Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48951 ที่เกี่ยวข้อง

ส่อง 10 อันดับ ประเทศผลิตกาแฟมากที่สุดในโลก

จากผลพวงของสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างหนักในรอบปีที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ปลูกกาแฟหลัก ๆ ของโลกเผชิญกับภาวะแห้งแล้งส่งผลให้ผลผลิตที่ออกมามีจำนวนลดลงอย่างมาก และทำให้ราคาของเมล็ดกาแฟพุ่งสูงสุดในรอบ 47 ปี

และหากย้อนกลับไปในอดีต ผลผลิตกาแฟส่วนใหญ่นั้นเติบโตในเอธิโอเปียและซูดาน แต่ในปัจจุบันได้กระจายพื้นที่เพาะปลูกกว่า 70 ประเทศ และมีกว่า 50 ประเทศที่มีการส่งออกกาแฟไปทั่วโลก ส่วนประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ผลิตกาแฟมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก อัปเดตล่าสุดมีประเทศใดบ้างไปดูกันเลย

'ฮังการี' จ่อถอดตัว 'อนามัยโลก' หลังสหรัฐฯ-อาร์เจนตินานำร่อง ชี้มหาอำนาจยังเมิน

(7 ก.พ.68) หลังจากสหรัฐฯ และอาร์เจนตินาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ล่าสุด ฮังการีอาจเป็นประเทศถัดไปที่พิจารณาก้าวออกจากองค์กรนี้  

เมื่อวันพฤหัสบดี สำนักงานของนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน แห่งฮังการี เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการถอนตัวจาก WHO โดย เกร์เกย์ กุยยาช รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “หากประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกตัดสินใจออกจากองค์กรระหว่างประเทศ เราก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะเดินตามแนวทางนั้นหรือไม่”  

กุยยาชระบุว่า ฮังการีอาจตัดสินใจอยู่ต่อ หรืออาจเลือกทางอื่น แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง เนื่องจาก “ประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตัดสินใจออกจาก WHO ด้วยความสมัครใจ”  

ในวันเดียวกัน รองประธานสภารัสเซียก็ออกมาสนับสนุนแนวคิดการถอนตัว โดย พีออตร์ ตอลสตอย สมาชิกพรรคสหรัสเซียของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เขียนบน Telegram ว่า “ถึงเวลาตรวจสอบการทำงานของ WHO ในรัสเซียอย่างละเอียด และในระหว่างกระบวนการตรวจสอบ เราควรระงับสมาชิกภาพของรัสเซีย หรือทางที่ดีกว่า เราควรอำลา WHO ไปเลย”  

ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรได้วิจารณ์ WHO ว่าแทรกแซงอธิปไตยของประเทศต่างๆ ถูกจีนครอบงำ และบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 อย่างผิดพลาด อย่างไรก็ตาม เทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยกล่าวต่อที่ประชุมสมาชิกว่า WHO เป็นองค์กรที่เป็นกลางและทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกประเทศทั่วโลก  

“เมื่อประเทศต่างๆ ขอให้ WHO ดำเนินการเกินขอบเขตหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเพื่อสนับสนุนสุขภาพโลก เราก็ต้องปฏิเสธอย่างสุภาพ” เทดรอสกล่าว

เศรษฐกิจไทย 68 โตมากสุด 3.3% อานิสงส์เงิน 1 หมื่น แนะมุ่งสู่ตลาดเฉพาะกลุ่ม รับศึกการค้าทรัมป์ 2.0

(7 ก.พ.68) ธนาคาร HSBC ได้เผยแพร่รายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจเอเชียและไทยในหัวข้อ 'Asia and Thailand Economic Outlook 2025' โดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ และการปรับตัวของเศรษฐกิจจีนที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากภาคการผลิตสู่ภาคการบริโภค

เฟรดเดอริค นอยแมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคเอเชียของ HSBC ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2025 มีโอกาสเติบโตที่ 2.7-3.3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก 3 ประการ ได้แก่

1. การขยายตัวของภาคการส่งออก ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะเมื่อดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่า
2. ภาคการท่องเที่ยวและบริการ ที่ยังคงเป็นจุดแข็งของไทย โดยเฉพาะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ที่แจกจ่ายให้ประชาชนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และยังคงดำเนินการต่อเนื่องในปีนี้

อย่างไรก็ตาม เฟรดเดอริคเตือนว่า ในปี 2026 การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสิ้นสุดลง

HSBC มองว่า ไทยยังมีศักยภาพในการเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยเฉพาะในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้นถึง 50% เทียบกับ 10% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ไทยยังมีโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ EV อุปกรณ์ชิปประมวลผล (Processor) และอุตสาหกรรมเคมี ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างจากประเทศอื่นในอาเซียน เช่น มาเลเซียในด้านเซมิคอนดักเตอร์ หรือเวียดนามในอุตสาหกรรมสิ่งทอ

แม้ไทยจะมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ของภูมิภาค แต่ HSBC ชี้ว่ายังมีข้อจำกัดหลายประการที่ต้องแก้ไข เช่น การลดกฎเกณฑ์การกำกับดูแล การพัฒนาทักษะของบุคลากร การปรับปรุงระบบ Back Office และการสร้างแรงจูงใจเพื่อดึงดูดแรงงานที่มีทักษะสูงจากต่างประเทศ รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์

เฟรดเดอริคยังเตือนถึงความท้าทายสำคัญในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นั่นคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังน่าเป็นห่วง ซึ่งอาจส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศชะลอตัวและกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

HSBC มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2025 มีโอกาสเติบโตได้ถึง 3.3% จากปัจจัยสนับสนุนทั้งภาคส่งออก การท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องแก้ไข ทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพทางการเงินระดับภูมิภาคและการจัดการปัญหาหนี้ครัวเรือน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

โฆษก ตร. ยืนยันสำนักงานกำลังพลยังไม่เคยได้รับหนังสือ หรือมีการประสานขอรับสมัครใจโอนตำรวจ 500 นายไปหน่วยอื่นแต่อย่างใด พร้อมฝากประชาชน การรับสมัครหรือโอนข้าราชการ ให้รับฟังติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ 

(6 ก.พ.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล/โฆษกสำนักงานตำรวจ (ผบช.สกพ./โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีโชเชียลมีเดียแชร์ข้อความมีหนังสือมาที่สำนักงานกำลังพล เพื่อคัดเลือกตำรวจ ยศสิบตำรวจตรี ถึงดาบตำรวจ (ส.ต.ต. - ด.ต.) จำนวน 500 นาย เพื่อโอนย้ายไปหน่วยอื่นนั้น  

ขอเรียนว่า ตนในฐานะ ผบช.สกพ. ที่รับผิดชอบเรื่องกำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่เคยเห็นหนังสือในลักษณะดังกล่าว หรือได้รับการประสานจากหน่วยงานใด ในการจะขอรับสมัครหรือขอโอนตำรวจ 500 นาย ยศ ส.ต.ต.-ด.ต. ไปสังกัดหน่วยอื่นแต่อย่างใด 

 พร้อมฝากพี่น้องประชาชนขอให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะทำการแชร์ หรือส่งต่อ โดยรับข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐโดยตรง บางครั้งหากเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง หรือข่าวปลอม แล้วเกิดความเสียหาย จะมีโทษทางอาญา

ผบ.ตร ชื่นชม 'ทีมตำรวจไทย' ที่สามารถโชว์ผลงานในการแข่งขัน UAE Swat Challenge 2025  ได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงให้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประเทศไทย 

(6 ก.พ.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งทีมปฏิบัติการพิเศษทางยุทธวิธี เข้าร่วมการแข่งขัน ชุดปฏิบัติการพิเศษทางยุทธวิธี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE Swat Challenge 2025  ระหว่างวันที่ 1 - 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 120 ทีม จาก 50 ประเทศทั่วโลก  โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษทางยุทธวิธี เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 3 ทีม แบ่งเป็น ทีมชาย 2 ทีม และทีมหญิง 1 ทีม  ซึ่งในปีนี้ ทีมตำรวจไทย ที่เข้าร่วมแข่งขันสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ติด Top 5 และ Top 10  สุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษระดับโลก

สำหรับการแข่งขัน UAE SWAT CHALLENGE 2025 ทำการแข่งขันทั้งหมด 5 สถานี ประกอบด้วย 1. การช่วยตัวประกัน (Hostage Rescue) , 2. สถานการณ์โจมตี (Assault Event) , 3. ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (Officer Rescue) , 4. การโจมตีอาคารสูง (Tower Assault) และ 5. การผ่านอุปสรรคและสิ่งกีดกั้น (Obstacle Course) 

หลังจากการแข่งขันเสร็จสิ้นผลปรากฎว่า ตำรวจไทย ทีม ROYAL THAI POLICE  A  ได้ลำดับที่ 6 , ทีม ROYAL THAI POLICE B ได้ลำดับที่ 5, ทีม ROYAL THAI POLICE C ได้ลำดับที่ 48  และเป็นที่ 1 ของทีมหญิง ที่เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ 

นอกจากนี้ ผบ.ตร.ชื่นชม 'ทีมตำรวจไทย' นักกีฬา ผู้ฝึกซ้อม และผู้เกี่ยวข้องทุกนาย ที่ทุ่มเทฝึกซ้อม พัฒนาทักษะ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประเทศไทย ได้รับการยกย่องในเวทีระดับโลกอย่างเป็นที่ประจักษ์ โดย 'สุดยอดทีม' จะเป็นกำลังสำคัญ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการทำหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เพื่อดูแลปกป้องพี่น้องประชาชนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top