Wednesday, 11 June 2025
ค้นหา พบ 48711 ที่เกี่ยวข้อง

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้เติบโตไม่หยุด กวาดรายได้ปี 2567 แตะ 576,000 ล้านหยวน

(24 มี.ค. 68) สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า เซี่ยงไฮ้สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2567 สูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 576,000 ล้านหยวน (ราว 2.67 ล้านล้านบาท) สะท้อนถึงการฟื้นตัวและเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างแข็งแกร่ง

รายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เดินทางมาเยือนเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของจีน ซึ่งขึ้นชื่อด้านสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น หอไข่มุกตะวันออก (Oriental Pearl Tower), ถนนนานจิง (Nanjing Road), ย่านเดอะบันด์ (The Bund), และสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์

นอกจากนี้ นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางการจีน รวมถึงมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับบางประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยังช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมาก 

ข้อมูลระบุว่าในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่เซี่ยงไฮ้มากกว่า 300 ล้านคน ทั้งจากภายในประเทศและจากนานาชาติ 

โดยรายงานจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระบุว่า การเติบโตของการท่องเที่ยวเรือสำราญในจีนยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ผ่านมา การขยายตัวของการท่องเที่ยวทางเรือสำราญได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

ส่งผลให้เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงยังคงเป็นเมืองที่มีความสำคัญในวงการการท่องเที่ยวทางเรือ และคาดว่าในอนาคตท่าเรือสำราญในจีนจะได้รับการพัฒนาและขยายเพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้จะดำเนินต่อไปในปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพัฒนาโครงการท่องเที่ยวใหม่ๆ และการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองหลักๆ ของประเทศ โดยเซี่ยงไฮ้ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลก ด้วยความลงตัวของวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัยที่โดดเด่น

ผู้แทนทรัมป์เผยเคียฟตกลงเลือกตั้งใหม่ พร้อมอ้างว่าผู้นำยูเครนยอมรับ ไม่เป็นสมาชิกนาโต

(24 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สตีฟ วิตคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ผู้พัฒนาและนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก ที่ดำรงตำแหน่งผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ ทัคเกอร์ คาร์ลสัน นักข่าวชาวสหรัฐฯ 

โดยเปิดเผยว่า เคียฟตกลงที่จะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครน และเสริมว่าผู้นำของประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะสงครามแห่งนี้ (ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี) ก็ตกลงกับเรื่องนี้แล้ว เนื่องจากกำลังตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบากมาก เพราะรัสเซียมีประชากรและมีอาวุธนิวเคลียร์ที่มากกว่า

วิตคอฟฟ์เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี และอันดรีย์ เยอร์มัก หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน ได้ยอมรับเกือบทั้งหมดแล้วว่า ยูเครนจะไม่ได้เป็นสมาชิกของ นาโต (NATO) ในอนาคตอันใกล้

การให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้สะท้อนถึงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงจากผู้นำยูเครน ซึ่งในอดีตเคยหวังที่จะเข้าร่วมกลุ่มนาโตอย่างเต็มที่ เพื่อต่อสู้กับความท้าทายด้านความมั่นคงจากรัสเซียที่ขยายอิทธิพลในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีและเยอร์มักได้ยืนยันว่า ยูเครนจะไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกของนาโตได้ตามที่เคยตั้งใจไว้

“พวกเขา (เซเลนสกีและเยอร์มัก) ได้ยอมรับเกือบทั้งหมดว่า ยูเครนจะไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโตในตอนนี้ และการเปลี่ยนแปลงในเชิงกลยุทธ์นี้เป็นการยอมรับสถานการณ์ปัจจุบัน” วิทคอฟฟ์กล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์กับคาร์ลสัน

การยอมรับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายจากการรุกรานของรัสเซีย และการทำงานร่วมกับนาโตในหลายๆ ด้าน เช่น การสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจ ถึงแม้ยูเครนจะยังคงคาดหวังการสนับสนุนจากนาโตในด้านอื่นๆ แต่การเข้าร่วมเป็นสมาชิกเต็มตัวอาจเป็นเรื่องที่ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน

สถานการณ์ในยูเครนยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงท่าทีนี้อาจมีผลต่อการเจรจาทางการเมืองในอนาคตระหว่างยูเครนและนาโต รวมถึงความสัมพันธ์กับรัสเซียและประเทศพันธมิตรต่าง ๆ

‘ภูมิใจไทย’ ลั่นกลองรบสนามเลือกตั้ง ‘พัทลุง’ เตรียมส่ง ‘บ่าววี’ แสดงเปิดตัว 3 ผู้สมัคร 26 มี.ค. นี้

(24 มี.ค. 68) ยังไม่ทันไก่โห่ แต่พรรคภูมิใจไทยพัทลุงเริ่มเชิดกลองรัวๆแล้ว ในวันที่ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” สส.เขต 8 พรรคภูมิใจไทย นครศรีธรรมราช ต้องเครียดกับการนั่งลุ้นผลคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหา พร้อมส่งหลักฐานว่า มุกดาวรรณ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 26 มีนาคม

แต่ที่พัทลุงในวันเดียวกันกำลังสนุกสนานกับ “วงบ่าววี” และอีก 2-3 วง ถูกว่างจ้างไปเล่นสร้างความสุขสนุกสนานในงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้ง 3 เขตของพัทลุง ซึ่ง 1 คน เป็นคนเก่า อีกสองคนจัดหามาใหม่เพื่อเสริมทัพสู้ศึกกับประชาธิปัตย์ และรวมไทยสร้างชาติ เพราะการเลือกตั้งปี 2566 พรรคภูมิใจไทยเสียหน้าไม่น้อยกับผลการเลือกตั้งที่แพ้ในบ้านทั้ง 3 คน ในบ้านของ ดร.นาที รัฐกิจประการ ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานฯ เป็นสามี

พัทลุงภูมิใจไทยแพ้แบบไม่น่าเชื่อ ในขณะที่นครศรีฯแจ้งเกิดได้ถึง 2 ที่นั่ง คือ ษฐา ขาวขำ เขต 7 และมุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล เขต 8 แถมสุราษฎร์มาอีก 1 ที่นั่ง ถือว่าเจาะฐานเมืองหลวงของประชาธิปัตย์ได้สำเร็จ

ประเด็นปัญหาของพรรคภูมิใจไทยพัทลุง คือ สส.3 คน โดนคดีให้คนอื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทน ทั้ง ดร.นาที รัชกิจประการ ภูมิศิษฐ์ คงมี และฉลอง เทอดวีระพงศ์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกทั้ง 3 คน คนละ 9 เดือน และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต เมื่อถูกจองจำครบกำหนด ทั้งสามเข้าเงื่อนไขพักโทษ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา (ปี 67)

สำหรับ 3 ว่าที่ผู้สมัคร สส.พัทลุงของพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย เขต 1 นาวาเอกดอกเตอร์อธิคุณ คงมี (นามสกุลคุ้น) หรือผู้กองจุน เขต 2 วรท เทอดวีระพงศ์ (นามสกุลคุ้น) ลูกชายของฉลอง เทิดวีระพงศ์ คราวที่แล้วก็ลงสมัครแต่พ่ายแพ้ และเขต 3 เขมพล อุ้ยตยะกุล หน้าใหม่

กล่าวสำหรับ สส.ปัจจุบันของพัทลุง 3 คน ประกอบด้วย เขต 1 สุพัชรี ธรรมเพชร พรรคประชาธิปัตย์ จากบ้านใหญ่ เขต 2 นิติศักดิ์ ธรรมเพชร รวมไทยสร้างชาติ บ้านใหญ่อีกสาย และร่มธรรม ขำนุรักษ์ ทายาททางการเมืองของ “นริศ ขำนุรักษ์” จากพรรคประชาธิปัตย์ โดยสรุปคือ 3 สส.พัทลุง เป็นประชาธิปัตย์ 2 คน รวมไทยสร้างชาติ 1 คน พรรคภูมิใจไทยโดยฤทธิ์เสียบบัตรแทนกันกอดคอกันสอบตกหมด ที่หัวเรือใหญ่ก็โดยแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จด้วย

การเปิดตัวตั้งแต่ไก่โห่ของภูมิใจไทย ทั้ง ๆ ที่ยังมีเวลาอีก 2 ปี (ถ้าไม่ยุบสภา) สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อม เตรียมการ และสู้เต็มที่ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้าในสถานการณ์ที่พรรคกำลังถูกรุมเร้ารอบด้าน ทั้งเขากระโดง สนามกอล์ฟเขาใหญ่ แล้วยังมาถูกขย่มว่าด้วยเรื่องข่าวดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ “ล็อคโหวต สว.” ซึ่งรายชื่อผู้สมัครถูกล็อคไว้ถึง 140 คน เข้าเป้า 138 คน สำรอง 2 คน พรรคภูมิใจไทยจะเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรไม่ทราบ แต่ สว.ที่เคยใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้าประชุมวุฒิสภา ต่างก็พากันว้าวุ่น กระวนกระวายใจกับความคืบหน้าของคดีทั้งในส่วนที่ กกต.ทำเอง ที่เบื้องต้นพบมีมูลแล้วถึง 28 คน ในส่วนของดีเอสไอก็รุกเร้าเข้ามาเก็บข้อมูลผู้ช่วย สว./ผู้เชี่ยวชาญ สว.ด้วย ยิ่งต้องกลัดกลุ้ม ไม่เห็นอาหารแข็งกร้าวเหมือนช่วงแรก ๆ

ต้องติดตามจับตามองก็รุกสนามภาคใต้ของภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้ากับเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น ในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์อ่อนกำลัง แต่พรรคกล้าธรรม เปิดฉากประเดิมสนามในภาคใต้เช่นกัน พรรคกล้าธรรมมี สส.อยู่ 24 คน ทั้งหมดย้ายมาจากพรรคอื่น ยังไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งเองมาก่อนเลย เมื่อสนามภาคใต้เปิด ศึกนี้จึงใหญ่หลวงนัก

แต่สำหรับภูมิใจไทยแล้ว 26 มีนาคมนี้ ลุ้นอนาคตของ “มุกดาวรรณ”ก่อนก็แล้วกัน

‘พล.อ.ประวิตร’ แสดงภาวะผู้นำสอนมวย ‘แพทองธาร’ ประเทศชาติไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือ ชี้ ทำให้ปชช. หนี้ท่วมหัว หุ้นดิ่งเหว ความเชื่อมั่นของประเทศถดถอย ด้าน ‘อิ๊ง’ ลุกย้อน ‘บิ๊กป้อม’ บอก “ที่พูดมาไม่เป็นความจริง”

(24 มี.ค. 68) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป คือการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ผิดพลาดล้มเหลว วันนี้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข อย่างที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทปิดกิจการจำนวนมาก ประชาชนหนี้ท่วมหัว ทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104 % ราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดิ่งเหวในรอบ 3 ปีรัฐบาลไม่มีแนวทางอะไร ที่แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

“ผมพยายามเอาใจช่วยนายกรัฐมนตรีให้แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องคนไทยให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรี เคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้ แต่ปรากฎว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จนจีดีพีของไทยรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน และที่สำคัญ คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ ความเข้าใจ เรื่องเศรษฐกิจ ด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาท ที่ควรอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ไปใช้ แจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและ กองทุนIMF ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่นไม่ได้ผล แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน ถ้านายกรัฐมนตรีได้ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยจะไม่ลำบาก ทุกข์ใจ ในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนเป็นห่วงประเทศชาติอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง คือเรื่องของ MOU 44 ที่วันนี้ท่านพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยง เรื่องการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือ ลูกเรือประมงไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะพากลับประเทศแต่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับ

ในฐานะที่ตนทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิต ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนทราบดีว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในหลายมิติมาก ตนเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์ วันนี้ประเทศชาติไม่ใช่เวที ให้มือสมัครเล่น มาซ้อมมือ

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวต่อว่า การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลพยายามจะผลักดัน มันมีช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องได้อย่างมาก ตนขอย้ำว่า โครงการนี้อันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้ การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆก็ส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจสีเทา และปัญหาอาชญากรรมมากมายอยู่แล้ว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขาดคุณสมบัติตาม รธน.มาตรา 160 ( 4 )(5)ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตลอดจนการปล่อยปละละเลย ให้บุคคลในครอบครัวกระทำการให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน ซึ่งเรื่องนี้ตนขอให้เป็นหน้าที่ตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลเป็นเช่นไร ตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง

“ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่การกล่าวด้วยอคติ แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ สส. พรรคพลังประชารัฐอีก 4 คนจะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป ผมขอขอบคุณ สส.ทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และประชาชนทุกคน ที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ ใจบันดาลแรงในการบริหารประเทศให้สำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังมีแรง ผมเชื่อว่าถ้าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัวพวกพ้อง ผมเชื่อว่าประชาชน จะชื่นชมและยอมรับท่านเอง ขอให้โชคดีครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลัง พล.อ.ประวิตร อภิปรายจบ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า  เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสมาชิกฝ่ายค้านขึ้นมาอภิปรายในประเด็นต่างๆ ต่อจากนี้อีกหลายท่าน ส่วนตัวพยายามจะตอบทุกๆ หัวข้อจะได้มีความสบายใจเกิดขึ้น 

“สำหรับสมาชิกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐผู้อาวุโสเมื่อกี้ตนเองได้ฟังท่านผู้และจับเวลานาฬิกาด้วยตัวเอง ท่านพูดประมาณ 10 นาที และอยากจะบอกว่า ที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่นี้ไม่เป็นความจริงค่ะ” แพทองธาร กล่าว

รัฐมนตรีคลังอังกฤษเผยแผนลดข้าราชการ 10,000 ตำแหน่ง หวังลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ 15%

(24 มี.ค. 68) ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยแผนการปรับลดข้าราชการ 10,000 ตำแหน่ง โดยมีเป้าหมายหลักในการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของภาครัฐลงให้ได้ 15% ภายในระยะเวลาอันใกล้

การประกาศดังกล่าวถือเป็นการดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวิกฤตโควิด-19 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลอังกฤษหวังว่าจะสามารถใช้มาตรการดังกล่าวในการปรับโครงสร้างการบริหารงานภาครัฐเพื่อความยั่งยืนทางการคลังในอนาคต

“เราต้องการทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้สามารถลงทุนในโครงการที่สำคัญและสร้างผลประโยชน์ระยะยาวต่อประชาชน” ราเชล รีฟส์กล่าวในการแถลงข่าว

แม้ว่าการปรับลดข้าราชการจะส่งผลกระทบต่อบางส่วนของภาครัฐ แต่รัฐบาลอังกฤษได้ยืนยันว่าจะมีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่และองค์กรต่างๆ เพื่อรับรองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการภาครัฐ

สำหรับการตัดสินใจนี้ยังสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลอังกฤษในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อและลดภาระหนี้สาธารณะ เพื่อรักษาความสามารถทางการคลังและเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ณ เดือนธันวาคม 2567 มีการคาดการณ์ว่าข้าราชการพลเรือนมีพนักงานประมาณ 547,735 คน ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงพนักงานชั่วคราวและพนักงานชั่วคราว 

โดยมาตรการลดข้าราชการจะเริ่มต้นภายในปีหน้าและรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้เสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างการจ้างงานภาครัฐในช่วงปลายปี 2569 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้รัฐบาลสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะได้รับการจับตามองจากหลายฝ่าย ทั้งในแง่ของผลกระทบต่อข้าราชการและการให้บริการภาครัฐ รวมถึงการทบทวนว่ามาตรการนี้จะมีผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและสังคมอังกฤษในอนาคตอย่างไร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top