มาสด้าทุ่ม 5,000 ล้าน!! ดันไทยขึ้นแท่นฐานผลิต B-SUV Mild Hybrid เตรียมผลิต 1 แสนคันต่อปี ส่งออกญี่ปุ่น-อาเซียน-ตลาดโลก
(13 ก.พ.68) นายมาซาฮิโร โมโร (Masahiro Moro) ประธานและซีอีโอของบริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยมาสด้าเตรียมทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์อเนกประสงค์ B-SUV แบบ Mild Hybrid (MHEV) ตั้งเป้าการผลิตที่ 100,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก
แผนการลงทุนครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบไปเมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ Hybrid (HEV) และ Mild Hybrid (MHEV) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2575 นอกจากนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังได้ออกมาตรการส่งเสริมเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตที่นำเทคโนโลยีอัตโนมัติและระบบหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต
นายมาซาฮิโร โมโร เปิดเผยว่า มาสด้ามีประวัติการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 70 ปี และได้ลงทุนสร้างฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากโรงงาน AutoAlliance (AAT) ในจังหวัดระยองเมื่อปี 2538 เพื่อผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงาน Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ในจังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2558 สำหรับการผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ โรงงานเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของมาสด้าและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการลงทุนครั้งล่าสุด มาสด้ามุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือก (xEV) โดยเพิ่มงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทเพื่อผลิต B-SUV Mild Hybrid ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง ลดมลภาวะ และเพิ่มความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รถยนต์รุ่นนี้จะถูกผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังญี่ปุ่น กลุ่มประเทศอาเซียน และตลาดโลก การลงทุนดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มกระบวนการผลิตภายในปี 2570
นอกจากการขยายฐานการผลิต มาสด้ายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายซัพพลายเชนในประเทศเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดยการลงทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้แนวทาง Multi-Solution ของมาสด้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันยาวนานระหว่างบริษัทกับประเทศไทย พร้อมทั้งมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว