Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48929 ที่เกี่ยวข้อง

มาสด้าทุ่ม 5,000 ล้าน!! ดันไทยขึ้นแท่นฐานผลิต B-SUV Mild Hybrid เตรียมผลิต 1 แสนคันต่อปี ส่งออกญี่ปุ่น-อาเซียน-ตลาดโลก

(13 ก.พ.68) นายมาซาฮิโร โมโร (Masahiro Moro) ประธานและซีอีโอของบริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยมาสด้าเตรียมทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์อเนกประสงค์ B-SUV แบบ Mild Hybrid (MHEV) ตั้งเป้าการผลิตที่ 100,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก

แผนการลงทุนครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบไปเมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ Hybrid (HEV) และ Mild Hybrid (MHEV) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2575 นอกจากนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังได้ออกมาตรการส่งเสริมเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตที่นำเทคโนโลยีอัตโนมัติและระบบหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต

นายมาซาฮิโร โมโร เปิดเผยว่า มาสด้ามีประวัติการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 70 ปี และได้ลงทุนสร้างฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากโรงงาน AutoAlliance (AAT) ในจังหวัดระยองเมื่อปี 2538 เพื่อผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงาน Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ในจังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2558 สำหรับการผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ โรงงานเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของมาสด้าและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการลงทุนครั้งล่าสุด มาสด้ามุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือก (xEV) โดยเพิ่มงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทเพื่อผลิต B-SUV Mild Hybrid ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง ลดมลภาวะ และเพิ่มความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รถยนต์รุ่นนี้จะถูกผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังญี่ปุ่น กลุ่มประเทศอาเซียน และตลาดโลก การลงทุนดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มกระบวนการผลิตภายในปี 2570

นอกจากการขยายฐานการผลิต มาสด้ายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายซัพพลายเชนในประเทศเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดยการลงทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้แนวทาง Multi-Solution ของมาสด้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันยาวนานระหว่างบริษัทกับประเทศไทย พร้อมทั้งมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

สสส. ผนึก มสส.-มรพ. จัดนิทรรศการ ‘ศิลปินวัยใส ใส่ใจสุขภาวะ’ โชว์ผลงานศิลปะและสื่อ TikTok ดึงสื่อมวลชนด้านการ์ตูนนิสต์ทำงานร่วมกับสถานบันการศึกษาทั่วประเทศ 

สสส. ผนึก มสส.-มรพ. จัดนิทรรศการ ‘ศิลปินวัยใส ใส่ใจสุขภาวะ’ โชว์ผลงานศิลปะและสื่อ TikTok ดึงสื่อมวลชนด้านการ์ตูนนิสต์ทำงานร่วมกับสถานบันการศึกษาทั่วประเทศ ปั้นศิลปินตัวน้อยสู่เยาวชนนักสื่อสารสุขภาวะ ป้องกันปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ-สังคม

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2568 ที่ Palette Artspace (ชั้น 4) ทองหล่อ กรุงเทพฯ มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน (มรพ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดตัว นิทรรศการ : ศิลปินวัยใส ใส่ใจสุขภาวะ เพื่อแสดงผลงานศิลปะของเด็กเยาวชนในประเด็นลดปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ พนัน และอุบัติเหตุ จัดแสดงระหว่างวันที่ 13-18 ก.พ. 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น. ที่ Palette Artspace  (ชั้น 4) ทองหล่อ กรุงเทพฯ มีผลงานทั้งภาพวาดการ์ตูนไทย และสื่อ TikTok รณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยง

​น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (สสส.) ประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การสื่อสารสู่การหลอมรวมสื่อ (Convergence Media) ในทุกรูปแบบ ส่งผลให้แพลตฟอร์มออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลักที่ดึงให้เด็กเยาวชนเข้าสู่กับดักของสินค้าที่ทำลายสุขภาพและสิ่งเสพติดมากขึ้น ทั้งบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า พนันออนไลน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สสส. ในฐานะองค์กรขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม จึงให้ความสำคัญการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้อันตรายจากปัจจัยเสี่ยง โดยสานพลังร่วมกับภาคีเครือข่ายสุขภาพ และเครือข่ายสื่อมวลชน นักการ์ตูนนิสต์ เครือข่ายละครเพื่อการเรียนรู้ และสถาบันการศึกษา มาร่วมออกแบบผลงานศิลปะและสื่อ TikTok เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กเยาวชนให้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง ถือเป็นเป็นมิติใหม่ของการทำงานรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ในโทษภัยของสิ่งเสพติดและปัจจัยเสี่ยงทางสังคมเรื่องพนันและความปลอดภัยทางถนน

​นายอภิวิชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) กล่าวว่า มสส. ได้ขยายการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน (มรพ.) เพื่อเชื่อมประเด็นการทำงานเชิงประเด็นและเทคนิคการสร้างสรรค์และผลิตสื่อศิลปะการ์ตูน โดยนักการ์ตูนนิสต์ชื่อดัง ทั้งเซียไทยรัฐ (นายศักดา แซ่เอียว), พี่ขวดเดลินิวส์ (นายณรงค์ จรุงธรรมโชติ), ครูอ๋า เก่งคิดเก่งวาด (นายสิทธิพร กุลวโรตตมะ) ฯลฯ  เพื่อร่วมงานผ่านกิจกรรมค่าย We Win Wow ชนะมาร-ชนะใจ พัฒนากระบวนการเรียนรู้วิชาชนะมาร (เหล้า บุหรี่ พนัน) ให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ในพื้นที่การทำงานของเครือข่ายละครเพื่อการเรียนรู้ชนะมารของ มรพ. ใน 5 ภาค คือ ภาคเหนือ - อุตรดิตถ์, ภาคใต้ - สงขลา, ภาคตะวันออก - ชลบุรี, ภาคคะวันออกเฉียงเหนือ - โคราช และภาคกลาง - กรุงเทพฯ โดยภูมิรู้ด้านปัจจัยเสี่ยงและเทคนิคการสร้างงานศิลปะ จะเป็นสารตั้งต้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กนักเรียนเติบโตเป็นพลเมืองที่มีสุขภาวะที่ดีของสังคม

​นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์พนัน (มรพ.) กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงในเด็กเยาวชน พบว่าทั้งเรื่องเหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และพนันออนไลน์ ล้วนเป็นธุรกิจสีเทา ที่พุ่งเป้ามาที่เด็กและเยาวชนเพื่อดึงให้เป็นนักดื่ม นักสูบ นักเล่นหน้าใหม่ ทดแทนกลุ่มลูกค้าเดิมที่อาจได้รับผลกระทบจนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินไปแล้ว ซึ่งการจัดกิจกรรมค่าย We Win Wow ใน 5 ภาค เมื่อเดือนต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นการฉีดวัคซีนความรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และพนันออนไลน์ให้นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ กว่า 50 แห่ง สอนเทคนิคการทำสื่อรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงในสาขาการวาดการ์ตูน และการผลิตคลิปสั้น TikTok ผลงานทั้งหมดถือเป็นพลังเสียงเล็ก ๆ ที่ส่งเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ถึงผู้ใหญ่ของบ้านเมืองว่า “ขอสังคมที่ปลอดภัย ปลอดปัจจัยเสี่ยง” ให้พวกเขาได้เติบโตอย่างมีอนาคต

ดร.ศิวัช บุญเกิด รองปลัดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี หนึ่งในพื้นที่ต้นแบบที่ มรพ. ได้มีการลงพื้นที่ไปจัดค่าย We Win Wow กล่าวว่า เครือข่ายโรงเรียนและครูในสังกัดเมืองพัทยาให้ความสำคัญการมีส่วนร่วมสร้างภูมิรู้เท่าทันให้กับเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากปัญหายาเสพติดและปัจจัยเสี่ยง ตามมาตรการโรงเรียนปลอดภัยเมืองพัทยา (Safety School) โดยส่งเสริมการศึกษาให้เยาวชนมีศักยภาพในการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาท้องถิ่นและบริบทของสังคมปัจจุบัน เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี สร้างภูมิรู้เท่าทันการลดปัจจัยเสี่ยงทุกมิติ ทั้งเหล้า-บุหรี่-พนัน ที่แฝงมากับช่องทางสื่อออนไลน์และข่าวลวง (Fake News) ทั้งนี้ ความร่วมมือกับ สสส. เครือข่ายภาคีด้านสุขภาพ และเครือข่ายรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยง ร่วมเป็นพันธมิตรให้พัทยาเดินทางไปสู่เป้าหมาย Smart City เมืองน่าอยู่และปลอดภัยได้

นายศักดา แซ่เอียว (เซียไทยรัฐ) การ์ตูนนิสต์ วิทยากรหลัก ในการสร้างผลงานนิทรรศการในครั้งนี้ กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาวะในเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในประเด็นปัจจัยเสี่ยง ผู้ใหญ่ไม่ควรไปสอนเด็กตรง ๆ แต่ควรเป็นเปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ประเด็นปัจจัยเสี่ยงด้วยตนเอง และสร้างเครื่องมือการสื่อสารที่ตนเองเข้าใจและมีความรู้ด้วยตนเอง ผ่านผลงานศิลปะและสื่อที่ผลิตออกมา เพราะเด็กบางคนที่เข้าร่วมกิจกรรมก็มีประสบการณ์ตรงในการสูญเสีย หรือได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยเสี่ยง จึงมีการสื่อสารออกมาได้ตรงประเด็น สร้างสรรค์ และมีเสน่ห์ น่าสนใจ”

นครพนม-แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงข่าวทหารพราน 'Seal Stop Safe' สกัดยาเสพติดชายแดน รวบ 3 ผู้หาขนยาไอซ์ 658 กิโลกรัมพร้อมยาบ้ากว่าแสนเม็ด ริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านอำเภอบ้านแพง 

เมื่อวันที่ (12 ก.พ. 68) เวลา 15.00 น. ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 บ้านปากห้วยม่วง ตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) พร้อมด้วยพลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, พลเรือตรีณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง,พันเอกศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 ( ร.3 ), พันเอกอินทราวุธ  ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21,นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 , นายอำเภอบ้านแพง พร้อมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาว สปป.ลาว 3 ราย 

พร้อมตรวจยึดยาเสพติดประเภท 1 ยาไอซ์ จำนวน 16 กระสอบ 658 กิโลกรัม/ก้อน และยาบ้า  58 มัด จำนวน 116,000 เม็ด รถตู้ 1 คัน เรือกีบติดเครื่องยนต์ 2 ลำ ที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านแพงใต้ ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยร้อยโท วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 21 ได้นำกำลังพลหน่วยขึ้นตรงกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากฝั่ง สปป.ลาวเข้ามายังพื้นที่ฝั่งไทยเพื่อนำเข้าสู่พื้นที่ตอนใน บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านแพงใต้ ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพงจึงได้ประสานกำลังกับหน่วยงานฝ่าวความมั่นคงที่เกี่ยวข้องซุ่มเฝ้าตรวจ พบเรือกลีบ จำนวน 2 ลำรถยนต์(รถตู้)จำนวน 1 คันพร้อมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน เป็นชาวสปป.ลาว ประกอบด้วย ท้าวดำ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 16 ปี บ้านนาข่า เมืองคูนคำ แขวงคำม่วน สปป.ลาว-ท้าว ลี (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 17 ปี บ้านทางแยกหลักซาว เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว และท้าวพง อภัยโส อายุ 30 ปี อยู่บ้านดอน เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป. ลาว พร้อมของกลาง 4 รายการ คือยาไอซ์ จำนวน 16 กระสอบ น้ำหนัก 658 กิโลกรัม/ก้อน,ยาบ้า 58 มัด 116,000 เม็ด,เรือกลีบเล็กพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ-รถยนต์ (รถตู้) จำนวน 1 คัน ทางหน่วยได้นำของกลางมาตรวจนับอีกครั้ง ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21

และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสามคนรับสารภาพว่าได้รับค่าจ้าจากนายทุนชาวลาวให้นำของกลางมาส่งที่ฝั่งไทยแลกค่าจ้างคนละ 20,000 บาทก่อนจะมาถูกจับกุมเสียก่อน โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 /ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนาย และทุกภาคส่วน ที่ได้มีการบูรณาการกำลัง ได้ทุ่มเทเสียสละ แรงกายแรงใจ ร่วมกันสกัดกั้น ป้องกันและปราบปราม การลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน ปฏิบัติภารกิจในการเสริมสร้างความมั่นคงป้องกัน/ปราบปราม ต่อการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในทุกภารกิจต่อไป

ซึ่งหลังจากวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดมอบนโยบายปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ในห้วงที่ผ่านมาในพื้นที่ชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2  มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อําเภอชายแดนของจังหวัดนครพนม จำนวน 139 ครั้งผู้ต้องหา 237 ราย โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 16,707380 เม็ด, ไอซ์ 778 กิโลกรัม, เฮโรอีน 67 กิโลกรัม และเคตามีน 320 กิโลกรัม การจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อําเภอ จํานวน 428 ครั้ง ผู้ต้องหา 626 คน โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 74,168,318 เม็ด, ไอซ์ 2,566,308 กิโลกรัม, เฮโรอีน 123.95 กิโลกรัม, เคตามีน 573.83กิโลกรัม, และอื่น ๆ (ยาอี 1,490 เม็ด. happy Water 800 ซอง, ฝิ่น 0.66 กรัม)

ตำรวจเตือนระวังภัยวาเลนไทน์ พร้อมแนะ 3 ข้อป้องกัน 

(13 ก.พ.68) พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า เทศกาล 'วันวาเลนไทน์' หรือวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีประชาชนจำนวนมากถือเป็นโอกาสในการแสดงออกถึงความรัก ซึ่งมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีมักจะใช้โอกาสพิเศษเหล่านี้ก่อเหตุร้าย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง การล่อลวง คุกคามทางเพศ และภัยออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้

กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ 3 ข้อป้องกันภัยช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ดังนี้
1. ระมัดระวังพฤติกรรมเสี่ยง : ขอความร่วมไปยังพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ระมัดระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการออกไปเที่ยวฉลองวันวาเลนไทน์
2. รู้ทันกลลวงที่มากับความรัก : กลลวงของมิจฉาชีพในการหลอกลวงแสวงหาประโยชน์จากประชาชนในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ เช่น หลอกให้รักหวังเอาเงิน ชวนให้เหยื่อวิดีโอคอล หรือถ่ายคลิปลามก บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม แอบอ้างเป็นร้านอาหารต่างๆ จัดโปรโมชั่นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ 
3. ประสานเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง : หากพบการกระทำไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชน หรือเหตุการณ์อาชญากรรมต่างๆ ให้แจ้งเบาะแสข้อมูลข่าวสารให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ ทางสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

นอกจากนี้ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดกำลังสายตรวจออกตรวจตราบุคคลกลุ่มเสี่ยง โดยเน้นพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม การคุกคามทางเพศ แหล่งมั่วสุมของเด็กและเยาวชน พร้อมเน้นย้ำให้สถานบันเทิงและสถานบริการ ต้องไม่ปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการ รวมถึงตรวจสอบการลักลอบจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่เด็กและเยาวชน และสุ่มตรวจหาสารเสพติดในสถานบันเทิงและสถานบริการต่างๆ รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดและเฝ้าระวังตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ พร้อมตรวจสอบและเฝ้าระวังการกระทำผิดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ สื่อลามกอนาจารที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน 

วีซ่าง่าย-เงินเยนอ่อน ดึงนักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยว ยอดเดินทางแซงไทยหลังเจอวิกฤตความปลอดภัย

(13 ก.พ.68) ญี่ปุ่นแซงหน้าไทย กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดตรุษจีนในปีนี้ แซงหน้าประเทศไทยที่เคยเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางจีนช่วงเทศกาลตรุษจีน สาเหตุหลักมาจากนโยบายวีซ่าที่ผ่อนปรนและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ท่องเที่ยว Trip.com ของจีนระบุว่า จำนวนการจองทริปไปญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดยาว 8 วันจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว ตามรายงานของ Japan Today 

นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนยังรวมถึงไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ตามข้อมูลจากบริษัทท่องเที่ยวดังกล่าว  

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกลง ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง และกฎระเบียบด้านวีซ่าที่ผ่อนคลายมากขึ้น South China Morning Post รายงาน  

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ผ่อนปรนเงื่อนไขการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยขยายระยะเวลาสูงสุดของวีซ่าหลายครั้งเข้าออกจาก 5 ปีเป็น 10 ปี และเพิ่มระยะเวลาพำนักสูงสุดของนักท่องเที่ยวแบบหมู่คณะจาก 15 วันเป็น 30 วัน  

ในปีที่แล้ว ประเทศไทยยังครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีน  

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีน หวัง ซิง ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนหลายคนทบทวนแผนการเดินทาง  

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ให้คำมั่นหลายครั้งว่าจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือน แต่ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยก็ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top