Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48929 ที่เกี่ยวข้อง

ประชุมร่วมรัฐสภา ถกวาระแก้รธน.เริ่มแล้ว ‘ไชยชนก’ แจ้งประธานฯ ‘ภท.’ ขอไม่ร่วมพิจารณา ด้าน ‘หมอเปรมศักดิ์’ เสนอญัตติด่วนขอสมาชิกโหวตส่งศาลรธน.ตีความอำนาจหน้าที่

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ (13 ก.พ.68) ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายในฐานะตัวแทนพรรคว่า วาระที่กำลังจะพิจารณาค่อนข้างผิด และขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พรรคภูมิใจไทยจึงขอไม่เข้าร่วมพิจารณา

จากนั้น ประธานรัฐสภา กล่าวว่า นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ได้เสนอญัตติด่วนขอให้รัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 250 วรรคหนึ่ง (2) ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า แน่นอนว่าการเข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะเป็นญัตติด่วนด้วยวาจา แต่ต้องเป็นการยื่นญัตติด่วนด้วยหนังสือ และมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 40 คน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเห็นตัวญัตติ และหากมีการเสนอเพิ่มเติมหรือการบรรจุระเบียบวาระเพิ่มเติมเป็นอำนาจประธานรัฐสภา แต่ต้องแจ้งไม่น้อยกว่าวันประชุม 1 วัน ดังนั้น ระหว่างมีการแจกเอกสารให้สมาชิกพิจารณาเนื้อหา ขอให้พักการประชุม 15 นาที ได้หรือไม่เพื่อให้วิปแต่ละฝ่ายได้หารือกัน   

ขณะที่ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ระเบียบของการเสนอญัตติด่วนตนทราบดี และได้รวบรวมรายชื่อของสมาชิกรัฐสภาทั้งสส.และสว. เนื่องจากเห็นความสำคัญว่าเป็นเรื่องใหญ่จึงควรมีสมาชิกทั้ง 2 สภา โดยรวมรายชื่อกันแล้วเกินกว่า 40 รายชื่อ และเอกสารนั้นเราดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง และท่านสมาชิกที่อภิปรายสักครู่ไม่ต้องห่วงใย ตนเป็นสมาชิกสภามานาน ท่านสมาชิกที่เพิ่งมาใหม่อาจจะมองว่าทำถูกระเบียบหรือไม่ ซึ่งตนเป็นคนมีวุฒิภาวะทำอย่างไรก็ต้องให้ถูกต้องตามระเบียบ รวมถึงตนได้เข้าหารือกับประธานก่อนที่จะเข้าประชุมวันนี้เพื่อทราบว่าการประชุมจะมีการดำเนินการอย่างไร และวันนี้ตนอยากให้การประชุมมีความเรียบร้อยเพราะประชาชนทั่วประเทศกำลังเฝ้ามองเราอยู่ว่าสมาชิกรัฐสภาจะมีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างไร จึงขอให้สมาชิกอย่าได้กังวลเรื่องรายละเอียดญัตติ ตนคิดว่าได้บรรจงเขียนสุดยอดในชีวิตแล้วและคิดว่าขอให้มีการพิจารณาตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่แจกเอกสารแก่สมาชิก จากนั้น เวลา 09.48 น. ได้สั่งพักการประชุม 15 นาที เพื่อให้วิป 3 ฝ่ายหารือร่วมกัน

รฟฟท. จัดโครงการ 'พี่หนูแดงพาน้องนั่งรถไฟไปเปิดโลกกว้าง' เสริมการเรียนรู้ผ่านการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง

(13 ก.พ.68) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด จัดโครงการ CSR 'พี่หนูแดงพาน้องนั่งรถไฟไปเปิดโลกกว้าง ปี 2' เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ผ่านเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ของเด็ก ๆ ในชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า โครงการ 'พี่หนูแดงพาน้องนั่งรถไฟไปเปิดโลกกว้าง' ถือเป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักเรียนและชุมชนในปี 2566 ที่ผ่านมา และในปี 2568 บริษัทฯ มีความยินดีที่จะสานต่อโครงการดีดีอย่างนี้ให้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 จำนวน 100 คน จากโรงเรียนชุมทางตลิ่งชัน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง ได้ทัศนศึกษาโดยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งเริ่มต้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปจนถึงสถานีหลักหก (ม.รังสิต) และเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ อ.คลองห้า จ.ปทุมธานี

โดยการเดินทางในครั้งนี้ เด็ก ๆ จะได้เห็นและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ นอกห้องเรียนผ่านการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนระบบรางที่มีมาตรฐานอย่างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และเด็ก ๆ จะได้สัมผัสการเรียนรู้นอกตำรา ผ่านกิจกรรมที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งมีการจัดแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลากหลายแง่มุม อาทิ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และการศึกษาเรื่องราวของร่างกายมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีการเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาของไทยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีแห่งการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ ต่อไป โดยกำหนดการจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรม 'พี่หนูแดงพาน้องนั่งรถไฟไปเปิดโลกกว้าง ปี 2' ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม โดยไม่เพียงแต่เป็นผู้ให้บริการขนส่งมวลชนระบบรางที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและโอกาสทางการศึกษาของเยาวชน เพื่อเป็นการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคตต่อไปอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ จะดำเนินกิจการเคียงข้างประชาชน และจะมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถ และซ่อมบำรุง รวมทั้งรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมืองอย่างยั่งยืนต่อไป

สหรัฐตัดโอกาสยูเครนเป็นสมาชิกนาโต แถมขอคืนพรมแดนเดิมก็ไม่ได้

(13 ก.พ.68) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ พีต เฮกเซธ ประกาศจุดยืนชัดเจนระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า สหรัฐไม่สนับสนุนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน และเตือนว่าความพยายามของเคียฟในการฟื้นคืนพรมแดนเดิมเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ยาก

เฮกเซธระบุว่า แม้สหรัฐเห็นความสำคัญของการให้หลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน แต่การให้ยูเครนเป็นสมาชิกนาโตนั้น 'ไม่อยู่ในทางเลือก' พร้อมย้ำว่าสหรัฐไม่มีแผนส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการในยูเครนไม่ว่ามติใดจะถูกเสนอขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ เขาเชื่อว่าภาระด้านความมั่นคงของยูเครนควรเป็นหน้าที่หลักของกองทัพยุโรป

นอกจากนี้ เฮกเซธกล่าวถึงความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการผลักดันให้รัสเซียกลับสู่การเจรจาในประเด็นพลังงาน โดยหวังว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สหรัฐต้องการให้ยุโรปร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยูเครน แทนที่จะปล่อยให้สหรัฐเป็นฝ่ายรับผิดชอบหลัก

ในส่วนของงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ เฮกเซธย้ำถึงเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการให้สมาชิกนาโตเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมจาก 2% ของจีดีพีเป็น 5% อย่างไรก็ตาม มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการนาโต เปิดเผยว่าขณะนี้กำลังมีการหารือถึงการขยายสัดส่วนดังกล่าวให้สูงกว่า 3% เป็นเป้าหมายเบื้องต้น

หนุ่มวัย 15 ประสบอุบัติเหตุสมองตายได้สร้างบุญกุศลยิ่งใหญ่ หลังครอบครัวตัดสินใจบริจาคอวัยวะส่งมอบชีวิตใหม่ให้ผู้อื่น

หนุ่มวัย 15 ปี ประสบอุบัติเหตุจนสมองตาย ครอบครัวตัดสินใจบริจาคอวัยวะ เพื่อส่งต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย ที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะ ให้กลับมามีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น

(13 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก 'คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (official)' ได้โพสต์เรื่องราวสุดเศร้า แต่ก็สร้างความประทับใจในเวลาเดียวกัน เมื่อหนุ่มวัย 15 ปี ประสบอุบัติเหตุ แล้วเกิดสมองตาย จึงทำให้ครอบครัวบริจาคอวัยวะ มอบชีวิตใหม่ให้แก่ผู้อื่น นับว่าเป็นกุศลยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้าย

โดย เพจคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุข้อความว่า รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ สร้างสะพานบุญ ผู้ป่วยภาวะสมองตาย รายที่ 41“ส่งต่อ 'ชีวิตใหม่' ให้ผู้อื่นผ่านการบริจาคอวัยวะ”

คุณรัชชานนท์ พรหมเสน อายุ 15 ปี ประสบอุบัติเหตุทางจราจร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้การรักษาอย่างเต็มความสามารถ แต่อาการของโรคทรุดลงตามลำดับ จนในที่สุดทีมแพทย์วินิจฉัยว่า ผู้ป่วยอยู่ใน 'ภาวะสมองตาย' โดยประกาศการเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ในเวลา 02.40 น. 

ทางครอบครัวมีความเห็นร่วมกันว่า มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะทุกส่วนของผู้เสียชีวิต ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์และส่งมอบโอกาสการรอดชีวิตกับผู้ที่รอคอย โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และสภากาชาดไทย จึงได้ประสานงานร่วมกัน เพื่อส่งต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วยที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะ ให้กลับมามีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น 

การบริจาคอวัยวะในครั้งนี้ สามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้ โดยส่งต่ออวัยวะคือ ตับ และ ไต 2 ข้าง 

คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ขอให้ดวงวิญญาณของ คุณรัชชานนท์ พรหมเสน ไปสู่สุคติและสัมปรายภพที่ดี 

ร่วมสร้างความตระหนักรู้ในสังคม เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะว่า นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในมิติใหม่แล้ว ยังช่วยให้กระบวนการทางการแพทย์ในด้านการปลูกถ่ายอวัยวะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และลดเวลารอคอยสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการ

การบริจาคอวัยวะผู้ป่วยภาวะสมองตายนั้น เปรียบเสมือน 'พินัยกรรมอวัยวะ' ถึงแม้ว่าผู้เสียชีวิตจะสมัครใจในการบริจาคอวัยวะ หากญาติไม่ให้ความยินยอม ผู้เสียชีวิตย่อมไม่สามารถบริจาคได้ ดังนั้น ครอบครัวและญาติ จึงเป็นแรงกำลังสำคัญที่จะร่วมกันสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นี้ 

เปิดเส้นทางมรณะ ‘Dunki Route’ ชาวอินเดียนับหมื่น แห่ลอบเข้าอเมริกา-ยุโรป เสี่ยงตายเพื่อฝัน

ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ณ เดือนพฤษภาคม 2024 จำนวนชาวอินเดียโพ้นทะเลทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 35.42 ล้านคน คิดเป็น 2.53% ของจำนวนพลเมืองอินเดียทั้งประเทศราว 1,400ล้านคน โดย 10 ประเทศที่มีชาวอินเดียอาศัยอยู่มากที่สุดไล่เรียงจากมากไปหาน้อยได้แก่ สหรัฐฯ สหรัฐอาหรับฯ มาเลเซีย แคนาดา ซาอุดิอาระเบีย เมียนมา สหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ ศรีลังกา และคูเวต ซึ่งเป็นการนับรวมทั้งผู้ที่ยังคงถือสัญชาติอินเดียและผู้ที่มีเชื้อชาติอินเดียแต่ไม่ได้ถือสัญชาติอินเดียแล้ว

ตัวเลขดังกล่าว น่าจะไม่ได้นับรวมชาวอินเดียที่ลักลอบเข้าประเทศเหล่านี้อย่างผิดกฎหมายอีกจำนวนมาก ซึ่งชาวอินเดียเหล่านั้นได้ลักลอบเข้าประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศตะวันตกด้วยเส้นทางที่เรียกว่า 'Dunki route' แปลได้ว่า 'ทางลาเดิน' คำนี้มีที่มาจากสำนวนภาษาปัญจาบ 'Dunki' นอกจากแปลว่า 'ลา' แล้วยังแปลว่า “กระโดดจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง” เป็นชื่อเรียกเส้นทางที่ที่เด็ก ๆ หนุ่มสาว จากแคว้น Punjab, Haryana และ Gujarat เป็นเส้นทางผิดกฎหมายที่ผู้คนจำนวนมากใช้เพื่อข้ามพรมแดนออกจากอินเดียไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นเส้นทางที่อันตรายด้วยมีความเสี่ยงมากมาย เนื่องจากต้องอดอาหารหลายวัน เดินผ่านป่า ข้ามแม่น้ำและทะเล เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ เส้นทางผิดกฎหมายเหล่านี้ แม้จะว่า มักจะมีภัยคุกคามและจุดจบที่ไม่พึงปรารถนา แต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่เยาวชนที่ต้องการชีวิตที่ดีขึ้นและไล่ตามความฝันแบบอเมริกัน (American dream)

ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ผู้ย้ายถิ่นฐานจากอินเดียประมาณ 42,000 คนข้ามพรมแดนทางใต้โดยผิดกฎหมายระหว่างเดือนตุลาคม 2022 ถึงกันยายน 2023 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมาชาวอินเดียประมาณ 97,000 คนพยายามเข้าสู่สหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายและถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้ง ๆ ที่เส้นทางไปสู่ประเทศต่าง ๆ อย่างผิดกฎหมายนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่เพียงแต่ในแง่ของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายทางการเงินด้วย การเดินทางด้วยลาไปยังสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายระหว่าง 150,000-400,000 รูปี (58,500-156,000) และอาจสูงถึง 700,000 รูปี (273,000) และยิ่งใช้เงินมากเท่าไหร่การเดินทางก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 150,000 รูปีสำหรับโปรตุเกส 250,000 รูปีสำหรับเยอรมนี และ 450,000 รูปีสำหรับสหรัฐอเมริกา

ขั้นตอนแรกของ 'Dunki route' ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากอินเดียไปยังประเทศในละตินอเมริกา เช่น เอกวาดอร์ โบลิเวีย กายอานา บราซิล และเวเนซุเอลา เหตุผลที่เลือกประเทศในละตินอเมริกาเป็นเส้นทางผ่านก็คือการที่ชาวอินเดียจะเข้าประเทศเหล่านี้ได้ง่ายกว่า ประเทศเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้วีซ่าเมื่อเดินทางมาถึง (Visa on arrival) แก่ชาวอินเดียเท่านั้น แต่ผู้ที่ต้องใช้วีซ่าก่อนเดินทางมาถึงก็สามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวในอินเดียได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ นายหน้าที่จัดการการอพยพที่ผิดกฎหมายยังอาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้ซึ่งมี 'ความเชื่อมโยง' กับการค้ามนุษย์ที่ผิดกฎหมาย

เส้นทางอื่น ๆ ในบางกรณี นายหน้าจะจัดเตรียมวีซ่าตรงไปจากดูไบยังเม็กซิโก แต่การเข้าเมืองโดยตรงในเม็กซิโกถือเป็นอันตราย เนื่องจากมีโอกาสที่จะถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ดังนั้น นายหน้าส่วนใหญ่จึงส่งลูกค้าไปยังประเทศในละตินอเมริกาแล้วจึงพาพวกเขาไปที่โคลอมเบีย หลังจากมาถึงโคลอมเบีย ผู้อพยพจะเดินทางเข้าสู่ปานามา ซึ่งเส้นทางต้องข้ามช่องเขาดาริเอน ซึ่งเป็นป่าอันตรายระหว่างสองประเทศ ความเสี่ยง ได้แก่ ขาดน้ำสะอาด สัตว์ป่า และกลุ่มอาชญากร ซึ่งอาจนำไปสู่การปล้นและกระทั่งข่มขืน ในหนึ่งในกรณีที่ถูกรายงานระบุว่า ชาวอินเดียกลุ่มหนึ่งจาก Haryana ถูกขโมยเงิน โทรศัพท์ และแม้กระทั่งเสื้อผ้าและรองเท้า ขณะข้ามป่า พวกเขาต้องเดินเท้าเปล่าท่ามกลางความหนาวเย็นและหิมะ ใช้เวลาเดินทางแปดถึงสิบวัน และหากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นหรือผู้อพยพเสียชีวิต ก็ไม่มีทางที่จะส่งศพกลับบ้านได้

มีเส้นทางอื่นที่ปลอดภัยกว่าจากโคลอมเบีย ซึ่งผู้อพยพจะหลีกเลี่ยงป่าอันตรายในปานามา เส้นทางเริ่มต้นจากซานอันเดรส ซึ่งเรือประมงที่มีผู้อพยพผิดกฎหมายจะมุ่งหน้าไปยังฟิชเชอร์แมนส์เคย์ ซึ่งอยู่ห่างจากซานอันเดรสประมาณ 150 กิโลเมตร จากนั้นจึงเปลี่ยนเรืออีกลำเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังเม็กซิโก จากปานามา ผู้อพยพจะมุ่งหน้าไปยังเม็กซิโกเพื่อเข้าสู่ชายแดนสหรัฐฯ และกัวเตมาลาเป็นศูนย์กลางการประสานงานที่สำคัญในเส้นทางนี้ เม็กซิโกเป็นเส้นทางที่สำคัญในการเดินทาง เนื่องจากต้องหลบซ่อนจากหน่วยงานพิทักษ์ชายแดน พรมแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโกที่ยาว 3,140 กิโลเมตรที่กั้นระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกออกจากกันมีรั้วกั้น ซึ่งผู้อพยพจะต้องกระโดดข้ามไป และผู้อพยพอื่น ๆ อีกจำนวนมากต้องข้ามแม่น้ำริโอแกรนด์ที่อันตราย อย่างไรก็ตาม ผู้อพยพจำนวนมากถูกจับกุมหลังจากข้ามแม่น้ำริโอแกรนด์ แทนที่จะข้ามรั้วหรือเข้ามาทางทะเล

เส้นทางผ่านยุโรป ผู้อพยพจำนวนมากยังเลือกยุโรปแทนที่จะผ่านประเทศในละตินอเมริกา ถึงแม้ว่าการเดินทางผ่านยุโรปไปยังเม็กซิโกจะง่ายกว่า แต่เส้นทางนี้อยู่ภายใต้การควบคุมโดยทางการของประเทศต่าง ๆ อย่างเข้มงวด เริ่มจากการบินจากนิวเดลีไปยังฮังการี ซึ่งพวกเขาจะถูกกักขังในห้องเล็ก ๆ เป็นเวลา 10 วัน และได้รับอาหารเพียงขนมปังและน้ำเล็กน้อยพอประทังชีวิต จากฮังการี พวกเขาบินไปฝรั่งเศส จากนั้นไปเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งเขาถูกขังไว้ในห้องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากบินอีกเที่ยวและนั่งรถบัสเป็นเวลานาน และถูกพาขึ้นรถกระบะพาพวกเขาไปใกล้ชายแดนสหรัฐฯ และข้ามไปยังมลรัฐแคลิฟอร์เนียในที่สุด หากถูกจับกุมจะถูกนำตัวไปที่ศูนย์ซึ่งจะพบกับผู้ลักลอบเข้าเมืองมากมายหลายชาติที่เคยเดินทางในลักษณะเดียวกัน ผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองชาวอินเดียส่วนใหญ่ประมาณ 80% เป็นหนุ่มสาวที่โสด และเข้ามาทางชายแดนเม็กซิโกใกล้รัฐแอริโซนาหลังจากขึ้นเครื่องบินที่ผ่านประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับพลเมืองอินเดีย รายงานในปี 2022 ของสถาบันนโยบายการย้ายถิ่นฐานของสหรัฐฯ (MPI) ได้ระบุว่า “การข่มเหงทางศาสนาและการเมืองต่อผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮินดูที่เพิ่มมากขึ้นในอินเดีย” และ “การขาดการบังคับใช้กฎหมายในประเทศ โอกาสทางเศรษฐกิจ" ยังผลักดันชาวอินเดียเดินทางไปสู่ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายและเส้นทางที่อันตราย แต่การใช้ 'Dunki route' ถือเป็นวิธีการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่นิยมมากที่สุดของผู้ลักลอบเข้าเมืองหนุ่มสาวชาวอินเดีย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top