Saturday, 14 June 2025
ค้นหา พบ 48790 ที่เกี่ยวข้อง

จเรตำรวจแห่งชาติ นำทีม ตม. รับตัว 119 คนไทยร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากปอยเปต เตรียมคัดแยกเหยื่อและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกราย

(1 มี.ค.68) เวลา 10.00 น. ที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว  พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เดินทางมารับตัวคนไทยที่เข้าร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการประสานงานกับทางการกัมพูชา รับตัวคนไทยทั้งสิ้น 119 ราย พบมีหมายจับบัญชีม้า 7 ราย เตรียมส่งให้ ตำรวจไซเบอร์ และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินคดี

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากการระดมกวาดล้างขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา แยกเฉพาะคนไทย จำนวน 119 ราย ซึ่งทั้งหมดจะต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายของประเทศกัมพูชาก่อนจะส่งตัวกลับมาที่ประเทศไทยโดนผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเบื้องต้นเพื่อหาข้อบ่งชี้จากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ตามกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism : NRM) ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ หากพบว่ารายใดเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือการบังคับแรงงานก็จะเข้าสู่ขบวนการเหยื่อต่อไป ส่วนรายที่สมัครใจไปเอง หรือ มีหมายจับ ก็จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป โดยจะส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท. และ บช.ก. รับดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง 

ด้าน พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้มีมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองคนเข้า-ออก จุดผ่านแดนทั่วประเทศ โดยเฉพาะคนไทยที่ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งชายแดนฝั่งกัมพูชา และเมียนมา และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพชักชวนให้ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านโดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูง หากประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

📍 ที่อยู่: อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
📞 โทรศัพท์: ติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่
🌐 เว็บไซต์: www.immigration.go.th 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568

ในโลกนี้ 
มีทั้งสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ 
เราจะเป็นทุกข์ เพราะสิ่งที่เรารัก 
และหวงแหนมากทั้งนั้น
สิ่งเหล่านี้ ทุกคนต้องเจอ 
นี่คือแก่นแท้

หลวงปู่แบน ธนากโร

‘เอกนัฏ’ ปิดเกมเร็ว ‘มหากาพย์ วิน โพรเสส’ หลังเรื้อรังกว่า 15 ปี เร่งขนย้ายสารพิษอลูมิเนียมดรอสเสร็จใน 46 วัน เซฟงบประมาณอื้อ

‘เอกนัฏ’ ชม ขรก. - เอกชน ร่วมใจขนย้ายอลูมิเนียมดรอส ‘วิน โพรเสส’ จบภารกิจใน 46 วัน ปิดจ็อบมหากาพย์เรื้อรังกว่า 15 ปี พร้อมวางแนวป้องกันรัดกุม ตัดตอนน้ำปนเปื้อนสารเคมีช่วงหน้าฝน ลั่นเดินหน้าสุดซอยเคลียร์ทุกพื้นที่-ปัญหา

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของการขนย้ายตะกรันอลูมิเนียม หรืออลูมิเนียมดรอส ที่ตรวจพบลักลอบกักเก็บสะสมในพื้นที่โรงงานของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ว่าภายหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งได้เร่งสะสางปัญหา บริษัท วิน โพรเสส จำกัด อย่างต่อเนื่อง จนเห็นผลภายในระยะเวลา 5 เดือน ล่าสุดได้ทำการขนย้ายอลูมิเนียมดรอสที่เป็นกากของเสียอันตรายออกจากพื้นที่จนแล้วเสร็จ แม้เดิมทีจะติดปัญหาในส่วนตัวเลขค่าใช้จ่ายการบำบัดกำจัด รวมค่าขนส่ง ซึ่งสูงถึงประมาณ 1 หมื่นบาทต่อตัน หรือต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างน้อย 70 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมแถลงต่อศาลจังหวัดระยอง ขอเบิกเงินที่ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด วางไว้ต่อศาล จำนวน 4.94 ล้านบาท มาใช้ในการบำบัดกำจัดอลูมิเนียมดรอสราว 7,000 ตัน เป็นลำดับแรก อีกทั้งยังได้ผนึกกำลังภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านกิจกรรม ‘อุตสาหกรรมรวมใจ’ ทำการขนย้ายอลูมิเนียมดรอสไปบำบัดกำจัด ด้วยงบประมาณเพียง 4 ล้านบาทเท่านั้น

นายเอกนัฏ เปิดเผยด้วยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้เริ่มปล่อยรถขนย้ายคันแรกออกจาก บริษัท วิน โพรเสส จำกัด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 โดยกำชับให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมคุมเข้มการขนย้ายอย่างระมัดระวัง รัดกุม เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในทุกขั้นตอน พร้อมเร่งรัดเดินรถขนย้ายเต็มกำลัง กระทั่งสามารถขนย้ายอลูมิเนียมดรอสทั้งหมดแล้วเสร็จ 100% ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม-1 มีนาคม 2568 รวมระยะเวลาเพียง 46 วัน ด้วยรถขนย้าย 225 เที่ยว จำนวนกว่า 5,400 ตัน เร็วกว่ากำหนดเดิมที่คาดการณ์ไว้ 60 วัน

‘กรณี วิน โพรเสส ถือเป็นปัญหาที่สะสมมานานกว่า 15 ปี จนเรามาเร่งสะสาง และเห็นผลใน 5 เดือนที่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งก็ต้องชื่นชมและขอบคุณข้าราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมแรงร่วมใจจนสามารถขนย้ายกากของเสียอันตราย บรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ก่อนจะเข้าสู่ฤดูฝนในปีนี้ ที่สำคัญยังใช้งบประมาณในการขนย้ายและบำบัดกำจัดสุดคุ้มเพียง 3.09 ล้านบาท สามารถลดการใช้งบประมาณของภาครัฐลงได้กว่า 67 ล้านบาท’ นายเอกนัฏ กล่าว

รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมมาตรการรับมือช่วงฤดูฝน โดยบูรณาการความร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตร กำหนดแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองพะวา ในการบล็อกน้ำฝนเพื่อเบี่ยงเบนทางน้ำไม่ให้ไหลหลากผ่านพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสารเคมี รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ซีลคันดินบ่อที่กักเก็บน้ำเสียปนเปื้อน ป้องกันไม่ให้ของเหลวซึมรั่วไหลออกมา ตลอดจนสำรวจและแก้ไขจุดรั่วไหลที่ตรวจพบ ด้วยการนำหินมาเสริมความแข็งแรงแนวคันดิน และนำดินมากลบทับอุดจุดที่รั่วเพื่อเสริมแนวป้องกันการรั่วซึม พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“ผมจะไม่หยุดแค่พื้นที่นี้ จะเดินหน้าเคลียร์ทุกพื้นที่ ทุกปัญหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยจะนำทีมเฉพาะกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม ‘ตรวจสุดซอย’ เฝ้าระวังการประกอบการที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หากตรวจพบจะสั่งการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดอย่างเด็ดขาด เพื่อปั้นภาคอุตสาหกรรมตามนโยบาย ‘สู้ เซฟ สร้าง ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย’ MIND ใช้หัวและใจปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน” นายเอกนัฏ ระบุ

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งหาวิธีจัดการและผู้รับบำบัดกำจัดที่มีศักยภาพในการดำเนินการกับกากของเสียที่เหลือทั้งหมดให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนให้น้อยที่สุด โดยจะใช้บทเรียนการทำงานจากโมเดลการจัดการกากของเสียตกค้างในพื้นที่กรณี บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี รวมถึงโกดัง อำเภอภาชี และบริษัท เอกอุทัย จำกัด ตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเป็นต้นแบบการจัดการกากของเสียที่ตกค้างอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเร่งบำบัดกำจัดกากของเสียที่เหลือในพื้นที่บริษัทฯ ให้เร็วที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างรองบกลาง ปี 2568 จำนวน 40 ล้านบาท ที่จะใช้บำบัดของเสียเคมีวัตถุและเศษซากของเสียที่ถูกไฟไหม้ ประมาณ 4,000 ตัน โดยเฉพาะสารเคมีที่บรรจุอยู่ในถัง IBC และถุงบิ๊กแบ็กที่อยู่นอกอาคารปริมาณ 2,600 ตัน รวมถึงวัตถุอันตรายในบ่อซีเมนต์อีกกว่า 1,400 ตัน ส่วนในปี 2569 อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบ EEC วงเงินงบประมาณ 459 ล้านบาท สำหรับบำบัดของเสียที่เหลือทั้งหมดอีกกว่า 24,300 ตัน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหาอุตสาหกรรม โรงงานเถื่อน โรงงานที่ทำให้เดือดร้อน สามารถแจ้งเรื่องได้ที่แอปพลิเคชันไลน์ ‘แจ้งอุต’ ภายใต้ Traffy Fondue (https://landing.traffy.in.th/?key=gmyeYDBV) เปิดรับเรื่องทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

Harley-Davidson® สร้างปรากฎการณ์ ในงานโมโตจีพีไทยแลนด์ 2025 เปิดตัว Pan America® 1250 ST ใหม่ ในราคา 874,000 บาท

(2 มี.ค. 68) Harley-Davidson กลับมาอีกครั้งที่งานโมโตจีพี ไทยแลนด์ 2025 พร้อมสานต่อตำนาน ในวงการมอเตอร์สปอร์ต 

● โดยเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์สปอร์ต Pan America® 1250 ST รุ่นใหม่ ปี 2025 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเปิดตัวในราคา 874,000 บาท พร้อมให้จองแล้ววันนี้

● โดยรถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ออกแบบเบาะที่นั่งให้ผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งที่พร้อม ควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบาย มาพร้อมกับสมรรถนะรอบด้านจากเครื่องยนต์ Revolution® Max 1250 แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ล้อหน้า 17 นิ้วพร้อมยางสตรีทแบรนด์ชั้นนำ ช่วงล่างและระบบเบรกระดับพรีเมียม ปรับช่วงล่างและตำแหน่งเบาะนั่งใหม่ต่ำลง พร้อมด้วยระบบ ท่อไอเสียน้ำหนักเบาและควิกชิฟเตอร์ 

● นอกจากนี้ ในงานโมโตจีพีไทยแลนด์ 2025 Harley-Davidson ได้นำสุดยอดคอลเลกชัน รถมอเตอร์ไซค์มาจัดแสดง ประกอบด้วยรุ่น Sportster™ S, Pan America Rimba Raid, R2M 2024 Bagger Racing, Street Bob ซึ่งเป็นรุ่นที่ชนะการแข่งขัน Missile Drag 2025, Low Rider™ ST และ Street Glide™

● พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากรถรุ่น CVO™ Road Glide™ หมายเลข 43 ของ James Rispoli และรุ่น Road Glide™ หมายเลข 33 ของ Kyle Wyman ซึ่งแสดงถึงจิตวิญญาณเจ้าแห่งความเร็วในรายการแข่ง King of the Baggers™ และเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

มาพบกับความสนุกแบบนี้ได้ ที่บูธ Harley-Davidson!!

‘ซินเจียงอุยกูร์’ ท่องเที่ยวสุดคึกคัก!! ปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ กว่า 1.6 ล้านล้านบาท

(2 มี.ค. 68) สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน รายงานจำนวนการเดินทางเยือนซินเจียงในปี 2024 ที่ผ่านมาว่าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 300 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบปีต่อปี และรายได้จากการท่องเที่ยวสูงราว 3.55 แสนล้านหยวน (ราว 1.66 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21

อวี๋เจี๋ย รองผู้อำนวยการสำนักฯ กล่าวว่าซินเจียงยังคงพยายามพัฒนาตนเองเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจ ครอบคลุมรอบด้าน และสามารถเข้าถึงได้ยิ่งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการท่องเที่ยวโดยมุ่งพัฒนาจุดหมายท่องเที่ยว รีสอร์ต และเมือง รวมถึงปรับปรุงถนนชมวิวสายหลัก เช่น ทางหลวงตู๋คู่ เป็นเส้นทางขับขี่อัตโนมัติชั้นนำ

ทั้งนี้ การขนส่งที่พัฒนาดีขึ้น รวมถึงเส้นทางบินภายในประเทศ-ระหว่างประเทศ และโครงการถนนชนบทที่ขยายเพิ่มเติม จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางการท่องเที่ยวของซินเจียงยิ่งขึ้น

สำหรับซินเจียง มีภูมิทัศน์ธรรมชาติงดงาม ตั้งแต่ยอดเขาสูงตระหง่าน โกรกธารลึก จนถึงทะเลทรายกว้างใหญ่และทะเลสาบเงียบสงบ กลายเป็นจุดหมายห้ามพลาดสำหรับผู้อยากชื่นชมความมหัศจรรย์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ เช่น ภูเขาเทียนซาน ทะเลสาบซ่ายหลี่มู่ ซากโบราณเจียวเหอ และเมืองเก่าคัชการ์

นอกจากนี้ ยังมี ตรอกลิ่วซิง เมืองอี้หนิง แคว้นปกครองตนเองอีหลี กลุ่มชาติพันธุ์คาซัค สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่มาแรง ซึ่งเป็นย่านที่มีการรวมตัวของผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มานานเกือบ 100 ปี จนมีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว 

โดยปัจจุบันตรอกดังกล่าวมีทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยว นิทรรศการทางวัฒนธรรม การทำงานฝีมือและงานศิลปะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top