Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48959 ที่เกี่ยวข้อง

ทรัมป์เซ็นคำสั่งห้ามคนข้ามเพศ แข่งกีฬากับผู้หญิง ย้ำโอลิมปิก 2028 มีแค่นักกีฬาหญิงชายเท่านั้น

(6 ก.พ. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับใหม่ ห้ามนักกีฬาข้ามเพศที่เคยเป็นผู้ชายแข่งขันในรายการกีฬาสำหรับผู้หญิง โดยคำสั่งนี้มีชื่อว่า “Preserving Women’s Sports” หรือ “การรักษาความยุติธรรมในกีฬาสตรี” เพื่อสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในการแข่งขันกีฬาระหว่างผู้หญิง ทรัมป์ระบุว่า นักกีฬาที่เคยเป็นผู้ชายมีโครงสร้างร่างกายและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่แตกต่างจากผู้หญิงโดยธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน และเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมต่อนักกีฬาหญิง

คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที โดยครอบคลุมการแข่งขันกีฬาทุกระดับ ตั้งแต่กีฬาโรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงกีฬาชุมชน นอกจากนี้ ยังให้อำนาจกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ตรวจสอบและดำเนินการกับสถาบันการศึกษาที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ขณะที่หลายองค์กรกีฬาระดับนานาชาติ เช่น สหพันธ์กรีฑาโลก (World Athletics) และสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA) ก็มีกฎหมายห้ามนักกีฬาข้ามเพศที่เคยเป็นผู้ชายแข่งขันในรายการหญิงอยู่แล้ว

ก่อนลงนามในคำสั่งบริหาร ทรัมป์ได้กล่าวปราศรัยว่า “สงครามเพื่อปกป้องวงการกีฬาสตรีได้สิ้นสุดลงแล้ว” พร้อมย้ำว่าในการแข่งขันโอลิมปิกปี 2028 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จะไม่ยอมให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างนักกีฬาชายและหญิงอีกต่อไป นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงนโยบายที่ชัดเจนในการกำหนดเพศในเอกสารราชการและกีฬา โดยระบุว่าเพศจะมีเพียงชายและหญิงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ+ ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ โดยมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและกีดกันนักกีฬาข้ามเพศออกจากวงการกีฬา พวกเขาให้เหตุผลว่า ความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาไม่ได้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ความมุ่งมั่น การฝึกฝน ความพร้อมทางจิตใจ และวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งนักกีฬาข้ามเพศไม่ได้มีข้อได้เปรียบเหนือนักกีฬาหญิงเสมอไป

คำสั่งบริหารฉบับนี้ได้จุดประเด็นถกเถียงในสังคมอเมริกันอีกครั้ง ระหว่างฝ่ายที่ต้องการรักษาความเท่าเทียมในกีฬาสตรี กับฝ่ายที่เรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศและความหลากหลายในวงการกีฬา

ผุดประท้วงใหญ่ทั่วประเทศสกัด 'Project 2025' นโยบายสุดโต่งของทรัมป์ โวยสร้างสังคมขวาจัด

(6 ก.พ.68) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังขยายวงกว้างทั้งในสหรัฐฯ และบนโลกออนไลน์ โดยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากได้ออกมาชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ 'Project 2025' แผนการที่ถูกมองว่าส่งเสริมแนวคิดขวาจัดและคุกคามหลักการประชาธิปไตย

การประท้วงครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แฮชแท็ก #buildtheresistance และ #50501 ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายในการชุมนุม 50 จุด ใน 50 รัฐ ภายในวันเดียว โดยส่วนใหญ่จัดขึ้นที่ศาลากลางของแต่ละรัฐ และบางจุดขยายไปถึงเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ

ผู้ประท้วงได้ใช้ช่องทางออนไลน์อย่างกว้างขวาง ทั้งเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งแจกจ่ายใบปลิวดิจิทัลที่เน้นย้ำถึงความเสี่ยงของ Project 2025 ซึ่งถูกวิเคราะห์ว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่อาจนำไปสู่การรวมอำนาจและทำลายหลักการพื้นฐานของสังคมอเมริกัน ข้อความสำคัญในการประท้วงรวมถึง 'หยุดยั้งลัทธิฟาสซิสต์' และ 'รักษาประชาธิปไตยให้คงอยู่'

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ตั้งแต่เรื่องการค้า การย้ายถิ่นฐาน ไปจนถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้พรรคเดโมแครตและกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยออกมาคัดค้านอย่างแข็งขัน

ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ประชาชนหลายพันคนในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ก็ได้ออกมาเดินขบวนต่อต้านนโยบายการเนรเทศผู้อพยพของทรัมป์ โดยเฉพาะในลอสแอนเจลิส ซึ่งการชุมนุมครั้งนั้นส่งผลให้ทางด่วนสายหลักต้องปิดทำการเป็นเวลาหลายชั่วโมง

การประท้วงครั้งล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงความกังวลของชาวอเมริกันจำนวนมากที่มองว่า Project 2025 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และเป็นภัยคุกคามต่อระบบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ

'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' ประสบผลสำเร็จเจรจาญี่ปุ่นขยายความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรน้ำบาดาลและเทคโนโลยีแหล่งกักเก็บน้ำใต้ดิน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.)  พร้อมด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษาของ รมว. ทส. นายนริศ ขำนุรักษ์ นายธนา ชีรวินิจ คณะทำงาน รมว.ทส. นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว 

นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลและคณะผู้แทนไทย เข้าพบหารือกับนายคัตสุโนริ ทาคาฮาชิ ( Mr. Katsunori Takahashi )รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism: MLIT)เพื่อขยายความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ น้ำใต้ดินและน้ำบาดาล ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

ดร.เฉลิมชัย ได้หารือในหลากหลายประเด็นสำคัญ ตั้งแต่เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (Integrated Water Resources Management: IWRM) การพัฒนาเทคโนโลยีแหล่งกักเก็บน้ำใต้ดิน และการสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพด้านทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะน้ำใต้ดินและน้ำบาดาล ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ น้ำใต้ดิน และน้ำบาดาลของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยต่อยอดการศึกษาและวิจัยเพื่อรองรับความท้าทายด้านทรัพยากรน้ำในอนาคต

ทั้งนี้ นายคัตสุโนริ ทาคาฮาชิ ( Mr. Katsunori Takahashi )รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism: MLIT) ได้นำเสนอการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ น้ำใต้ดิน น้ำพุร้อนและน้ำบาดาลของญี่ปุ่นพร้อมกับตอบรับข้อเสนอในการขยายความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับไทยอย่างกระตือรือร้นและมอบหมายหน่วยงานในสังกัดประสานงานกับกรมน้ำบาดาลโดยทันทีเพื่อดำเนินการตามข้อหารือของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.)

นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของการเยือนญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ในการขยายความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่นในด้านการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรน้ำ น้ำใต้ดินและน้ำบาดาลในภาวะที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Climate Change)ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้งโดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม

‘อ.ปานเทพ’ เผย ‘ทนายเดชา’ ติดต่อขอไกล่เกลี่ย ด้าน ‘สนธิ’ ลั่นไม่ต้องมา ขอเดินหน้าแบบสุดซอย

(6 ก.พ. 68) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในรายการ News Hour ทาง สถานีข่าว NEWS1 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ซึ่งมีการฟ้องร้องกันไปมา โดยระบุว่า ทนายเดชา ซึ่งรู้จักกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้ไหว้วานให้ช่วยเป็นคนกลาง นําพาทนายเดชา เข้าไปขอขมาคุณสนธิ เพื่อจะได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่าง ๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งปรากฏว่า ทางคุณอัจฉริยะได้ปฏิเสธไป เพราะมองว่า เป็นเรื่องของคนสองคน ที่เขาไม่ควรเข้าเกี่ยวข้องด้วย

นายปานเทพ ยังบอกด้วยว่า คุณสนธิ ได้ฝากข้อความหลังจากได้ทราบเรื่องแล้ว โดยระบุว่า ทนายเดชาไม่ต้องมาขมาหรือขอไกล่เกลี่ย เพราะคุณสนธิเขาจะเดินหน้าจัดการสุดซอยอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ถือว่าเป็นความความคืบหน้าของคดีความที่พิพาทกันระหว่างคนสองคนดังกล่าว

ทำเนียบขาวให้อาณาสิทธิ์ 'อีลอน มัสก์' ชี้ขาดผลประโยชน์ทับซ้อนของบริษัทตัวเอง

(6 ก.พ.68) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่เป็นผู้นำในหน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาลภายใต้ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการพิจารณาว่าบรรดาบริษัท บริษัท Tesla, SpaceX, xAI, Neuralink และบริษัทต่างๆ ของเขาเองนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างที่เขามีบทบาทตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางกับธุรกิจของเขาที่เป็นเจ้าของทั้ง 6 บริษัทหรือไม่

คาโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวกล่าวระหว่างการแถลงข่าว กล่าวว่า “ท่านประธานาธิบดีได้รับคำถามนี้ไปแล้วในสัปดาห์นี้ และท่านได้กล่าวว่า หากอีลอน มัสก์พบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับสัญญาหรือเงินทุนที่หน่วยงาน Doge ดูแล เขาจะถอนตัวจากสัญญานั้น และเขาก็ยังคงปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด”  

สำหรับอีลอน มัสก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น 'ลูกจ้างพิเศษของรัฐบาล' และเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เรียกว่ากรมประสิทธิภาพรัฐบาล ( Doge) ซึ่งอยู่ภายใต้กฎระเบียบด้านผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎเหล่านี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว  

มัสก์ วัย 53 ปี เป็นซีอีโอของ SpaceX บริษัทที่มีสัญญารัฐบาลมูลค่าสูงกับองค์การนาซาและกองทัพสหรัฐฯ โดยโครงการปล่อยจรวดของบริษัทอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เคยถูกสอบสวนโดยหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง รวมถึงสำนักงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC)  

“ผมไม่เคยเห็นกรณีไหนที่บุคคลสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองว่าเขามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่” ดร.โดนัลด์ เคตเทิล ศาสตราจารย์กิตติคุณและอดีตคณบดีคณะนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยแมริแลนด์กล่าว “ในความเป็นจริง การกำหนดผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยตนเองก็ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนในตัวมันเองอยู่แล้ว”  

คำสั่งบริหารที่ก่อตั้งหน่วยงาน Doge ได้มอบหมายให้ทีมงานดำเนินการ ปรับปรุงเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของรัฐบาลกลางให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตของรัฐบาล  

นับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้ง มัสก์ได้เร่งดำเนินงานอย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้ทีมงานของ Doge ได้เข้าไปทำงานในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง รวมถึงสำนักงานบริหารงานบุคคล (OPM) สำนักงานบริหารบริการทั่วไป (GSA) และกระทรวงการคลังสหรัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top