Friday, 13 June 2025
ค้นหา พบ 48779 ที่เกี่ยวข้อง

‘แยม ฐปณีย์’ โพสต์เฟซ!! วอนอย่าคุกคามกัน ถ้าเห็นไม่ตรงกัน ให้มาเมนต์ในเพจส่วนตัว

(2 มี.ค. 68) แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวจากำนักข่าว ‘The Reporters’ โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ถ้าเห็นไม่ตรงกันเรื่องอุยกูร์จะส่วนตัวหรือ IO มาเมนต์ในเพจส่วนตัว เพจข่าวได้ค่ะ แต่อย่าคุกคามในเพจร้านอาหารเลยค่ะ อย่าคุกคามกันถึงชีวิต เราก็แค่นักข่าวที่จะกี่รัฐบาลก็เป็นแบบนี้

‘ชวน’ อัด!! ‘ทักษิณ’ ขอโทษเรื่องไฟใต้ไม่พอ สอนมวยลิ่วล้อ นายกฯ ตอบกระทู้เป็นหน้าที่

(2 มี.ค. 68) ที่ห้างสรรพสินค้าสยามสแควร์วัน ปทุมวัน กทม. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตประธานรัฐสภา และอดีตประธานสภาฯ ร่วมงาน “แนวหน้า TALK ครั้งที่ 2” พร้อมกล่าวในหัวเรื่อง “เมื่อคมมีดโกนโบกสะบัด” ตอนหนึ่งว่า ก่อนอื่นตนขอแสดงความเสียใจด้วยความจริงใจ กรณีรถบัสทัศนศึกษาคว่ำที่ จ.ปราจีนบุรี มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตวูบเดียวจำนวนมาก ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของบ้านเรา เป็นตัววัดเรื่องความไม่มีวินัย ความย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมายบ้านเมือง แล้วเรามักพูดว่า ขอให้เป็นกรณีสุดท้าย แต่ก็มีเกิดขึ้นตลอด ทำให้เห็นว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ลามไปถึงการเมือง ความสงบเรียบร้อย ส่วนเรื่องน่ายินดีที่ยังพอมี ท่ามกลางความยากลำบากของบ้านเมือง นั่นคือการที่แต่ละฝ่ายยังคงดำรงความเชื่อมั่นในความดีความถูกต้อง

กรีดลิ่วล้อตบมือชม “นายกฯ อิ๊ง” ตอบกระทู้ ทั้งที่เป็นหน้าที่

นายชวน กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นเรื่องแปลก เพราะนายกรัฐมนตรีเดินทางมาตอบกระทู้ถามในการประชุมสภาฯ ที่แปลกคือเมื่อนายกฯ ตอบกระทู้เสร็จแล้วมีการปรบมือกัน ไม่เคยปรากฏ ตนไม่เคยเห็น เหมือนสร้างวีรกรรมว่า มาตอบกระทู้แล้ว ทั้งที่กระทู้ได้มีการเตรียมกันมาแล้ว จริงๆ แล้วมันเป็นหน้าที่ปกติของการทำงาน ไม่น่ากลัวอะไร จะน่ากลัวสำหรับคนโกง ทุจริต ที่กลัวว่าจะถูกซักถาม ส่วนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า สมัยประชุมที่ผ่านมา การประชุมสภาฯ องค์ประชุมครบ ไม่ล่ม แต่ภายหลังมาทราบว่า สาเหตุที่องค์ประชุมไม่ล่มคือ พรรคการเมืองบางพรรคมีข้อบังคับให้ปรับเงินสมาชิกเป็นหมื่น หากไม่มาเป็นองค์ประชุม แต่ล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา องค์ประชุมรัฐสภาล่มในวาระการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และหมวด 15/1 ที่เขียนขึ้นมาใหม่เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงทำให้สมาชิกหวั่นไหว ไม่กล้าเข้าประชุมไปลงมติ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ระบุโดยสรุปว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการทำประชามติ ถามประชาชนทั้งก่อนแก้ และหลังแก้รัฐธรรมนูญ จึงทำให้สมาชิกกังวลว่า จะไปทำอะไรที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการตามที่ศาลฯ กำหนด อาจจะมีความผิด

ย้ำ กฎหมายดีต้องได้คนดีเป็นผู้ใช้ด้วย

“บ้านเมืองเราปกครองด้วยรัฐธรรมนูญมา 93 ปีแล้ว ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ละฝ่ายโดยเฉพาะ 3 อำนาจคือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการต่างมีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจตามที่กฎหมายกำหนด ช่วงหลังเกิดองค์กรอิสระขึ้นก็มีหน้าที่กำหนดไว้ตามกฎหมายโดยเด็ดขาดเช่นกัน ความสำคัญขององค์กรอิสระจึงมีมาก เป็นส่วนหนึ่งที่จะบอกว่าบ้านเมืองจะไปได้ไม่ได้ตามครรลองความชอบธรรมหรือไม่ รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ว่ากันว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุด แต่ก็ถูกยึดอำนาจและล้มไปในปี 2549 ถ้ามันดีจริง ทำไมล้มไป กฎหมายดีอย่างเดียวไม่พอ ผู้ใช้ต้องดีด้วย สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีมาใช้รัฐธรรมนูญปี 40 ต่อจากตนที่เป็นนายกฯ ก็มีปัญหา ถูกยึดอำนาจปี 49 ด้วย 4 เหตุผล 1.) ทุจริตคอร์รัปชั่นรุนแรง 2.) มีการแทรกแซงองค์กรอิสระจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ 3.) มีความแตกแยกสามัคคี และ 4.) มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ปี 50 ต่อมาจนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยได้เพิ่มข้อความในมาตรา 3 วรรค 2 ว่า องค์กรทั้งหลายต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักนิติธรรม เป็นการย้ำว่า ช่วงการใช้รัฐธรรมนูญปี 40 มีการละเมิดหลักนิติธรรม เป็นที่มาของปัญหาบ้านเมืองหลายเรื่องในขณะนี้ ดังนั้นต้องย้ำให้เคารพกฎหมาย” นายชวน กล่าว

ฟื้นปมกำปั้นเหล็กทุบ “โจรกระจอก” จุดไฟใต้

นายชวน กล่าวต่อว่า ความสำคัญของรัฐธรรมนูญ ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่นายทักษิณ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อช่วงวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา พร้อมกับออกมาขออภัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่เป็นนายกฯ แล้วบริหารผิดพลาดจนเกิดความสูญเสีย ต้องบอกว่าตนลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตั้งแต่ตนยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนมาเป็นสส.สมัยแรก ตนให้ความสนใจกับปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตาม ศึกษาปัญหามาตั้งแต่ต้น และน่าจะเป็นผู้ที่อภิปรายเรื่องเหล่านี้ในสภาฯ มากที่สุด ที่นายทักษิณออกมาขอโทษ มันเกิดจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เปลี่ยนไปในวันที่ 7 เม.ย. 2544 สมัยนายทักษิณเป็นนายกฯ ใหม่ๆ เกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ผู้เสียชีวิต ต่อมานายทักษิณลงพื้นที่ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ สูญเสียในวันที่ 8 เม.ย. 44 พร้อมกับประกาศนโยบายใหม่ กับวาทกรรมที่ว่า เหตุในภาคใต้เป็นเรื่อง “โจรกระจอก” โดยบอกว่า “โจรจริงมีเพียงตัวสำคัญอยู่ 18 คน จัดการเสียเดือนละ 10 คนก็หมด เชื่อว่าตำรวจทำได้ปัญหาทุกอย่างจะเรียบร้อยภายใน 3 เดือน” พร้อมส่งมือเก็บ ลงไปในพื้นที่ จึงเป็นนโยบายเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงเป็นผลมาจนทุกวันนี้

ยุคทักษิณแก้ไฟใต้ 5 ปีเศษใช้ แม่ทัพถึง 7 คน

นายชวน กล่าวต่อว่า กระบวนการเก็บผู้เห็นต่างของรัฐบาล ทำให้เกิดกลุ่ม RKK ชุดลาดตระเวนขนาดเล็ก ที่ก่อตัวกันเพื่อก่อเหตุ จนมาถึงวันที่ 4 ม.ค. 47 เกิดเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาส ถือเป็นเหตุปล้นปืนจำนวนมากที่สุด และที่ใหญ่ที่สุดในยุครัตนโกสินทร์ จากนั้นนโยบายเริ่มไปกันใหญ่ เราเคยมีหน่วยงานที่ในสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และนายกฯ ในขณะนั้นตั้งเอาไว้ ทั้งศอ.บต. สมช. เพื่อคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาในพื้นที่ แต่นายทักษิณไปเปลี่ยนนโยบาย และยกเลิกหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เหล่านี้ เพราะอ้างว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เหมือนจังหวัดชายแดนอื่นทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ ถือเป็นความผิดพลาดในการบริหารอย่างมากจนเตลิดเปิดเปิง คนร้ายก่อเหตุ เจ้าหน้าที่เสียชีวิต นอกจากนี้ในยุคที่นายทักษิณเป็นนายกฯ ช่วงปี 44-49 รวมทั้งสิ้น 5 ปีเศษ มีการเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้มากถึง 7 คน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำงาน ถือเป็นนโยบายผิดพลาด วิธีบริหารก็ไม่ถูกต้อง จนเป็นที่มาทำให้ภาคใต้นองเลือด

ชี้คำขอโทษไม่พอ คนตาย 7.6 พัน บาดเจ็บ 1.4 หมื่นคน

“เมื่อนายทักษิณออกมาขอโทษ แต่ก็ไม่ค่อยบอกความจริงว่า มาจากอะไร ผมจึงนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานำเสนอ ผลเสียหายที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ จำนวนการเกิดเหตุการณ์ 22,928 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 7,670 คน บาดเจ็บ 14,835 ราย เป็นความผิดพลาดในอดีตเกิดจากการไม่ยึดหลักนิติธรรม การยึดหลักนิติธรรมคือต้องให้ศาลตัดสินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายบริหารมีหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด แต่จะลงโทษอย่างไร ศาลต้องตัดสิน ถ้าเรายึดสิ่งนี้ภาคใต้ไม่เกิดวิกฤต แต่ถ้าใช้อำนาจตามอำเภอใจ แล้วแก้ปัญหาตามที่ตัวเองพอใจ ใช้วิธีเก็บ ฆ่า สถานการณ์จึงบานปลาย ถ้าถามผมว่า เหตุการณ์นี้ใครเสียใจที่สุด ก็คือในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะท่านทรงงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 40 ปีมากกว่าอายุราชการเสียอีก เข้าถึงพื้นที่ตั้งแต่ชาวบ้านยังนุ่งผ้าขาวม้า จนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงนองเลือดในพื้นที่ ท่านจึงไม่เสด็จลงพื้นที่อีกเลย ฉะนั้น การแก้ปัญหาต้องยึดหลักนิติธรรม ที่เป็นหัวใจของการปกครองประเทศ กฎหมายไม่ดีต้องแก้ ประเทศกับปัญหาเป็นของคู่กันปกติ แต่ต้องมีองค์กรตามกฎหมายเข้ามาแก้ปัญหา มีการตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตย” นายชวน ระบุ

สูญงบฯ กว่า 5 แสนล้าน จากการใช้นโยบายผิดพลาด

นายชวน กล่าวด้วยว่า ตนยืนยันว่า เหตุร้ายในภาคใต้วันนี้ยังมีอยู่บ่อย เพียงแต่ไม่ปรากฏเป็นพาดหัวข่าวแล้ว ภัยที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในนโยบายยังต้องสูญเสียต่อไป โดยเฉพาะงบประมาณแผ่นดิน ที่ใช้งบฯ ตั้งแต่ยุคนายทักษิณถึงปัจจุบัน จำนวน 500,000 กว่าล้านบาทแล้ว เทียบกับ 7,000 กว่าคนที่เสียชีวิตไปไม่ได้ ความผิดพลาดในนโยบายที่ทำให้เกิดความสูญเสียต่อเนื่อง ประชาชนรู้ว่าคนก่อเหตุเหล่านี้ต้องรับผิดชอบอย่างไร คำขอโทษแค่นี้ไม่พอ ที่บอกว่าเลือกพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเรา จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ตนคิดว่าตอนที่คิดทำเรื่องนี้นึกไม่ถึงวันหนึ่งสิ่งที่ทำไปมันกลายเป็นเรื่องแปลก ไปแกล้งภาคใต้ แต่ไปได้ลูกเขยเป็นคนภาคใต้ มันเป็นไปได้อย่างไร ปัญหาภาคใต้เกิดขึ้นแล้วทำอย่างไรให้ความเสียหายลดลง ขอโทษอย่างเดียวมันไม่พอ ต้องชดเชยให้เขาด้วย เมื่อเราเลือกปฏิบัติไม่พัฒนาภาคใต้ ด้วยการสร้างถนนสายใหม่ไปยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนทำมาตั้งแต่ยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประยุทธ์ เห็นด้วย แต่ยังไม่เป็นรูปธรรม ก็มีโอกาสแล้วที่คนที่มีลูกเขยภาคใต้ จะได้มีโอกาสชดเชยสิ่งที่ได้ทำลงไป เพราะไปแกล้งเขา

การเมืองยังป่วนเพราะการเลือกปฏิบัติ

นายชวน กล่าวว่า วันนี้เรามีปัญหาหลายประการ ทั้งองค์กรอิสระ วุฒิสภาที่เถียงกันว่ามาโดยชอบหรือไม่ เป็นต้นทุนที่ทำให้คนไม่เชื่อถือประเทศเรา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาแบบเลือกปฏิบัติ เราเห็นชัดเจนในสังคม ทำไมไม่เสมอเท่าเทียมกัน ทำไมต้องมีชั้น 14 ทำไมต้องมีพิเศษ ทำไมนักโทษไม่เท่ากัน รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ เราจึงต้องฝากความหวังไว้กับหน่วยงานองค์กร และสส.สภาฯ อย่างพวกตน โดยเฉพาะองค์กรอิสระ ขอช่วยกันเป็นกำลังใจองค์อิสระทั้งหลายซึ่งตามรัฐธรรมนูญหมวด 12 องค์กรอิสระ ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจตามกฎหมายด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงตามดุลยพินิจ แต่ถ้าองค์กรเหล่านี้กลัว เกรงใจ ได้ผลประโยชน์ไม่ดำเนินการตามหน้าที่ ก็จะล้มเหลว เป็นเรื่องน่าเสียใจ เพราะเราใช้ภาษีประชาชนจัดตั้งขึ้นมา ตนขอฝากไปยังองค์กรอิสระทั้งหลาย อย่าลังเลใจ ถ้าเห็นว่าอะไรไม่ถูก อย่าเกรงใจใคร เพราะจะเสียโอกาส มันจะจารึกไว้ว่าในช่วงที่ทำหน้าที่ใครทำดีหรือไม่ดี

เหน็บเจ็บส่งศาลตีความ “นายกรัฐมนตรี” แปลว่าอะไร

“ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ทำให้ประเทศล้าหลัง กฎหมายดี ผู้ใช้ต้องดี ซื่อตรงสุจริต ต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมืองตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่ง แต่การเมืองในยุคปัจจุบันต้องใช้เงิน เป็น ส.ส. ต้องใช้เงิน ถ้ารัฐบาลมาจากเสียงข้างมากที่ซื้อเสียง ครม. ก็ต้องเลี้ยง ส.ส. เป็นที่มาของการทุจริตคอร์รัปชันกระจายไปทั่ว แตะไปทางไหน มองไปทางไหนก็ทุจริต เราจะปล่อยอย่างนี้หรือ พี่น้องได้ประโยชน์สักพันบาทในการเลือกตั้ง แต่ประเทศเสียหายเป็นล้านล้านบาทจากความเลวร้ายของนักการเมืองที่โกงกิน ประชาชนก็ต้องไม่สนับสนุนสิ่งที่ไม่ดีด้วย ตามมาตรา 160 อุตส่าห์เขียนไว้ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เห็นได้ข่าวว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ให้เขาตีความด้วยว่า นายกรัฐมนตรี แปลว่าอะไร” นายชวน กล่าว ทำให้เรียกเสียงปรบมือจากผู้ที่มาร่วมรับฟังเป็นอย่างมาก

ย้อนอดีต!! ‘มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช’ นายกฯ ของไทย เดินทางไปเยือนประเทศจีน ลั่น!! เลื่อมใส ‘ประธานเหมา’ ข้าพเจ้ามิใช่คอมมิวนิสต์ แต่ข้าพเจ้ามาหาเพื่อน

(2 มี.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Nitipat Bhandhumachinda’ โพสต์ข้อความระบุว่า ...

๕๘ นาที ที่พลิกประวัติศาสตร์

จากเหตุการณ์ที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลกเมื่อวานนี้ ทำให้ผมระลึกถึงเรื่องหนึ่งซึ่งเคยเป็นเรื่องที่คอขาดบาดตายมากๆสำหรับผมในวัยเด็ก คือตอนนั้นประเทศเพื่อนบ้านเราฝั่งตะวันออกทั้งแถบเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ อีกทั้งสหรัฐฯซึ่งเคยเป็นกำลังหลักในการต่อต้านลัทธิดังกล่าวในภูมิภาคนี้ ก็เปลี่ยนนโยบายของตน โดยลดและถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งก็ทำให้ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านและกองกำลังคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยเองอย่างที่สุด

ซึ่งวิกฤติดังกล่าวก็ได้สร้างวีรบุรุษที่คนสมัยนี้อาจจำกันไม่ได้หรือไม่เคยได้รับรู้มาก่อน

นั่นคือการหาญกล้าของนายกฯไทยที่ได้กัดฟันเดินทางไปสร้างสานสัมพันธ์กับเจ้าลัทธิคอมมิวนิสต์ที่มีอิทธิพลสูงสุดในย่านนี้ด้วยตนเอง หลังจากที่มีการประสานงานอย่างแข็งขันผ่านนโยบายทางการทูต ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พศ. ๒๕๑๘ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกฯของไทยสมัยนั้นและคณะ ก็เดินทางไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นการไปเยือนของผู้นำไทยเป็นครั้งแรกหลังจากที่จีนเปลี่ยนการปกครอง ในตอนนั้นท่านโจวเอินไหล นายกฯของจีนเองก็กำลังป่วยหนัก แต่ก็ฝืนความเจ็บป่วยมาต้อนรับและร่วมลงนามแถลงการณ์ร่วม สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทยอย่างเป็นทางการ

แต่ทุกๆคนก็ย่อมทราบดีว่าความสำคัญที่สุดก็ยังอยู่ที่ว่าท่านเหมา ประธานใหญ่จะมีท่าทีกับความสัมพันธ์นี้อย่างไร และตอนคณะของไทยเดินทางไปนั้น ก็ไม่ได้มีกำหนดวันเวลาชัดเจนว่า จะได้พบกับท่านเหมาเมื่อไหร่
ซึ่งขณะที่ท่านคึกฤทธิ์และคณะกำลังพบปะชาวเผ่าต่างๆในวันที่ ๒ กรกฎาคมอยู่ดีๆ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งปรู๊ดเข้ามาแล้วบอกว่า ได้เวลาไปพบท่านประธานฯแล้ว

ท่านคึกฤทธิ์ซึ่งตอนนั้นแต่งตัวลำลองก็วิ่งหน้าตื่นกลับไปแต่งตัวใหม่ใส่สูทให้สุภาพ แล้วก็เดินทางอย่างรีบร้อนไปที่นัดพบอย่างรวดเร็ว เมือ่ไปถึงนั้น ท่านก็พบท่านประธานเหมาซึ่ง เป็นชายร่างใหญ่ยืนตะหง่านอยู่ และเมื่อท่านประธานเห็นท่านก็เปล่งเสียงดังคล้ายให้ท่านเดินเข้าไปหา ตอนนั้นล่ามก็ยังมาไม่ถึง ท่านนายกฯเราก็หันไปหาคุณชาติชาย ชุณหะวัณ รมว. ต่างประเทศ ว่าเอาไงดี คุณชาติชายก็บอกว่าเดินเข้าไปเลยครับ ท่านคึกฤทธิ์เล่าในภายหลังว่าเมื่อไปยืนใกล้ๆ ท่านประธานฯก็จับมือมาเขย่าแรงๆและพูดเสียงดังๆ ที่ท่านคึกฤทธิ์เล่าว่า คล้ายเสียงเสือคำราม เมื่อล่ามวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้ว ท่านคึกฤทธิ์ก็ได้รับเชิญให้ไปนั่งข้างๆท่านประธานฯ ซึ่งท่านคึกฤทธิ์ก็เล่าว่าท่านก็นั่งที่ขอบเก้าอี้และประสานมืออย่างนอบน้อม ซึ่งท่านประธานเห็นก็แสดงสีหน้าชื่นชมพอใจ

การสนทนานั้นก็มีความน่าสนใจหลายอย่าง เช่นท่านประธานก็ถามเปิดการสนทนากันตรงๆว่า "ท่านนายกฯ มาหาคอมมิวนิสต์อย่างข้าพเจ้า ไม่รู้สึกกลัวหรือ”

ซึ่งท่านคึกฤทธิ์ก็ตอบได้อย่างชาญฉลาดว่า "“หามิได้ ข้าพเจ้าเลื่อมใสท่านประธานเหมามานานแล้ว ข้าพเจ้ามิใช่คอมมิวนิสต์ แต่ข้าพเจ้ามาหาเพื่อน" และท่านประธานเหมาก็เอ่ยขำๆว่าท่านเป็นผู้ร้ายหมายเลขหนึ่งของโลกเชียวนะ และก็พูดสนทนากันไปเรื่อยๆ ท่านก็บ่นว่านี่ก็ป่วยกระเสาะกระแสะ คงจะใกล้ตายเข้าไปทุกวันแล้ว

ท่านคึกฤทธิ์ก็ตอบขำๆกลับไปว่า "ท่านยังตายไม่ได้นะครับ เพราะโลกยังต้องการผู้ร้ายหมายเลขหนึ่งอยู่"

ซึ่งก็ทำให้ท่านประธานปล่อยก๊ากออกมา สร้างความเฮฮา และชื่นมื่นกันแบบถูกปากถูกคอเป็นที่สุด

ในประเด็นคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่สุดนั้น ท่านประธานก็ให้ข้อคิดไว้ว่า จะปราบปรามลัทธิในประเทศไทย ก็ต้องทำให้ชาวบ้านชาวเมืองเขามีกินมีใช้ อย่าไปกลัวเล คอมมิวนิสต์ จริงๆก็มีไม่กี่คนหรอก ก็ดูซิ ท่านเป็นประธานคอมมิวนิสต์มาตั้งกี่สิบปี ยังไม่เคยเห็นคอมมิวนิสต์ไทย คนไหนมาแสดงความเคารพท่านสักคนเลย ซึ่งท่านคึกฤทธิ์ก็ตอบกลับไปขำๆอีกว่า "ท่านประธานฯอยากพบเจอไหม ผมจะส่งมาให้พบท่านทีละสี่คนเลย" ปรกติท่านประธานเหมาจะใช้เวลาในการพบปะใครสั้นมากๆ แต่ท่านใช้เวลาสนทนาอย่างสนุกสนานอยู่กับท่านคึกฤทธิ์นานกว่าการเจรจากับใครๆ คือใช้เวลาคุยไปหัวเราะไปกันได้ตั้ง ๕๘ นาที

และการพบปะครั้งประวัติศาสตร์นั้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ เป็นการลดแรงกดดันมหาศาลจากการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของประเทศ

และยุติการเสียเลือดเนื้อจากการฆ่าฟันกันเองของคนไทยได้ในที่สุด

ก็อย่างที่บอกนะครับ ผมคงไม่วิจารณ์การพบปะกันของผู้นำประเทศไหนๆที่ใดทั้งนั้น แต่ก็อยากจะเล่าว่า ในประวัติศาสตร์ของชาติเรานั้น มีอัศจรรย์ที่จะมีวีรบุรุษโผล่ขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ อย่างพอเหมาะพอดีต่อทุกสถานการณ์ได้ทุกครั้ง

จริงๆนะครับ

‘สถานทูตจีน’ ชี้แจง!! กรณีส่งตัวชาวจีน 40 คนกลับประเทศ ระบุ!! เป็นการบังคับใช้กฎหมายปกติ และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ

(2 มี.ค. 68) สถานทูตจีนชี้แจงกรณีส่งตัวชาวจีนกลับประเทศ

• สถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่ประเทศไทยส่งตัวชาวจีน 40 คนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายกลับประเทศจีน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการบังคับใช้กฎหมายปกติและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ

• สถานทูตจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการส่งตัวกลับประเทศครั้งนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญาที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าผู้ที่ถูกส่งตัวกลับเป็นผู้ลักลอบเข้าเมือง ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย และการกระทำนี้ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลไทย

• แถลงการณ์ยังตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องการทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังจากถูกส่งตัวกลับประเทศจีน โดยยืนยันว่าจีนเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมายและให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  และมีกลไกการคุ้มครองสิทธิอย่างเข้มงวด

• สถานทูตจีนอธิบายถึงสถานการณ์ในซินเจียงว่ามีการก่อการร้ายและการแทรกแซงจากต่างประเทศในอดีต  แต่ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น  และการกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

• รัฐบาลไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นสักขีพยานการเดินทางกลับประเทศจีนของชาวจีนกลุ่มนี้ และจีนยินดีที่จะเชิญเจ้าหน้าที่ไทยไปติดตามสถานการณ์ในอนาคตเพื่อยืนยันความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของพวกเขา

• สถานทูตจีนเชิญชวนให้บุคคลจากทั่วโลกที่ไม่มีอคติเดินทางไปเยือนซินเจียงเพื่อสัมผัสกับความเป็นจริงด้วยตนเอง  และปฏิเสธข้อกล่าวหาจากต่างประเทศที่กล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง

• ความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย  ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลไทยและจีน  โดยมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและการเมืองระหว่างประเทศ

นายกฯอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ต้อนรับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เมื่อบินมาเจรจาถึงลอนดอน หลังปะทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

(2 มี.ค. 68) ฝูงชนในกรุงลอนดอนต้อนรับ ประธานาธิบดีเซเลนสกี อย่างล้นหลาม เมื่อเขาเดินทางมาเจรจาที่สำนักนายกรัฐมนตรีบนถนนดาวนิง ก่อนประชุมผู้นำยุโรปในวันนี้ ที่ เซเลนสกี จะร่วมประชุมด้วยเพื่อหารือ แผนสันติภาพยูเครน

“ผมหวังว่าคุณคงได้ยินเสียงเชียร์บนท้องถนน นั่นคือประชาชนแห่งสหราชอาณาจักรออกมาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสนับสนุนคุณมากแค่ไหน และเรามุ่งมั่นอย่างที่สุดที่จะยืนเคียงข้างคุณ” สตาร์เมอร์กล่าวกับเซเลนสกีและว่าเขาได้รับ “การสนับสนุนเต็มที่จากทั่วสหราชอาณาจักร”

“เรายืนเคียงข้างคุณตราบนานเท่านาน” นายกฯอังกฤษ ย้ำ 

ด้านเซเลนสกีเผยว่า เขาได้คุย “เรื่องสำคัญและอบอุ่น” กับสตาร์เมอร์ หารือเรื่องเสริมสร้างสถานะยูเครนให้แข็งแกร่ง และได้การรับประกันความมั่นคงที่เชื่อถือได้

ก่อนพบกับนายกฯ อังกฤษเซเลนสกีเพิ่งปะทะคารมกับทรัมป์ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ ( ก.พ.) ทรัมป์ขู่จะเลิกสนับสนุนยูเครน ที่ถูกรัสเซียรุกรานมานานสามปี ร้อนถึงประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสต้องทำหน้าที่เป็นกาวใจคุยกับทั้งสองฝ่ายและเรียกร้องผ่านสื่อให้ใจเย็นๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top