จิ้นผิง’ ลั่นจะถล่ม ‘มอสโก – ปักกิ่ง’ หากบุก ‘ยูเครน – ไต้หวัน’
เทปเสียงหลุดทรัมป์ขู่บอมบ์มอสโก-ปักกิ่ง CNN เปิดเทปลับ เผยทรัมป์เคยขู่ปูติน-สี จิ้นผิง จะ 'บอมบ์' เมืองหลวงหากบุกยูเครน-ไต้หวัน! ย้ำเด็ดขาดทุกนโยบาย ทั้งในและนอกประเทศ
(10 ก.ค.68) สำนักข่าว CNN เปิดเผยเทปเสียงลับที่สะเทือนวงการการเมือง จากงานระดมทุนปี 2024 ที่เผยให้เห็นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในมุมที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเล่าอย่างตรงไปตรงมาว่าเคยขู่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย หากรัสเซียบุกยูเครน สหรัฐฯ จะ 'ทิ้งระเบิดใส่มอสโก' ตามเสียงบันทึกจากงานระดมทุนที่จัดขึ้นในนิวยอร์กและฟลอริดา
ในเทปเสียงที่เปิดเผยครั้งนี้ ทรัมป์เล่าถึงการสนทนากับปูตินว่า "กับปูติน ผมบอกว่า 'ถ้านายบุกยูเครน ฉันจะบอมบ์มอสโกให้ยับเลยนะ ฉันไม่มีทางเลือก' ...เขาทำเหมือนไม่เชื่อ แต่สุดท้ายเขาเชื่อผม 10%" การเปิดเผยครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การข่มขู่ที่ทรัมป์ใช้ในการจัดการกับผู้นำต่างชาติ
นอกจากรัสเซียแล้ว ทรัมป์ยังอ้างว่าเคยขู่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในลักษณะเดียวกัน หากจีนคิดจะบุกไต้หวัน โดยบอกอย่างเด็ดขาดว่า "ถ้าทำ ฉันจะบอมบ์ปักกิ่ง" พร้อมกับเสริมอย่างภาคภูมิใจว่า "เขาคิดว่าผมบ้า" แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือ "เราไม่เคยมีปัญหา" สะท้อนถึงการใช้ภาพลักษณ์ที่คาดเดาไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการทูต
คำพูดที่น่าตกใจเหล่านี้ถูกเปิดเผยในเทปเสียงที่นำไปใช้ประกอบการเขียนหนังสือ '2024' โดยนักข่าว Josh Dawsey, Tyler Pager และ Isaac Arnsdorf ทรัมป์ใช้ท่าทีแข็งกร้าวและการข่มขู่ผู้นำต่างชาติเป็นจุดขายหลักในการหาเสียง โดยอ้างเสมอว่าหากเขาเป็นประธานาธิบดี สงครามในยูเครนและความขัดแย้งในกาซาจะไม่เกิดขึ้น
ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรี ทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจต่อปูตินอย่างเปิดเผยและชัดเจน โดยระบุว่า "ผมไม่พอใจปูตินเลย" และ "เราโดนเขาโยนเรื่องไร้สาระใส่มาเยอะมาก" การแสดงออกครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างเด่นชัดจากการหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ปูตินโดยตรงในอดีต สะท้อนถึงความผิดหวังจากการเจรจาที่ไม่คืบหน้า
ในส่วนของนโยบายภายใน เทปเสียงเผยให้เห็นท่าทีที่เด็ดขาดของทรัมป์ โดยระบุว่าหากได้เป็นประธานาธิบดี จะดำเนินการเนรเทศนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวประท้วง โดยเฉพาะกลุ่มที่แสดงการสนับสนุนปาเลสไตน์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ "นักศึกษาคนไหนที่ประท้วง ผมจะไล่ออกนอกประเทศ ...ผมว่ามันจะหยุดทันที" ทรัมป์กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับย้ำกับผู้บริจาคว่า หากเขาได้รับเลือกตั้ง จะ "ย้อนกระแสขบวนการนี้กลับไป 25-30 ปี"
ในด้านการระดมทุน ทรัมป์ยังอวดเทคนิคและความสำเร็จในการโน้มน้าวผู้บริจาครายใหญ่ โดยเล่าถึงกรณีศึกษาที่มีผู้สนใจเสนอเงิน 1 ล้านดอลลาร์เพื่อได้โอกาสทานอาหารกลางวันกับเขา แต่ทรัมป์สามารถใช้เทคนิคการเจรจาต่อรองโน้มน้าวให้ผู้บริจาครายนั้นเพิ่มจำนวนเงินเป็น 25 ล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ "คุณต้องกล้าขอ ...ต้องทำให้พวกเขาคิดในแบบที่คุณต้องการ" เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เทปเสียงจากงานระดมทุนปี 2024 ครั้งนี้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนของทรัมป์ในมุมที่ตรงไปตรงมาและแข็งกร้าว ทั้งในด้านนโยบายต่างประเทศที่พร้อมใช้การข่มขู่และความรุนแรงต่อผู้นำมหาอำนาจโลก และนโยบายภายในที่เน้นความเด็ดขาดต่อผู้ที่คิดเห็นต่างทางการเมือง รวมถึงเทคนิคการระดมทุนจากผู้สนับสนุนระดับสูง ท่าทีและกลยุทธ์เหล่านี้สะท้อนถึงแนวทางการหาเสียงที่เน้นความเข้มแข็งและการใช้อำนาจต่อรองอย่างหนักในทุกเวทีและทุกระดับ
