Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

จีนเผยแผน 2024-2035 ปฏิวัติระบบ เล็งเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับโลกใน 10 ปี

(19 ม. ค. 68) พรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีจีนได้เผยแพร่ “แผนการสร้างประเทศด้านการศึกษา (2024-2035)” ซึ่งเป็นแผนการที่มีการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานอย่างชัดเจนเพื่อสร้างประเทศที่มีระบบการศึกษาชั้นนำภายในปี 2035 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ด้านการศึกษาจะพัฒนาไปในทิศทางใด?

ตั้งแต่การปฏิรูปและเปิดประเทศมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีได้เผยแพร่เอกสารแผนการพัฒนาในรูปแบบของ “แผนการการศึกษา” ซึ่งในแต่ละช่วงเวลามีความสำคัญในการกำหนดทิศทางของกลยุทธ์ วันนี้แผนการสร้างประเทศด้านการศึกษา (2024-2035) ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการสร้างประเทศที่มีระบบการศึกษาชั้นนำในโลก โดยมีการพัฒนาในหลายด้าน เช่น การพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่สูงขึ้น การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการขยายโอกาสการศึกษาที่หลากหลาย

李永智 (Li Yongzhi) ผู้อำนวยการของ 中国教育科学研究院 (China Academy of Educational Sciences) ได้กล่าวว่า การลดช่องว่างระหว่างพื้นที่ในเมืองและชนบทระหว่างโรงเรียนต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การศึกษามีความสมดุลยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสมดุลทั้งในระดับเทศบาลและระดับจังหวัด ด้านการศึกษาในระดับประถมและมัธยม จะเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับประถม โดยมีการพัฒนาโครงสร้างการศึกษาระดับปฐมวัยในช่วงอายุ 2 ถึง 3 ปี ในระดับการศึกษาปริญญาตรี การขยายจำนวนการรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยและการขยายการผลิตบัณฑิตในสาขาต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนจะมุ่งเน้น แผนการสองขั้นตอนเพื่อสร้างประเทศการศึกษา แผนการนี้ได้กำหนดแผนที่สองขั้นตอนเพื่อบรรลุเป้าหมาย

ภายในปี 2027 จะมีการบรรลุผลสำเร็จในระยะหนึ่งของการสร้างประเทศด้านการศึกษา
ภายในปี 2035 ประเทศจีนจะสร้างการศึกษาที่มีคุณภาพและมีระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก การปฏิรูปที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา แผนการนี้ยังได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหลักที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่มีการขาดแคลนหรือไม่ตรงกับความต้องการของตลาด และการฝึกอบรมบุคลากรที่ไม่เพียงพอในหลายสาขา

ประหารชีวิตชายขับรถพุ่งชน คร่า 35 ชีวิต ปมเหตุอ้างไม่พอใจแบ่งสมบัติหลังหย่าเมีย

(20 ม.ค. 68) สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) รายงานว่า ศาลประชาชนชั้นกลางประจำเทศบาลนครจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ได้ยืนยันตัดสินโทษประหารชีวิตนายฟ่าน เว่ยฉิว วัย 62 ปี ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ส่วนบุคคลพุ่งชนประชาชนภายในศูนย์กีฬาเทศบาลนครจูไห่ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย และบาดเจ็บอีก 43 ราย  

ระบุว่า นายฟ่านขับรถ SUV พุ่งชนประตูศูนย์กีฬา ก่อนเข้าไปขับชนประชาชนที่กำลังออกกำลังกายและเดินสัญจรในบริเวณดังกล่าว สื่อท้องถิ่นหลายแห่งเปิดเผยว่า แรงจูงใจของจำเลยมาจากความไม่พอใจเกี่ยวกับการแบ่งสินสมรสหลังหย่าร้างกับอดีตภรรยา  

ศาลประชาชนระบุว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยถือว่า "เลวร้ายอย่างยิ่ง" ทั้งในแง่แรงจูงใจและวิธีการก่อเหตุ อีกทั้งยังสร้างผลกระทบร้ายแรงและเป็นอันตรายอย่างมากต่อสังคม จึงตัดสินประหารชีวิตนายฟ่านเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยคำตัดสินนี้ได้รับการยืนยันจากศาลฎีกาในกรุงปักกิ่ง  

ในปีที่ผ่านมา จีนเผชิญกับเหตุรุนแรงหลายครั้งที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เช่น การขับรถพุ่งชนประชาชนและการใช้มีดไล่แทงผู้คน เหตุการณ์เหล่านี้เป็นความท้าทายสำคัญด้านความมั่นคงภายในของรัฐบาลจีนในการรักษาภาพลักษณ์ความปลอดภัยของประเทศ

สงขลา-เลือกนายก อบจ.สงขลา “เงินไม่มากามาเป็น” ชาวบ้านขู่  “นายทุน” เงินอยู่กับใคร ให้คนนั้นไปลงคะแนน 

(20 ม.ค. 68) แถม “ลดราคา” จากเสียงละ 500 เป็น 300 ในการเลือกตั้ง ลดราคาการ”ขนคน” ไปฟังการปรายศรัย” จาก 300 เป็น 200 และ 100 ตามสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

ผู้สื่อข่าว ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของการเมืองท้องถิ่น การหาเสียงของ ผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. หรือ สจ. ในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง 10 วันสุดท้าย ก็ที่จะมีการ เข้าคูหาหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ 2568 พบว่า ยังคงเป็นการแข่งขันของ 3 ทีมใหญ่ คือ ทีมพรรคประชาชน ที่มี นายนิรันดร์ จินดานาค เป็น ผู้สมัคร นายก อบจ. หมายเลข 2 นายประสงค์ บริรักษ์ หมายเลข 3 และ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม หมายเลข 5 ซึ่งก่อนหน้านี้ นิดาโพล ได้มีการสำรวจ พบว่า คะแนนของหมายเลข 5 ยังนำหมายเลข 2 และ 3 อยู่ เล็กน้อย แต่ที่น่าสังเกตคืนยังมีผู้ที่ไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครอีกเกือบ ร้อยละ 30 ที่ยังเป็น ตัวแปร ในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ในครั้งนี้

ผู้สื่อข่าว ที่ เกาะติด ความเคลื่อนไหวของ การเลือกตั้งในพื้นที่รายงานว่า ทีมของผู้สมัครเริ่มจัดให้มีเวทีการหาเสียง ในอำเภอรอบนอกของจังหวัดสงขลา เช่น อ.สิงหนคร .สทิงพระ .จะนะ ,นาทวี เพื่อ หาเสียง กับประชาชน โดยบอกถึง นโยบาย ที่จะบริหารท้องถิ่น หากได้รับการเลือกตั้ง  โดย บางทีมยังใช้วิธีการเดิมๆ นั้นคือให้ ผู้สมัคร สจ. ในพื้นที่ ขนคนมาฟังการปราศรัย เพื่อให้เห็นว่ามีประชาชนให้การสนับสนุนจำนวนมาก มีการจ่ายเงินให้ผู้มาฟังปราศรัย ตั้งแต่ หัวละ 100 บาท 200 บาท และ 300 บาท ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การจ่ายเงินให้คนมาฟังการปราศรัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ น้อยกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะอยู่ที่หัวละ 300 บาท ส่วน หัวคะแนน ที่นำคนมาร่วมเวลาจะได้ค่าตอบแทนหัวละ 200 บาท แต่ถึงจะจ่ายไม่มาก ประชาชน ส่วนหนึ่ง ก็ยังคงมาร่วมเวที เพราะสภาพของความยากจน ที่เงิน 100 หรือ 200 บาท ก็มีความหมาย

หัวคะแนน ของทีมใหญ่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า มีการ เก็บรายชื่อ ของผู้มีสิทธิ์ในการลงคะแนนแล้ว โดยมีการ บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ  โดยการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของรายชื่อ และมีการแจ้งให้เจ้าของรายชื่อทราบว่าจะมีการ ซื้อเสียงๆละ 500 บาท หลังจากที่มีการตรวจสอบรายชื่อแล้ว โดยประชาชนส่วนหนึ่ง ยอมที่จะรับ 500 บาท ในการไปใช้สิทธิ์ให้กับ ผู้สมัครที่เป็น หัวหน้าทีม แต่มีส่วนหนึ่งมีการต่อรองว่า ถ้าจ่าย หัวละ 500 บาท จะเลือกผู้ที่สมัคร สจ. ที่เป็นคนในพื้นที่ ที่ชาวบ้านรู้จัก แต่จะไม่เลือก หัวหน้าทีม ที่ตนเองไม่รู้จัก ถ้าจะให้เลือกทั้ง ผู้สมัครนายก อบจ. และผู้สมัคร สจ. ต้องจ่าย 1,000 บาท ในขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีเพียง ทีมเดียว ที่ หัวคะแนน มาเก็บรายชื่อเพื่อ ซื้อเสียง ส่วนทีมอื่นๆ ยังไม่มีการมาติดต่อ ดังนั้นต้องรอก่อนว่าทีมไหนให้ มากกว่า ก็จะเลือกทีมนั้น 

ในขณะเดียวกัน ก็มีการปล่อยข่าวว่า  นายทุนได้นำเงินไปให้กับ ผู้นำท้องถิ่น และ ผู้นำท้องที่ เพื่อใช้ในการซื้อเสียงจากผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ทำให้ ประชาชน ในพื้นที่ ที่ทราบข่าวว่า และ เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าเงินที่ให้ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ไม่ถึงมือชาวบ้าน ก็ให้ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ไปเลือก เจ้าของเงินแทน ส่วนชาวบ้านจะไม่ไปเลือก

และจากการติดตาม ข่าวสารในโซเชียล พบว่า มีการต่อรองว่า ถ้าไม่ได้เสียงละ 1,000 บาท จะไม่ไปใช้สิทธิ์ และหากให้ดีในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำต้องมีการจ่ายให้ประชาชนเสียงละ 2,000 บาท ซึ่งสร้างความฮือฮาในหมู่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังพบว่ามีการลงในโซเซียล ว่าจะไป โนโวต เพราะไม่เชื่อมั้นในผู้สมัครว่าจะทำตามนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชน

รายงานจากแหล่งข่าว ที่ใกล้ชิดกับผู้สมัครแจ้งว่า มีการจ่ายเงินให้ สจ.เขตในทีมๆละ 2 ล้านบาท เพื่อใช้เป็น ปัจจัย ในการ หาเสียงในแต่ละเขตเลือกตั้ง ทั้งในส่วนของ นายก อบจ. และของ สจ. ซึ่งมีการจ่ายไปแล้ว 1 ล้าน ส่วนอีก 1 ล้าน จะจ่ายก่อนสัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ในขณะที่ ผู้สมัคร สจ. ในบางอำเภอ อยู่ระหว่างการ เก็บรายชื่อของประชาชนผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ซึ่งต้องมีการ ซื้อเสียง ตั้งแต่ 10,000 ถึง 13,000 คน  ถ้าต้องจ่ายเสียงละ 1,000 ต่อหัว ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าเขตละ 5 ล้านบาทขึ้นไป จึงมีการต่อรองกับ หัวคะแนน ให้เหลือเสียงละ 500 และ 300 บาท ในบางพื้นที่ เพื่อที่จะไม่ต้องใช้เงินถึง 5 ล้านบาท ในการ เลือกตั้งครั้งนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า บางทีมที่ไม่ใช้เงินในการขนคนมาฟังการปราศรัย จะมีคนมาร่วมเวทีครั้งละ 500 คนขึ้นไป แต่เป็น ประชาชน ที่ตั้งใจมา ส่วนทีมที่มีการ จ่ายเงิน ให้ประชาชนมาร่วมฟังการหาเสียง จะมี ประชาชน มาร่วมฟังการหาเสียง ตั้งแต่ 5,000 -7,000 คน ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า ทุกคนที่มา จะเลือกทีมของผู้มาหาเสียงหรือไม่

ที่น่าสังเกตคือมี 2 ทีมของผู้สมัคร ที่ใช้เครื่องมือของ “โซเชียลมีเดีย” ในการ หาเสียง และมีการ สำรวจคะแนนนิยมเป็นระยะๆ เพื่อการวางแผน ในการ เข้าถึงประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งโดยภาพรวมการ จัดเวทีปราศรัย ทำให้มีเงินสะพัดในแต่ละพื้นที่ ส่วน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ก็ได้รับ อานิสงส์ ในการมีส่วน บริหาร จัดการ การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ และ สุดท้าย เงินจะสะพัดด้วยการ จ่ายซื้อเสียงใน 3 วันสุดท้าย ก่อนวันลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์

แหล่งข่าว กล่าวว่า เงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการ “ซื้อเสียง” มาจาก ธุรกิจบ่อนออนไลน์ ที่เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย และมี นายทุน และ ผู้สมัคร บางคน ที่อยู่ในธุรกิจดังกล่าว และที่เป็นข่าวฮือฮาการเลือกตั้งครั้งนี้คือ มีนักการเมืองบางคน ประกาศที่จะ ล้ม อดีต สจ.ใน อ.นาหม่อม จ.สงขลา เพื่อให้แพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ ทั้งหมดคือภาพรวมของการ เลือกตั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดในครั้งนี้ ซึ่ง ประชาชน ส่วนหนึ่งใน จังหวัดสงขลา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้ กกต.จังหวัดสงขลา ส่ง เจ้าหน้าที่ ออกติดตาม การ ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ที่เกิดขึ้น

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สมุทรปราการ -“อรัญญา” รุกหนัก!! นำทีมแพรกษาก้าวหน้า ลงพื้นที่หาเสียงถนนคนเดินประชาชนจำนวนมากส่งเสียงเชียร์

นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา หมายเลข 1 พร้อมด้วยคณะสมาชิกในนามกลุ่มแพรกษาก้าวหน้า

ลงพื้นที่หาเสียงภายในชุมชนหมู่บ้านรุ่งทวี หมู่บ้านพูลทรัพย์ และปิดท้ายที่ถนนคนเดินในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ โดยมี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียง 

ซึ่งการลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ยังได้พบกับกลุ่มผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ นำโดย นายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ. หมายเลข 1 และผู้สมัคร ส.อบจ. สมุทรปราการ นำโดย นายสมเกียรติ ทองเหลือ ผู้สมัครหมายเลข 2 เขตเลือกตั้งที่ 11 

โดยทางด้าน นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำทีมกลุ่มแพรกษาก้าวหน้าลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่องโดยมีพี่น้องประชาชนในชุมชนต่างมารอให้กำลังใจ พร้อมทั้งชู้ป้ายหาเสียง แจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัคร และชูนโยบายในการบริหารงานและแผนพัฒนาท้องถิ่นของกลุ่มแพรกษาก้าวหน้า ในสโลแกน เคียงข้าง สร้างเมือง สร้างคน

โดยทางด้านนโยบายประกอบไปด้วย ผลักดันการศึกษาคุณภาพสำหรับเด็กท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนทุนการศึกษาและโครงการแลกเปลี่ยน ส่งเสริมหลักสูตรอาชีวะให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ต่อยอดโรงเรียนผู้สูงอายุด้วยหลักสูตรสุขภาพ ด้านเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีปรับปรุงระบบงานเทศบาล พัฒนาระบบข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีของชุมชน

ด้านเศรษฐกิจ ต่อยอดศูนย์ OTOP ด้วยการพัฒนาสินค้า การตลาด สนับสนุนการขายสินค้าออนไลน์ด้วยแพลตฟอร์มเฉพาะ อบรมผู้ประกอบการท้องถิ่นด้านการตลาดและการเงิน 

ด้านคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สีเขียวและปลูกต้นไม้ในชุมชน สร้างสวนสาธารณะให้เป็นพื้นที่ใช้งานสำหรับทุกวัย ส่งเสริมการจัดการขยะครบวงจร 

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชนตามชุมชนต่างๆ ที่มารอให้การต้อนรับ พร้อมทั้ง มอบดอกกุหลาบให้แก่ นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และอวยพรขอให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ 

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง"ซับน้ำตาชาวใต้"จัดงบกว่า 15.5 ล้านบาท ฟื้นฟูหลังน้ำลดผู้ประสบอุทกภัย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังทั้งหลัง และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิต 8 จังหวัดภาคใต้

ระหว่างวันที่ (2 - 20 ม.ค. 68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ ห่วงใยผู้ประสบอุทัยภัยภาคใต้ มอบหมายให้ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์  พร้อมด้วย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ จัดทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 8 จังหวัดภาคใต้ ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด ประกอบด้วย จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา รวมจำนวน 30,200 ชุด ๆ ละ 450 บาท มอบเงินสงเคราะห์กรณีบ้านเรือนที่เสียหายจากอุทกภัย หลังละ12,000 บาท จำนวน 66 หลังคาเรือน และมอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต รายละ 20,000 บาท จำนวน 59 ราย รวมงบประมาณไม่ต่ำว่า 15.5 ล้านบาท โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งมูลนิธิสงเคราะห์ 14 จังหวัดภาคใต้ และ สมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top