Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

สมุทรปราการ-อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีฯ แถลงนโยบายต่อสภาพร้อมดูแลพัฒนาแพรกษาใหม่ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ (20 ม.ค. 68) ภายในห้องประชุม ชั้น 3 เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2568 ภายหลังจากที่ชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีด้วยคะแนนท่วมท้น

โดยนายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีฯ มีความมุ่งมั่น และเป็นความหวังที่จะนำพาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า สร้างคุณภาพชีวิตทีดีเพื่ออนาคตของประชาชนทุกคนในพื้นที่ ภายใต้ความท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจระดับประเทศ การแข่งขันทางการค้าต่างประเทศ ทำให้ต้องปรับปรุงรูปแบบการบริการประชาชนให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้โดยง่ายและมีประสิทธิภาพ 

โดยนโยบายเร่งด่วนที่เทศบาลต้องทำทันทีเพื่อนำความหวังของชาวตำบลแพรกษาใหม่กลับมาให้เร็วที่สุดคือ 1. พัฒนากลุ่มอาชีพให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ 2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรง สะดวก ปลอดภัยตอบสนองทุกชุมชน 3. พัฒนาระบบการศึกษาให้อนาคตของท้องถิ่นมีคุณภาพการศึกษาที่ทันสมัยและเท่าเทียม 4. พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้มีความภาคภูมิใจในตนเอง ดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรีและมีเกียรติ 5. ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 6. ส่งเสริมยกระดับการบริหารประชาชนอย่างรวดเร็ว เป็นธรรมโปร่งใส สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง 7. ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยไร้มลพิษ 8. ส่งเสริมระบบสาธารณะสุขให้สะดวกรวดเร็ว ทั่วถึง ตรงต่อความต้องการของประชาชน 9. พัฒนาเทคโนโลยีให้ประชาชนเข้าถึงโดยง่ายและสร้างโอกาสที่หลากหลาย 10. พัฒนาองค์กรให้ประชาชนมีส่วนร่วม ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสิน เพื่ออนาคตของทุกคน 

สุดท้ายนี้ในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ขอย้ำเจตนารมณ์ในการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ภายใต้การส่งเสริมของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเทิดไว้เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม ให้ทุกสถาบันเป็นกลไกลสร้างคุณธรรมจริยธรรมในการดำรงชีวิตเพื่อเป้าหมายความสงบสุข ร่มเย็นคุณภาพชีวิตที่ดีงามของประชาชนสืบไป

ภายหลังจากนั้น นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีฯ ได้ประดับขีดเครื่องหมายข้าราชการให้กับคณะผู้บริหาร ได้แก่ นายณัฐพล บุญริ้ว นายบุญธรรม อินทรแย้ม และนางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ นอกจากนี้ยังมี พ.จ.อ.พิรภพ แสงเพชร ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี นางสาวมยุรี ทรงวัฒนาสกุล และนายธนกร พลีเกตุ เลขานุการนายกเทศมนตรี โดยมี นายอนุรักษ์ ผ่องโอสถ ปลัดเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ พร้อมด้วย นายภักต์ บุญเสริม ประธานสภาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ นายไพรัตน์ จั่นมุ้ย รองประธานสภาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คณะสมาชิกสภาเทศบาล ทั้ง 18 คน เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง โดยทางด้าน กำนันธนสัน วสันต์ กำนันตำบลแพรกษาใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำกระเช้าพร้อมทั้งดอกกุหลาบ มาร่วมแสดงความยินดีแก่คณะผู้บริหารเพื่อเป็นกำลังใจในการบริหารงานในสมัยต่อไป

‘เอ็มเค’ เปลี่ยนโฉมชื่อสาขาในรอบ 39 ปี สู่ ‘มงคล เรสเรสโตรองต์’ นำร่อง 4 สาขา

(21 ม.ค. 68) จัดใหญ่ เอาฤกษ์รับเทศกาลตรุษจีน เอ็มเคสุกี้ เปลี่ยนโฉมชื่อสาขาสู่ 'มงคล เรสเรสโตรองต์' (MongKol’ restaurants) นำร่องใน 4 สาขา ร่วมต้อนรับเทศกาลใหญ่แห่งปี

มูมาร์เก็ตติ้งร้อนแรงในไทย  “เอ็มเค กรุ๊ป” กับแบรนด์ เอ็มเค สุกี้ ร่วมต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็ง 2568 แบบจัดใหญ่ แปลงโฉมชื่อสาขา ไปสู่ "มงคล เรสเรสโตรองต์" (MongKol’ restaurants) เสริมความมงคลรับเทศกาลตรุษจีน นำร่องใน 4 สาขาแล้ว  

สามย่านมิตรทาวน์
เซ็นทรัล เวสต์เกต
เซ็นทรัล พระราม 9
เซ็นทรัล พระราม 3

สำหรับการเปลี่ยนชื่อร้านสู่ MongKol’ restaurants จึงนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทในรอบ 39 ปีเลยทีเดียว

อีกทั้งในเทศกาล ตรุษจีน ได้ออกชุดพิเศษกับ 5 เซตไหว้เสริมมงคล เพิ่มความเฮง ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัว เนื่องจากในปีก่อนได้ออกชุดพิเศษรับตรุษจีน สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 40,000 ชุด เพิ่มขึ้น 25% โดยประเมินในปีนี้ 2568 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน

สำหรับชุดพิเศษ 5 เซตไหว้ ในปี 2568 ประกอบด้วย

เซต 1 ชุดเป็ดไหว้มงคล มาพร้อมชุดเป็ดย่าง MK เป็ดย่าง กำหนดราคา 750 บาท
เซต 2 ชุดเป็ดไหว้มหามงคล โดยเป็นชุดเป็ดย่าง MK ครบชุดพร้อมเครื่องใน มาพร้อมติ่มซำสุดฮิตทั้งทอดและนึ่ง ทั้งขนมจีบหมู ฮ่อยจ๊อปูจักรพรรดิ เผือกทอด ข้าวอบจักรพรรดิ และซาลาเปาส้มมงคล ซาลาเปาพิเศษเฉพาะเทศกาลตรุษจีน กำหนด ราคา 1,528 บาท

เซต 3 ชุดไหว้ซาแซหมูแดง โดยเป็นชุดซาแซที่เนื้อสัตว์ 3 ชนิดครบถ้วน ทั้งเป็ดย่าง MK พร้อมเครื่องใน, ไก่ต้มมงคลพร้อมเครื่องใน จากข้าวมันไก่ทองคำ ทานกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรไหหลำ และหมูแดงสูตรฮ่องกง สูตรพิเศษย่างแบบฉบับ MK  กำหนด ราคา 1,568 บาท

เซต 4 ชุดไหว้ซาแซหมูกรอบ โดยมีทั้งเป็ดย่าง MK และเครื่องใน, ไก่ต้มมงคลพร้อมเครื่องใน พร้อมหมูกรอบหนาพิเศษที่เป็นเมนูใหม่ล่าสุด  เพื่อเทศกาลตรุษจีนนี้โดยเฉพาะ กำหนดราคา 1,698 บาท

เซต 5 ชุดไหว้พรีเมียมมหามงคล โดยเป็นชุดไหว้พรีเมียม ทั้งเป็ดย่าง MK และเครื่องใน, ไก่ต้มมงคลและเครื่องใน, หมูแดงสูตรฮ่องกง,ขนมจีบหมู, เผือกทอด, ซาลาเปาส้มมงคล, บะหมี่หยกกลาง, ข้าวอบจักรพรรดิ, ฮ่อยจ๊อปูจักรพรรดิ เนื้อปูสูตรเฉพาะ พร้อม ซาลาเปาซิ่วท้อ มาในราคา 2,599 บาท 

นอกจากนี้ได้จัดทำ ‘ชุดสุกี้โชคลาภมั่งมีมังกรมงคล’ เสิร์ฟวัตถุดิบคุณภาพพร้อมความหมายมงคลแบบอลังการบนบัลลังก์มังกร กำหนดราคา 1,099 บาท

ไทม์ไลน์การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของเอ็มเค 

ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา "เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป" มีการปรับโฉมธุรกิจและเปลี่ยนแปลงองค์กรในหลายด้าน ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2566 ได้เปลี่ยนแปลงโลโก้บริษัท (Corporate Logo) เหลือเพียง “M” เพื่อให้สอดคล้องวิสัยทัศน์ธุรกิจที่มุ่ง “เติมเต็มความสุขให้ทุกครอบครัว” หรือ Nourish Happiness in every Family

พร้อมได้แปลงธุรกิจครอบครัว (Family Business) สู่การเป็น “มหาชน” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รองรับการขยายพอร์ตธุรกิจให้มากกว่า ร้านอาหารเอ็มเค สุกี้ เท่านั้น และขยายแบรนด์ในเครือหลากหลาย

ต่อมาในช่วงปลายปี 2567 เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จึงประกาศอย่างเป็นทางการกับการแต่งตั้ง “ทานตะวัน ธีระโกเมน” และ “ธีร์ ธีระโกเมน” ทายาทของ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน" ผู้ก่อตั้งแบรนด์ โดยให้สองทายาท ดำรงตำแหน่งสู่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม 2 คน พร้อมทำงานที่ต้องรายงานตรงต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กับ “ฤทธิ์” กุนซือธุรกิจ อีกทาง

ล่าสุดในปีนี้ 2568 ได้เรียกความสนใจกับการ เปลี่ยนชื่อรับช่วงเทศกาลตรุษจีน สู่ "MongKol’ restaurants" ใน 4 สาขา

ภาพรวมของสาขาของธุรกิจร้านอาหารในเครือ เอ็มเค มีสาขาในประเทศไทย 450 สาขา แหลมเจริญ 45 สาขา และ ยาโยอิ 200 สาขา

MASTER บุกอินโดนิเซีย ปักธงรุกตลาด SEA ผนึกพันธมิตรเสริมความแข็งแกร่งระดับภูมิภาค

MASTER เยือนอินโดนิเซีย ขึ้นเวทีแนะนำธุรกิจ ชี้โอกาส และศักยภาพในความร่วมมือ พร้อมอัปเดตแผนรุกตลาดศัลยกรรมความงามผ่านตัวแทน ตั้งเป้ารุกตลาด SEA ร่วมกับ Lumeo Health 

เมื่อวันที่ (16 ม.ค. 68) ที่ผ่านมา ณ ร้าน Huta Pataran เมือง จาการ์ตาประเทศอินโดนิเซีย นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ CEO บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมด้านความงามในไทยและเอเชียในฐานะ Regional Company ยกทัพเยือนอินโดนิเซีย หลังจับมือเป็นพาร์ตเนอร์ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อพฤศจิกายน ปี 2024 ณ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กรุงเทพฯ ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำการขยายตลาดภูมิภาค เสริมศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เดินหน้าขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมเปิดแผนและเป้าหมาย การผลักดันอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงาม และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ร่วมกับ Lumeo Health โดย Dr.Queencha Chaidy Chief Executive Officer Lumeo Health นำทีมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมร่วมแถลงข่าวตอกย้ำการปักธงรุกตลาดอินโดนิเซียร่วมกัน

“ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในด้านศัลยกรรมความงามและการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงมีการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อ และความนิยมในหัตถการความงามในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ความต้องการบริการขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินโดนิเซีย ที่มีสัดส่วนประชากรสูงเป็นอันดับต้นของ SEA และมีความสนใจในด้านศัลยกรรมความงาม จาก 35 ล้านบาท(1 million USD) ในปี 2023 มาสู่ 175 ล้านบาท (5 million USD) ในปี2024 ที่ผ่านมามาสเตอร์พีชรับลูกค้าอินโดนิเซียมีสัดส่วนเป็น 38% จากลูกค้าต่างประเทศทั้งหมด

“ต่อจากนี้จะเริ่มเห็น MASTER ก้าวเข้าสู่การเป็น "Regional  Company" โดยจะมีความร่วมมือกับ MASTER PARTNER ในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของบริษัทไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแรกสุดที่ผ่านมา MASTER ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ หรือ MOU กับ Lumeo Health ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีความโดดเด่นในฐานะที่ปรึกษาศัลยกรรมความงามและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ที่ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Dr. Queencha Chaidy กล่าวว่า MASTER ดำเนินธุรกิจด้านศัลยกรรมความงามมาต่ออย่างเนื่อง 12 ปี ด้วยมาตรฐานโรงพยาบาล และการบริการมืออาชีพเป็นเบอร์ต้นของประเทศไทย ทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ดำเนินกิจการในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET และการันตีด้วยรางวัลด้านการบริหารจัดการ การบริหารด้านการเงิน จริยธรรมองค์กรอย่างต่อเนื่อง

ด้านศักยภาพเกี่ยวกับศัลยกรรมความงาม ของ รพ.มาสเตอร์พีช น่าจับตา เพราะมอบผลลัพธ์ที่น่าชื่นชม พิสูจน์จากการบอกเล่าและส่งต่อรีวิวจากคนดังหลากหลายวงการ รวมถึงข่าวสารการเติบโตด้านการทำธุรกิจและการตลาดอย่างต่อเนื่องจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นใจ ต่อความสถานะความมั่นคง มีมาตรฐาน สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการศัลยกรรมความงามในประเทศไทย และระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยิ่ง

สำหรับการเติบโตภายในประเทศของ MASTER ถือว่าแข็งแกร่ง โดย MASTER GROUP มีจุดให้บริการมากกว่า 90 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ในทุกภูมิภาค โดยให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการในทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งด้านศัลยกรรมความงาม และการแพทย์เฉพาะทาง ถือเป็นจุดแข็งของเราในการตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

“จากการเยือนไทยในครั้งก่อน Lumeo Health บรรลุข้อตกลงร่วมกันในฐานะพาร์ตเนอร์ เอเจนซี่ และการเยือนอินโดนิเซียของ MASTER ในครั้งนี้ เพื่อแถลงความร่วมมือ ชี้ภาพสะท้อนโอกาส และศักยภาพในตลาดศัลยกรรมความงาม และขยายการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมอัปเดตแผนรุกตลาดศัลยกรรมความงามผ่านตัวแทน

“Lumeo Health มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำงานกับ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ ในนาม โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช และได้รับโอกาสสู่ความร่วมมือด้านตัวแทนขาย รวมถึงการมาเยือนอินโดนิเซีย เพื่อหารือแผนงานในปี 2025 และกระชับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ โดยเชื่อมี่นเป็นอย่างยิ่งว่า แผนงานทุกส่วนที่ได้ทำข้อตกลงเดินหน้าร่วมกัน จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในฐานะมืออาชีพของทั้งสองประเทศ และก้าวสู่การเป็นหนึ่งในระดับภูมิภาค” Dr. Queencha Chaidy กล่าวสรุป

โดยหลังงานแถลงข่าวความร่วมมืออย่างเป็นทางการจบลง Dr.Queencha Chaidy, Mr.Wilson Yanaprasetya และ Mr.Nayoko Wicaksono เป็นเจ้าภาพในการจัดเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ เพื่อสังสรรค์กระชับสัมพันธ์กับ MASTER โดยในงานร่วมด้วยอินฟลูเอนเซอร์ของไทย ไนท์ - ปิยพงษ์ คำมีสว่าง Mister International Thailand 2023 เฟม - ชุติพงศ์ พุทธรักษ์ Mister International Thailand 2024 Top 15 Mister International 2024 เอิร์ธ - กรประภา พลเขต Miss Universe Roi Et 2023 และอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำในแวดวงสังคม และความงามของอินโดนิเซียเข้าร่วมนับร้อย

อดีตทูตอังกฤษเผยวิธีดีลกับ 'ทรัมป์' แนะทิ้งทุกทฤษฎีการทูต พร้อมหมัดเด็ดรับมือ

(21 ม.ค. 68) ในที่สุดโดนัลด์ ทรัมป์ ก็กลับเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สองอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการจับตาของบรรดาชาติเอเชียและตะวันตก ถึงการรับมือด้านนโยบายต่างๆ 

หนึ่งในประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดสหรัฐที่สุดแต่ขณะนี้มีรัฐบาลที่มาจากคนละขั้วการเมืองคือ สหราชอาณาจักร ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ จากพรรคแรงงาน ซึ่งมีแนวคิดฝ่ายซ้าย ขณะที่รีพับลิกันของทรัมป์ค่อนข้างมีนโยบายทางขวาจัด ส่งผลให้นายคิม ดาร์รอค (Kim Darroch) อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหรัฐฯ ระหว่างปี 2016 - 2019 ซึ่งเคยอยู่ในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐสมัยแรกในปี 2017 ได้ออกมาให้คำแนะนำต่อ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ถึงแนวทางการรับมือต่อท่าทีของทรัมป์ในสมัยที่สอง

คิม ดาร์รอค ได้เขียนบทความแนะนำการรับมือของรัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของพรรคแรงงานผ่านเว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน โดยระบุว่า รัฐบาลอังกฤษควรทิ้งทุกตำราการทูตที่รู้มา เพื่อรับมือกับทรัมป์ 2.0 

ดาร์รอคแนะนำแนวทางสำคัญที่รัฐบาลอังกฤษควรใช้ในการจัดการกับการกลับมาของทรัมป์ โดยระบุว่า หากมีการพูดคุยแบบทวิภาคี ควรเน้นการพูดคุยที่กระชับ เข้าประเด็น และนำเสนอแนวคิดของสหราชอาณาจักรที่จะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐอเมริกา มากกว่าที่จะเน้นความสัมพันธ์แบบพิเศษระหว่างสองประเทศในแบบที่อังกฤษนิยมทำมาในอดีต

ดาร์รอค ยกตัวอย่างว่า หากจะพูดคุยเรื่องสหรัฐตั้งภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของยุโรป ควรพูดคุยกับทรัมป์โดยชี้ให้เห็นถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็อาจโน้มน้าวได้ง่ายขึ้น เช่น พูดถึงสินค้าอะไร ภาษีเท่าไร หากเก็บภาษีจะกระทบสหรัฐอย่างไร

ตามคำแนะนำของดาร์รอค หากไปบอกการขึ้นภาษีของสหรัฐจะทำร้ายเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอย่างไร ทรัมป์จะไม่สนใจ คู่เจรจรต้องพยายามโน้มน้าวให้ทรัมป์เห็นว่าการขึ้นภาษีจะทำร้ายอเมริกาอย่างไรจึงจะได้ผล 

ดาร์รอค ยังแนะนำอีกว่า ในยุคทรัมป์ 2.0 ควรหลีกเลี่ยงการตอบโต้กับบรรดาผู้ใกล้ชิดทรัมป์ อาทิ หากเกิดประเด็นปะทะคารมกับอีลอน มักส์ ให้หลีกเลี่ยงการปะทะคารมผ่านโซเชียลมีเดีย โดยดาร์รอคชี้ว่าความคิดเห็นของมัสก์ส่วนใหญ่มาจากความโกรธภายในมากกว่าจะมีผลต่อการเมืองจริงจัง

อดีตทูตอังกฤษ ยังระบุว่า ทรัมป์เป็นคนไม่ชอบการพูดยาวเวิ่นเว้อ หากต้องการโน้มน้าวเขา ควรใช้วิธีการอธิบายให้ตรงประเด็นว่า แนวคิดของคุณจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไร โดยเฉพาะการอธิบายว่าแนวคิดนี้จะช่วยผลักดันนโยบาย “America First” ได้อย่างไร

เขาแนะนำว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เกลียดบทสนทนายืดยาว ถ้าคุณเริ่มพูดอะไรยืดเยื้อเมื่อไหร่ ทรัมป์จะแทรกตัดบทหรือไม่ก็เบือนหน้าหนีทันที แล้วอำนาจต่อรองก็จะหายไปทันที และหากคุณนำเสนอหลายข้อเสนอ ทรัมป์อาจไม่สนใจเลย แต่หากคุณยื่นข้อเสนอที่ไม่มากเกินไป และอธิบายถึงประโยชน์ที่เขาจะได้รับ ก็จะมีโอกาสสำเร็จ

ดาร์รอค ยังให้ความเห็นว่า ในยุคทรัมป์ 2.0  การทูตระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อนจะไม่สามารถใช้ได้ในยุคนี้ ทรัมป์อาจจะเป็นสัญญาณของการฟื้นฟูแนวคิดแบบสร้าง "เขตอิทธิพล" เหมือนที่บรรดาชาติยุโรปเคยทำในในยุคศตวรรษที่ 19 กลับมาใช้ในยุคศตวรรษที่ 21

'ทนายเดชา' ซัดนัว 'ทนายนิด้า' บอกไม่ต้องเผือกเอาตัวเองให้รอดก่อน

(21 ม.ค.68) ‘ทนายเดชา’ โพสต์ซัดนัว ‘ทนายนิด้า’ บอกไม่ต้องเผือกเอาตัวเองให้รอดก่อน ด้านทนายนิด้าสวนคงไม่ได้หมายถึงตน ทนายที่เอาตัวไม่รอดจะเคยชนะคดีทนายเดชาได้อย่างไร

จากกรณีร้อนอย่าง 'แสตมป์' อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และสาวคู่กรณี ซึ่งก่อนหน้านี้หนุ่มแสตมป์ออกมาเผยกลางคอนเสิร์ตว่า ถูกบุคคลหนึ่งตามราวีชีวิตไม่เลิก ภรรยาถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า ก่อนจะไปสู่การฟ้องร้องบนชั้นศาล แม้จะชนะคดีแต่อีกฝ่ายไม่ยอมจบ เพราะถูกคุณพ่อนายพลยศพลตรีของอีกฝ่ายขู่จะยัดคดีทางการเมือง ก่อนที่จะมีการโต้กลับจากหลายฝ่าย ทำเอาชาวเน็ตไทยไม่ได้หลับไม่ได้นอนนั้น โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมายอมรับว่าเคยนอกใจภรรยาจริง และขอโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

อย่างไรก็ตามนอกจากมวยคู่หลักแล้ว มวยคู่รอง ศึกระหว่างทนาย อย่าง ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายชื่อดังและทนายความของ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของคู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ ก็ได้มีการปะทะฝีปากกันบนเฟซบุ๊กเช่นกัน

โดย ทนายนิด้า โพสต์ว่า “เกี่ยวข้องแค่หาง แต่อยากตั้งโต๊ะแถลงข่าว เจ้าของคดีเขาทำมาตั้งนาน ไม่เคยให้สัมสักช่องนึง เอ็นดู” ต่อมา นายเดชา ก็ได้โพสต์ข้อความเช่นกัน ระบุว่า “ผมเป็นทนายความของคู่กรณีคดีแสตมป์ ได้รับมอบหมายจากทนายความเจ้าของสำนวน ลูกความ ให้แถลงข่าว ส่วนทนายความฝ่ายตรงข้าม ไม่ต้องเผือกเอาตัวเองให้รอดก่อน“

ก่อนจะเขียนคอมเมนต์ต่อว่า “เป็นทนายความต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่ต้องเผือกไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามของตัวเอง ควรมีมารยาทบ้างนะครับ ส่วนตัวผมไม่อยากยุ่งกับใคร ได้รับมอบหมายจากลูกความ ให้ทำอะไรก็ทำแค่นั้นแหละจบ หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน ไม่มีหน้าที่ไปรับรองความถูกต้องของใครด้วยครับ”

ต่อมา ทนายนิด้าก็โพสต์อีกครั้งว่า “มีคนส่งมาให้ดู เขาคงเข้าใจว่า ทนายเดอาจจะโพสต์ว่านิด้า แต่นิด้าว่า ทนายเดไม่ได้หมายถึงนิด้าหรอกค่ะ เพราะเขาด่าทนายที่เอาตัวรอดไม่ได้ แต่นิด้าเอาตัวรอดได้ค่ะ ทนายที่เอาตัวไม่รอดจะเคยชนะคดีทนายเดมาได้อย่างไร ถูกมั้ยนะคะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top