Saturday, 24 May 2025
ค้นหา พบ 48312 ที่เกี่ยวข้อง

24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 ‘ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก’ สร้างประวัติศาสตร์ คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลเป็นคนที่ 2 ของไทย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 หรือวันนี้ 37 ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้กลายเป็นที่รู้จักของชาวโลกอีกครั้ง กับการขึ้นไปคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่ 37 ของ ‘ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก’ ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย

ซึ่งเธอถือเป็นตัวแทนชาวไทยคนที่ 2 ที่ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาล หลังจาก ‘อาภัสรา หงสกุล’ นางงามจักรวาลชาวไทยคนแรกที่ชนะการประกวดนางงามจักรวาลในปี ค.ศ. 1965 หรือ พ.ศ. 2508

สำหรับการประกวดนางงามจักรวาล ค.ศ. 1988 หรือ พ.ศ. 2531 จัดขึ้น ณ เมืองไทเป เกาะไต้หวัน โดยมีผู้เข้าประกวด 66 คน ซึ่งตัวเก็งการประกวดในสายสื่อมวลชน คือ นางงามสหรัฐอเมริกา นางงามเม็กซิโก นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน นางงามนิวซีแลนด์ และนางงามของไทย รวมถึงนางงามจากไอซ์แลนด์ ที่เคยได้รับตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสเวิลด์ 1987 ที่ อังกฤษ มาแล้ว ซึ่งก็พ่ายให้กับสาวในแถบเอเชีย ในการประกวดรอบแรก

ทั้งนี้ ภรณ์ทิพย์ สามารถทำคะแนนในชุดว่ายน้ำได้ลำดับที่ 11 แต่เมื่อรวมคะแนนจากชุดราตรีและการสัมภาษณ์แล้ว สามารถเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายมาในลำดับที่ 4 โดยมีคะแนนตามหลัง นางงามสหรัฐอเมริกา นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน และนางงามเกาหลีใต้ ซึ่งในการประกวดรอบ 10 คน เธอได้สร้างความประทับใจให้กับกรรมการอย่างมาก ระหว่างช่วงการประกวดรอบสัมภาษณ์ซึ่งทำให้เธอกวาดชัยชนะทั้ง 3 รอบ และกลายเป็นผู้ชนะอย่างขาดลอยของการประกวดนางงามจักรวาลในปีนั้น และนอกจากได้รับมงกุฎนางงามจักรวาลแล้วยังได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมอีกตำแหน่งเพิ่มด้วย

นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักธุรกิจ และได้ดำรงตำแหน่งผู้แทนองค์การสหประชาชาติ สำหรับโครงการช่วยเหลือเด็กและสตรีในระดับนานาชาติ รวมถึงเป็นประธานตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กอีกหลายแห่ง

25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นเป็น ‘พระมหากษัตริย์วังหน้า’

วันนี้เมื่อ 174 ปีก่อน คือ วันพระราชพิธีราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ ในลำดับรัชกาลที่ 4 พระองค์ที่ 2

25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 4 หรือ พระมหากษัตริย์วังหน้า ทรงมีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2351 

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2394 ขุนนางผู้ใหญ่ได้กราบทูลเชิญ เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมติเทวาวงศ์พงษ์อิศรกษัตริย์ ซึ่งขณะนั้นได้ผนวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ให้เสวยราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จากนั้นพระองค์ได้ทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจุฬามณี ทรงมีพระปรีชาสามารถรอบรู้ในการพระนคร และการต่างประเทศ ตลอดจนขนบธรรมเนียมต่าง ๆ อีกทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีนิยมนับถือมาก จึงโปรดเกล้าให้จัด พระราชพิธีอุปราชาภิเษก ขึ้นเป็น พระมหาอุปราช พระราชวังบวรสถานมงคล 

พร้อมทั้งพระราชทานพระนามอย่างพระเจ้าแผ่นดินว่า พระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ฯ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระเกียรติยศเป็นอย่างพระเจ้าแผ่นดิน เหมือนเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกย่องสมเด็จพระเอกาทศรถ ราชอนุชามหาอุปราชครั้งกรุงเก่า 

ชาวต่างประเทศรู้จักพระองค์ในนาม 'the second king' พระราชพิธีอุปราชาภิเษกให้มีพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์นี้ เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมา สมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงยกเลิกตำแหน่งวังหน้า และปฏิรูประบบการปกครองใหม่ ให้มกุฎราชกุมารเป็นผู้สืบต่อราชสมบัติ

26 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพชาวเขมรเป็นการฉุกเฉิน

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพชาวเขมรที่ลี้ภัยสงครามที่ บ.เขาล้าน ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นการฉุกเฉิน และมีพระราชกระแสรับสั่งให้จัดสร้างศูนย์สภากาชาดไทยขึ้นที่บริเวณเขาล้านทันที เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพ และดูแลผู้ป่วยเจ็บ โดยเน้นในด้านสุขภาพอนามัย รวมถึงการให้การศึกษาแก่ชาวเขมรอพยพเหล่านั้นด้วย 

โดยมีพระราชเสาวนีย์ว่า “ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี”

และในเวลาต่อมา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพชาวกัมพูชาด้วยพระองค์เองอีกด้วย

ภายหลังจากการปิดศูนย์ช่วยเหลือฯ ได้จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ 'ศาลาราชการุณย์' เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานแก่ชาวไทยชายแดนและชาวเขมรอพยพ

สหรัฐฯ คว่ำบาตรซูดานรอบใหม่ เพราะเมินกฎเหล็ก ใช้ ‘อาวุธเคมี’ โจมตีใส่พลเรือนและฝ่ายตรงข้าม

(23 พ.ค. 68) สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรซูดานรอบใหม่ หลังพบการใช้ 'อาวุธเคมี' ในสงครามกลางเมือง โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพซูดานใช้สารเคมีในปี 2024 ระหว่างสู้รบกับกลุ่มกึ่งทหาร RSF (Rapid Support Forces) โดยจะมีการจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ ไปยังซูดาน และจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เริ่มมีผลตั้งแต่ 6 มิถุนายนนี้

แม้ก่อนหน้านี้ ทั้งกองทัพซูดานและ RSF ต่างถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงคราม ล่าสุดยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่าสหรัฐฯ พบอาวุธเคมีชนิดใด แต่รายงานจาก New York Times ระบุว่าซูดานเคยใช้ก๊าซคลอรีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงถึงชีวิต

สหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลซูดานยุติการใช้อาวุธเคมีและปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (CWC) โดยย้ำถึงเจตนารมณ์ในการเอาผิดผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายของอาวุธดังกล่าว ทั้งนี้ ซูดานเป็นหนึ่งในสมาชิกอนุสัญญาฯ ขณะที่อียิปต์ เกาหลีเหนือ และซูดานใต้ยังไม่เข้าร่วม

สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาสองปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 150,000 คน ประชาชนกว่า 12 ล้านคนต้องพลัดถิ่น และอีก 25 ล้านคนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหาร สหรัฐฯ เคยคว่ำบาตรซูดานมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยระบุว่าผู้นำทั้งสองฝ่ายมีส่วนทำลายความหวังในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของประเทศ

เชียงใหม่-ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568

เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.68) พลอากาศเอก วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ พร้อมด้วย พลอากาศโท ณรัฐ บุญประเสริฐ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ และคณะฯ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 

ในโอกาสนี้ คณะฯ ร่วมรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ของศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบิน 41 และการดำเนินงานของสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กองทัพอากาศ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้ในช่วงต้นปีงบประมาณ รวมถึงรับฟังปัญหา ข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านยาเสพติด 

นอกจากนี้ คณะฯ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกองบิน 41 และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กองทัพอากาศ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าและให้กำลังใจแก่คณะทำงานที่มุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top