Thursday, 12 June 2025
ค้นหา พบ 48754 ที่เกี่ยวข้อง

‘เอกนัฏ’ แจงเหมืองทองอัคราเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ไม่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ชาติกับใคร พร้อมย้ำ ก.อุตสาหกรรมคุมเข้มเผาอ้อยต่ำกว่าที่สุดในประวัติศาสตร์ ช่วยลดปัญหา PM2.5 พร้อมมาตรการเข้มสั่งปิดโรงงานน้ำตาลถึง 2 โรง

เมื่อวันที่ (24 มี.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า ในครั้งนี้ตนมีกรณีที่จะต้องชี้แจงใน 2 กรณี คือ กรณีแรกเรื่องของเหมืองทองอัครา กรณีที่สองคือการเผาอ้อย

สำหรับกรณีเหมืองทองอัครา ตนขอเรียนว่าตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการดำเนินการต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งแน่นอน การดำเนินการทุกขั้นตอนของเรื่องเหมืองทองอัคราเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และยึดผลประโยชน์ของประเทศของเป็นที่ตั้ง ดังนั้นการดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้ประเทศไทยต้องแพ้ ไม่ให้ผลประโยชน์ของชาติต้องสูญเสียไป 

ตนขอย้ำว่า ไม่เคยมีสั่งให้เลื่อนการอ่านผลของการพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือจากรัฐบาล หรือจากนายกรัฐมนตรีทุกอย่างดําเนินการตามขั้นตอนโดยหน่วยงานที่ดําเนินการตามความรับผิดชอบภายใต้กรอบ ภายใต้กฎหมายที่ได้รับมอบหมายทั้งหมดครับ ไม่เคยไปเจรจานอกรอบ หรือไปต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทีเดียวรับแต่อย่างใด

กรณีที่กล่าวถึงการออกอาชญาบัตรพิเศษ ที่ผิดกฎหมาย ทับพื้นที่อุทยาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม้เป็นเรื่องที่เกิดก่อนตนปฏิบัติหน้าที่ แต่การดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายเหมืองแร่ ไม่มีออกอาชญาบัตรพิเศษหรือประทานบัตรที่ผิดกฎหมาย ทับซ้อนเขตอุทยาน หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

ที่บอกว่ามีการเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนล้มคดี นั้น รัฐบาลนี้หรือใครใหญ่จากไหนไม่มีใครต่อรองแลกเปลี่ยนแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยได้ หากทำได้ ผมมองว่าคงต่อรองเรื่องอื่น ที่มากกว่าการรักษาประโยชน์ให้กับเหมืองทองอัครา นอกจากนั้นไม่เคยแทรกแซงองค์กรอิสระ ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนรักษาประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง

สำหรับในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 แม้ว่าตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะไม่ได้กำกับดูแลเรื่องของสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่ตนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเรื่องของสุขภาพ เรื่องของชีวิตของประชาชนชาวไทย ตนมีการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์เพื่อศึกษาและหามาตรการที่จะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 

สำหรับประเทศไทยที่เป็นทั้งประเทศผู้บริโภค และประเทศผู้ผลิต ดังนั้นการดูแลสิ่งแวดล้อมจะต้องมาจากความรับผิดชอบของผู้ผลิตด้วยเช่นกัน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้กำกับดูแลอ้อย จากพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ซึ่งตนขอยืนยันว่าอ้อยเผาในปีนี้ลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 

สำหรับการเผาในอ้อยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การเผาก่อนเข้าไปเก็บเกี่ยว เพื่อความง่ายและความสะดวกในการเก็บเกี่ยว และส่วนที่ 2 คือการเผาหลังเก็บเกี่ยวเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและง่ายต่อการเพาะปลูกรอบใหม่

การเผาในส่วนที่ 1 กระทรวงอุตสาหกรรมมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทำให้อ้อยเผาไม่เหลือไม่ถึง 15% ของอ้อยทั้งหมด นอกจากนี้เรายังเอาจริงเอาจังซึ่งพิสูจน์จากการสั่งปิดโรงงานน้ำตาล 2 แห่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

“ถ้าบอกว่ามาตรการของรัฐบาลในช่วงนี้ไม่ชัด ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรชัดมากไปกว่าการสั่งให้ปิดโรงงานน้ำตาล 2 โรง ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ นี่คือความจริงจัง ความเข้มงวด ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ” นายเอกนัฏ กล่าว

การเผาในส่วนที่ 2 นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้ใช้มาตรการเข้มงวดแต่เพียงอย่างเดียว แต่ในขณะนี้กำลังเตรียมตัวเพื่อเพิ่มมูลค่าผ่านการนำเศษชิ้นส่วนจากอ้อย โดยเฉพาะใบอ้อยไปขายยังโรงไฟฟ้าชีวมวล และเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนอุปกรณ์ทั้งในการตัดใบอ้อย และกระบวนการรวบรวมจัดการใบอ้อย หรือรวมไปถึงการไถกลบเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน นอกจากนี้เรายังได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของเชื้อเพลิงชีวภาพ เรื่องของพลาสติกชีวภาพ และในท้ายที่สุดอาจจะมีการกำหนดราคาน้ำตาลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกราคาหนึ่ง

กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังออกแบบมาตรการเพื่อทำงานร่วมกับโรงงาน และเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่ให้เป็นภาระต่อเกษตรกร และไม่ให้อ้อยถูกนำไปเผาและสร้าง PM2.5 แล้วย้อนกลับทำร้ายชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน

ผบช.ภ.2 ยกย่อง 'ฮีโร่' ตำรวจสายตรวจ สภ.บ้านบึง ปั๊มหัวใจช่วยฟื้นชีวิต ด.ญ.จมน้ำ  ชื่นชมมีทักษะ ช่วยประชาชนอย่างสุดความสามารถ

(25 มี.ค.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2)  เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.บ้านบึง จังหวัดชลบุรี ว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ร.ต.ต.ประวัฒน์ สิงห์ผดุงศักดิ์ รอง สวป. สภ.บ้านบึง ตำรวจสายตรวจ สภ.บ้านบึง ได้ช่วยเหลือทำการ CPR ช่วยปั๊มหัวใจเด็กหญิงวัย 12 ปีที่จมน้ำ จนสามารถฟื้นคืนชีพกลับมามีลมหายใจ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ร.ต.ต.ประวัฒน์ ที่มีทักษะความรู้ด้านการช่วยชีวิตและเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ถูกวิธี มีสติ และมีความพยายามในการช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดความสามารถ จนสามารถช่วยชีวิตเด็กหญิงได้

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 เวลา 15.10 น. ตำรวจ สภ.บ้านบึง รับแจ้งเหตุมีเด็กจมน้ำในพื้นที่สระน้ำส่วนบุคคล ตำรวจสายตรวจมาบไผ่ สังกัด สภ.บ้านบึง กับอาสาสมัครกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง  จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พบเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกช่วยขึ้นมาจากสระน้ำอยู่ในอาการหมดสติ จึงเข้าไปช่วยทำ CPR ปั๊มหัวใจ จนเด็กหญิงมีสัญญาณชีพฟื้นคืนมา กระทั่งรถกู้ชีพ รพ.บ้านบึง ไปถึงที่เกิดเหตุนำตัวเด็กหญิงขึ้นรถนำตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาล ขณะนี้ทราบว่าอยู่ในการดูแลของแพทย์และอาการดีขึ้นตามลำดับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของผู้ปกครองที่เฝ้าลุ้นระทึกหวังให้ลูกหลานของตัวเองปลอดภัย โดยได้แสดงความดีใจ และขอบคุณตำรวจบ้านบึงที่เป็นเหมือนฮีโร่ให้การช่วยเหลือช่วยชีวิตเด็กหญิงในครั้งนี้

“ต้องชื่นชม ร.ต.ต.ประวัฒน์ ที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ เป็นแบบอย่างที่ดีของตำรวจในการทำหน้าที่ช่วยเหลือดูแลประชาชนให้พ้นภัย และที่สำคัญมีทักษะความรู้ด้านการทำ CPR กู้ชีพซึ่งเป็นทักษะ ความรู้ที่ตำรวจทุกนายต้องมี เพื่อสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างถูกวิธี” ผบช.ภ.2 กล่าว 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เด็กมักเที่ยวเล่นน้ำ คลายร้อน และพบว่าช่วงเวลานี้ของทุกปี มีสถิติเด็กจมน้ำจำนวนมาก จึงขอให้ผู้ปกครองดูแลใส่ใจกวดขันเด็กในการดูแลของท่านเป็นพิเศษ มิให้ไปเล่นน้ำในพื้นที่เสี่ยงอันตราย น้ำลึก เชี่ยว ควรมีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ห่วงยาง เสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัย และอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่อยู่เสมอ ทั้งนี้หากมีเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือให้โทรหาตำรวจได้ที่ โทร.191 ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมดูแล ประชาชนด้วยความเต็มใจ

ปิด โครงการ 'แด่น้องผู้มีความหวัง' ปีที่ 32 

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.68) น.อ.หญิง อัญชลี  ลี้พูลทรัพย์ หน.กลุ่มงานรังสีวิทยา ผู้แทน ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ร่วมพิธีปิด โครงการ “แด่น้องผู้มีความหวัง” ปีที่ 32

โดยมี พล.ร.ต.นิรัตน์ ทากุดเรือ รอง ผบ.นย. เป็นประธาน ณ อาคารมะรีนฮอลล์ ศฝ.นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี 

จีนปัดข่าวเจรจาภารกิจสันติภาพกับยูเครนในบรัสเซลส์ ยืนยันหนุนแนวทางการทูต หวังยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

(25 มี.ค. 68) รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานของสื่อที่อ้างว่าคณะนักการทูตจีนกำลังเจรจาในกรุงบรัสเซลส์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพในยูเครน โดยระบุชัดว่าข่าวดังกล่าว “ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง”

นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันจันทร์ว่า “จุดยืนของจีนต่อวิกฤตการณ์ในยูเครนนั้นมีความชัดเจนและสอดคล้องกันมาโดยตลอด” พร้อมยืนยันว่าจีนยังคงสนับสนุนแนวทางทางการทูตและการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักข่าวหลายแห่งรายงานว่าคณะนักการทูตจีนได้หารือกับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปเกี่ยวกับบทบาทที่เป็นไปได้ของจีนในภารกิจรักษาสันติภาพในยูเครน

อย่างไรก็ตาม จีนได้ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวอย่างเด็ดขาด พร้อมเน้นย้ำถึงการสนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาทางการทูต แทนที่จะมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหาร

การตอบโต้อย่างชัดเจนของจีนสะท้อนถึงความพยายามของปักกิ่งในการรักษาภาพลักษณ์ความเป็นกลางในสงครามยูเครน ซึ่งเป็นท่าทีที่จีนดำเนินมาตลอดนับตั้งแต่การรุกรานของรัสเซียเริ่มต้นขึ้น ในขณะที่หลายประเทศตะวันตกเรียกร้องให้จีนมีบทบาทที่ชัดเจนขึ้นในการยุติความขัดแย้ง

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวของจีนสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งในการรักษาความสัมพันธ์กับทั้งรัสเซียและชาติตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จีนต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจจากนานาชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top