Saturday, 26 April 2025
ค้นหา พบ 47667 ที่เกี่ยวข้อง

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง

(22 เม.ย.68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี  รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท  โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี   หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท 

รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้

เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

'นายกฯ อิ้งค์' ส่งสัญญาณการเมืองนิ่ง ย้ำทีมเวิร์กสำคัญ – ยังไม่คิดสลับขั้ว ครม.

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทราบว่ามีเรื่องของโพลที่ทุกคนให้ความสนใจ ก็พร้อมรับฟังทุกฝ่าย รวมถึงโพลที่สำรวจความเห็นประชาชนก็จะนำไปคิด

"และที่จริง ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ว่าตำแหน่งอะไร ตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของใครคนใดคนหนึ่ง เราควรทำใจให้นิ่งไว้"

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะปรับพรรคภูมิใจไทย ออกและนำพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาแทน นายกรัฐมนตรี กล่าวย้อนว่า คำถามนี้แรงขึ้นมาเลย ต้องบอกว่ายังไม่มีอย่างนั้น ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

เมื่อถามย้ำว่าในอนาคตจะมีทางเอาพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วมรัฐบาล หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายกฯเคยระบุให้ดูหน้าของนายกฯเอาไว้ และพูดว่าจะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ใช่ ที่บอกว่าให้ดูหน้าของดิฉันไว้จะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหาร แต่นี่เป็นเรื่อง 2 ปีที่แล้ว และเผอิญคะแนนไม่ถึง ก็เลยต้องจับกันอยู่แล้ว และจับกันมาสักพักแล้ว ทำไมคำถามนี้ดีเลย์จัง“

เมื่อถามว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ จะไม่มีผลอะไรกับรัฐบาลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แล้วจะมีอะไรอีกหรือไม่ ขอสื่อเล่าให้ฟังบ้าง ดูๆให้หน่อย

ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าให้ทำใจให้นิ่ง หมายถึงจะสื่อสารไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคน ทุกอย่าง ต้องทำใจให้นิ่งไว้ วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ได้คิดจะปรับอะไร เมื่อมีความเห็นอะไรก็มาดูว่ามีอะไรบ้าง เพราะตนชอบทำงานเป็นทีมและทำงานแบบไม่ต้องสู้กัน สามารถทำงานด้วยกันไม่ต้องไฟท์กันแต่ละกระทรวง ไม่ชอบการแตกความสามัคคี และดูว่าต้องทำดีที่สุดจะเป็นอย่างไร ถ้าสมมุติว่าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆเราจะไปปรับแก้ตอนนั้น แต่เวลานี้ยังไม่ได้เป็นอะไร ต้องรอดูแล้วคุยกันก่อน

23 เมษายน พ.ศ. 2159 ‘วิลเลียม เชกสเปียร์’ เกิดและจากไปในวันเดียวกัน ราวกับบทละคร วันแห่งการระลึกถึงผู้ฝากผลงานอันเป็นนิรันดร์ ‘โรมิโอและจูเลียต’

วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1616 (พ.ศ. 2159) ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกวรรณกรรม เนื่องจากเป็นวันที่ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักเขียนบทละครและกวีผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ ได้เสียชีวิตลง ณ เมืองสแตรตฟอร์ด ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง โดยมีอายุ 52 ปี แม้สาเหตุการเสียชีวิตจะไม่ปรากฏแน่ชัด แต่มีบันทึกระบุว่าเขาถูกฝังในวันที่ 25 เมษายน ณ โบสถ์ โฮลี ทรินิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเดียวกัน

ทั้งนี้ วิลเลียม เชกสเปียร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1564 หมายความว่าเขาเกิดและเสียชีวิตในวันเดียวกัน โดยเชกสเปียร์ในตอนที่ยังมีชีวิตเป็นนักเขียนที่มีผลงานที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการวรรณกรรมโลก ผลงานสุดยอดของเขาได้แก่การประพันธ์ บทละคร (plays) บทกวี (poems) และ โคลง (sonnets) ที่ได้รับการแปลและแสดงในทั่วโลก ซึ่งผลงานของเชกสเปียร์ยังคงมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมสมัยใหม่และมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อวงการละครและการแสดง

สำหรับผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเชกสเปียร์คือ “โรมิโอและจูเลียต” (Romeo and Juliet), “แฮมเลต” (Hamlet), “แม็คเบธ” (Macbeth) และ “มคธ” (Macbeth) ที่มีเนื้อหาที่ลึกซึ้งและการพัฒนาอักขระในผลงานของเขาได้สะท้อนถึงชีวิตและสังคมมนุษย์ในยุคของเขาได้อย่างมีเสน่ห์ ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักและถูกแสดงจนถึงปัจจุบัน 

การจากไปของวิลเลียม เชกสเปียร์ในวันที่ 23 เมษายน สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการวรรณกรรมโลก ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่ชัดเกี่ยวกับเหตุผลที่แท้จริงของการเสียชีวิต แต่การจากไปของเขาในวันเดียวกับ ‘มิเกล เด เซร์บันเตส’ นักเขียนชาวสเปน นับเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการวรรณกรรมโลก ทั้งสองคนถือเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผลกระทบอย่างมากในวงการวรรณกรรมของแต่ละประเทศ

ททท. จับมือ สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ส่ง ‘มวยและอาหารไทย’ บุก ‘คิงเพาเวอร์ สเตเดียม’ โชว์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ (Leicester City Football Club หรือ LCFC) เดินหน้าขยายโอกาสประชาสัมพันธ์เสน่ห์ไทยสู่สายตาชาวโลก ด้วยการจัดกิจกรรมนำเสนอศิลปวัฒนธรรมมวยไทยและอาหารไทยในช่วงระหว่างการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญ ระหว่างทีมเลสเตอร์ซิตี้และทีมลิเวอร์พูล ในวันที่ 20 เมษายน 2568 ณ คิงเพาเวอร์ สเตเดียม ณ เมืองเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาของตลาดยุโรป คาดสร้างการรับรู้รวมไม่ต่ำกว่า 5,000,000 คน-ครั้ง 

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ททท. และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ร่วมกันส่งเสริมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านพลังของกีฬา และสร้างโอกาสในการเผยแพร่ Soft Power ของไทยสู่ระดับโลกภายใต้แนวคิด '5 MUST DO IN THAILAND' โดย ททท. ได้จัดเตรียมกิจกรรมที่สะท้อนเสน่ห์อัตลักษณ์ไทย ได้แก่ Must Try - มวยไทย และ Must Taste - อาหารไทย เพื่อนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจในแมตช์ฟุตบอลสำคัญของโลกระหว่างทีมเลสเตอร์ซิตี้และทีมลิเวอร์พูล ณ คิงเพาเวอร์ สเตเดียม ณ เมืองเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร ให้แก่ผู้เข้าร่วมชมฟุตบอลในสนามและผู้ติดตามทั่วโลก 

โดยกิจกรรมประชาสัมพันธ์แบบ On Ground Activity ในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในระดับนานาชาติ ผ่านการบูรณาการการท่องเที่ยวและกีฬา (Tourism and Sports) โดยมุ่งขยายผลของแคมเปญ 'Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025' ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในตลาดยุโรป ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง ททท. มุ่งมั่นที่จะใช้พลังของกีฬาเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยว พร้อมสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Sport and Entertainment ให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย 

สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ที่ ททท. จัดขึ้น บริเวณด้านหน้าคิงเพาเวอร์ สเตเดียม สหราชอาณาจักร ได้แก่ Must Try: การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะ 'มวยไทย' ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยนำเสนอผ่านการแสดงรำไหว้ครูมวยไทยโชว์ในรูปแบบร่วมสมัย ผสานความแข็งแกร่งและความงดงามของท่วงท่าการต่อสู้แบบดั้งเดิม ซึ่งได้นำนักมวยชื่อดัง ได้แก่ ชาโด้ สิงห์มาวิน และ อเล็กซ์ สิงห์มาวิน มาร่วมแสดง พร้อมถ่ายทอดเสน่ห์และจิตวิญญาณของมวยไทยสู่สายตาชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองการรำไหว้ครูมวยไทยเพื่อลุ้นรับเสื้อพร้อมลายเซ็นนักฟุตบอลของสโมสรฯ และกางเกงช้างจาก ททท. Must Taste: โดยการนำเสนอ 'ข้าวแต๋น' ขนมพื้นบ้านของไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยกรรมวิธีการทำแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานรสชาติกรุบกรอบของข้าวพองกับความหวานหอมของน้ำตาลอ้อยและน้ำแตงโม โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้ทดลองชิมขนมไทยแท้ และเรียนรู้เรื่องราววัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นของไทย 

ทั้งนี้ ททท. ได้ร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ หนึ่งในสโมสรฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษที่ได้รับความนิยมสูงและมีผู้ติดตามชมการแข่งขันจำนวนมากในระดับโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ ททท. ได้ดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ยังได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โฆษณา Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ผ่านสื่อของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ทั้งบริเวณหน้าจอ LED ภายในสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม และช่องทางออนไลน์ อาทิ Lcfc.com และช่องทาง Facebook หรือ X ของเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งมีผู้ติดตามรวมจำนวนกว่า 10 ล้านคน รวมถึงที่ผ่านมา ททท. ได้จัดทำคลิปประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ พร้อมให้แฟนฟุตบอลชาวสหราชอาณาจักร ร่วมตอบคำถามเพื่อลุ้นรับบัตรเข้าชมฟุตบอลนัดสำคัญนี้ จำนวนกว่า 10 ที่นั่ง โดยการแข่งขันฟุตบอลของทั้งสองทีมพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันในสนามจำนวนกว่า 30,000 คน และผู้สนใจติดตามชมการแข่งขันหลายพันล้านคนทั่วโลก

สหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศในอาเซียน

(22 เม.ย. 68) บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า สหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และไทย ในอัตราใหม่ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 เม.ย. 68 โดยกัมพูชาสูงถึง 3,521%  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top