Tuesday, 8 July 2025
ค้นหา พบ 49282 ที่เกี่ยวข้อง

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เชิญนายกฯ ชี้แจงปัญหาทางทหารและความมั่นคงชายแดนไทย

(7 ก.ค. 68) เวลา 10.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สส.) คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการและโฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงข่าวเรื่อง “การเชิญหรือเรียกนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ กรณีปัญหาพื้นที่ชายแดนประเทศไทย” โดยระบุว่า จากข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดนไทยเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์ของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกฎหมายบัญญัติไว้ และยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพจิตใจขอพี่น้องประชาชนคนไทย อีกทั้งฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทางอันไร้ความจริงใจและความพยายามเพื่อให้ได้เปรียบประเทศไทยมากที่สุด ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงมีความจำเป็นและเหตุในการเรียกนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในประเด็นข้อซักถาม ดังนี้ 1. จุดยืนและแนวทางปฏิบัติข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา (กรณีเร่งด่วน) จำนวน 12 ข้อ อาทิ จุดยืน MOU พ.ศ. 2543 และ MOU พ.ศ. 2544 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องจากฝ่ายกัมพูชา การแก้ไขปัญหาและยุติการรุกล้ำขยายชุมชนของชาวกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนไทยอย่างเด็ดขาด เป็นต้น 2. สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 5 ข้อ อาทิ การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้การปฏิบัติการในพื้นที่มีประสิทธิภาพ มีความยุติธรรม และคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือการปกป้องและดูแลประชาชนชาวไทยทุกกลุ่มในพื้นที่ โดยเฉพาะชาวไทยพุทธที่ยังอยู่ในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 3 ความปลอดภัยไซเบอร์และการต่อต้านการฟอกเงิน จำนวน 2 ข้อ คือ การขจัดธุรกรรมผิดกฎหมายหรือที่ต้องสงสัยเพื่อป้องกันหรือปราบปรามและช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัยจากฉ้อโกงออนไลน์ และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติด้วยระบบ AI และ Machine Learning อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังได้มีกำหนดจัดการเสวนาเรื่อง “ความมั่นคงกับอนาคตประเทศไทย” ขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 – 16.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม หมายเลข 406 - 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สว.) เพื่อให้วุฒิสภาเป็นเวทีในการรับฟัง รับรู้ ถกแถลงแนวคิดและแลกเปลี่ยนมุมมองในหลายมิติ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง และมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของประเทศไทยที่มั่นคง และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีความขัดแย้งด้านพรมแดนบริเวณรอบปราสาทและพื้นที่อ้างสิทธิ์ตลอดแนวชายแดน

‘กรณ์’ จี้รัฐบาลเตรียมแผนรองรับภาษีนำเข้าสหรัฐ 36% แนะทบทวนงบประมาณปี 69 หวั่นคนไทยเดือดร้อน หากเริ่มขาดดุลต่อเนื่อง

(8 ก.ค.68) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij” ระบุว่า เราเจอเข้าเต็ม 36%! นี่คือผลเจรจาที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้ เพราะนอกจากไม่ได้ลดหย่อนจากที่สหรัฐประกาศไว้เมื่อ 90 วันก่อน และเป็นอัตราที่สูงกว่าเวียดนามที่เจรจาลดลงได้กว่าครึ่ง ซึ่งสหรัฐแจ้งมาว่าหากในอนาคตเราลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐลงเขาก็จะปรับภาษีที่คิดกับเราลงตาม

การเจรจากับทรัมป์เป็นเรื่องที่ยากมาก สหรัฐถือไพ่เหนือกว่าเราเป็นทุนเดิม และในขณะที่รัฐบาลเราหา win-win ขณะที่เขามองว่าเราเอาเปรียบมานานแล้วถึงเวลาที่เขาต้อง win คนเดียวบ้างเพื่อเป็นการชดเชย ซึ่งทีมเราอ่านเกมส์นี้ไม่ขาด

สาเหตุที่เวียดนามกล้าลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% เป็นเพราะเขาแข่งขันได้ และพร้อมแข่งขัน มากกว่าเราในทุกภาคอุตสาหกรรม คำถามคือในการเจรจาที่ผ่านมาเรายังพยายามปกป้องใครอยู่บ้าง? คุ้มหรือไม่กับความเดือดร้อนของผู้ส่งออก และการสูญเสียรายได้ของประเทศ?

ที่สำคัญคือรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์นี้อย่างไร?

อันดับแรกรัฐบาลควรทบทวนการพิจารณางบประมาณปี 69 ทั้งหมด ทั้งแหล่งรายได้ และทั้งการใช้จ่าย หากรัฐบาลยังทำทุกอย่างเหมือนเดิมคนไทยจะเดือดร้อนหนักมาก

อันดับที่สอง ควรระวังผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ หากเราเริ่มขาดดุลต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศก็ลดลง

ประเด็นเรื่องเสถียรภาพจะเริ่มมีความสำคัญ ในจังหวะนี้เราจะมีเลือกผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่พอดี วิสัยทัศน์และทัศนคติของผู้ว่าคนใหม่จะมีผลต่อความเชื่อมั่นมาก

‘ดร.กอบศักดิ์’ เร่งรัฐแก้เกม ‘ภาษีทรัมป์’ หลังไทยโดน 36% เสียเปรียบเวียดนาม-มาเลเซีย

(8 ก.ค.68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ถูกสหรัฐส่งจดหมายแจ้งเมื่อคืนนี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยกำหนดอัตราสำหรับประเทศไทยที่ 36% เท่ากับรอบแรก เป็นคำเตือนว่าที่เสนอมา ยังไม่พอ ไม่โดนใจ ยังไม่ใช่ Good Deal ต้องทำการบ้านเพิ่มแล้วกลับมาต่อรองอีกรอบไม่เช่นนั้น “จบที่เดิม” ที่เคยประกาศไว้ที่ 2 เมษายน

ในรอบนี้ สหรัฐอาจจะไม่ถอย เพราะตลาดได้รับรู้ตัวเลขเหล่านี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ผู้ประกอบการสหรัฐมีเวลาปรับตัวมา 90 วัน ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐลงไม่มากในช่วง 2-3 วันข้างหน้า ลงไม่ถล่มทลายเหมือนต้นเมษายน ก็ยากที่จะมีใครมาเปลี่ยนใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้

ทั้งนี้ สำหรับไทย ถ้าเวียดนาม 20% มาเลเซีย 25% เราจะอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ 10-16% จะมีนัยสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ส่งออก ทำไมจะต้องซื้อสินค้าจากไทย ถ้าซื้อจากคู่แข่งถูกกว่ายิ่งไปกว่านั้น มีนัยกับคนที่คิดจะมาลงทุนจะมาสร้างโรงงาน เพราะถ้าสร้างเสร็จแล้ว ต้นทุนภาษีแพงกว่าคู่แข่งส่งไปก็สู้ไม่ได้ไปสร้างที่เวียดนามเลยดีกว่าไหม

“เราคงต้องคิดเพิ่มว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าประเทศไทยจะเสนออะไรกลับไปอีกรอบเพื่อให้พ้นจากจุดนี้ เพราะจากที่เวียดนามเจรจาลดลงมาได้ 46% เหลือ 20% แสดงว่าต้องมีหนทางเป็นกำลังใจให้กับทีมเจรจาครับ” นายกอบศักดิ์ ระบุ

‘๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ติดโผ 1 ใน 6 เข้ารอบสุดท้ายหนังสือดีเด่น ‘รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด’

(8 ก.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘เซเว่นบุ๊คอวอร์ด’ ได้โพสต์ข้อความว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) โดยสำนักกิจการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ดำเนินโครงการเซเว่นบุ๊คอวอร์ดครั้งที่ 22 ประกาศรายชื่อผลงานเข้ารอบสุดท้าย (Shortlist) ประเภทการ์ตูน ทั้งสิ้น 6 เล่ม (ไม่เรียงลำดับคะแนน) ได้แก่

1. ขอโทษที่ไม่มีอะไรดีเท่าไอ้หมอนั่น โดย แบกบอย
2. เจ้ามึนจะอายุ 65 ปีอย่างมีความสุข โดย PPONG 4KOMA
3. ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ โดย วิวัธน์ จิโรจน์กุล
4. Joke หมายเหตุ โดย รวมนักเขียน ขายหัวเราะ
5. Leave the Past, in the Past โดย คัจฉกุล แก้วเกต
6. Monster Steak โดย ADISAK DAS PONGSAMPAN

ทั้งนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จะประกาศผลการตัดสินโครงการประกวดหนังสือดีเด่น รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน ศกนี้

เลขาฯ NATO เตือนสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจเริ่มจากจีน-รัสเซีย อดีตปธน.รัสเซีย สวนกลับ!! ‘รุตเต้’ เพ้อเพราะกินเห็ดเมามาก

(8 ก.ค. 68) มาร์ค รุตเต้ (Mark Rutte) เลขาธิการ NATO ออกมาเตือนว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 อาจปะทุขึ้น หากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนและวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเปิดฉากรุกรานพร้อมกัน โดยจีนอาจเริ่มจากการบุกไต้หวัน ส่วนรัสเซียจะใช้โอกาสนี้โจมตีประเทศในกลุ่ม NATO โดยเฉพาะเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย

เลขาธิการ NATO ระบุว่า แผนการนี้มีแนวโน้มสูง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น NATO ต้องเร่งเสริมกำลังทหารให้แข็งแกร่ง และสร้างความร่วมมือกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างสองภูมิภาค

มาร์ค รุตเต้ ยังเผยว่า รัสเซียกำลังผลิตกระสุนปืนได้มากกว่า NATO ถึงสามเท่าในช่วงเวลาเพียงสามเดือน โดยอาศัยการสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ จีน และอิหร่าน 

ด้านรัสเซียตอบโต้คำเตือนของรุตเต้อย่างรุนแรง โดยดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและหนึ่งในคนใกล้ชิดของวลาดิเมียร์ ปูติน ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิม Twitter) ตำหนิรุตเต้ด้วยถ้อยคำประชดประชันและเสียดสีอย่างรุนแรง โดยกล่าวว่า 

“รุตเตอคงกินเห็ดเมาแบบดัตช์เข้าไปมากเกินไป” พร้อมเหน็บแนมว่าความคิดเรื่องการร่วมมือกันระหว่างจีนและรัสเซียในการบุกไต้หวันและยุโรปเป็นเรื่องเพ้อฝัน

เมดเวเดฟยังต่อว่ารุตเต้ ควรเริ่มเรียนภาษารัสเซียไว้ เพราะอาจได้ใช้หากต้องไปใช้ชีวิตในค่ายแรงงานไซบีเรียในอนาคต เป็นการสื่อถึงความไม่พอใจของเครมลินต่อท่าทีแข็งกร้าวของ NATO และรุตเต้ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ

ทั้งนี้ รัสเซียยังคงโจมตียูเครนอย่างหนักด้วยขีปนาวุธและโดรน ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บหลายรายในเคียฟและคาร์คิฟ โดยทาง NATO ยืนยันว่าจะยังสนับสนุนยูเครนต่อไป พร้อมเตือนว่าแม้มีการเจรจากับปูตินแล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณสันติภาพเกิดขึ้นในเร็ววัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top