Monday, 28 April 2025
ค้นหา พบ 47725 ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ช่วย รมว. กระทรวง อว.ลงพื้นที่การดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ผลักตันการท่องเที่ยวจากเมืองรองสู่เมืองหลักเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี

นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่การดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคกลาง-ตะวันตกประตูสู่ทวาย และการนำ อววน.สู่การพัฒนาท้องถิ่น

การผลักตันการท่องเที่ยวจากเมืองรองสู่เมืองหลักเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี และยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 3 - 4 เมษายน 2568 ณ จังหวัดกาญจนบุรี

วันที่ 4 เมษายน 2568 ณ จังหวัดกาญจนบุรี นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่การดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี โดยมีว่าที่ร้อยตรีศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พจนีย์ สุขชาวนา  อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี  พร้อมด้วย ผู้บริหาร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิจัย คณาจารย์ นักศึกษา พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี และสื่อมวลชน 

ว่าที่ร้อยตรี ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นชื่อว่า “กาญจนบุรี เมืองแห่งความสุข” เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทั้งทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ซึ่งมีศักยภาพอย่างยิ่งในการพัฒนาและต่อยอดด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในทุกมิติ

การที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่จริง เพื่อรับฟังความคิดเห็น และสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในระดับจังหวัด ถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง จังหวัดกาญจนบุรีพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมืออย่างเต็มที่ กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการบูรณาการกับหน่วยงานด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม และสร้างคุณค่าต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พจนีย์ สุขชาวนา  อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี กล่าวถึง นโยบายตามยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนว่า  มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี อว.ส่วนหน้าจังหวัดกาญจนบุรี มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนนโยบายของกระทรวงในการพัฒนากำลังคนที่มีศักยภาพสูง สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายในศตวรรษที่ 21 ในยุคปัจจุบัน และร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนท้องถิ่นในทุกมิติ 

บทบาทและพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี คือการเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่น โดยให้บริการทางวิชาการ วิจัย และนวัตกรรม   ที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง มหาวิทยาลัยจึงได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างองค์ความรู้ เสริมสร้างศักยภาพของชุมชน และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

ในการนี้ มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินกิจกรรมตามยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การถ่ายทอดองค์ความรู้ การอบรมพัฒนาทักษะอาชีพ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน การสนับสนุนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ
     
ในโอกาสนี้ตัวแทนนักศึกษาและอาจารย์ ได้แสดงความเห็นแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนงานด้าน อววน.

นายเรวัฒน์  ตัวแทนนักศึกษาวิศวกรสังคม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม  กล่าวว่า ผมเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดอบรมน้องๆ และนำทีมน้องๆ ลงพื้นที่ ในการนำเครื่องมือของวิศวกรสังคม เริ่มตั้งแต่กระบวนการสำรวจความต้องการของชุมชน และขณะนี้ผมได้ดำเนินกิจกรรมพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุ ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี โดยดำเนินการไปแล้ว 6 กิจกรรม เน้นในเรื่องการบริหารจัดการขยะให้มีมูลค่า การดำเนินงานผ่านไปด้วยดี แต่ยังมีบางส่วนที่ต้องการได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น หน่วยงานที่เข้ามาหนุนเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ต้องการให้มีกิจกรรมและมีการรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมทั้งด้านพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป 

นายโรจนฤทธิ์ สิริล้อสกุลเพชร  คณะวิทยาการจัดการ กล่าว ทาง อว. มีนโยบายหรือโครงการใดบ้างที่สนับสนุนนักศึกษาหรือบัณฑิตที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การให้คำปรึกษา และการสร้างเครือข่าย

ตัวแทนอาจารย์  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ ร.ต.ดร.นพรัตน์ ไชยชนะ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ประเด็นคำถามถึง อว. เพื่อสะท้อนจากมุมพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พื้นที่ชายแดนและกลุ่มชาติพันธุ์ในกาญจนบุรีมีลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ค่อนข้างมาก อว. มีแนวทางในการสนับสนุนการขับเคลื่อนงาน อววน. อย่างไรให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์และพื้นที่ชายแดน เช่น การสนับสนุนเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพคนในพื้นที่

อาจารย์จักษุมาลย์ วงษ์ท้าว อาจารย์สาขาวิชานวัตกรรมสังคมเพื่อการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กลไกขับเคลื่อนสำคัญในกระบวนการ Soft Power ของ อววน. โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนทุนวิจัยแก่สถาบันอุดมศึกษา ในปี 2569 และในอนาคตเป็นอย่างไร

ผู้ช่วยศาสตราจารย์คมสัน ศรีบุญเรือง อาจารย์สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ งานวิจัยบางงาน เช่น งานการขับเคลื่อนนโยบายจากผลงานวิจัย มีโอกาสหรือไม่ที่จะได้รับการสนับสนุนในระยะเวลาต่อเนื่อง เหมือนมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ จะมีโครงการศึกษาเบื้องต้น การพัฒนาเครื่องในปีแรก ปีที่ 2 ประยุกต์ใช้/ออกแบบนวัตกรรมในพื้นที่จริง 3. การใช้และประเมินผลกระทบในพื้นที่ เพื่อนำมาสู่การต่อยอดสู่นโยบาย ที่สามารถบูรณาการเป็นนโยบายของหน่วยงานจังหวัดได้ เช่น การท่องเที่ยวผ่านผัสสะเมืองเก่ากาญจนบุรี/ การขับเคลื่อนพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองท่องเที่ยว เป็นต้น เนื่องจากงบประมาณที่ได้มาจะเป็นปีต่อปี ทำให้ขาดความต่อเนื่องสานต่อ

สำหรับผลงานคณะฯที่ออกบูธนำเสนอผลการดำเนินงาน 
1.คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี น้ำมันไพลชาววัง , ยาดม , ยาหม่อง , สปาแช่เท้า : วิสาหกิจชุมชนวังขนายเฮิร์บ น้ำพริกกล้วยกรอบสมุนไพร , กล้วยแท่งกรุบกรอบ : วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารบ้านหินแหลม

2.คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผลิตภัณฑ์จากชุมชนบ้านหนองบาง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย โครงการ “การจัดการทุนวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนตำบลท่าขนุน 
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี” (บพท.) ผลิตภัณฑ์ชุมชนวิถีลาวเวียง บ้านดอนคา ตำบลดอนคา อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

3.คณะวิทยาการจัดการ ผลิตภัณฑ์มะนาวดอง / มะนาวแช่อิ่ม / มัลเบอร์รี่และมะขามป้อมกวน : วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรสวนมาลี ผลิตภัณฑ์ไวน์อ้อย น้ำตาลอ้อยแท้ 100% : วิสาหกิจชุมชนแปรรูปอ้อยตำบลหนองตากยา

4.คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ไม้ทำมือคนพิการ : วิสาหกิจชุมชนกลุ่มไม้ทำมือคนพิการ ตำบลจรเข้เผือก ผลิตภัณฑ์ผ้าทอกะเหรี่ยง ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

5.คณะครุศาสตร์Edu-Care-Play 

นอกจากนี้ มีการแสดงต้อนรับ “ระบำศรีชัยสิงห์”
เป็นระบำโบราณคดีที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ได้สร้างสรรค์ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นใหม่จากจินตนาการศิลปกรรมภาพจำหลัก ซึ่งภาพจำหลักนี้ ได้ลอกเลียนแบบมาจากปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นโบราณสถานที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ดัดแปลงมาจากท่ารำของนางอัปสรบายน ในสมัยขอมบายน มาเป็นหมู่ระบำนางอัปสรฟ้อนรำถวายพระนางปรัชญาปารมิตา ซึ่งเป็นพระมารดาแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

แสดงโดย นักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี อำนวยการฝึกซ้อมโดย  ผศ.ดร.พจนีย์ สุขชาวนา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี และ 
อาจารย์นนท์วริศ เกียรติศรุตสกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ฝึกซ้อมการแสดงโดย อาจารย์ธนพล สามทองกล่ำ อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

‘พอล แชมเบอร์’ นักวิชาการชื่อดัง ม.นเรศวร ถูกจับข้อหา ม.112 หลังกองทัพภาคที่ 3 เข้าแจ้งความ ฐานหมิ่นสถาบันฯ

(4 เม.ย.68) นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุม นายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชื่อดัง สังกัด ม.นเรศวร โดยระบุว่า...

“ด่วน! จับนักวิชาการต่างชาติข้อหา #ม112 ตำรวจบุกจับ ‘ดร. พอล แชมเบอร์ส’ นักวิชาการชื่อดังด้านไทยศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุมีหมายจับจากศาลพิษณุโลก ฐานหมิ่นสถาบันกษัตริย์ โดยกองทัพภาคสามเป็นผู้แจ้งความ … นี่เรามีรัฐบาลพลเรือนที่เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นจริงๆ ใช่มั้ย”

ขณะที่ นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสต์ข้อความว่า “พอล แชมเบอร์ส หนึ่งในนักวิชาการชาวต่างชาติ ม.นเรศวร ที่ศึกษาเรื่องทหารไทยและการเมืองเมืองไทยมากที่สุดคนหนึ่งถูกจับข้อหา ป.อาญา ม.112 ซึ่งคดีนี้แจ้งความโดย กองทัพภาค 3

เราอยู่ในรัฐบาลประชาธิปไตยจริงเหรอ? นี่คือรัฐบาลพลเรือนที้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจริงเหรอ? ทหารอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนจริงเหรอ?

เมื่อวานก็จับมือเผด็จการทหารพม่า วันนี้ก็มีนักวิชาการถูกจับกุม

สิทธิมนุษยชนไม่สนใจ เสรีภาพทางวิชาการถูกย่ำยีป่นปี้หมดแล้วครับ”

สำหรับ ดร. พอล แชมเบอร์ เป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทหารและพลเรือนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์และที่ปรึกษาพิเศษด้านกิจการต่างประเทศ ของ Center of ASEAN Community Studies คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

พอล แชมเบอร์ มีผลงานเป็นหนังสือและบทความในวารสารวิชาการจำนวนมาก โดย งานเขียนส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับการศึกษาบทบาทของกองทัพในประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง

ทั้งนี้ งานของพอล แชมเบอร์ เป็นส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจบทบาทของกองทัพไทยตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับพลเรือนในประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางการเมืองของประเทศ ตลอดจนแนวโน้มในอนาคตของบทบาททางการเมืองของทหารในสังคมไทย

รัฐบาลอิตาลี ลบสูตรลัดขอสัญชาติบรรพบุรุษสมัยยังใช้รถม้า กันหนังสือเดินทางอิตาลีถูกใช้ในเชิงพาณิชย์

(4 เม.ย. 68) รัฐบาลอิตาลีประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะเพิ่มความเข้มงวดในการออกกฎหมายสัญชาติใหม่ โดยยกเลิกกฎเก่าที่อนุญาตให้ลูกหลานของชาวอิตาลีจากหลายยุคหลายสมัยสามารถขอสัญชาติได้ง่ายขึ้น 

ซึ่งเดิมทีตามกฎหมาย 'jure sanguinis' หรือกฎหมายสิทธิสัญชาติผ่านสายเลือด อนุญาตให้พลเมืองต่างชาติสามารถขอสัญชาติอิตาลีได้หากมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นลูกหลานของชาวอิตาลีตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรอิตาลี (ปี 1861–1946) เป็นต้นมา

ตามรายงานจาก DW เมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากชาวต่างชาติที่มีบรรพบุรุษอิตาลีที่อพยพไปในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะลูกหลานของชาวอิตาลีในสมัยราชอาณาจักรอิตาลี สามารถยื่นคำขอได้หากสามารถพิสูจน์ความเชื่อมโยงทางสายเลือดกับบรรพบุรุษที่มีชีวิตหลังวันที่ 17 มีนาคม 1861 ซึ่งเป็นวันประกาศการรวมอาณาจักรอิตาลี

กระทรวงต่างประเทศของอิตาลีกล่าวว่า มีผู้ได้รับสัญชาติจากผู้มีเชื้อสายต่างแดนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะจากทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งชาวอิตาลีจำนวนมากอพยพเข้ามาในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 โดยเฉพาะประเทศอาร์เจนตินามีการรับรองสถานะพลเมืองเพิ่มขึ้นจาก 20,000 รายในปี 2023 เป็น 30,000 รายในปีถัดมา และบราซิลตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 14,000 รายในปี 2022 เป็น 20,000 รายในปี 2024

อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศของรัฐบาลในครั้งนี้ การเข้าถึงสัญชาติอิตาลีในลักษณะนี้จะมีข้อจำกัดมากขึ้น และลูกหลานจากหลายรุ่นของชาวอิตาลีจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการขอสัญชาติอย่างง่ายดายเหมือนในอดีต 

โดยรัฐบาลอิตาลีกล่าวว่า การยกเลิกกฎหมายนี้เป็นการควบคุมการให้สัญชาติที่เน้นคุณสมบัติและความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้การออกสัญชาติเป็นไปอย่างเหมาะสมและโปร่งใส

รัฐมนตรีต่างประเทศอันโตนิโอ ทาจานี กล่าวว่าระบบดังกล่าวกำลังถูกละเมิด และสถานกงสุลอิตาลีทั่วโลกกำลังถูกล้นหลามด้วยคำร้องขอหนังสือเดินทาง 

“การเป็นพลเมืองอิตาลีถือเป็นเรื่องจริงจัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้หนังสือเดินทาง เพื่อไปช้อปปิ้งในไมอามี” ทาจานีกล่าวในการแถลงข่าว 

นอกจากนี้ ทาจานีกล่าวว่าจุดมุ่งหมายคือเพื่อ “เสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอิตาลีและพลเมืองในต่างประเทศ ลูกหลานของผู้อพยพจำนวนมากยังคงสามารถขอสัญชาติอิตาลีได้ แต่จะมีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดการนำหนังสือเดินทางอิตาลีไปใช้ในเชิงพาณิชย์”

ทั้งนี้ ประชาชนชาวอิตาลีจะมีสิทธิได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติตามสายเลือด หากมีพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายอย่างน้อยหนึ่งคนเกิดในอิตาลี ตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 

บทสนทนานักศึกษานานาชาติ ม.ฟูตั้น มหาลัยดังของจีน ประเทศใครโดนภาษีเท่าไร จากนโยบายภาษีตอบโต้ของ ‘ทรัมป์’

(4 เม.ย. 68) นายสรวง สิทธิสมาน อดีตนายกสมาคมนักเรียนไทย-จีน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า บทสนทนาคาบเรียนเช้าวันพฤหัสบดี ตลกดี

คลาสนี้มีเพื่อนต่างชาติจากหลายประเทศ ทั้งรัสเซีย เกาหลี อินเดีย มาเลเซีย และผมที่เป็นคนไทย ส่วนอาจารย์เป็นคนจีน

ผมถึงห้องเรียนคนแรก ก่อนเวลาเรียนประมาณ 15 นาที พอเพื่อนคนอื่นมาถึงห้องเรียน ก็เริ่มทักทาย และชี้หน้าถามกันประมาณว่า….

“เฮ้ยมึง! ประเทศมึงโดนกี่เปอร์เซ็นต์นะ ?”

คนเวียดนาม : “มึงงง ประเทศกูโดน 46%”

คนเกาหลี : “โห หนักจัดดด ของกูโดนแค่ 25% เอง”

ผม : “เห็นข่าวอยู่ แต่ยังไม่ได้ดูเลยว่าไทยโดนเท่าไหร่”

อาจารย์ : “ไทยโดน 36% ถือว่าสูงอยู่นะ”

ผม : “我的天…”

อาจารย์ : “อาเซียนโดนหนักเลย ลาว กัมพูชา เวียดนาม โดนเกือบ 50% กันหมด”

หลังจากนั้นก็นั่งบ่นกัน อาจารย์เลยอาศัยจังหวะนี้ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น Tariffs กันประมาณ 20 นาที และเปิดวิดีโอทรัมป์ถือจอใหญ่ที่แสดงลิสต์ของประเทศที่โดนภาษี reaction ของทุกคนคือเฮฮา ตลกกับคำพูด และลีลาของผู้นำ US แต่ก็บ่น ๆ กันประมาณว่า “อะไรวะเนี่ย” 🤣

จากนั้นพอเลิกเรียนก็พากันไปกินข้าวกลางวัน นั่งเปิดวิดีโอของ Ryan กับ Tony ที่เป็นคนจีนที่ชอบเลียนแบบลีลาการพูดของทรัมป์และนั่งขำกันพักใหญ่

เป็นบทสนทนาตอนเช้าที่ตลกดี

‘ทรัมป์’ มั่นใจปิดดีล TikTok สำเร็จแน่นอน สื่อนอกเผย MrBeast - Amazon - Microsoft โผล่ร่วมวงซื้อ

(4 เม.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ข้อตกลงในการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ จากบริษัท ByteDance ของจีนจะ “ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน” โดยย้ำว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงด้านข้อมูลและการควบคุมแพลตฟอร์มโดยรัฐบาลจีน

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (4 เม.ย.) ทรัมป์ระบุว่า การซื้อกิจการ TikTok ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจานั้น “เดินหน้าไปได้ดี เราจะทำให้ TikTok อยู่ภายใต้เจ้าของชาวอเมริกัน และผมมั่นใจว่ามันจะเสร็จสิ้นอย่างเรียบร้อย”

ทรัมป์ซึ่งเคยพยายามผลักดันการขาย TikTok มาตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2020 กล่าวอีกว่า การที่บริษัทจีนอย่าง ByteDance ควบคุมข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน “เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้”

สำนักข่าว CBS รายงานว่า Amazon ได้ยื่นข้อเสนอนาทีสุดท้ายต่อทำเนียบขาวเพื่อซื้อ TikTok อย่างไรก็ตาม Amazon ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ จิมมี่ โดนัลด์สัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ MrBeast ยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวอเมริกันที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก กล่าวว่าเขากำลังมองหาที่จะซื้อ TikTok เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักลงทุน

ยังมีรายงานว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการประมวลผลอย่าง Microsoft, บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนจากภาคเอกชนอย่าง Blackstone, บริษัทเงินทุนเสี่ยงอย่าง Andreessen Horowitz และโปรแกรมค้นหาอย่าง Perplexity AI ก็กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อหุ้นด้วย

อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา TikTok เผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่ายในสหรัฐฯ ที่มองว่าแอปพลิเคชันยอดนิยมนี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ สอดแนม หรือ ชี้นำทางการเมือง โดยรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่ง ByteDance ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

การเจรจาขายกิจการในสหรัฐฯ ของ TikTok ยังคงเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองและความมั่นคง โดยคาดว่าหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง จะมีการแยก TikTok US ออกเป็นหน่วยธุรกิจอิสระหรือขายให้กับผู้ลงทุนอเมริกัน

“เราต้องทำให้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย และเป็นของอเมริกา” ทรัมป์ทิ้งท้าย
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top